สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 66 เยวี่ยไหล

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 66 เยวี่ยไหล

เทียบกับท่าทางงุนงงแทบไม่อยากจะเชื่อของคนงาน ซินโย่วกลับสงบนิ่งกว่ามาก อย่างไรนางก็ไม่ได้เคยเห็นใต้เท้าเฮ่อยืนอ่านมายาวนาน เพราะนางเพิ่งมาเป็นเจ้าของร้านนี้

“เช่นนั้นก็วางเล่มใหม่ขึ้นไปเพิ่มอีกสองสามเล่ม” ซินโย่วกล่าวจบ ก็เดินออกไป

หลิวโจวกะพริบตา อดวิ่งไปกระซิบกระซาบกับผู้ดูแลร้านหูไม่ได้ “ท่านผู้ดูแลร้าน ท่านว่าท่านเจ้าของร้านไปเจอเรื่องอันใดมา เหตุใดสีหน้าจึงได้ราวกับท้องฟ้าสงบนิ่งเช่นนี้ ใต้เท้าเฮ่อซื้อไปที่เดียวตั้งหลายเล่ม ท่านเจ้าของร้านกลับไม่ตกใจแม้สักนิด”

ผู้ดูแลร้านหูหัวเราะหึๆ “ข้าว่าเจ้าว่างมากไปแล้ว ไปทำงาน!”

เจ้าของร้านนำโชคลาภมาดังคาด พอรับช่วงต่อร้านหนังสือก็พบท่านซงหลิงไม่ว่า แม้แต่ใต้เท้าเฮ่อยังลงทุนซื้อหนังสือมากมาย มีเจ้าของร้านอยู่ ยังต้องกลัวว่าการค้าร้านหนังสือไม่รุ่งเรืองอีกหรือ

ทางร้านหนังสือราบรื่นไปทุกเรื่อง แต่ทางซินโย่วกลับไปราบรื่นนัก ไปร้านอาหารเยวี่ยไหลมาทีเดียวสองร้าน ล้วนหาร้านน้ำชานั้นไม่พบ ต้องหาคนผ่านไปมาสอบถามอีกสักหน่อย

ว่าไปแล้วร้านอาหารเยวี่ยไหลที่สี่ก็บังเอิญอยู่ละแวกกรมพระราชยานหลวง

ซินโย่วยืนอยู่นอกประตูร้านอาหารเงยหน้าขึ้นมอง

ร้านน้ำชาแบ่งออกเป็นชั้นบนชนชั้นล่าง ชั้นบนแบ่งเป็นห้องรับรอง ห้องรับรองหลายห้องล้วนเปิดหน้าต่างออกสู่ถนน

ซินโย่วมองคำนวณอย่างละเอียด คาดเดาถึงตำแหน่งห้องรับรองตามภาพที่เห็น น่าจะห้องสองหรือห้องสาม

ความจริงไม่สำคัญว่าห้องใด สำหรับนางแล้ว การหาร้านน้ำชาที่เฮ่อชิงเซียวเกิดเรื่องพบก็เพียงพอแล้ว

จากดวงอาทิตย์ในภาพที่เห็น น่าจะเป็นยามหลังเที่ยง

จะเป็นวันนี้หรือไม่

ซินโย่วเงยหน้ามองดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าเล็กน้อย

แสงอาทิตย์ต้นฤดูใบไม้ร่วงไม่ลดความแรงกล้าลงแม้แต่น้อย นางถอนสายตากลับทันที หลับตาลง

มีเสียงดังขึ้นจากด้านหลัง “ชิงชิง?”

ซินโย่วหันหลังไปก็เป็นชายวัยกลางคนแต่งกายชุดคลุมยาวสามสี่คนเดินมาทางนาง หนึ่งในนั้นก็คือรองเจ้ากรมต้วนลุงของโค่วชิงชิง

รองเจ้ากรมต้วนแทบจะทนพูดคุยกับหลานสาวที่นับวันยิ่งประหลาดนานมากไม่ได้ แต่ยามนี้ได้พบกันในสถานที่เช่นนี้ ก็ไม่อาจแสร้งทำเป็นไม่เห็นได้

เห็นใบหน้าด้านตรงของซินโย่ว รองเจ้ากรมต้วนก็แน่ใจว่าไม่ได้จำคนผิด ขมวดคิ้วถามขึ้นว่า “เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”

ความจริงซินโย่วได้พบกับรองเจ้ากรมต้วนโดยบังเอิญ แต่นางระงับความตกใจเอาไว้ภายใน กะพริบตาเผยท่าทางประหลาดใจระคนยินดีและเหมือนอัดอั้นตันใจ

“ท่านลุง ข้ากำลังจะไปพบท่านลุงที่ที่ทำการพอดี ไม่คิดว่าจะได้พบที่นี่!”

รองเจ้ากรมต้วนขมวดคิ้วแน่นยิ่งขึ้น “มาหาลุง? มีเรื่องอันใด”

สามคนที่มาพร้อมกับรองเจ้ากรมต้วนเองก็เผยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น

ซินโย่วเม้มปากเอ่ยว่า “ข้าไม่มีเงินแล้วเจ้าค่ะ”

รองเจ้ากรมต้วน “!”

หลานสาวคนนี้เหตุใดจึงบอกว่าไม่มีเงินออกมาได้เปิดเผยเช่นนี้!

ซินโย่วไม่สนใจว่าจะทำให้รองเจ้ากรมต้วนตกใจเพียงใด ยังคงเอ่ยต่อว่า “คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าการค้าร้านหนังสือจะต้องลงทุนมากมายเช่นนี้ เงินไหลเทออกไปราวกับสายน้ำไหล…”

รองเจ้ากรมต้วนสีหน้าเก้กัง รีบหยุดซินโย่วไม่ให้เอ่ยต่อ “เรื่องทางบ้านไว้กินข้าวเสร็จค่อยคุยกัน”

ซินโย่วยอมเงียบลง

รองเจ้ากรมต้วนผ่อนลมหายใจ ก่อนจะประสานมือให้สหายร่วมงานทั้งสามคน “หลานสาวมาหาข้า ข้าขอพานางไปกินข้าวสักมื้อ ไม่ไปกับพวกท่านแล้ว”

ทั้งสามคนยิ้มประสานมือตอบ “พี่ต้วนเชิญตามสบาย”

รองเจ้ากรมต้วนมองเห็นความอยากรู้อยากเห็นลุกโชนจากดวงตาของสหายร่วมงานทั้งสาม จึงไม่มีกะจิตกะใจจะกินที่ร้านเยวี่ยไหลแล้ว ก้าวไปยังร้านน้ำชาตรงข้ามทันที

ถึงกับพานางมาร้านน้ำชานี้…

ในใจซินโย่วกระตุกวาบ พลันเกิดความรู้สึกขึ้นมาว่าเกรงว่าวันนี้คงเป็นที่เฮ่อชิงเซียวจะเกิดเรื่องแล้ว

ร้านน้ำชาเงียบสงบต่างจากความครึกครื้นของร้านสุราอาหาร ได้ยินเสียงต้นไผ่พัดไหวอยู่ตลอดเวลา

ห้องรับรองชั้นบนถูกจองเต็มแล้ว รองเจ้ากรมต้วนได้แต่พาซินโย่วไปนั่งมุมหนึ่งในโถงกลาง พยายามไม่ทำให้เป็นที่สนใจอย่างที่สุด

คนงานยกน้ำชาและขนมออกมา พอคนงานถอยออกไปแล้ว รองเจ้ากรมต้วนก็ถามขึ้นเบาๆ ว่า “เหตุใดจึงขาดเงินอีกแล้ว ท่านยายเพิ่งให้เจ้าไปสองพันตำลึงไม่ใช่หรือ”

“ท่านลุงไม่รู้ ร้านหนังสือชิงซงขาดทุนมานานมากเกินไป ถึงกับติดค้างเงินเดือนช่างพิมพ์มากมาย เงินที่เบิกจากท่านยายมาส่วนหนึ่งก็เอาไปจ่ายเงินเดือน ส่วนหนึ่งไปใช้หมุนเวียนการค้าร้านหนังสือ พริบตาก็ใช้หมดแล้ว…”

รองเจ้ากรมต้วนขมวดคิ้วแน่น “ลุงได้ยินว่าร้านหนังสือชิงซงออกวางขาย ‘วาดหนัง’ เป็นที่นิยมมาก รายได้ก็น่าจะไม่น้อยกระมัง”

ซินโย่วมิได้ปฏิเสธ “ก็ไม่น้อย แต่ข้าจ่าย ‘วาดหนัง’ เล่มสองให้ท่านซงหลิงไปแล้ว จัดการแม่พิมพ์ตีพิมพ์ก็ต้องลงทุนอีกไม่น้อย ยังมีหนังสือที่ขายได้ไม่เลวตีพิมพ์เพิ่มอีกรอบ แล้วก็ต้องหาหนังสือใหม่มาตีพิมพ์อีก…ไปๆ มาๆ เงินทองก็ฝืดเคืองเจ้าค่ะ”

เห็นสายตาน่าสงสารของหลานสาว รองเจ้ากรมต้วนก็แอบสูดลมหายใจเฮือกหนึ่ง

เขาสงสัยว่าหลานสาวเขาคิดขอเงินหน้าตาเฉย แต่กลับหาช่องโหว่จากคำพูดนางไม่พบ

“ในเมื่อฝืดเคือง ก็กลับไปบอกท่านยายสิ เจ้าเป็นหญิงสาวตัวน้อยๆ มาขอเงินลุงที่ทำงาน ผู้ใดเห็นเข้าก็คงหัวเราะเยาะเอาได้” รองเจ้ากรมต้วนตัดสินใจเตะลูกบอลไปให้มารดาตน

เขาเป็นคนรักหน้าตา หลานสาววิ่งมาขอเงินเขา แพร่ออกไปจะได้อย่างไร

ในเมื่อมีวาสนาได้พานพบ ซินโย่วก็ไม่คิดปล่อยให้รองเจ้ากรมต้วนเตะบอลนี้ทิ้งไปง่ายๆ “ท่านลุงก็เพิ่งพูดว่า ข้าไปขอเบิกจากท่านยายมาสองพันตำลึง ชิงชิงก็รักหน้าตา จะกล้าไปขอเงินท่านยายอีกได้อย่างไร คิดดูแล้วท่านลุงก็รักเอ็นดูข้า ข้าก็เลยมาหาท่านลุง”

เอ่ยถึงตรงนี้ นางก็จิบน้ำชาไปคำหนึ่ง

น้ำชาลงคอทิ้งความหวานเอาไว้ สมราคาความหรูหราสง่างามของร้านน้ำชา

“ชิงชิงคิดดูแล้ว ก็ไม่ต้องถึงสองพันตำลึง หนึ่งพันตำลึงก็เพียงพอแล้ว”

รองเจ้ากรมต้วนปวดขมับตุบๆ ดีที่ไม่มีคนอื่นอยู่ด้วย ทำให้เขาเอ่ยถึงเรื่องที่ไม่ควรเปิดเผยออกมาได้ “ชิงชิง เบี้ยรายปีขุนนางราชวงศ์ต้าซย่าเราไม่สูงนัก หนึ่งพันตำลึงเท่ากับเบี้ยหวัดหลายปีของลุงเลยเชียวนะ เจ้ามาขอลุง ลุงก็ไม่มีหนทางหามาให้เจ้าหรอก”

ซินโย่วยิ้มกล่าวว่า “ท่านลุงเข้าใจผิดแล้วเจ้าค่ะ ข้าแค่อยากขอให้ท่านลุงช่วยข้าเอ่ยกับท่านยายหน่อย ถอนออกมาจากเงินที่ฝากท่านยายดูแลไว้ชั่วคราว ก็ไม่ใช่ว่าต้องเอาในวันนี้ พรุ่งนี้ข้าค่อยไปเอากับท่านลุงก็ได้”

รองเจ้ากรมต้วนได้ยินว่าพรุ่งนี้จะมาอีก สีหน้าก็ดำทะมึน สบสายตายิ้มละไมแล้วก็กลั้นโทสะเอาไว้ เอ่ยว่า “เจ้าเป็นสาวเป็นนางไม่ควรวิ่งไปทั่ว วันนี้เลิกงานกลับจวน ลุงจะบอกท่านยายเจ้าให้เอง ไว้ให้คนนำไปให้เจ้าก็แล้วกัน”

“ขอบคุณท่านลุง”

รองเจ้ากรมต้วนเกรงว่าเอ่ยออกไปครั้งนี้แล้วจะมาขอไม่จบไม่สิ้น จึงเอ่ยน้ำเสียงตักเตือนว่า “แค่ครั้งนี้เท่านั้นนะ ชิงชิง เงินพวกนี้เป็นเงินบิดามารดาเจ้าก็ใช่ แต่เจ้ายังเล็กอยู่ ตอนนี้ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยไป วันหน้าจะทำอย่างไร ดังนั้นตอนนั้นท่านแม่เจ้าจึงได้ฝากให้ท่านยายดูแลเจ้าไปก่อน…”

ซินโย่วได้ยินคำพูดยาวเฟื้อยของรองเจ้ากรมต้วนก็ยังคงสีหน้าดังเดิม พอเขาพูดจบก็พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “ชิงชิงทราบแล้วเจ้าค่ะ”

ในห้องพลันเงียบสงบ เสียงซินโย่วไม่ได้ดังนัก แต่คลับคล้ายว่าดังขึ้นมาในทันที

จากนั้นก็มีเสียงคนงานเอ่ยทักทาย “ใต้เท้า เชิญด้านในขอรับ”

เฮ่อชิงเซียวกวาดตามองไปยังทิศทางที่ได้ยินเสียงคุ้นเคยสบสายตากับซินโย่วพอดี

เขารู้สึกประหลาดใจ เห็นฝั่งตรงข้ามซินโย่วก็คือรองเจ้ากรมต้วน ก็เก็บอาการประหลาดใจพลางพยักหน้าให้นางเล็กน้อย

ซินโย่วพยักหน้ารับ มองตามเฮ่อชิงเซียวพร้อมกับลูกน้องสองคนตามคนงานขึ้นไปชั้นบน

เห็นเช่นนี้ก็รู้แล้วว่าเป็นวันนี้

เห็นหลานสาวเอาแต่จ้องไปทางบันได รองเจ้ากรมต้วนก็รู้สึกเคร่งเครียดขึ้นมา

หลานสาวเขาคงไม่ได้มีใจต่อฉางเล่อโหวกระมัง

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท