ดะ เดี๋ยวก่อน คุณเซลิสครับ เลิกตามผมสักทีเถอะครับ – ตอนที่ 29 หัวสมองผมไปหมดแล้วครับ

ดะ เดี๋ยวก่อน คุณเซลิสครับ เลิกตามผมสักทีเถอะครับ

ตอนที่ 29 หัวสมองผมไปหมดแล้วครับ

 

สถานการณ์ตอนนี้เข้าขั้นเลวร้ายขั้นสุด

 

อย่างน้อยที่สุดก็ในห้วงความคิดของผม

 

หนึ่งอาจารย์สาวสุดสวยที่หรี่ตามองพร้อมอมยิ้ม

 

กับคุณเซลิสที่คิดจดจ้องมองผมตลอดเวลา

 

คิดหวังหาโอกาสเอาเปรียบ

 

ลอบกินเล็กกินน้อยไม่มีพอเพียง

 

ไม่ว่าจะใครคนไหนก็ล้วนแล้วแต่อันตรายทั้งนั้น

 

เมื่อครุ่นคิดได้

 

ผมก็เริ่มถอยหลังออกห่าง

 

ออกห่างโดยสัญชาตญาณเป็นหลัก

 

ไม่มีคิดไตร่ตรองให้รอบคอบ

 

และด้วยการเคลื่อนไหวผิดแปลก

 

ย่อมไม่มีทางพลาดสายตาคุณเซลิสอยู่แล้ว

 

“…”

 

“ฟางข้าว?”

 

“…”

 

ด้วยความสงสัยใคร่รู้

 

คุณเซลิสเอียงคอมอง

 

เนื่องจากเห็นผมขยับเท้าก้าวถอยห่าง

 

แน่นอนว่าผมไม่ได้ถอยห่างกับแค่คุณเซลิสอย่างเดียว

 

แต่ยังรวมไปถึงอาจารย์สาวประวัติศาสตร์

 

ผมเองก็ถอยออกห่างเหมือนกัน

 

เรียกได้ว่าตอนนี้ไม่มีเข้าใกล้ใครคนไหนทั้งนั้น

 

คุณเซลิสที่เห็นสิ่งผิดปรกติไม่ชอบใจ

 

พลันหรี่ตาถามคำถาม

 

หรี่ตามองหวังเค้นเอาคำตอบ

 

“เป็นอะไรเหรอ?”

 

“…”

 

“เปล่าครับ”

 

“แค่รู้สึกร้อนนิดหน่อย”

 

“เลยถอยออกมา”

 

ครับ

 

โกหก

 

ผมโกหกตอบกลับไป

 

ไม่ว่าจะมองยังไงมองมุมไหนมันก็โกหก

 

เป็นเพียงข้ออ้างไร้สาระหาค่าไม่ได้

 

ไม่มีค่าเพียงพอให้เชื่อถือเลยแม้แต่น้อย

 

คุณเซลิสเลิกคิ้วทั้งสอง

 

มองลึกเข้าไปในดวงตาของผม

 

คล้ายกำลังต้องการค้นหาความเป็นจริงทั้งหมด

 

 

ถามว่าผมทำอะไรอยู่เหรอ?

 

ในช่วงจังหวะเวลานั้น

 

ง่ายดายครับ

 

ง่ายดาย

 

หะ จะให้ผมสู้สายตากลับเหรอ?

 

บ้าไปแล้วครับ

 

ผมไม่มีทางฆ่าตัวตายด้วยวิธีการแบบนั้นหรอก

 

วิธีที่ผมเลือกใช้คือ

 

ผะ ผมหลบเลี่ยงไม่คิดสบสายตาครับ

 

ด้วยท่าทีของผม

 

เกิดสบสายตาขึ้นมาเมื่อไหร่

 

รับรองได้เลยว่าโดนล้วงความลับจนหมดเปลือกแน่นอน

 

ผมมั่นใจ

 

ฉะนั้นหลบเลี่ยงได้สมควรหลบเลี่ยง

 

อย่าได้เอาตัวเองไปสุ่มเสี่ยงเด็ดขาด

 

 

คุณเซลิสกะพริบตาส่งสายตาด้วยความเป็นห่วง

 

ทั้งยังเริ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

 

คล้ายต้องการปลอบประโลมหัวใจดวงน้อยมากมูลค่า

 

“…”

 

“ไม่รู้หรอกนะว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่”

 

“…”

 

“แต่ฉันไม่มีทางทำร้ายเธอแน่”

 

“และจะไม่มีวันนั้นเด็ดขาด”

 

“วันที่ฉันหันดาบเข้าหาเธอ”

 

คุณเซลิสกล่าวหนักหน่วงหนักแน่นเป็นที่สุด

 

สีหน้ารวมถึงแววตาล้วนแสดงออกเหมือนกัน

 

แสดงให้เห็นว่าคุณเซลิสกำลังจริงจังมากมายขนาดไหน

 

กับถ้อยคำกล่าวเมื่อครู่

 

ถามว่าผมเชื่อไหมในสิ่งที่เธอกล่าวออกมา

 

ผมบอกตามตรงนะ

 

บอกกล่าวโดยไม่มีอคติเลยแม้แต่น้อย

 

 

ผมเชื่อครับ

 

ผมเชื่อว่าคุณเซลิสไม่มีทางหันดาบเข้าหาผมอย่างแน่นอน

 

ตะ แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าผมจะอยู่รอดปลอดภัยสักหน่อย

 

ต่อให้ไม่หันดาบเข้าหาผม

 

คุณเซลิสก็มีวิธีการอีกมากในการเล่นงานผม

 

อย่างเช่น ตอนอยู่ในห้องเรียนเมื่อครู่

 

ที่คุณเซลิสจับมือของผม

 

เพียงแค่สัมผัสเล็กน้อยผมก็หนาวสั่นสะท้านไปทั่วร่างกาย

 

เกิดปล่อยให้สถานการณ์เฉกเช่นนี้ดำเนินต่อไป

 

ปล่อยให้เกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้ง

 

ผมยอมให้คุณเซลิสหันดาบใส่ดีกว่า

 

หันดาบใส่ผมยังพอมีโอกาสหลุดรอด

 

ยังมีโอกาสได้ตอบโต้

 

ตะ แต่ถ้าคุณเซลิสหันไปใช้วิธีการเหมือนตอนที่อยู่ในห้อง

 

ผมเองก็คงรับมือไม่ถูกเหมือนกัน

 

อีกทั้งด้วยสัญชาตญาณของผม

 

มันกับบอกว่าระหว่างการหันดาบเข้าหาผม

 

กับวิธีการอาศัยร่างกายเข้าหาผมแทน

 

วิธีด้านหลังอันตรายกว่าเยอะ

 

เยอะจนเอามาเทียบเคียงไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

 

 

ตอนนั้นเองระหว่างที่ผมกำลังจมจ่อมกับห้วงความคิดตัวเอง

 

ปลายสายตากับเหลือบไปเห็นของบางสิ่งอย่าง

 

ของบางสิ่งอย่างที่เคลื่อนตัวเข้ามาหาด้วยความเร็วสูง

 

เข้ามาทางกระจกเตรียมพร้อมปะทะเข้ากับร่างกาย

 

ดวงตาผมพลันเบิกกว้าง

 

ก่อนพยายามจะขยับหลบเลี่ยง

 

แต่ด้วยผมถือแฟ้มหนักหลายกิโล

 

การปรับเปลี่ยนร่างกายรวดเร็ว

 

กะทันหันโดยไม่เตรียมพร้อมก่อน

 

ย่อมควบคุมได้ยาก

 

ผลลัพธ์สุดท้ายปลายทางที่ออกมา

 

นั่นก็คือเสียหลักจนล้ม

 

ปัง!

 

“…”

 

“ฟางข้าว?!”

 

“…”

 

มุมมองฉากภาพแปรเปลี่ยนรวดเร็ว

 

รู้สึกตัวอีกทีผมก็เห็นพื้นทางเดินห่างไม่ถึงสิบเซน

 

แต่ก่อนหน้าผากจะฟาดเข้ากับพื้น

 

ทุกสิ่งอย่างพลันหยุดนิ่งเงียบไม่มีขยับไปไหน

 

มีเพียงลูกบอลที่กระเด้งไปมาหลังจากชนกระจกแตก

 

แน่นอนว่าคนที่ช่วยเหลือย่อมต้องเป็นคุณเซลิส

 

เป็นคุณเซลิสที่พุ่งเข้ามาคว้าเอวผมเอาไว้

 

กันไม่ให้ผมล้มไปไหน

 

พร้อมใช้ฝ่ามือเดียว

 

จับแฟ้มทั้งหมดที่ลอยเหนือพื้น

 

รับมาต่อเป็นชั้น ๆ ได้อย่างสมบูรณ์

 

ขณะที่ผมกำลังอยู่ในอ้อมแขน

 

หลังจากเหตุการณ์เหนือธรรมชาติเกิดขึ้น

 

คุณเซลิสหันมากล่าวถามด้วยความเป็นห่วง

 

“เป็นอะไรรึเปล่า?”

 

“…”

 

“ฟางข้าว?”

 

นิ่งเงียบไม่มีตอบสนอง

 

เนื้อตัวของผมตอนนี้อ่อนแรงไปในทันที

 

นะ นี่มันเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดเกินไปแล้ว

 

ทะ ทำไมผมถึงเห็นว่าคุณเซลิสเท่ขึ้นมาล่ะเนี่ย

 

นะ นี่มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่นอน

 

ใช่ 

 

น่าจะเป็นเพราะผมนอนน้อยแน่นอนเลย

 

ไม่ได้นะครับ

 

จะต้องพักผ่อนให้เพียงพอ

 

ไม่งั้นจะเกิดอาการแบบผมได้

 

หน้าผมต้องแดงมากแน่เลยในตอนนี้

 

ยะ อย่ามองนะ

 

ต้องรีบหนี

 

หนีให้เร็วที่สุด

 

“ยะ อย่ามาจับนะ!”

 

“…”

 

“อย่าดิ้นสิค่ะ”

 

“มันควบคุมลำบาก”

 

“คะ ควบคุม?!”

 

ด้วยหัวสมองอันยอดเยี่ยมของผม

 

มันเริ่มฉายภาพจินตนาการเข้ามาทดแทน

 

เป็นจินตนาการที่้คุณเซลิสกำลังทำอันตรายกับร่างกายของผม

 

อะ อ็าาาาากก!

 

ผะ ผมไม่ได้อยากคิดแบบนี้นะ

 

ตะ แต่มันเกินควบคุมไปแล้ววววว!

 

…“หนุ่มน้อยเธอจะหนีไปไหน?”

 

…“คะ คุณเซลิส”

 

ฝ่ามือตรึงแขนทั้งสองข้างผมกับเตียง

 

พร้อมยื่นขยับหน้าเข้ามาใกล้

 

ก่อนจะกล่าวเบาบางด้วยน้ำเสียงชวนฝัน

 

…“เธอหนีไปไหนไม่รอดหรอก”

 

…“เธอต้องโดนฉันควบคุมทั้งกายและใจ”

 

…“ไม่นะ”

 

…“ย๊าาาา!”

 

อ๊ากกกกกกกกกกกก!

 

พอรู้สึกอีกทีตัวผมก็ดิ้นใหญ่

 

พยายามดิ้นให้หลุดลอดจากเงื้อมืออีกฝ่าย

 

และด้วยการดิ้นโดยไม่คิดมองดูให้ดี

 

“ฟะ ฟางข้าวหยุด—”

 

“ไม่!”

 

“เดี๋ยวค่ะ—”

 

ตุบ!

 

ทั้งสองเลยไม่พ้นต้องล้มไปกับพื้น

 

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโชคชะตารึเปล่า

 

แต่ท่วงท่าที่ล้มในตอนนี้

 

มันเหมือนกับโดนจัดเตรียมเอาไว้ไม่มีผิด

 

เนื่องจากคุณเซลิสขึ้นมาคร่อมตัวผมเรียบร้อย

 

ถะ แถมยังตรึงแขนผมเอาไว้เหนือหัวอีกต่างหาก

 

นะ นี่มันเหมือนกับเมื่อกี้เลยนิ

 

“อย่าดิ้นสิค่ะ”

 

“…”

 

“ฟางข้าว?”

 

ท่าทีของผมมันแตกต่างออกไป

 

แตกต่างอย่างเห็นได้ชัด

 

แตกต่างจนคุณเซลิสสังเกตเห็น

 

เธอเลยพยายามถามผม

 

แต่ทุกคำกล่าวทุกคำพูด

 

ทุกห้วงความคิดเป็นอันต้องหยุดชะงัก

 

เมื่อผมดันหลุดความในใจออกมา

 

หลุดออกมาโดยไม่มีบอกกล่าวล่วงหน้า

 

“เป็นอะไรรึเปล่าคะ?”

 

“เจ็บตรงไหนรึเปล่า?”

 

“ช่วยตอบหน่อยเถอะคะ?”

 

“อย่าเอาแต่เงียบแบบนั้น”

 

“…”

 

ผมเบี่ยงหน้าหลบ

 

เปิดเผยให้เห็นซอกคอขาวเนียน

 

พร้อมกล่าวขณะใบหน้าแดงก่ำ

 

กล่าวออกไปโดยไม่รู้ตัว

 

“ชะ ช่วยอ่อนโยนกับผมด้วยครับ”

 

คุณเซลิสมองแข็งค้าง

 

พร้อมอุทานไม่รู้ตัว

 

“หะ?!”

 

 

ดะ เดี๋ยวก่อน คุณเซลิสครับ เลิกตามผมสักทีเถอะครับ

ดะ เดี๋ยวก่อน คุณเซลิสครับ เลิกตามผมสักทีเถอะครับ

Status: Ongoing
เพื่อนร่วมห้องของผม คุณเซลิส เธอคือคนแปลกประหลาด ทั้งยังเป็นสาวงามที่สวยที่สุดในโรงเรียนอีกต่างหาก หากจะให้อธิบายความสัมพันธ์ของพวกเราสองคน อธิบายให้เข้าใจ ผมคงไม่พ้นต้องเป็นเหยื่อ ส่วนเธอก็คือนักล่า

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท