สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 2 รู้ตัว

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 2 รู้ตัว

“คุณหนู เป็นอันใดไปหรือเจ้าคะ”

น้ำเสียงห่วงใยของเสี่ยวเหลียนดึงให้ซินโย่วหลุดออกจากภาพว่างเปล่า นางไม่ได้ตอบคำถามของเสี่ยวเหลียน แต่หันไปกวาดมองทุกคนในห้องเล็กน้อย

นายหญิงผู้เฒ่าที่ขอบตาแดงก่ำ นายหญิงใหญ่เฉียวซื่อที่มีสีหน้าห่วงใย นายหญิงรองจูซื่อที่เผยแววตาสงสารเห็นใจ สาวน้อยกระโปรงแดงที่ขมวดคิ้ว สาวน้อยเสื้อสีอ่อนหลุบตาเม้มริมฝีปากแน่น สาวน้อยชุดชมพูที่สีหน้ายากคาดเดา และเด็กผู้หญิงที่ยืนข้างจูซื่อด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น

ซินโย่วยังมองไปทางนายท่านรองต้วนเหวินไป่ที่ตั้งแต่เข้ามารายงานสถานการณ์แล้วก็ไม่ได้เอ่ยอันใดอีก ความเยียบเย็นหนึ่งเข้าจู่โจมจิตใจ บางทีการตกหน้าผาของโค่วชิงชิงอาจมิใช่อุบัติเหตุ

“ชิงชิง?” นายหญิงผู้เฒ่าส่งเสียงเรียกดังอย่างสงสัย

ซินโย่วนวดหว่างคิ้ว พลางอธิบายไปว่า “เมื่อครู่อยู่ๆ ข้าก็รู้สึกเจ็บตาน่ะเจ้าค่ะ”

นางรู้มาตั้งแต่เด็กแล้วว่า ดวงตาคู่นี้ของนางไม่เหมือนผู้อื่น นางมองเห็นเรื่องร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้นของคนผู้หนึ่งได้อย่างไม่มีสาเหตุบอกล่วงหน้า บ้างก็เท้าแพลง บ้างก็ศีรษะกระแทก บ้างก็…ตายด้วยอุบัติเหตุ แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกครั้งจะมองเห็นคนเดิม แต่พอได้เห็นมากขึ้น และเรื่องพวกนี้ก็มักจะเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน จึงไม่รู้สึกแปลกใจ ตอนแรกนางอาจยังตื่นตกใจ ทว่าต่อมาก็มองดูด้วยสีหน้าเป็นปกติ

“สองวันนี้ลำบากเจ้าแล้ว” นายหญิงผู้เฒ่าตบหลังมือซินโย่วเบาๆ ส่งสายตาบอกให้เสี่ยวเหลียนประคองนางไป ปล่อยให้หญิงรูปร่างกำยำแข็งแรงแบกไปยังที่พักของโค่วชิงชิง

ม่านสีเขียวลวดลายเรียบง่ายสะบัดไปมา ค่อยๆ กลับคืนสู่ความสงบ

นายหญิงผู้เฒ่าจึงได้หันมามองต้วนเหวินไป่บุตรชายอนุ ถามน้ำเสียงเข้มขึ้นว่า “ชิงชิงสูญเสียความทรงจำจริงหรือ”

ตอนต้วนเหวินไป่พาซินโย่วกลับมาก็ส่งคนมาแจ้งข่าวที่จวนล่วงหน้าแล้ว นี่คือสาเหตุที่เจ้านายในจวนต่างมารวมตัวกันที่เรือนนายหญิงผู้เฒ่า

“อาจจะกระแทกโดนศีรษะ จดจำผู้ใดไม่ได้แล้ว”

นายหญิงผู้เฒ่าสีหน้ายากคาดเดา เงียบไปครู่หนึ่งก็ถอนหายใจ “นางไม่เป็นอันใดก็ดีแล้ว เฉียวซื่อ ดูแลชิงชิงให้มากหน่อย หมอตรวจแล้วมีอันใดก็มาบอกข้าได้ตลอดเวลา”

เฉียวซื่อย่อตัวเล็กน้อย “สะใภ้ทราบแล้ว ท่านแม่โปรดวางใจ”

นายหญิงผู้เฒ่าเผยสีหน้าอ่อนล้า โบกมือให้ทุกคนออกไป

ซินโย่วหมอบอยู่บนหลังบ่าวหญิงเงียบๆ ประเมินมองสภาพแวดล้อมโดยรอบ

ระเบียงทางเดิน ภูเขาจำลอง ต้นไผ่เขียวขจี เดินผ่านประตูวงจันทร์ไปสองประตูก็มาถึงเรือนเล็กหลังหนึ่ง นี่ก็คือเรือนพักของโค่วชิงชิง ชื่อว่าเรือนหว่านฉิง

บ่าวในเรือนหว่านฉิงออกมารอรับ ประคองซินโย่วเข้าห้อง

เสาเตียงแกะสลักประณีตงดงามแขวนมุ้งสีอ่อน ข้างเตียงมีเก้าอี้กลมสีขาวปักลายดอกไม้สีฟ้าจัดวางไว้ โต๊ะเครื่องแป้งชิดกำแพงดูเหมือนว่างเปล่าอยู่สักหน่อย แจกันลายครามทรงเตี้ยริมหน้าต่างปักดอกพุดไว้เต็ม บางทีเพราะสองวันนี้โค่วชิงชิงเกิดเรื่อง บ่าวหญิงต่างไม่มีกะจิตกะใจเปลี่ยนดอกพุดขาวบริสุทธิ์ที่เริ่มเหลืองเหล่านั้น

ซินโย่วรับรู้ได้ทันทีว่า เรือนพักเช่นนี้สำหรับสาวน้อยอายุสิบหกแล้วเรียบง่ายเกินไป

ไม่ทันรอให้นางสำรวจมากไปกว่านี้ นายหญิงใหญ่ก็พาหมอเดินเข้ามา

หมอผู้นี้เป็นหมอหญิงอายุสี่สิบกว่า หลังตรวจดูอาการบาดเจ็บของซินโย่วอย่างละเอียดแล้ว ก็แจ้งอาการกับเฉียวซื่ออย่างละเอียด “ตามร่างกายคุณหนูมีบาดแผลถลอกหลายแห่ง ดีที่ไม่รุนแรงมากนัก ทายาตามเวลาก็จะไม่มีแผลเป็น แต่กายภายในของคุณหนูได้รับความกระทบกระเทือน ต้องพักรักษาตัวให้ดี…”

เฉียวซื่อฟังไปก็พยักหน้าไป “รบกวนท่านหมอแล้ว”

หมอหญิงเขียนเทียบยามอบให้เสี่ยวเหลียนพร้อมกำชับวิธีการต้มยา เฉียวซื่อนั่งลงบนเก้าอี้กลม เอ่ยปลอบใจซินโย่วด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เชื่อฟังคำท่านหมอ กินยาตามเวลา ต้องการสิ่งใดก็มาบอกป้าได้…”

พอเฉียวซื่อพาหมอหญิงออกไป ไม่มีคนนอกอยู่แล้ว ซินโย่วก็ถามเสี่ยวเหลียน “เมื่อครู่ตอนนายหญิงใหญ่พูดกับข้า เหตุใดเจ้าจ้องมองอยู่หลายที”

ตอนนั้นหมอหญิงกำลังกำชับอยู่ เสี่ยวเหลียนหันมาสนใจมองเฉียวซื่อ ย่อมต้องมีสาเหตุ

ดังคาด ได้ยินเสี่ยวเหลียนเอ่ยเบาๆ ว่า “แต่ไรมานายหญิงใหญ่ก็มีท่าทีเคร่งขรึม บ่าวเห็นนายหญิงใหญ่แสดงท่าทีสนิทสนมกับคุณหนูเช่นนี้เป็นครั้งแรกเจ้าค่ะ”

ซินโย่วเลิกคิ้วเล็กน้อย “กล่าวเช่นนี้ เมื่อก่อนนายหญิงใหญ่ไม่ดีกับข้าหรือ”

เสี่ยวเหลียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงลังเล “ก็มิใช่ว่าไม่ดี เพียงแต่…ค่อนข้างเกรงใจมากกว่าเจ้าค่ะ”

ซินโย่วพยักหน้า ชี้ไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง “หยิบกระจกมาหน่อย”

เสี่ยวเหลียนเดินไปดึงลิ้นชักออกมา แล้วก็หยิบกระจกขนาดเท่าฝ่ามือกลับมายืนข้างกายซินโย่ว เป็นกระจกหลิวหลีใสที่ส่องใบหน้าคนได้กระจ่างชัดเจน แม้ว่าจะบานเล็ก แต่ราคาย่อมไม่ธรรมดา

ซินโย่วมองไปที่ด้ามกระจก ด้ามไม้ฮวาหลีสูงค่าสลักรูปนกและดอกไม้ มองเห็นร่องรอยแห่งกาลเวลาอยู่บ้าง

เสี่ยวเหลียนรู้ว่าคุณหนูจำอันใดไม่ได้แล้ว จึงเอ่ยเตือนว่า “กระจกนี้ ตอนวันเกิดสิบขวบของคุณหนู นายท่านตั้งใจฝากคนซื้อมาจากเมืองหลวงโดยเฉพาะ ตอนนั้นคุณหนูชอบมาก ถือเล่นติดมือทุกวัน…”

“อย่างนั้นหรือ” ซินโย่วพึมพำ จ้องมองภาพใบหน้าในกระจกไม่กะพริบตา

วงหน้าดังภาพวาด จมูกงาม ปากแดงชาด นี่คือใบหน้าของนางอย่างแน่นอน

“พี่เสี่ยวเหลียน ยาต้มเสร็จแล้ว” สาวใช้นางหนึ่งมายืนตะโกนเรียกอยู่ที่หน้าประตู

เสี่ยวเหลียนรีบเดินออกไป ยกยาน้ำเข้ามาอย่างรวดเร็ว

กลิ่นยาฉุนแรงทำให้กลิ่นดอกพุดในห้องที่ยังหลงเหลืออยู่บ้างจางหายไป ซินโย่วสูดลมหายใจเบาๆ จำใจดื่มยาลงไป

ไม่ว่าคนเหล่านี้จำคนผิดด้วยเหตุใด โค่วชิงชิงเกิดเหตุร้ายอันใด นางจะต้องรักษาร่างกายให้หายก่อน จึงจะมีแรงรับมือได้

ความง่วงงุนเข้าโจมตี พอซินโย่วตื่นมาอีกครั้ง ก็เป็นยามค่ำคืนดึกดื่นแล้ว

เสี่ยวเหลียนนำอาหารที่รับมาจากห้องครัวใหญ่อุ่นร้อนในเตาปรนนิบัติให้ซินโย่วรับประทาน และยังสั่งให้สาวใช้ยกน้ำร้อนมาหนึ่งกะละมัง “คุณหนูยังมีบาดแผล อาบน้ำไม่ได้ บ่าวเช็ดตัวให้คุณหนูนะเจ้าคะ”

ซินโย่วย่อมไม่ปฏิเสธ

ไม่ได้อาบน้ำมาหลายวัน นางเองก็รู้สึกเหนียวตัวจนแทบทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน

เสี่ยวเหลียนยื่นมือออกไปถอดเสื้อตัวนอกของซินโย่วออก เอ่ยน้ำเสียงไม่ชอบใจนัก “ชุดนี้ไม่ใช่ชุดเก่าของคุณหนู”

“เสื้อผ้าขาดแล้ว ชุดที่สวมอยู่เป็นชุดที่บุตรสาวท่านปู่หวังทิ้งไว้ก่อนออกเรือนไป”

“คุณหนู ตอนนั้นน่าจะเจ็บมาก หากรู้เช่นนี้ก็ไม่ควรขึ้นเขา…” เสี่ยวเหลียนบ่นอย่างปวดใจ ท่าทางการเช็ดตัวอ่อนโยนพลันชะงักงัน สายตาจับจ้องบนหัวไหล่ของซินโย่ว

หัวไหล่กลมมนของสาวน้อยเกลี้ยงเกลาขาวใส หยดน้ำสีแดงหยดหนึ่งชัดเจนสะดุดมาก

เสี่ยวเหลียนกะพริบตาเขม้นมอง ใช้ผ้าเช็ดหน้าอุ่นร้อนถูหยดน้ำเม็ดนั้นไปมา แต่สีแดงบนหัวไหล่หลังถูกขัดถูก็ยิ่งชัดขึ้น

ผ้าเช็ดหน้าร่วงหล่นลงในกะละมัง น้ำกระเด็นรอบทิศ เสี่ยวเหลียนผงะถอยหลังด้วยสีหน้าตกใจ

ไม่ใช่ตาลาย นั่นคือปานรูปหยดน้ำ!

ซินโย่วรู้สึกถึงความผิดปกติ ก็หันหน้าไปมองเสี่ยวเหลียน

เสี่ยวเหลียนเผยแววตาตกใจหวาดกลัวออกมา ปากสั่นระริกถามขึ้นว่า “เจ้า เจ้าเป็นใคร”

บนหัวไหล่คุณหนูของนางไม่มีปาน!

“ไยเจ้าจึงได้มีหน้าตาเหมือนคุณหนูเรา? คุณหนูเราเล่า?” เสี่ยวเหลียนแตกตื่นตกใจ หันหลังจะวิ่งออกไป

มือเย็นเล็กน้อยคว้าข้อมือนางเอาไว้ ด้านหลังมีเสียงดังขึ้นเย็นเยียบยิ่งกว่า “เจ้าจะไปไหน”

เสี่ยวเหลียนค่อยๆ หันใบหน้าซีดเผือดกลับมามอง เห็นใบหน้าที่เหมือนกับคุณหนูตนราวกับพิมพ์เดียวก็คล้ายดังเห็นผีร้าย พูดเสียงสั่นขึ้นว่า “ข้า ข้าจะไปรายงานนายหญิงผู้เฒ่า!”

“จากนั้นเล่า?” ซินโย่วถามนิ่งสงบ

“จากนั้น?” เสี่ยวเหลียนเริ่มทำอันใดไม่ถูก พูดจาวกวน “จากนั้นก็จับปีศาจเช่นเจ้าไว้ ตามหาคุณหนูเรากลับมา!”

มือที่คว้าข้อมือเสี่ยวเหลียนไว้ปล่อยลง

“เจ้าไปเถอะ”

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท