ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ – ตอนที่ 83 การรุกรับ (ทางกายภาพ) ในงานราตรี

ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

 

วืด

 

เมื่อเผชิญกับฝ่ามือที่รุกไล่เข้ามา เฮเลนาก็หลบหลีกด้วยการเอี้ยวคอเล็กน้อย

นี่ไม่ใช่ทั้งการโจมตีอาศัยช่องโหว่หรือการโจมตีจากมุมบอดด้วยซ้ำ การจู่โจมที่มองออกได้ง่ายเช่นนี้ย่อมไม่มีทางแตะต้องเฮเลนาได้เด็ดขาด

หากโจมตีอย่างมองออกง่ายซะขนาดนี้ ต่อให้เป็นการโจมตีของบาร์โตโลเมเธอก็คงสามารถหลบหลีกมันได้อย่างง่ายดาย เกรงว่าคู่ต่อสู้ที่สามารถเข้ามาตบเฮเลนาอย่างซึ่งหน้าแล้วเธอไม่สามารถหลบได้นั้นคงจะมีแต่แม่ของเธอเองเท่านั้นแหละ

 

และผู้ที่อยู่ตรงหน้าก็คือเด็กผู้หญิงซึ่งเธอไม่เคยเห็นมาก่อน

แม้เค้าหน้าจะดูคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก แต่ในเมื่อดูยังไงก็ไม่มีทางเคยพบกันเมื่อตอนเป็นเด็ก ดังนั้นนี่น่าจะเป็นบุคคลที่เธอไม่รู้จัก และเฮเลนาเองก็ไม่ได้ใจดีขนาดยินยอมรับการโจมตีโดยไม่บอกกล่าวของเด็กผู้หญิงที่เธอไม่รู้จักมักคุ้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเธอคนนี้เป็นญาติหรือครอบครัวของผู้เสียชีวิตที่เธอได้สังหารไปในสนามรบ นั่นก็ยิ่งแล้วใหญ่

เหล่าผู้ที่ตกตายในสมรภูมิ ได้ตายไปจากการเดิมพันชีวิตของตนในสมรภูมิแห่งนั้น ไม่มีความจำเป็นที่เธอต้องมาถูกโกรธแค้นเกลียดชังด้วยเรื่องนั้นเลย

 

“เอ๋!?”

 

ทว่าเด็กผู้หญิงตรงหน้านั้น หลังจากลูกตบของตนเองถูกหลบหลีกไปได้โดยง่ายไม่ทันไรร่างกายของเธอก็เสียหลักไปซะแล้ว

พูดตามตรงแล้วคือมีแต่ช่องโหว่เต็มไปหมด ช่องโหว่มากขนาดที่ว่า หากที่นี่เป็นสนามรบและเด็กผู้หญิงเป็นศัตรูของเฮเลนาล่ะก็ เฮเลนาคงสามารถฆ่าเธอให้ตายไปได้เป็นสิบรอบแล้ว

ทว่าเฮเลนาก็ไม่ได้โจมตีออกไป

จะอย่างไรที่นี่ก็คือในราชสำนักและยังเป็นงานราตรีอีกด้วย เธอไม่ควรจะทำอะไรให้มันคาวเลือดเช่นนั้น

 

ทว่า แม้เด็กผู้หญิงจะถูกเฮเลนาหลบการจู่โจมไปได้อย่างง่ายดาย แต่เธอก็ยังจ้องเขม่นเฮเลนาอยู่ไม่เลิกรา

 

“ฮึ่มมม!”

 

“……?”

 

แค่มองหน้าดูก็รู้แล้วว่าเด็กหญิงนั้นกำลังมีน้ำโหมากขนาดไหน

ทำไมถึงได้ถูกโกรธมากขนาดนี้เธอเองก็ไม่เข้าใจสักนิด

 

“มีธุระอะไรกับข้างั้นรึ?”

 

“……!”

 

ดังนั้นเธอจึงถามออกไปเช่นนั้น

ทว่าเด็กหญิงกลับไม่ตอบ และเข้ามาฟาดฝ่ามือใส่เฮเลนาโดยไม่พูดจาอีกครั้ง

‘วืด’ แน่นอนว่าเธอก็หลบ

 

หากคู่ต่อสู้เป็นเด็กผู้หญิงคนนี้ ต่อให้เฮเลนาจะถูกสั่งห้ามไม่ขยับแม้แต่ก้าวเดียวและห้ามใช้มือทั้งสองข้าง เฮเลนาก็คงจะสามารถเอาชนะได้อยู่ดี เธออ่อนแอจนถึงขนาดทำให้คิดแบบนั้นทีเดียว

ทว่า—ความอ่อนแอนั้น ในบางครั้งมันก็รับมือได้ยาก

แม้เฮเลนาจะสามารถหลบหลีกได้อย่างง่ายดายตามที่เห็นอยู่นี้ แต่ในทางกลับมันก็ยากสำหรับเธอที่จะโจมตีสวนกลับไป มันอดคิดไม่ได้ว่าแค่เฮเลนาตบแก้มกลับไปเบา ๆ ลำคอบางนั้นมันอาจจะหักไปเลยก็ได้

 

 

“อ๊า! ปัดโธ่!”

 

“……?”

 

เด็กหญิงลงมือตบใส่เฮเลนาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

และเฮเลนาก็หลบหลีกมันได้ในทุกครั้ง

เธอไม่ได้ต้องใช้สมาธิจดจ่ออะไรเป็นพิเศษในการหลบด้วยซ้ำ เพราะ ‘เนตรจิต’ กับ ‘อาณาเขต’ ของเฮเลนานั้นมันไม่ใช่ของที่เปิดปิดได้ตามใจ โดยพื้นฐานแล้วมันจะคว้าจับข้อมูลอะไรสักอย่างมาอยู่ตลอดเวลา ซึ่งก็แปลว่าแม้แต่การเคลื่อนไหวที่ดูออกง่ายเหลือเกินของเด็กหญิงคนนี้ก็ได้ถูกอ่านไปหมดแล้ว และไม่ว่าเธอจะเคลื่อนไหวอย่างไรเฮเลนาก็สามารถคาดเดาได้อย่างแม่นยำ

หมายความว่า ไม่ว่าเด็กหญิงผู้นี้จะจู่โจมใส่เฮเลนามากแค่ไหน มันก็ไม่มีทางเข้าเป้าแม้แต่ครั้งเดียว

 

“ไหงงั้นเล่า!”

 

“เอ่อ ทางนี้ต่างหากที่อยากจะถามน่ะ”

 

“ทำไมไม่โดนเลยล่ะ!”

 

‘ฟิ้ว ฟิ้ว’ เสียงลูกตบที่ถูกฟาดออกซ้ำไปซ้ำมา

‘วืด วืด’ เสียงเฮเลนาหลบหลีกอย่างต่อเนื่อง

 

การเคลื่อนไหวของทั้งสองนั้นลื่นไหลจนดูเหมือนเป็นการแสดงร่ายรำชนิดหนึ่ง แม้จะไม่ได้มีการเตี๊ยมกันมาก่อนแม้แต่น้อยแต่เทคนิคที่สูงล้ำเกินไปของเฮเลนาก็ทำให้เกิดเป็นสถานการณ์นี้ขึ้น

ระหว่างที่หลบหลีกลูกตบไปเรื่อย ๆ เฮเลนาที่รู้สึกคอแห้งอยู่แล้วจึงหยิบแก้วบนโต๊ะขึ้นมา

เธอลองสูดดมกลิ่นดูเล็กน้อย และกลิ่นแอลกอฮอล์ที่รุนแรงก็ลอยเตะจมูกจนเธอหน้าต้องทำหน้ายู่ ดังนั้นเธอจึงวางแก้วกลับลงไปที่โต๊ะอีกครั้ง แล้วก็หยิบแก้วอีกใบหนึ่งขึ้นมาแทน อนึ่ง ตลอดระหว่างนี้เธอได้หลบลูกตบไปสี่ครั้งถ้วน

และเมื่อตรวจสอบแล้วว่าของเหลวในแก้วที่หยิบขึ้นมาคราวนี้ไม่ได้มีแอลกอฮอล์เข้มข้นมากนัก เธอก็เอาเข้าปากเพื่อมอบความชุ่มชื้นให้ลำคอ ดูเหมือนเธอจะคอแห้งมากกว่าที่คิดจึงเผลอถอนหายใจออกมาด้วยความชื่นใจเลยทีเดียว

 

“เดี๋ยวสิ!?”

 

“อ่า ทำไมเจ้าไม่ยอมแพ้ไปซะทีล่ะ?”

 

“ไหงงั้นอ่ะ!? ทำไมหลบไปพลางดื่มสุราไปด้วยล่ะ!?”

 

“แม้ร่างกายจะเคลื่อนไหวแค่ไหน ตราบใดที่แก่นกลางไม่สั่นคลอนน้ำก็จะไม่หก”

 

“ใครเขาถามเรื่องนั้นกัน!?”

 

ฟิ้ว วืด

ฟิ้ว วืด

ฟิ้ว วืด

 

เฮเลนาหลบหลีกการจู่โจมต่าง ๆ นา ๆ ของเด็กหญิงไปด้วยพลางดื่มสุราในแก้วจนหมด และในขณะที่กำลังจะยื่นมือไปหยิบแก้วที่สองนั่นเอง เด็กหญิงก็ได้ก้มหน้าลงไปอย่างอดสู

ดูเหมือนจะเหนื่อยแล้วสินะ ขาดแรงกายพอ ๆ กับฟรองซัวส์และคลาริสซาเลยแฮะ

 

“แฮ่ก แฮ่ก……!”

 

“ว่าแต่ว่าเจ้าคือใครงั้นรึ? ข้าคิดว่าไม่น่ามีเหตุผลให้ข้าต้องถูกเจ้าเพ่งเล็งเลยนะ”

 

“ขึ่ก……!”

 

‘กรอด’ เด็กหญิงกัดฟัน

จากการรุกรับที่ดำเนินต่อเนื่องนับครั้งไม่ถ้วน เด็กหญิงจึงเหงื่อท่วมไปหมดแล้ว แม้แต่ทรงผมก็เสียทรง ลมหายใจหอบแรง

แต่เฮเลนานั้นไม่มีความเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย

 

“ยังไงฉันก็ไม่มีทางอภัยให้เธอเด็ดขาด!”

 

“……หมายความว่าไงรึ?”

 

“หญิงสูงอายุอย่างเธอน่ะ ไม่เหมาะสมจะเป็นชายาเอกหรอก!”

 

“ฮืม……”

 

ก็จริงอยู่ว่าเฮเลนานั้นอายุมากกว่าเด็กผู้หญิงคนนี้มาก บางทีอาจมากกว่าถึงเท่าตัวเลยด้วยซ้ำ

ทว่านั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่เธอจะต้องมาโดนเด็กผู้หญิงคนนี้ต่อว่า เฮเลนาเองก็เข้าใจเรื่องอายุของตนเองดี ทว่าฟาร์มาสก็ยังเลือกไว้ใจเธอทั้งที่รู้เรื่องนั้น หากข้องใจอยากบ่นก็ควรจะไปบ่นกับฟาร์มาสดีกว่าที่จะมาบ่นกับเฮเลนา

แต่ยังไงก็คงจะไปบ่นกับจักรพรรดิตรง ๆ ไม่ได้จริง ๆ ล่ะเนอะ

 

“แล้ว เจ้าเป็นใครกันล่ะ?”

 

“อึก……จ จะบอกว่าไม่รู้จักฉันงั้นรึ!?”

 

“โทษทีนะ แต่ที่ผ่านมาข้าใช้ชีวิตโดยแทบไม่ได้ข้องแวะกับสังคมชั้นสูงเลย เจ้าคงจะเป็นคุณหนูตระกูลไหนสักตระกูลสินะ แต่ข้าก็ไม่รู้หรอก”

 

“ก โกหก……!”

 

เด็กหญิงกัดฟันแน่นขึ้นไปอีกจนแทบจะได้ยินเสียงดัง ‘กรอด’

ที่ผ่านมาก็ดูมีน้ำโหพอสมควรแล้ว ตอนนี้กลับยิ่งโกรธขึ้นไปอีก ที่เฮเลนาพูดมันไปแตะเกล็ดย้อนอะไรของเธอเข้ารึไงกันนะ

 

“หนอยแน่ะ!”

 

“โอ๊ะ”

 

เด็กหญิงพยายามจะตบทีเผลออีกครั้งแต่เฮเลนาก็คาดการณ์และหลบได้อย่างง่ายดาย

ความจริงจะใช้วิธีปัดออกไปก็ได้ แต่แขนบาง ๆ แบบนี้ขืนโดนเฮเลนาฟาดใส่เข้ามันอาจจะหักเอาได้ อันที่จริงแล้วเธอคิดว่าลูกตบที่ฟาดออกมาด้วยแขนเช่นนี้ หากเข้าเป้าจริง ฝ่ายที่จะเจ็บมากกว่าอาจไม่ใช่เฮเลนาแต่เป็นตัวของเด็กหญิงเองด้วยซ้ำ

เด็กหญิงกำลังทำท่าจะตบใส่เฮเลนาต่อไปอีก—

 

“แองเจลิกา!”

 

เมื่อได้ยินเสียงตะโกนนั้น เด็กหญิงก็สะดุ้งตัวสั่น แล้วก็ชักมือกลับ

เจ้าของเสียงที่มาห้ามปรามเด็กหญิงนั้นก็คือ—ฟาร์มาส

 

“อุ……!”

 

ฟาร์มาสค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้เด็กหญิงที่หยุดเคลื่อนไหว—เข้ามาใกล้แองเจลิกา

ฝ่ายเฮเลนาก็คิดว่า ‘ในที่สุดก็จะได้ดื่มอย่างสงบซะที’ จึงซดสุราอ่อน ๆ เข้าปากสักหนึ่งอึก พลางมองดูฟาร์มาสที่กำลังเข้ามาหา

แต่ดูเหมือนทางนั้นเองก็กำลังโกรธนิดหน่อยเหมือนกันแฮะ

 

“ทำอะไรอยู่ แองเจลิกา”

 

“……”

 

“เจ้ากำลังทำอะไรกับเฮเลนาของข้าอยู่ แองเจลิกา ตอบมาสิ”

 

เฮเลนาไปเป็นของของฟาร์มาสตั้งแต่เมื่อไรกันนะ

แม้จะเกิดความสงสัยขึ้นมาเช่นนั้นชั่วขณะหนึ่ง แต่พอลองนึกดูดี ๆ เฮเลนาก็อยู่ในวังหลังอยู่แล้ว ดังนั้นหากบอกว่าเธอเป็นของของฟาร์มาสมันก็เป็นความจริงที่ไม่มีข้อโต้แย้งอะไรได้เลย

ทางด้านแองเจลิกาที่กำลังถูกฟาร์มาสคาดคั้นก็ก้มหน้างุด มีน้ำตาซึมในดวงตา

 

“ส……”

 

“สะ?”

 

“เสด็จพี่บ้าที่สุด—!”

 

แองเจลิกาตะโกนเช่นนั้นก่อนจะหันหลังใส่ฟาร์มาสและวิ่งออกไป

ตอนนั้นเองเฮเลนาก็เข้าใจความสัมพันธ์ของทั้งสองคนในที่สุด

จะว่าไปแล้วลูเครเซียก็เคยบอกไว้นี่นา ว่าบุตรของดีลจักรพรรดิองค์ก่อนมีแค่ฟาร์มาสกับน้องสาวเท่านั้น

เจ้าหญิงเพียงคนเดียวของจักรพรรดิองค์ก่อน และน้องสาวเพียงคนเดียวของจักรพรรดิองค์ใหม่

ถ้าจำไม่ผิด ชื่อของเธอน่าจะเป็น—แองเจลิกา ดีล ลูเครเซีย กันเกรฟ

 

“ให้ตายสิ……เฮเลนาเอ๋ย ไม่บาดเจ็บตรงไหนใช่ไหม”

 

“……ค่ะ”

 

ไม่มีทางบาดเจ็บอยู่แล้ว

ต่อให้มีแองเจลิกาบุกเข้ามาเป็นกองพัน เฮเลนาก็มั่นใจว่าเธอจะสามารถกำราบได้อย่างหมดจด

 

“โทษทีนะ เจ้าคนนั้น……คือน้องสาวของเราเองน่ะ”

 

“ก็คิดไว้แล้วว่าน่าจะเป็นเช่นนั้นค่ะ”

 

“แต่ไหนแต่ไรก็เป็นคนเอาแต่ใจน่ะ……ให้ตายสิ คลาดสายตาไปไม่ทันไร……”

 

“งั้นหรือคะ”

 

“ใช่ เพราะถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามใจน่ะนะ……เสด็จแม่เองก็ตามใจแองเจลิกาตลอด……”

 

“เช่นนั้นหรือคะ……”

 

ฟาร์มาสนั้นเป็นจักรพรรดิ และยังตระหนักถึงภาระหน้าที่นั้นดี

ทว่าแองเจลิกาผู้เป็นน้องสาวกลับดูจะไม่ตระหนักถึงเรื่องนั้นเลย การที่เธอเข้ามาจู่โจมเฮเลนาในสถานที่ทางการเช่นนี้เป็นหลักฐานชัดเจนยิ่งกว่าสิ่งใด

อันที่จริง เฮเลนาก็ได้ยินเสียงคนรอบข้างกำลังซุบซิบนินทากันมาตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว

 

“ให้ตายเถอะ……ฝ่าบาทองค์ก่อนได้ชื่อว่าเป็นจักรพรรดิผู้ชาญฉลาด แต่ดูเหมือนจะไม่มีวาสนาเรื่องบุตรเอาซะเลยนะ……”

 

“ลงไม้ลงมือกับคนที่ใกล้เคียงตำแหน่งพระชายาเอกที่สุดในสถานที่ทางการเช่นนี้……ช่างโง่เขลาเสียจริง”

 

“หึ ยังไงซะจักรพรรดิโง่นั่นก็คงยกโทษให้เพราะเห็นว่าเป็นน้องสาวอยู่ดีนั่นแหละ”

 

“มีพี่น้องแบบนี้อยู่ในจุดสูงสุดของจักรวรรดิ……ชักจะเห็นอนาคตรำไรแล้วสิ”

 

เหล่าขุนนางซุบซิบนินทากันด้วยเสียงเบา ๆ ไม่ให้ฟาร์มาสได้ยิน

การกระทำแต่ละอย่างของแองเจลิกาสามารถส่งผลกระทบแม้แต่จุดยืนของฟาร์มาส—และแองเจลิกาเองก็คงยังไม่เข้าใจถึงความจริงข้อนั้น

อย่างน้อยที่สุด มันก็มีความจำเป็นต้องปรับปรุงพฤติกรรมนั้นของเธอซะ

เฮเลนาเผลอนึกย้อนไปถึงการฝึกทหารใหม่แล้วก็อดไม่ได้ที่จะมีรอยยิ้มผุดขึ้นมา

ทว่า

 

“โทษทีนะ เฮเลนา”

 

ฟาร์มาสเข้ามากระซิบข้างหูเธอเช่นนั้น

ลมหายใจร้อนผ่าวทำให้แก้มของเธอมันร้อนขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

 

“พฤติกรรมเหลวไหลของเด็กคนนั้นเป็นฉากบังหน้าที่ดีสำหรับเรา เจ้าอาจหงุดหงิดที่เกือบจะโดนตบ แต่ตอนนี้ช่วยอดทนไว้ก่อนเถอะนะ”

 

“……รับทราบแล้วค่ะ”

 

เฮเลนาพยักหน้ารับ

ฟาร์มาสกำลังแสร้งเป็นจักรพรรดิผู้โง่เขลาอยู่ และการปล่อยให้แองเจลิกามีความประพฤติเหลวไหลต่อไปก็เป็นหนึ่งในวิธีการนั้นสินะ

 

ทว่าก็น่าเสียดาย

เพราะเธอกำลังคิดอยู่เลยว่าหากฟาร์มาสอนุญาต การจัดบูตแคมป์ (หลักสูตรฝึกทหารใหม่) ให้แองเจลิกาในสวนระหว่างอาคารของวังหลังก็คงจะไม่เลวเหมือนกัน

 

ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท