To-ra Story : คณะท่องโลกของนายโทระ – ตอนที่ 5 คณะท่องโลก

To-ra Story : คณะท่องโลกของนายโทระ

“เอ่อ…โซโซ ถึงจะฟังดูแปลกๆ นิดนึง…แต่นั่นน่ะ สุดยอดไปเลย”

 

ในขณะที่ผมกับโซโซกำลังเดินเข้าไปภายในป่าโทเดน ผมก็หันไปพูดกับโซโซที่กำลังเดินอยู่ที่ด้านข้าง

 

พอได้ยินที่ผมพูดเธอก็หน้าแดงขึ้นมา

 

“…จะว่าเป็นความสามารถพิเศษก็ได้ค่ะ”

 

จากเนื้อย่างทั้งหมด 12 ชิ้น โซโซสามารถกินไปได้ถึง 9 ชิ้น ส่วนผมรับผิดชอบไป 3 ชิ้น ท่าทางการกินที่ดูเอร็ดอร่อยของเธอยังคงติดตาผมอยู่เลย

จะว่ายังไงดีล่ะ การกินของเธอมันไม่ใช่การกินที่ดูแล้วรู้สึกอึดอัด แต่มันคือการกินที่ดูน่าอร่อย มันให้ความรู้สึกเหมือนกับเวลาที่เราดูคนที่กำลังมีความสุขกับการกินมากๆ ประมาณนั้นเลย

 

ในโลกก่อนผมเคยได้ยินมาว่ามีคนบางกลุ่มที่ชอบถ่ายทอดสดเวลาที่ตัวเองกินข้าวให้คนเข้ามาดู ผมไม่เคยสนใจมันมาก่อนเลย แต่บางทีคนที่เข้าไปดูก็น่าจะรู้สึกอย่างเดียวกับผมในตอนนี้ละมั้ง?

 

“…ว่าแต่คุณโทระยังไม่ได้สร้างปาร์ตี้เลยนะคะ”

 

โซโซเตือนขึ้นมา ผมถึงพึ่งจะนึกได้

 

“จริงด้วย! ขอเวลาแปบนึงนะ”

 

ผมรีบเรียกหน้าจอสเตตัสขึ้นมา ก่อนที่จะกดเข้าไปที่เมนูปาร์ตี้ แล้วเลือกปุ่มที่ระบุว่า 「สร้างปาร์ตี้」

 

“เอาชื่อปาร์ตี้ว่าอะไรดีล่ะ โซโซพอจะมีชื่อดีๆ แนะนำบ้างไหม พอดีผมเป็นคนไม่ค่อยมีเซนต์ในการตั้งชื่อสักเท่าไหร่”

 

“เอ๊ะ!? นั่นสินะคะ ถ้าเป็นปาร์ตี้ก็ต้องมีชื่อ…เอ่อจริงๆ ฉันเองก็ตั้งชื่อไม่ค่อยเก่งเหมือนกัน…”

 

“อืม…ตั้งว่าอะไรดีนะ…หรือว่าเอาเป็น ตะลุยป่า…โซโซว่าดีไหม?”

 

ผมนึกอยู่สักพักก่อนที่ชื่อนี้จะแวปเข้ามาในหัว แต่พอโซโซได้ยินชื่อปาร์ตี้เธอก็ทำสายตาเหมือนปลาตายมองมาที่ผมทันที

 

“ทำไมถึงสามารถนึกชื่อตะลุยป่าขึ้นมาได้กันคะ?? หรือเพราะว่าพวกเรากำลังเดินเข้าป่าอยู่งั้นหรอค่ะ!?”

 

เฮ้อ…โซโซถอนหายใจยาวออกมา

 

“สมแล้วค่ะที่บอกว่าไม่ถนัดเรื่องการตั้งชื่อ แต่ถ้าจะเอาแนวๆ ใกล้เคียงกับชื่อที่คุณโทระเสนอมา ฉันว่าลองเปลี่ยนเป็น 「คณะท่องโลก」น่าจะฟังดูดีกว่านะคะ”

 

“โอ้! ปาร์ตี้คณะท่องโลก…ไม่เลวๆ ฟังดูดีกว่าปาร์ตี้ตะลุยป่าเยอะเลย!…งั้นเอาชื่อนี้แหละ แถมยังเหมาะกับเป้าหมายของการตั้งปาร์ตี้ขึ้นมาด้วยพอดี”

 

และแล้วปาร์ตี้คณะท่องโลกก็ได้ถือกำเนิดขึ้นด้วยประการฉะนี้นี่เอง

 

หลังจากสร้างปาร์ตี้เรียบร้อย ผมก็ส่งคำเชิญไปให้โซโซทันที

 

ปาร์ตี้ 「คณะท่องโลก」

ระดับ ทีมย่อย Lv.1

ค่าประสบการณ์ปาร์ตี้ 0/10,000

สมาชิก (2/5)

โคซากิ โทระ (นักดาบโล่) Lv.12 หัวหน้าปาร์ตี้

โซ โซโร (นักเวท) Lv.0 รองหัวหน้าปาร์ตี้

 

“นักเวทเลเวล 0 นี่เหมือนว่าจะยังไม่มีสกิลใช่ไหมนะ?”

 

ผมหันไปถามโซโซในขณะที่พวกเราเริ่มเดินเข้าไปในป่ากันต่อ

 

“ใช่ค่ะ พอขึ้นเลเวล 1 แล้วถึงจะมีสกิลมาให้เลือก 2 สายระหว่างเวทธาตุไฟกับเวทธาตุน้ำค่ะ”

 

“เอ๋? มีให้เลือกธาตุด้วยงั้นหรอ? แต่จำได้ว่าเมื่อก่อนเหมือนจะเคยเจอนักเวทที่ใช้งานได้ 4 ธาตุอยู่นี่นา?”

 

ผมนึกถึงนักเวทเอริจากปาร์ตี้เก่าขึ้นมาในใจ เธอคนนั้นสามารถโจมตีได้ถึง 4 ธาตุพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นดิน น้ำ ลม และไฟ

 

“นั่นน่าจะเป็นนักเวทจตุรธาตุค่ะ ฉันเคยได้ยินมาบ้างว่าจะมีอาชีพลับของสายนักเวทที่ทำให้สามารถใช้งานธาตุได้มากกว่า 1 ธาตุอยู่ด้วยค่ะ…ที่เคยได้ยินมาดูเหมือนว่าจะสูงสุดอยู่ที่ 8 ธาตุค่ะ เรียกกันว่า นักเวทสัตตธาตุ”

 

โซโซอธิบายอย่างคล่องแคล่ว

 

“อาชีพลับงั้นสินะ…”

 

“ใช่ค่ะ ฉันเองก็อยากเป็นเหมือนกัน…แต่ว่าเงื่อนไขในการปลดล็อกอาชีพลับส่วนมากแล้วไม่มีใครยอมบอกกับคนอื่นหรอกค่ะ”

 

“นั่นสินะ เป็นพวกเราเองถ้าบังเอิญปลดอาชีพลับได้ก็คงไม่เอาไปประกาศให้คนอื่นรู้เหมือนกัน…ดังนั้นช่างมันเถอะ ถ้าดวงดีเดี๋ยวมันก็ปลดล็อกให้เองนั่นแหละนะ”

 

“นั่นสินะคะ ก็คงต้องหวังพึ่งดวงจริงๆ นั่นแหละค่ะ”

 

“ว่าแต่โซโซจะเลือกไปทางธาตุไหนล่ะ?”

 

โซโซนึกอยู่สักพักก่อนจะตอบ

 

“ใจจริงฉันอยากเลือกไปทางธาตุน้ำค่ะ เพราะมันจะช่วยสนับสนุนสกิลของผู้รักษาได้ดีกว่า…แต่ว่าตอนช่วงแรกๆ ของนักเวทธาตุน้ำจะไม่ค่อยมีประโยชน์กับปาร์ตี้สักเท่าไหร่ อย่างมากก็ทำได้แค่คอยก่อกวนศัตรูในบางจังหวะแค่นั้นเองค่ะ ดังนั้นฉันเลยกะว่าจะเลือกสายธาตุไฟที่มีประโยชน์กับปาร์ตี้มากกว่าค่ะ”

 

“งั้นเหรอ? ใจจริงอยากจะเลือกธาตุน้ำสินะ…ว่าแต่มันสนับสนุนอาชีพผู้รักษาได้ยังไง ตรงจุดนี้นึกภาพไม่ค่อยออกเท่าไหร่แฮะ”

 

พอได้ฟังโซโซก็ทำหน้าเหมือนลำบากใจนิดหน่อย ผมจึงรู้สึกตัวว่าตัวเองอาจจะถามมากเกินไป

 

“อ๊ะ! ถ้าเป็นความลับไม่ต้องบอกก็ได้นะ ทางนี้เองก็ไม่ทันระวัง ต้องขอโทษด้วย”

 

โซโซรีบส่ายหน้าประมาณว่าไม่ใช่อย่างนั้น ก่อนที่จะเริ่มอธิบาย

 

“คือมันไม่ใช่ความลับอะไรหรอกค่ะ แค่มันดูน่าอายนิดหน่อย…คือว่า..ถ้าเป็นนักเวทธาตุน้ำ เราสามารถนำเวทมาประสานกับเวทของผู้รักษาเพื่อใช้ในการสร้างยารักษาได้น่ะค่ะ…มันจะประหยัดกว่าการสร้างยาของสายอาชีพนักปรุงยาเพราะว่าแทบจะไม่มีต้นทุนในการผลิตเลย…ฉันเลยกะว่าจะใช้วิธีนี้ในการหาเงินค่ะ”

 

“เอ๊ะ? นักเวทสามารถผลิตยาได้ด้วยงั้นหรือครับ พึ่งเคยได้ยินนี่แหละ”

 

“ใช่ค่ะ ถึงประสิทธิภาพจะไม่ดีเท่ากับยาของนักปรุงยาที่สร้างขึ้นมาจากสมุนไพร แต่ก็พอจะใช้ทดแทนได้ แถมราคายังถูกกว่ากันเยอะเลยค่ะ”

 

ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนที่จะหันไปบอกกับโซโซ

 

“ถ้าอย่างนั้นโซโซเลือกเล่นสายธาตุน้ำไปเลยก็ได้ครับ ส่วนเรื่องการเก็บเลเวลผมจัดการเอง”

 

“เอ๊ะ!? แต่ว่าถ้าทำอย่างนั้นฉันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยน่ะสิคะ? แบบนี้ก็เหมือนกับฉันเข้าปาร์ตี้มาเกาะเพื่อใช้ประโยชน์จากคุณโทระเฉยๆ ไม่ใช่หรือคะ?”

 

ผมยิ้มตอบรับ ก่อนจะส่ายหน้าให้

 

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ ในอนาคตถ้าเรายังปาร์ตี้ด้วยกันอยู่ โซโซจะสามารถช่วยผมได้เยอะเลย แค่ประหยัดค่ายารักษาได้ก็คุ้มแล้วครับ ดังนั้นถือว่าเป็นผลประโยชน์ร่วมกันน่าจะถูกต้องกว่าครับ แล้วอีกอย่าง…จริงๆ แล้วปกติผมก็เก็บเลเวลคนเดียวในป่าโทเดนอยู่แล้ว ดังนั้นมันไม่ใช่เรื่องลำบากอะไรหรอกครับ…อ๊ะ! เหยื่อออกมาพอดี งั้น…ให้โซโซเห็นด้วยตาตัวเองน่าจะเข้าใจง่ายกว่า”

 

ระหว่างที่เรากำลังคุยกันอยู่ ที่ด้านหน้าของพวกเราก็ปรากฏร่างของหมาป่าโทเดนขึ้นมาตัวหนึ่ง และทันทีที่มันสังเกตเห็นพวกเรา มันก็วิ่งเข้าใส่ทันที

ผมหยิบดาบที่เหน็บเอวอยู่ออกมาถือเตรียมพร้อม และทันทีที่หมาป่ากระโจนเข้าใส่ ผมก็เบี่ยงตัวหลบเล็กน้อย ก่อนที่จะฟันสวนเข้าที่ส่วนคอของหมาป่าด้วยท่าทางสบายๆ

 

หัวของหมาป่าลอยกระเด็นขึ้นฟ้า ก่อนที่จะค่อยๆ กลายเป็นละอองแสงหายไป

 

ปาร์ตี้ได้กำจัดหมาป่าโทเดน เลเวล 20 สำเร็จ

ได้รับค่าประสบการณ์ 40 แต้ม

ได้รับ เนื้อหมาป่าโทเดน 1 ชิ้น

ได้รับ เศษโครงกระดูกหมาป่าโทเดน 1 ชิ้น

 

ค่าประสบการณ์และไอเทมได้น้อยลงกว่าเดิมมากเนื่องจากต้องหารเฉลี่ยให้กับสมาชิกทั้งปาร์ตี้ แต่ผมไม่ค่อยใส่ใจมันเท่าไหร่ คนอื่นอาจจะมองว่าถ้าอย่างนี้สู้เก็บเลเวลคนเดียวไม่ดีกว่ารึไง ทำไมต้องยอมไปช่วยคนอื่นด้วย

 

แต่ผมมองถึงอนาคตมากกว่า ผมรู้ว่าการซื้อใจคนคนหนึ่งนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้าการยอมแบ่งค่าประสบการณ์เพียงแค่ไม่กี่แต้มกับของอีกไม่กี่ชิ้น แล้วผมสามารถที่จะซื้อใจคนๆหนึ่งให้กลายมาเป็นเพื่อนได้ ผมก็ถือว่ามันคุ้มค่าที่จะจ่าย

 

และนอกจากนี้ผมยังเคยเห็นการต่อสู้ของระดับเลเวลสูงๆ มาแล้วด้วย ดังนั้นจึงบอกได้เลยว่าการเก็บเลเวลคนเดียวในสถานที่แบบนั้นมันแทบจะเป็นไปไม่ได้

 

ผมหันไปยิ้มให้กับโซโซที่กำลังเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง

 

“มอนสเตอร์ระดับแค่นี้ ผมพาเก็บเลเวลได้สบายมาก เพราะฉะนั้นโซโซไม่ต้องคิดมากหรอกนะ…เอาไว้ระดับสูงๆ ผมยังต้องพึ่งพาโซโซอีกเยอะเลยล่ะ”

 

“ตอนแรกก็พอรู้อยู่หรอกนะคะว่าคุณโทระน่ะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่คิดว่าจะแข็งแกร่งขนาดนี้”

 

ผมหัวเราะออกมาเล็กน้อย ไม่กล้ารับคำชม

 

“ที่ทำได้ก็เพราะอุปกรณ์ดีต่างหากล่ะครับ ถ้าไม่ได้ดาบนี่ กว่าจะจัดการหมาป่าได้สักตัวคงลำบากกว่านี้เยอะเลยล่ะ”

 

ผมโชว์ดาบราคา 150 เหรียญทองให้โซโซดู มันคือดาบที่ผมซื้อต่อมาจากอากิ ดาบเล่มนี้ถูกสร้างจากวัตถุดิบเลเวล 250 และด้วยดาบนี่มันไม่มีทางเลยที่มอนสเตอร์ในป่าแห่งนี้จะสามารถต้านทานได้

 

“อย่างนี้นี่เอง ถ้างั้นตกลงค่ะ ฉันสัญญาว่าในอนาคตจะต้องตอบแทนให้คุณโทระอย่างแน่นอนค่ะ”

 

โซโซบอกผมด้วยสายตามุ่งมั่น ผมจึงได้แต่พยักหน้าตกลงด้วยรอยยิ้ม

 

หลังจากนั้นมหกรรมการล่าสังหารก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง เสียงกรีดร้องของหมูป่าและหมาป่าดังก้องไปทั่วทั้งป่า

 

โซโซซึ่งไม่ได้มีหน้าที่ทำอะไร ดูเหมือนว่าเธอจะรู้สึกรบกวนผมมากจนเกินไป ดังนั้นเธอจึงตระเวนเก็บเห็ดโทเดนทุกต้นที่เธอมองเห็น ทำให้ผมไม่ต้องมาคอยเสียเวลาไปกับการเก็บเห็ด ส่งผลให้การล่าของทีมเป็นไปอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับการที่ผมต้องมาคอยเสียเวลาไปกับการเก็บเห็ดระหว่างทาง

 

และนี่ก็คือประโยชน์ของการมีปาร์ตี้ ถึงค่าประสบการณ์ที่ได้จะน้อยลง แต่ก็สามารถเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมที่การเก็บเลเวลแบบคนเดียวไม่สามารถทำได้

 

☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆

 

เวลาผ่านไปประมาณ 20 ชั่วโมง ตอนนี้โซโซเลเวล 4 เป็นที่เรียบร้อย สกิลธาตุน้ำอันแรกของเธอคือการเรียกลูกบอลน้ำขนาดเล็กออกมา และเธอสามารถควบคุมมันได้โดยการใช้พลังมานา

 

นอกจากนี้เธอยังสามารถควบคุมบอลน้ำให้พุ่งออกไปโจมตีศัตรูหรือจะเปลี่ยนรูปให้บอลน้ำกลายเป็นลูกธนูน้ำเพื่อใช้ในการโจมตีก็ได้เช่นกัน ดังนั้นหน้าที่ในการล่อหมูป่าให้มาโจมตีก็กลายมาเป็นหน้าที่อีกอย่างของเธอไปโดยปริยาย

 

ส่วนตัวผมเอง เลเวลของนักดาบโล่ก็ขึ้นเป็นเลเวล 10 เช่นกัน แล้วก็มีสกิลมาผมให้เลือกอีก 2 สกิล สกิลแรกคือโล่ดูดซับ กับอีกสกิลคือดาบฟาดฟัน

ในโลกนี้ไม่มีคำอธิบายสกิล ดังนั้นจึงไม่สามารถรู้ได้ว่าสกิลแต่ละสกิลมีความสามารถอะไรและสามารถทำอะไรได้บ้าง นอกเสียจากจะคาดเดาจากชื่อของสกิล หรือไม่ก็ต้องลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง

 

ดาบฟาดฟันนั้นสามารถคาดเดาได้ไม่ยากว่ามันคือสกิลแบบไหน แต่โล่ดูดซับนี่ต่างหากที่ดึงดูดความสนใจของผม ดังนั้นผมจึงตัดสินใจเลือกสกิลโล่ดูดซับมา

 

ในตอนแรกผมคิดว่ามันคือสกิลที่จะช่วยลดแรงกระแทกจากการโจมตี แต่จากการทดลองให้หมูป่าพุ่งชน ก็ปรากฏว่าไม่ใช่ หลังจากนั้นก็ยังลองอีกหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะกระโดดจากที่สูงแล้วเอาโล่ลงพื้นก่อนด้วยท่าฮีโร่แลนดิ้ง การเอาดาบเคาะไปที่โล่ การวิ่งเข้าไปชนกับต้นไม้ หรือว่าจะเป็นการเอาโล่ไปปาใส่มอนสเตอร์ก็ตาม

 

“นี่ก็ยังไม่ใช่งั้นหรอเนี่ย??”

 

ผมยังนึกไม่ออกว่าสกิลนี้มันทำงานยังไง

 

“ชื่อสกิลว่าโล่ดูดซับ…ดูดซับงั้นเหรอ…ถ้าสกิลไม่ได้ดูดซับแรงโจมตีกายภาพ…หรือว่ามันจะเอาไว้ดูดซับเวทมนตร์หรือเปล่าคะ!?”

 

โซโซที่ยืนคิดอยู่ข้างๆ หันมาเสนอความคิด ตาผมเป็นประกายเมื่อได้ยินสิ่งที่เธอบอก

 

“มาลองดูกัน โซโซช่วยยิงเวทมาทางนี้ให้ที!”

 

“ได้เลยค่ะ!! ลูกบอลน้ำ!!”

 

โซโซตอบรับก่อนที่จะร่ายสกิลของเธอออกมา แล้วเธอก็สั่งให้มันพุ่งตรงเข้าใส่โล่ของผมที่ตั้งรับไว้อยู่

 

“โล่ดูดซับ!!”

 

ในจังหวะที่ลูกบอลน้ำกำลังจะปะทะผมก็ทำการเรียกใช้สกิลทันที โล่มีออร่าสีใสๆ เรืองแสงขึ้นมานิดนึงเช่นเดียวกับทุกครั้งที่ใช้สกิล

 

ตูม!!

 

ดูเหมือนว่าสกิลโล่ดูดซับจะไม่ได้ลดแรงโจมตีของเวทมนตร์ไปด้วย ผมยังรู้สึกได้ถึงแรงกระแทกของลูกบอลน้ำอย่างชัดเจน แต่แล้วก็ดูเหมือนว่าสกิลโล่ดูดซับจะทำงานในที่สุด แสงออร่าของโล่แตกกระจาย ก่อนที่มันจะรวบรวมเศษละอองของน้ำที่แตกกระจายออกไปหลังจากที่ปะทะเข้ากับโล่

ถึงแสงออร่าจะไม่สามารถรวบรวมละอองน้ำที่กระจายไปได้ทั้งหมด แต่ก็รวบรวมไว้เกินครึ่ง ก่อนที่แสงนั่นจะกลายเป็นสีฟ้าแล้วมันก็ลอยเข้าใส่ดาบที่อยู่ในมืออีกข้างของผม ส่งผลให้ตอนนี้ดาบมีออร่าสีฟ้าอ่อนเคลือบไว้อยู่

 

“นี่มันสกิลต่อต้านเวท!!”

 

ผมร้องออกมาอย่างดีใจ ก่อนที่จะหยิบดาบขึ้นมามองดูชัดๆ แต่ปรากฏว่าหลังจากผ่านไปประมาณ 5 วินาที ออร่าสีฟ้าที่เคลือบดาบไว้ก็สลายหายไป

 

“ดูเหมือนว่าจะมีเงื่อนไขในการใช้งานอยู่นะ นี่โซโซ รบกวนช่วยมาทดสอบสกิลด้วยกันนิดนึงได้ไหม? …พอดีอยากรู้ว่าสกิลมันมีข้อจำกันอะไรบ้างน่ะ”

 

“เอ๊ะ? ทดสอบสกิลงั้นเหรอคะ? …ได้เลยค่ะ ยินดีช่วยเต็มที่เลยค่ะ”

 

ตอนแรกเธอทำหน้างงๆ แต่สุดท้ายโซโซก็ยิ้มออกมา ดูเหมือนเธอจะดีใจที่อย่างน้อยเธอก็สามารถช่วยอะไรผมได้บ้าง และจากการทดลองต่อๆ มาทำให้ผมสามารถระบุข้อจำกัดของสกิลโล่ดูดซับได้ดังนี้

– โล่ดูดซับไม่ได้ลดแรงโจมตีจากเวทมนตร์ลง

– หลังจากดูดเวทเข้ามาแล้ว ออร่าจะคงอยู่ได้ 5 วินาที

– ไม่สามารถดูดเวทซ้อนกันได้

– หลังจากโจมตีออร่าจะหายไปทันทีโดยไม่สนระยะเวลาที่เหลืออยู่

– จำนวนมานาที่ใช้ขึ้นอยู่กับความแรงของเวทที่โจมตี

 

“โอเค เบื้องต้นเอาไว้ประมาณนี้ก่อนก็แล้วกัน”

 

หลังจากทดลองไปประมาณ 15 นาที ผมก็ขอให้หยุดการทดลองเอาไว้ก่อน

 

“จะว่าคุณโทระนี่สุดยอดไปเลยนะคะ ปกติฉันไม่เคยทดสอบขีดความสามารถของสกิลมาก่อนเลย”

 

โซโซพูดด้วยท่าทางทึ่งๆ ผมจึงหันไปมองอย่างสยสัยแทน

 

“เอ๊ะ? ถ้าอย่างนั้นโซโซรู้ความสามารถของสกิลได้ยังไงล่ะ”

 

“ปกติฉันจะซื้อพวกหนังสือมาอ่านดูน่ะค่ะ ถึงจะไม่มีเงื่อนไขของอาชีพลับ แต่พวกสกิลต่างๆ นี่จะมีอธิบายค่อนข้างครบเลยนะคะ”

 

โซโซพูดพร้อมกับหยิบหนังสือเล่มหนึ่งที่หน้าปกเขียนไว้ว่า ‘คู่มือนักเวท จากคลาส 1 สู่คลาส 2’ ออกมา

 

“เอ๋!? มีของแบบนี้ขายด้วยงั้นเหรอ?”

 

ผมอุทานออกมาด้วยความตกใจ โดยปกติแล้วผมไม่เคยเข้าร้านหนังสือในโลกนี้มาก่อน ถ้ารู้ว่ามีหนังสือแบบนี้ขายคงไม่ต้องมางมโข่งอะไรแบบนี้ให้เสียเวลา

 

“ใช่ค่ะ ถึงจะราคาสูงไปสักหน่อย แต่ใช้เป็นแนวทางได้ค่อนข้างดีเลยนะคะ”

 

“อ่า ปกติผมเป็นคนไม่ค่อยได้เข้าร้านหนังสือ ก็เลยไม่เคยรู้มาก่อนเลย”

 

ผมได้แต่หัวเราะแห้งๆ …ไม่สิ! ถ้าพูดถึงคนที่ชอบเข้าร้านหนังสือในกลุ่มก็ต้องเป็นเอริ แล้วทำไมเอริถึงไม่เคยบอกเรื่องนี้เลยล่ะ? หรือว่าบางทีอาจจะมีเหตุผลอื่น? ยังไงไว้เย็นนี้ลองแชทไปถามดูสักหน่อยดีกว่า

 

“เอ๋!? ถ้าอย่างนั้นที่ผ่านๆ มาคุณโทระเก็บเลเวลกับเลือกสกิลมายังไงกันค่ะเนี่ย?”

 

“ก็ค่อยๆ ทดลองมากับพวกเพื่อนๆ ล่ะนะ”

 

“สุดยอดไปเลยค่ะ! ทั้งๆ ที่ไม่ได้ใช้ตัวช่วยอะไรเลย แต่กลับสามารถแข็งแกร่งได้ขนาดนี้”

 

“ฮะๆ ไม่หรอก กว่าจะได้ขนาดนี้ ฝึกกันแทบรากเลือดเลยล่ะ เมื่อก่อนตอนแรกๆ ที่มาเป็นนักผจญภัยนะ กว่าจะสู้มอนสเตอร์ได้สักตัวนี่ทุลักทุเลสุดๆ”

ผมหัวเราะกลบเกลื่อน แต่ก่อนที่จะได้คุยอะไรกันต่ออยู่ๆ ก็มีเสียงระเบิดดังสนั่นมาจากระยะที่ไม่ไกลออกไป พร้อมกับเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดของมนุษย์ดังขึ้นมาซะก่อน

 

พวกเรารีบหันมามองหน้ากัน ก่อนที่จะพยักหน้าให้กัน แล้วโดยที่ไม่ต้องพูดอะไรพวกเราก็รีบวิ่งไปทางต้นเสียงทันที

 

วิ่งกันมาได้ไม่นาน เราก็มาถึงพื้นที่โล่งแห่งหนึ่ง และที่ใจกลางพื้นที่แห่งนั้นก็ปรากฏร่างของหมาป่าโทเดนขนาดใหญ่อยู่ตัวหนึ่ง ถ้ากะจากสายตาคร่าวๆ แค่ความสูงของมันก็น่าจะไม่ต่ำกว่า 3 เมตร ความยาวน่าจะประมาณ 5 เมตร

 

รอบๆ ตัวของหมาป่ามีปาร์ตี้นักผจญภัยอยู่ทั้งหมด 5 คน โดยมีคนถือโล่ขนาดใหญ่ยืนอยู่ที่ด้านหน้าของหมาป่า ส่วนคนอื่นๆ กระจายตัวอยู่รอบๆ และกำลังโจมตีหลอกล่อใส่หมาป่ายักษ์อย่างเต็มกำลัง

 

“บอสพื้นที่งั้นเหรอ?”

 

ผมขมวดคิ้วออกมา ในพื้นที่เก็บเลเวลนานๆ ครั้งก็จะปรากฏบอสพื้นที่ขึ้นมาบ้างเป็นบางครั้ง แต่ปัญหาของบอสพื้นที่ก็คือเลเวลของมันจะสูงมากเมื่อเทียบกับมอนสเตอร์ตัวอื่นๆ ในพื้นที่

 

ผมสังเกตการณ์โจมตีที่รุนแรงของมันที่สามารถส่งคนที่ถือโล่อยู่ให้กระเด็นออกไปทุกครั้งที่โดนกรงเล็กของมันฟาดเข้าใส่ และนอกจากนี้การโจมตีของสมาชิกปาร์ตี้คนอื่นๆ ก็ไม่สามารถสร้างบาดแผลให้มันได้เลยแม้แต่น้อย

 

จากประสบการณ์ อย่างน้อยไอเจ้าบอสหมาป่าตัวนี้ก็ไม่มีทางเลเวลต่ำกว่า 100 แน่ๆ มันไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่คนเลเวลต่ำกว่า 80 จะสามารถต่อกรได้เลย อย่างเก่งก็ทำได้แค่ถ่วงเวลาออกไปเท่านั้น

 

โล่ที่พึ่งซื้อมาก็สามารถรับการโจมตีของมอนสเตอร์เลเวลต่ำกว่า 100 ได้เท่านั้น การเอาโล่ที่พึ่งซื้อมาใหม่ไม่ถึงวันไปรับดาเมจจากบอสเลเวลเกิน 100 เป็นอะไรที่ผมไม่คิดทำอย่างเด็ดขาด

 

“ดูเหมือนจะใช่นะคะ เท่าที่ดูเลเวลของบอสน่าจะสูงมากด้วย เราเอายังไงกันดีคะ?”

 

โซโซหันมาถาม แต่ยังไม่ทันที่ผมจะตอบอะไรก็ดูเหมือนว่าจะมีคนในปาร์ตี้ที่กำลังสู้กกับบอสอยู่หันมาเห็นพวกเราเข้าพอดี

 

“เฮ้!! พวกนายที่อยู่ตรงนั้นน่ะ รีบกลับไปแจ้งเตือนที่หมู่บ้านโทเดนให้ทีว่ามีบอสพื้นที่เกิด ถ้าเกิดมันรวมฝูงได้ละก็เรื่องใหญ่แน่ รีบไปตามกำลังเสริมมาที พวกเราจะถ่วงเวลาเอาไว้ให้”

 

ดูเหมือนชายคนนั้นจะเป็นผู้รักษา เขารีบตะโกนบอก ก่อนที่จะหันไปฮีลให้กับตัวชนที่พึ่งจะโดนหมาป่าตบกระเด็นออกมา

 

“พอจะถ่วงเวลาไว้ได้เท่าไหร่?” ผมตะโกนถามกลับไป

 

“จากสภาพตอนนี้น่าจะถ่วงเวลาไว้ได้ไม่เกิน 2 ชั่วโมง”

 

บอสพื้นที่นั้นเป็นตัวปัญหาอย่างแท้จริง ถึงอัตราการเกิดจะต่ำมาก ในบางพื้นที่อาจจะเกิดแค่เพียงปีละครั้งหรือหลายปีครั้ง แต่ถ้ามันเกิดขึ้นมาแล้ว และไม่ได้รับการปราบปรามให้ทันท่วงที มันจะทำการร่วมฝูงแล้วขยายอาณาเขตของตัวเองออกไป นั่นหมายความว่าพื้นที่ที่อยู่รอบนอกป่าจะได้รับการโจมตีเต็มกำลังของฝูงมอนสเตอร์ที่พยายามจะขยายอาณาเขต

 

แล้วนอกจากนี้อัตราการเกิด และเลเวลของมอนสเตอร์ในฝูงจะสูงขึ้นอย่างมาก ซึ่งในบางทีการปราบปรามถึงขั้นต้องขอกำลังเสริมจากเมืองหลวงเลยทีเดียว

 

ในอดีตเคยมีหลายหมู่บ้านโดนบอสมอนสเตอร์บุกจนหมู่บ้านล่มสลายไป และกว่าจะสามารถกู้คืนพื้นที่กลับมา บวกกับการใช้เวลาในการสร้างหมู่บ้านขึ้นมาใหม่ก็ต้องใช้เวลาไปหลายปีอยู่ดี

 

“ไม่ได้ ถ้าแค่ 2 ชั่วโมงกำลังเสริมมาไม่ทันแน่…นี่โซโซ เธอพอจะมีคันธนูให้ยืมสักอันไหม?”

 

ผมพึมพำก่อนที่จะหันไปถามโซโซที่มองกลับมาด้วยความสงสัย

 

“ไม่มีเลยค่ะ…ว่าแต่จะเอาคันธนูไปทำอะไรงั้นหรือคะ?”

 

“อืม…จริงๆ พอจะมีทางจัดการกับเจ้าบอสนี่ได้อยู่ แต่จำเป็นต้องมีคันธนูสักอันก่อนนะสิ”

 

“เอ๊ะ? คุณโทระใช้ธนูได้ด้วยงั้นหรือคะ?”

 

“อ่า เมื่อก่อนเป็นมือธนูน่ะ จริงๆ ก็มีคันธนูของตัวเองอยู่ล่ะนะ แต่ด้วยกำลังตอนนี้อย่าว่าแต่ขึ้นขึ้นสายธนูเลย แค่ยกคันธนูขึ้นก็ไม่ไหวแล้ว”

 

จริงๆ แล้วผมก็มีคันธนูของตัวเองอยู่ แต่มันดันเป็นคันธนูเลเวล 800 น่ะสิ ด้วยค่าพลังกายในตอนนี้อย่าว่าแต่ง้างสายเลย แค่ยกคันธนูขึ้นเล็งยังลำบาก

 

“เฮ้!! มัวรออะไรอยู่ รีบกลับไปแจ้งข่าวสักทีสิ!!”

 

ชายผู้รักษาพอเห็นว่าพวกผมยังไม่ขยับก็เลยตะโกนมาอีกครั้ง

 

“ในปาร์ตี้พวกคุณมีใครพอจะมีคันธนูให้ยืมสักอันไหมครับ? บางที…ผมอาจจะจัดการเจ้านี้ได้”

 

“ว่าไงนะ!? นายรู้ใช่ไหมว่าเจ้าตัวนี้เลเวลเท่าไหร่? อย่างต่ำๆ ก็เลเวล 120 เลยนะ แล้วเด็กอย่างนายจะไปจัดการมันได้ยังไง?”

 

ชายคนนั้นตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง

 

“นี่มันใช่เวลามาสงสัยไหมไอเวนดัลลี่!? เฮ้ย! มาคัส รีบส่งคันธนูสักอันไปให้ไอหนูนั่นที เร็วเข้า!” ชายคนที่ถือโล่อยู่หันมาตะโกนด่าชายผู้รักษาที่คุยกับผมในตอนแรก ก่อนจะหันไปบอกกับเพื่อนร่วมปาร์ตี้อีกคน

 

ชายคนนั้นพยักหน้าก่อนจะหยิบคันธนูอันหนึ่งออกมาจากช่องเก็บของ แล้วโยนมาให้ผมทันที

 

ผมรับคันธนูที่โยนมาได้อย่างแม่นยำ ก่อนที่จะหยิบลูกธนูออกมาจากช่องเก็บของจำนวน 2 ดอก ลูกธนูเลเวล 800 นั้นต่างจากคันธนูตรงที่มันมีน้ำหนักเบา ทำให้ผมสามารถใช้งานมันได้ แม้ในตอนนี้จะมีเลเวลเพียง 12 ก็ตาม

 

ลูกธนูรูปร่างสวยงามปรากฏต่อสายตา ก่อนที่ผมจะทำการขึ้นสายธนูอย่างคล่องแคล่วง้างสายธนูจนกลายเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว และทำการปล่อยลูกธนูออกไปอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าฟาด

 

ลูกธนูพุ่งเข้าหาบอสหมาป่าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะปักเข้าข้างลำตัวของมันอย่างจัง

 

บอสหมาป่ากรีดร้องเสียงดังสนั่น เนื่องจากก่อนหน้านี้ไม่มีใครสามารถเจาะการป้องกันของมันได้มาก่อน การโจมตีนี้จึงเป็นครั้งแรกที่มันได้สัมผัสถึงความเจ็บปวด

 

บอสหมาป่าหันมามองผู้ที่สร้างบาดแผลให้กับมันได้เป็นคนแรกด้วยแววตาสีแดงเถือก

 

“ไอหนูระวัง!! มันกำลังจะไปทางนั้น!!” ชายผู้ถือโล่หันมาตะโกนบอก ตัวเขาพยายามวิ่งเข้าไปบังทางของบอส แต่ความเร็วของบอสก็เหนือกว่าเขามาก

 

“อืม ถึงจะยิงได้ แต่พลังเจาะทะลวงก็ไม่พอจริงๆ ด้วยสินะ…ถ้าเป็นตามปกตินี่คงทะลุไปแล้ว”

 

ผมพูดด้วยท่าทางใจเย็น ก่อนที่จะขึ้นสายธนูในมือยกขึ้นเล็งไปทางบอสหมาป่าอีกครั้ง และทันทีที่บอสหมาป่าวิ่งเข้ามาในระยะ 5 เมตร ผมก็ปล่อยสายธนู ส่งลูกธนูพุ่งเข้าหาบอสหมาป่าที่กำลังวิ่งเข้ามาหา

 

ลูกธนูพุ่งเข้าไปปักอยู่ตรงกลางระหว่างดวงตาทั้งสองของมันอย่างแม่นยำ ก่อนที่ลูกธนูจะทะลวงเจาะผ่านกะโหลกหนาของมันเข้าไปสู่พื้นที่ของสมอง

 

ด้วยแรงส่งที่บอสหมาป่าพุ่งเข้ามา บวกกับการพุ่งชนของลูกธนู แรงปะทะจึงเพิ่มขึ้น ทำให้ธนูดอกนี้มีแรงทะลุทะลวงเพิ่มขึ้นหลายเท่าจากปกติ ทำให้มันสามารถเจาะทะลุกะโหลกศีรษะของบอสได้อย่างง่ายดาย

 

ดวงตาสีแดงของบอสกลายเป็นขาวโพลนก่อนที่ร่างไร้วิญญาณของมันจะสิ้นเรี่ยวแรงลงไปนอนกองอย่างหมดสภาพอยู่ที่พื้นเบื้องหน้าของผมในระยะที่เหลือไม่ถึง 2 เมตร

 

ทันใดนั้นรอบข้างของผมก็ตกอยู่ในความเงียบงัน

 

“…บ้าไปแล้ว”

 

“ยิงธนูไปแค่สองดอก ก็ล้มเจ้าบอสนั่นได้…”

 

“เจ้าหนูนี่เป็นใครกัน?”

 

ปาร์ตี้ของชายที่ชื่อดัลลี่ต่างตกอยู่ในอาการตกตะลึง

 

“…คุณโทระ?”

 

แม้แต่โซโซก็เบิกตากว้าง มองดูผมด้วยความตกตะลึงเช่นเดียวกัน

 

ร่างของบอสค่อยๆ กลายเป็นละอองแสง ก่อนที่ลูกธนูทั้ง 2 ดอกที่เคยปักอยู่บนตัวบอสจะร่วงลงไปนอนแน่นิ่งที่พื้น

 

ปาร์ตี้ได้กำจัดราชาหมาป่าโทเดน เลเวล 160 สำเร็จ

ได้รับค่าประสบการณ์ 6,400 แต้ม

ได้รับ เนื้อราชาหมาป่าโทเดน 12 ชิ้น

ได้รับ เศษโครงกระดูกราชาหมาป่าโทเดน 8 ชิ้น

ได้รับ เขี้ยวราชาหมาป่าโทเดน 6 ชิ้น

ได้รับ หนังราชาหมาป่าโทเดน 6 ชิ้น

ได้รับ การ์ดพื้นที่ราชาหมาป่าโทเดน 1 ใบ

 

!!!แจ้งเตือน!!!

ตรวจพบการ์ด

เปิดใช้งานระบบการ์ด

ต่อจากนี้มอนสเตอร์ทุกตัวมีโอกาสที่จะดรอปการ์ด

 

หลังจากหน้าจอแจ้งเตือนค่าประสบการณ์ที่ขึ้นมาตามปกติแล้ว ปรากฏว่าอยู่ดีๆ ก็มีหน้าจอแจ้งเตือนอีกอันซ้อนขึ้นมา

 

“เอ๊ะ? เอ๊ะ? ระบบการ์ด…มันคืออะไร?”

 

แต่ก่อนที่ผมจะทันได้พูดอะไร อยู่ๆ โซโซที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ผมก็อุทานขึ้นมาซะก่อน ทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่าผมไม่ใช่คนเดียวที่ได้เปิดใช้งานระบบการ์ด

 

“อย่าพึ่งพูดอะไรล่ะโซโซ เอาไว้คุยกันหลังจากนี้อีกที”

 

ผมรีบหันไปบอกกับโซโซที่กำลังยืนขมวดคิ้วอยู่ ก่อนที่เธอจะพยักหน้าให้ ในขณะเดียวกันปาร์ตี้ของดัลลี่ก็กำลังวิ่งเข้ามาหาพวกผมอย่างรวดเร็ว

“สุดยอดไปเลยเจ้าหนู! ใครจะไปเชื่อว่าแค่ยิงธนูไปแค่สองดอกก็สามารถจัดการเจ้าบอสนั่นได้!”

 

ชายคนที่ถือโล่เป็นคนมาถึงคนแรก ก่อนที่คนอื่นๆ จะค่อยๆ ทยอยมาถึง

 

ผมรีบส่งคันธนูคืนให้กับชายที่น่าจะชื่อว่ามาคัสทันที

 

“ขอบคุณสำหรับธนูนะครับ ถ้าไม่ได้มันผมคงจัดการเจ้าบอสนั่นไม่ได้”

 

ชายที่ชื่อมาคัสส่ายหน้าปฏิเสธ ก่อนที่ชายที่ถือโล่อยู่จะเป็นคนตอบแทน

 

“เจ้าหนูเก็บไว้เถอะ ถือว่าเป็นของตอบแทนที่ช่วยพวกเราก็แล้วกัน”

 

“งะ งั้นเหรอครับ ขอบคุณนะครับ”

 

“ขอบคุณอะไรกัน พวกข้าต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอบคุณ แล้วอีกอย่างถ้าไม่ได้เจ้า พวกเราก็คงได้ตายกันหมดทั้งหน่วยนั่นแหละ…อ่อ! จริงสิ ข้าชื่อโทมัส เป็นหัวหน้าหน่วย ส่วนเจ้านี่ชื่อดัลลี่ ส่วนหมอนั่นชื่อมาคัส…ส่วนนั่นก็ธีโม่ กับ เพต้า พวกเราเป็นหน่วยลาดตระเวนของหมู่บ้านโทเดนน่ะ”

 

โทมัสกล่าวตอบก่อนที่จะค่อยๆ แนะนำคนอื่นๆ ในปาร์ตี้ โทมัสเป็นชายรูปร่างสูงใหญ่เหมือนกับชาวยุโรปในโลกก่อน ผมสีทองที่ถูกตัดสั้นเป็นทรงเหมือนทหารอเมริกันในหนัง เขาอยู่ในชุดเกราะเหล็ก แถมยังมีกล้ามเป็นมัดๆ จนดูค่อนข้างน่ากลัว

 

ส่วนดัลลี่เป็นชายที่รูปร่างค่อนข้างผอม ผมยาวถึงบ่ามีสีดำสนิท แถมการแต่งตัวก็ออกโทนสีดำไปหมดจนดูไม่ออกว่าจะเป็นสายอาชีพผู้รักษา

มาคัสเป็นชายรูปร่างคล้ายๆ กับโทมัส เพียงแต่ตัวเล็กกว่านิดหน่อย ผมสีทองเช่นเดียวกับโทมัส…บางที่ทั้งสองคนอาจจะเป็นพี่น้องกันล่ะมั้ง?

 

แล้วก็ธีโม่กับเพต้า พวกเธอทั้งสองคนเป็นผู้หญิง หน้าตาถือว่าสวยงามตามปกติของคนส่วนใหญ่ในโลกใบนี้ที่หาคนหน้าตาไม่ดีได้ยากสุดๆ ธีโม่มีผมยาวสีเทาเข้ม ในมือของเธอมีไม้เท้าเวทที่สูงกว่าตัวเธอที่เป็นคนที่มีรูปร่างเล็กที่ให้ความรู้สึกอยากเข้าไปปกป้อง

 

ส่วนเพต้าเป็นสาวผมแดงในชุดเกราะเบา ที่เอวของเธอเหน็บดาบสั้นอยู่ทั้งสองข้าง บวกกับท่าทางห้าวๆ คล้ายผู้ชายแบบนั้นทำให้อดนึกถึงยูกิขึ้นมาไม่ได้

 

หน่วยลาดตระเวน เป็นสิ่งที่แตกต่างจากนักผจญภัย พวกเขาจะถูกว่าจ้างจากเจ้าเมืองหรือไม่ก็หัวหน้าหมู่บ้านเป็นรายปีเพื่อทำหน้าที่รักษาความสงบของพื้นที่รอบๆ หมู่บ้าน โดยปกติแล้วคนที่สามารถเข้ามาทำหน้าที่แบบนี้ได้จะต้องมีเลเวลค่อนข้างสูง

 

ดังนั้นจึงหายสงสัยว่าทำไมคนเหล่านี้ถึงสามารถปะทะกับบอสได้เป็นเวลานาน

 

“ทางผมชื่อโทระครับ ส่วนนี่ชื่อโซโซครับ”

 

ผมรีบแนะนำตัวเช่นเดียวกัน

 

“อ่อ ฉันนึกออกแล้ว!! ตอนแรกก็คิดอยู่ว่าเหมือนเคยเห็นหน้าที่ไหน…นายคือคนที่จัดการเจ้าหมาบ้าเอกริลซะหมอบคนนั้นนี่เอง!?”

 

หญิงสาวที่ชื่อเพต้าทำท่าเหมือนนึกขึ้นได้ ก่อนจะชี้มือมาที่ผม

 

“เพต้า ชี้มือใส่คนอื่นแบบนั้นมันเสียมารยาทนะ!”

 

หญิงสาวอีกคนเอ่ยขัดขึ้นมา

 

“อ๊ะ! โทษทีๆ มันลืมตัวน่ะ”

 

เพต้าตกใจก่อนที่จะรีบขอโทษ ผมจึงพยักให้ยิ้มๆ

 

“ไม่เป็นไรครับ”

 

“อ่อ นายคือเจ้าหนูนั่นเองเรอะ? เรื่องนั้นเองก็ต้องขอบคุณนายด้วยล่ะนะ…ตอนแรกพวกเราเองก็กำลังจะไปจัดการพอดี แต่ดันโดนนายตัดหน้าไปซะก่อน”

 

“ฮะๆ ไม่เป็นไรครับ ถ้าผมไม่ได้ออกไปตอนนั้น ผมคงไม่ได้รู้จักเพื่อนใหม่ด้วยเหมือนกันครับ”

 

“เอ๊ะ? …เพื่อน…งั้นเหรอ?”

 

โดยไม่มีใครได้ยิน โซโซพูดออกมาอย่างแผ่วเบา

 

“ยังไงก็เถอะพวกเราต้องขอบคุณเจ้าอีกครั้งจริงๆ ที่ช่วยพวกเราไว้”

 

พวกเขาทั้ง 5 คนต่างพร้อมใจกันก้มหัวขอบคุณผมอีกครั้ง

 

“อ๊ะ! ไม่เป็นไรครับ ผมยินดีช่วยอยู่แล้ว รีบเงยหน้าขึ้นเถอะครับ”

 

ผมรีบบอกก่อนที่จะขอให้พวกเขาเงยหน้าขึ้น

 

พวกเขาทั้ง 5 คนเงยหน้าขึ้น ก่อนที่โทมัสจะทำท่าทางเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้

 

“จริงสิ! ยังไงก็อย่าลืมแวะไปรับรางวัลที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้านด้วยล่ะ ข้าจะแจ้งกับหัวหน้าหมู่บ้านไว้ให้”

 

“??”

 

แต่พอเห็นผมทำหน้างงเขาจึงอธิบายเพิ่มเติม

 

“ใครก็ตามสามารถจัดการบอสพื้นที่ได้ หมู่บ้านหรือเมืองในเขตนั้นๆ จะต้องมอบรางวัลพิเศษให้กับคนหรือปาร์ตี้ที่ปราบบอสลงได้ด้วยน่ะ”

 

“อ่อ แบบนี้เอง เข้าใจแล้วครับ ถ้ายังไงพรุ่งนี้เช้าผมจะแวะเข้าไปนะครับ ขอบคุณมากครับคุณโทมัส”

 

“ไม่เป็นไรๆ มันเป็นหน้าที่อยู่แล้ว”

 

คุณโทมัสโบกมือประมาณว่าอย่าคิดมาก

 

“เอาล่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วพวกเราคงต้องขอตัวไปแจ้งเรื่องกับทางหมู่บ้านก่อน จริงๆ ก่อนที่พวกเจ้าจะมา พวกเราก็ส่งคนในหน่วยให้กลับไปแจ้งข่าวก่อนแล้วด้วย คงต้องรีบกลับไปจัดการก่อนที่เรื่องจะวุ่นวายใหญ่โต…เอาไว้ถ้าเจอกันอีก เดี๋ยวข้าขอเลี้ยงข้าวพวกเจ้าสักมือแล้วกันนะ ไปละ”

 

“ได้ครับ เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพนะคับ”

 

ทีมของคุณโทมัสโบกมือลาก่อนที่จะรีบแยกตัวออกไป

 

“คุณโทระสุดยอดไปเลยค่ะ!! ฝีมือการยิงธนูแบบนั้นฉันพึ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกเลยค่ะ!”

 

ทันทีที่พวกคุณโทมัสลับสายตา โซโซก็รีบหันมาชมผมด้วยสายตาเป็นประกาย

 

“ไม่หรอกๆ นักธนูคนอื่นๆ ที่เคยเจอก็ทำแบบนี้ได้กันหมดนั่นแหละนะ”

 

“เอ๋?? พวกเลเวลสูงๆ นี่เก่งแบบนี้กันทุกคนเลยหรอคะ? สุดยอดไปเลยค่ะ เมื่อก่อนฉันเองเคยแต่มีคนพาไปเก็บเลเวล ไม่ค่อยได้สู้เองเท่าไหร่…เลยไม่ค่อยเคยเห็นคนอื่นๆ ตอนสู้น่ะค่ะ”

 

“อ่า…จริงๆ มันเป็นความเคยชินด้วยล่ะ ต้องบอกว่าพอเจอแบบนี้อยู่บ่อยๆ เข้ามันก็ทำได้ไปเองน่ะนะ…จะว่าไงดี ถ้าเทียบกับมอนสเตอร์พวกนั้น เจ้าบอสนี่กลายเป็นน่ารักขึ้นมาเลยล่ะนะ ฮะๆ”

 

ผมได้แต่หัวเราะแห้งๆ ตอบกลับไป พลางนึกถึงการบุกตะลุยใส่ฝูงมอนสเตอร์เลเวล 800 ในอดีต

 

“แต่จะว่าไป ตอนที่คุณโทระจัดการบอสได้ เหมือนฉันจะได้การ์ดแปลกๆ มาใบนึงด้วยล่ะค่ะ แถมยังได้เปิดระบบการ์ดมาด้วย…แต่จะว่าไปแล้วฉันไม่เคยได้ยินว่ามีระบบแบบนี้มาก่อนเลยนะคะ”

 

“หือ? โซโซเองก็ได้การ์ดมาเหมือนกันเหรอ?”

 

พอได้ฟังผมก็ตกใจ ตอนแรกผมคิดว่าพอผมได้การ์ดมา จึงทำให้ทั้งปาร์ตี้ปลดล็อกระบบการ์ดทั้งหมด แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าโซโซเองก็จะได้การ์ดมาด้วยอีกใบ

 

“ใช่ค่ะ ชื่อมันเขียนไว้ว่าเป็นการ์ดราชาหมาป่าโทเดนค่ะ”

 

โซโซพูดจบก็ทำการหยิบการ์ดใบหนึ่งออกมาจากช่องเก็บของ ก่อนที่จะส่งให้ผมดู

 

“เอ๊ะ? ส่งให้ผมดูแบบนี้ไม่กลัวว่าผมจะไม่คืนการ์ดให้เหรอ?”

 

โซโซเอียงคอมองผมเหมือนไม่เข้าใจ

 

“ทำไมต้องกลัวด้วยล่ะคะ…แล้วถ้าจะว่ากันจริงๆ การ์ดใบนี้ก็ควรเป็นของคุณโทระอยู่แล้วด้วยค่ะ เพราะฉันได้แค่ยืนมองอย่างเดียวเอง”

 

“งะ งั้นเหรอ? ฮะๆ”

 

ตอนที่รับการ์ดจากมือเธอมาถือ ผมได้แต่หัวเราะแห้งๆ และเมื่อมองไปที่ท่าทางของโซโซ ภายในดวงตาของเธอช่างดูใส่ซื่อบริสุทธิ์เหลือเกิน

ผมก้มลองมองดูการ์ดราชาหมาป่าโทเดนที่อยู่ในมือ มันเป็นการ์ดทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดน่าจะพอๆ กับไพ่ในโลกเก่า บนการ์ดมีภาพสีของบอสหมาป่าโทเดนที่ดูสวยงามไว้อยู่ ตัวการ์ดเองก็ส่องประกายระยิบระยับทำให้มันดูมีค่าแบบแปลกๆ

 

ผมทำการหยิบการ์ดพื้นที่ราชาหมาป่าโทเดนออกมา รูปร่างและขนาดของการ์ดพื้นที่ราชาหมาป่าโทเดนนั้นเท่ากันกับการ์ดราชาหมาป่าโทเดนทุกประการ มีเพียงภาพของการ์ดเท่านั้นที่แตกต่างกัน

 

ภาพที่ปรากฏอยู่บนการ์ดพื้นที่ราชาหมาป่าโทเดนมันดูเหมือนกับภาพมุมสูงของป่าโทเดนนั่นเอง

 

“ว่าแต่การ์ดพวกนี้เอาไว้ทำอะไรล่ะเนี่ย??”

 

นอกจากชื่อของไอเทมแล้ว ในโลกนี้ไม่มีระบบคำอธิบายเกี่ยวกับไอเทม ดังนั้นผมจึงไม่สามารถบอกได้ว่าการ์ดนี้มันมีประโยชน์หรือความสามารถอะไรกันแน่

 

พลิกการ์ดดูไปๆ มาก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา และเมื่อเห็นโซโซมีท่าทางสนใจก็เลยส่งการ์ดให้เธอดูบ้าง เธอมีท่าทางตกใจนิดหน่อยตอนที่ผมยื่นการ์ดให้ แต่ก็รับไปดูอย่างยินดี

 

ผมยิ้มๆ มองดูท่าทางของเธอ ก่อนที่จะลองเปิดหน้าต่างสเตตัสขึ้นมาดู

 

ชื่อ : โคซากิ โทระ

อายุ : 18 ปี

วันเกิด : 04/04

สถานะ : ติดโทษแห่งความตาย (คงเหลือ 299 วัน) , โสด

อาชีพ : นักดาบโล่ [เปลี่ยน]

เลเวล : 13 (นักธนู Lv.1, พ่อครัว Lv.1, ผู้รักษา Lv.1, นักดาบโล่ Lv.10)

มานา : 15/15

ปาร์ตี้ : คณะท่องโลก – ทีมย่อย Lv.1「จัดการ」

กิลด์ : ไม่มี「จัดการ」

ระบบการ์ด「จัดการ」

 

ค่าสถานะ

พลังกาย : 35 + 13

การตอบสนอง : 13 + 13

พลังเวท : 16 + 0

สายตา : 25 + 0

สัมผัสกลิ่น : 15 + 0

สัมผัสเสียง : 14 + 0

สัมผัสรส : 14 + 0

ชำนาญมือ : 26 + 0

ชำนาญขา : 24 + 0

แต้มพิเศษ : 0 (26)

 

สกิล

นักธนู

– ชำนาญธนู Lv.1

พ่อครัว

– ชำนาญเครื่องครัว Lv.1

ผู้รักษา

– รักษาบาดแผล Lv.1

นักดาบโล่

– ชำนาญดาบมือเดียว Lv.5

– ชำนาญโล่ Lv.3

– โล่กระแทก Lv.3

– โล่ดูดซับ Lv.1

 

และทันใดนั้นสายตาของผมก็ไปโฟกัสที่คำว่า “ระบบการ์ด” ที่กำลังแสดงผลอยู่ในหน้าจอสเตตัสของผมอยู่ในขณะนี้

 

“นี่มัน…”

To-ra Story : คณะท่องโลกของนายโทระ

To-ra Story : คณะท่องโลกของนายโทระ

Status: Ongoing
ตั้งแต่ที่ได้มาอยู่ที่โลกนี้ เวลาก็ผ่านไป 6 ปีแล้ว แล้วก็…ทั้งๆที่รู้คำตอบอยู่แล้ว แต่ก็ยังดื้อดึง สุดท้ายก็พ่ายแพ้กลับมา แต่ในเมื่อไม่มีอะไรคาใจแล้ว…ก็ขอออกไปท่องโลกกว้างดูสักครั้งแล้วกัน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท