คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 486 ทำลายคำสาปเลือด

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 486 ทำลายคำสาปเลือด

เมื่อฉินหลิวซีและคนอื่นๆ ปรากฏตัวในดินแดนของตระกูลซือ ทำเอาหัวหน้าเผ่าผู้เฒ่าตกใจไม่น้อย เมื่อรู้ว่าจะทำลายคำสาปเลือด ก็รีบเข้าไปในดินแดนต้องห้ามทันที

“ท่านอาจารย์ แม่มดพ่อมดคนอื่นๆ ยังมาไม่ได้ แล้ว…” หัวหน้าเผ่าผู้เฒ่ากังวลเป็นอย่างมาก

จู่ๆ ก็จะทำลายคำสาปเลือดนั้นกะทันหันเกินไป บรรดาพ่อมดแม่มดที่ออกจากตระกูลซือยังติดต่อไม่ได้ อีกทั้งยังมีทรัพย์สินตระกูลซือที่พึ่งจะจัดการได้อย่างเหมาะสม นอกเหนือจากการบริจาคเงินและสิ่งของเครื่องใช้จำนวนมากให้กับสำนักการกุศลใหญ่แต่ละสำนักในฤดูหนาวนี้แล้ว เงินก้อนใหญ่ก็ยังไม่ทันได้ส่งออกไป

ตามที่ฉินหลิวซีเอ่ย การทำบุญอะไรเหล่านั้น จะสามารถสั่งสมได้ก่อนหรือไม่

“ไม่ทันแล้ว” ฉินหลิวซีอุ้มซือเหลิ่งเย่ว์ไปยังเรือนพักเดิมของซือชิ่ง เอ่ยว่า “ชะตาชีวิตของนางเปลี่ยนผันแล้ว หากไม่ทำลายตอนนี้ เกรงว่าจะอยู่ไม่ถึงตรุษจีนแล้ว”

หัวหน้าเผ่าผู้เฒ่าจิตใจระส่ำระสายรีบให้อาฉีหลานชายของตัวเองพาคนไปจุดคบเพลิงที่เรือนเก่าก่อน แล้วเตรียมทุกอย่างไว้ให้พร้อม

ในดินแดนเผ่าตระกูลซือ ลมบนภูเขาส่งเสียงครวญคราง อากาศเหน็บหนาวเข้าไปถึงกระดูก มีเกล็ดหิมะตกลงมาจากท้องฟ้าลงบนตัวของทุกคน

ฉินหลิวซีรู้สึกว่าร่างกายของซือเหลิ่งเย่ว์เริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆ ก้มหน้ามองดู เห็นว่าดวงตาทั้งสองข้างของนางปิดสนิท จึงกอดไว้แน่นขึ้น

เรือนพักเดิมของแม่มดศักดิ์สิทธิ์ได้สว่างเจิดจ้าขึ้นแล้ว

ฉินหลิวซีวางซือเหลิ่งเย่ว์ลง ให้คนเทหิมะลงไปในอ่างอาบน้ำที่เตรียมไว้นานแล้ว จากนั้นก็มองไปยังเฟิงซิว

เฟิงซิวนำน้ำแข็งที่นำกลับมาด้วยก่อนหน้านี้ใส่ลงไปในถังหิมะ ทันใดนั้นหิมะในอ่างอาบน้ำก็เริ่มแข็งตัวและเย็นขึ้น

เจ้าอาวาสชิงหลานเหลือบมองแล้วถามว่า “ต้องการให้ข้าทำสิ่งใด”

ฉินหลิวซีเอยตอบ “ท่านอาจารย์ลุง ข้าต้องการวางค่ายอาคมตะเกียงเจ็ดดาวต่อชะตา”

เจ้าอาวาสชิงหลานตกใจ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “แม่หนู นั่นเป็นการเปลี่ยนชะตาชีวิตโดยขัดต่อเจตจำนงค์ของสวรรค์ การลงโทษของสวรรค์ที่เจ้าต้องรับนั้นไม่เบาเลย”

“อาจารย์ข้าบอกแล้วว่าไฟนรกสามารถแผดเผาทุกสรรพสิ่งและบาปกรรมได้ ข้ากลัวว่านางจะทนไม่ไหวจนวิญญาณแตกสลายไป”

เจ้าอาวาสชิงหลานอ้าปากค้าง อยากจะบอกว่ามิตรภาพของพวกเจ้าต้องถึงขั้นนี้เลยหรือ

“ไม่เป็นไร เพียงแค่ป้องกันไว้” ฉินหลิวซีเม้มริมฝีปาก “ข้าเป็นบุตรแห่งสวรรค์ หากจะลงโทษข้า จะให้ข้าถึงตายเลยหรือ ไม่ว่าเสือจะร้ายแค่ไหนก็ไม่ทำร้ายลูกของมัน”

สวรรค์ ‘เหอะๆ จะทำให้เจ้าเหมือนตายไปแล้วครึ่งหนึ่งดีหรือไม่’

เจ้าอาวาสชิงหลานยังอยากจะเอ่ยบางอย่าง แต่ฉินหลิวซีเอ่ยขึ้นมาก่อนว่า “ท่านอาจารย์ลุง สิ่งเหล่านี้ข้าได้ชั่งใจมาแล้ว หากข้ากลัว ข้าก็คงไม่รับงานนี้ตั้งแต่แรก ในเมื่อรับมาแล้วก็ไม่มีเหตุผลที่จะยอมแพ้กลางคัน นี่ไม่ใช่นิสัยของข้า”

“ช่างเถิด” เจ้าอาวาสชิงหลานเอ่ยว่า “ข้าจะปกป้องค่ายอาคมเอง”

ฉินหลิวซีพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

ไม่ควรรอช้า ทุกคนที่สามารถช่วยเหลือได้ต่างก็ระดมกำลังกัน

ฉินหลิวซีนำตะเกียงสวรรค์เจ็ดดวงที่เตรียมไว้ออกมา เริ่มวางค่ายอาคม จัดเรียงให้เป็นรูปดาวเหนือเจ็ดดวง จากนั้นก็วางตะเกียงเล็กสี่สิบเก้าดวงไว้ด้านนอกดาวทั้งเจ็ด ส่วนอ่างอาบน้ำถูกวางไว้ตรงกลางค่ายอาคม

เถิงเจาเริ่มท่องมนต์จุดตะเกียง ตะเกียงเล็กๆ เริ่มส่องสว่างในมือของเขาทีละดวง ส่วนตะเกียงหลักเจ็ดดาว ฉินหลิวซีเป็นคนจุดด้วยตัวเอง

เจ้าอาวาสชิงหลานรับผิดชอบนำยันต์ที่ฉินหลิวซีวาดไปติดไว้ตามที่ต่างๆ

เมื่อซือถูตื่นขึ้นมา รู้สึกราวอยู่ในความฝัน เมื่อเห็นเฟิงซิว ม่านตาของเขาพลันหดลง อยากจะตะโกนว่าปีศาจแต่กลับถูกสายตาของอีกฝ่ายแช่แข็งจนกลายเป็นก้อนน้ำแข็ง

“การทำลายคำสาปเลือดจะเริ่มขึ้นเดี๋ยวนี้แล้ว หากมีเวลาว่างไม่สู้ไปดูบุตรสาวของเจ้าสักหน่อย” เฟิงซิวเอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

ซือถูตกใจ กึ่งกลิ้งกึ่งคลานไปอยู่ที่ข้างกายซือเหลิ่งเย่ว์ เอื้อมมือไปจับ

เปลือกตาของซือเหลิ่งเย่ว์ขยับเล็กน้อย ลืมตาขึ้นมา เมื่อเห็นซือถูก็ขยับริมฝีปาก “ท่านพ่อ”

เมื่อซือถูอ้าปาก น้ำตาก็ไหลพรากออกมาก่อน ใช้หลังมือเช็ด “พ่ออยู่นี่ เจ้าไม่ต้องกลัว”

“ข้าไม่กลัว”

ภายใต้การแนะนำของหัวหน้าเผ่าผู้เฒ่า ฉินหลิวซีนำภาพเหมือนที่มีพลังจิตวิญญาณของซือชิ่งมากที่สุดไปไว้ด้านหน้าค่ายอาคม จุดธูปบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นจึงเอ่ยว่า “หากวิญญาณของท่านรับรู้ หรือมีความห่วงหาอาทร ขอให้ท่านช่วยลูกหลานของท่านด้วย”

ปักธูปลงในกระถางธูป ควันธูปอันเบาบางลอยล่องขึ้น

ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว

ถึงยามจื่อ[1]แล้ว

ฉินหลิวซีมาอยู่ตรงหน้าซือเหลิ่งเย่ว์ เมื่อเห็นว่านางตื่นอยู่จึงเอ่ยว่า “ได้เวลาแล้ว”

ซือเหลิ่งเย่ว์พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “รบกวนเจ้าแล้ว”

“เจ้าวางใจได้ ข้าจะอยู่อย่างใกล้ชิด” ฉินหลิวซีหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ดแล้วป้อนให้นาง “นี่คือยาเจ็ดสมุนไพรวิเศษคืนชีพ ในเม็ดยามีวัตถุดิบยาอันล้ำค่า และยังมีเตรียมไว้อยู่อีก จะทำให้ร่างกายของเจ้าแข็งแกร่งขึ้น”

ซือเหลิ่งเย่ว์กลืนลงไป รู้สึกถึงความอบอุ่นที่แล่นผ่านไปยังแขนขาของนาง ขจัดความหนาวเย็นบางส่วนออกไป

นางมองฉินหลิวซีพลางเอ่ย “หากไม่สำเร็จ เจ้าก็ยอมแพ้ อย่าได้แบกรับห้าโทษสามวิบัติเพราะข้ามากเกินไป ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตที่ขัดเจตจำนงค์สวรรค์ แล้วก็ไม่ต้องโทษตัวเอง เพราะนี่ล้วนเป็นชะตากรรมตระกูลซือของพวกเรา”

“อย่าพูดเช่นนี้ เจ้าเคยบอกเองว่าอยากจะลองต่อสู้กับสวรรค์” ฉินหลิวซีกุมมือนางไว้ “เช่นนั้นข้าจะสู้ไปกับเจ้า”

ซือเหลิ่งเย่ว์ยิ้ม “จริงๆ แล้วอยากจะรอสักสองสามปีก่อนค่อยทำลายคำสาปเลือด เพราะว่าเวลาที่ข้าได้รู้จักกับเจ้านั้นสั้นเกินไป”

“ยังมีเวลาอีกมากในอนาคต ข้ายังต้องให้เศรษฐีนีอย่างเจ้ามาเลี้ยงดูข้า” ฉินหลิวซีแสร้งทำเป็นร่าเริงพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ได้เวลาแล้ว ให้อาฉาถอดเสื้อคลุมของเจ้าออก”

ฉินหลิวซีมองไปยังอาฉาที่กำลังเช็ดน้ำตา เอ่ยกำชับ “เหลือไว้เพียงเสื้อซับในก็พอ อุ้มนางไปไว้ในอ่างอาบน้ำ”

“เจ้าค่ะ”

ซือถูอดร้องไห้ไม่ได้

“ท่านออกไปเถิด” ฉินหลิวซีเอ่ย

“ทำไม”

“หากท่านเอาแต่ร้องไห้ ข้าก็จะฟุ้งซ่าน เมื่อข้าฟุ้งซ่านก็จะเกิดการผิดพลาด เมื่อเกิดการผิดพลาด นางก็จบเห่”

ซือถู ‘เจ้าก็บอกมาเลยว่าข้าเป็นภาระ!’

เขามองไปยังซือเหลิ่งเย่ว์ เอ่ยว่า “เย่ว์เอ๋อร์ พ่อจะรอเจ้า เจ้าต้องผ่านมันไปให้ได้ หากเจ้าไม่มีชีวิตรอด พ่อก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากไปหาแม่ของเจ้าพร้อมกับเจ้า”

ซือเหลิ่งเย่ว์ถอนหายใจ

ซือถูเดินออกไปนอกห้อง ไม่กล้าไปไหนไกลจึงย่อกายลงอยู่ตรงหน้าประตู ฟังเสียงการเคลื่อนไหวข้างใน จากนั้นก็หยิบรูปปั้นดินเผาเล็กๆ ออกมาจากแขนเสื้อ นี่คือของภรรยาเขา

“ภรรยาข้า หากเจ้ารับรู้ได้ จะต้องปกป้องเย่ว์เอ๋อร์ของพวกเราด้วย”

ซือเหลิ่งเย่ว์ถูกวางลงในถังหิมะโดยสวมเสื้อซับในสีขาวหิมะ ความหนาวเย็นทำให้นางอดสะดุ้งไม่ได้ นางสั่นเทาไปทั้งตัว

เมื่อเฟิงซิวเห็นว่าใบหน้าเล็กๆ ของนางซีดขาวราวกับหิมะจึงมอบพลังปีศาจให้นางอย่างไม่เต็มใจ

ซือเหลิ่งเย่ว์รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่จู่ๆ นางก็ไม่รู้สึกหนาวอีกต่อไป

นางนั่งขัดสมาธิในถังอย่างสงบนิ่ง

ฉินหลิวซีนำกล่องโลงศพขนาดเล็กออกมา วางไว้ในค่ายอาคมปราบสิ่งชั่วร้าย จุดธูป หยิบกระบี่ทองแดงเจ็ดดาวโบราณขึ้นมา เริ่มเดินตามตำแหน่งดาว ปากท่องบดสวดเทพจินกวง[2] “ใต้หล้าและปรภพ รากฐานของสรรพสิ่ง…”

บทสวดเทพจินกวงใช้เพื่อขัดเกลาวิญญาณ ปกป้องร่าง กำจัดมาร ขับไล่วิญญาณ ปราบพลังปีศาจ ฟื้นฟูทุกสิ่งให้กระจ่างแจ้งแจ่มชัด

ตอนที่นางร่ายคาถา เฟิงซิวรู้สึกไม่สบายเล็กน้อย ร่างกายเลือนลางจึงหลบออกไป

เจ้าอาวาสชิงหลานเห็นแสงสีทองจางๆ บนร่างกายของนางจึงอดประหลาดใจไม่ได้ สหายเก่าข้าได้สมบัติอันล้ำค่าเข้าแล้วจริงๆ

เถิงเจามองดูการเคลื่อนไหวและฝีเท้าของฉินหลิวซี จดจำไว้ในใจ ทันใดนั้นสายตาของเขาพลันสั่นไหว มองไปยังโลงศพเล็กๆ ในค่ายอาคมปราบสิ่งชั่วร้าย

ปรากฏว่าตอนที่ฉินหลิวซีท่องถึงส่วนปลายของบทสวดเทพเจ้า โลงศพขนาดเล็กก็เริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ราวกับมีเสียงกรีดร้องดังขึ้น ซึ่งทำให้คนปวดแก้วหู และด้านในโลงศพขนาดเล็ก รัศมีชั่วร้ายสีดำราวกับหมึกหนาพุ่งออกมาจากช่องว่าง มีบางอย่างต้องการพุ่งออกมา

ปัง

ฝาโลงศพขนาดเล็กถูกกระแทกเปิดออก เสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นสู่ท้องฟ้า สิ่งที่อยู่ข้างในกำลังจะลอยออกมา

“ไฟนรกของข้า ไม่ว่าผ่านไปที่ไหน ขจัดบาปและอุปสรรค เผาชำระบาปทั้งหมด เพี้ยง” กลุ่มไฟนรกออกมาจากแรงอธิษฐาน ตกลงบนโลงศพขนาดเล็กนั่น

ครื้น

ไฟนรกดั่งสายรุ้ง เสียงฟ้าร้องดังครืน

[1] ยามจื่อ เวลาห้าทุ่มถึงตีหนึ่ง

[2] บทสวดเทพจินกวง หนึ่งในแปดบทสวดมนต์อันศักดิ์สิทธิ์ในพระสูตรของลัทธิเต๋า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

  1. Kanoomping พูดว่า:

    กำลังสนุกเลยเรื่องนี้ครบรสจริงๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท