บทที่ 1 ตอนที่ 9: วันวานแห่งการฝึกฝน
ประมาณหนึ่งปีแล้วตั้งแต่ที่ฉันถูกขังอยู่ในที่แห่งนี้
ตอนนี้ฉันแค่แกว่ง [แท่งไม้ที่ไม่มีวันแตกหัก] อย่างใจจดใจจ่อ เหตุผลที่ฉันทำสิ่งนี้นั้นง่ายมาก ถ้าฉันไม่ทำอะไรเลย ฉันอาจจะมัวแต่กังวลเกี่ยวกับอนาคตของตัวเอง
ฉันมีความหวังเล็กน้อยว่าค่าสถานะของฉันจะเพิ่มขึ้นถ้าฉันเหวี่ยง [แท่งไม้ที่ไม่มีวันแตกหัก] ต่อไป อย่างไรก็ตาม สถานะยังคงอยู่ที่ 0.1 ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ตามคาดไม่ง่ายขนาดนั้น
อาจเป็นเพราะฉันได้รับการฝึกฝนในวิถีแห่งดาบตั้งแต่ฉันเริ่มจำความได้ ฉันจึงสามารถลืมทุกอย่างได้เมื่อฉันเหวี่ยงดาบ
– 10 ปีหลังจากเริ่มเกม
หลายปีผ่านไป เป็นเวลาหลายปีที่วันที่ถูกสลักไว้บนผนังหน้าผาและนับเป็นชุดละ 30 วัน แต่แล้วฉันก็รู้ว่ากระดานชนวนในวิหารบันทึกจำนวนวันและปีไว้ ก็เลยเลิกนับวันไปพึ่งกระดานชนวนนั้นแทน
ในช่วงเวลานั้น ไม่มีวันใดผ่านไปโดยที่ฉันไม่คิดถึงครอบครัวหรือบ้านเกิด แต่เพื่อลืมความรู้สึกอ้างว้างในอก ฉันจึงเกิดความคิดที่จะจัดการแข่งขันเสมือนจริงกับคนที่ฉันฝึกด้วยจนกระทั่งฉันถูกเนรเทศจากบ้านเกิด
– 40 ปีหลังจากเริ่มเกม
ฉันสามารถเอาชนะเพื่อนวัยเดียวกันในโรงฝึกของเราและผู้ใหญ่ในการแข่งขันเสมือนจริงได้ และเมื่อฉันเอาชนะอาจารย์ทุกคนที่โรงฝึก…
[คุณบรรบุเงื่อนไขการได้รับทักษะ [บัญญัติแห่งดาบสไตล์ดาบมือเดียว] คุณได้รับทักษะ [บัญญัติแห่งดาบสไตล์ดาบมือเดียว] ]
เสียงผู้หญิงก้องอยู่ในหัวของฉัน
“เอ๊ะ?”
เมื่อฉันได้ยินการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งหบังจากผ่านมานานฉันใช้การประเมินโดยพยายามสงบสติอารมณ์ให้มากที่สุด
・ทักษะ―[บัญญัติแห่งดาบสไตล์ดาบมือเดียว] : ทักษะดาบระดับเริ่มต้น เพิ่มสถานะของผู้ใช้เล็กน้อยเมื่อต่อสู้ด้วยดาบ
・เงื่อนไขในการได้รับทักษะ: ฝึกฝนทุกวันเป็นเวลา 40 ปี และทำการจำลองการต่อสู้ด้วยดาบอย่างต่อเนื่องนานกว่า 12 ชั่วโมงต่อวัน
・ระดับ: เริ่มต้น
・เงื่อนไขการเลื่อนระดับ : ฝึกฝนทุกวันเป็นเวลา 120 ปี และทำการต่อสู้จำลองด้วยดาบมากกว่า 12 ชั่วโมงต่อวัน
ทักษะที่ฉันได้รับในครั้งนี้เป็นทักษะลึกลับที่เรียกว่า [บัญญัติแห่งดาบสไตล์ดาบมือเดียว]
แน่นอนว่าฉันไม่เคยทำการต่อสู้จำลองเลย เพราะไม่มีคู่ต่อสู้ แต่ดูเหมือนว่าการต่อสู้เสมือนจริงของฉันจะถูกนับเป็นการต่อสู้จำลอง ท้ายที่สุด การต่อสู้เสมือนจริงเหล่านั้นคือหนทางสำหรับฉันในการติดต่อกับผู้อื่นแม้จะเป็นแค่จินตนาการก็เถอะและรักษาสติตัวเองไว้ ดังนั้นฉันไม่มีเหตุผลที่จะหยุดทำอย่างนั้น
――800 ปีหลังจากเริ่มเกม
ดาบของฉันร่ายรำไปในอากาศ วาดเส้นโค้งเรียบเหมือนน้ำไหล ตอนนี้ฉันสามารถใช้ท่อนไม้ได้ราวกับว่ามันเป็นแขนขาของฉัน
ทักษะ [บัญญัติแห่งดาบสไตล์ดาบมือเดียว] ของฉันได้ทะลวงผ่านระดับกลางและไปถึงระดับลึกลับแล้ว
ในตอนนี้ ตราบใดที่เป็นการต่อสู้ด้วยดาบมันจะมีผลในการเพิ่มสถานะ แต่อาจเป็นเพราะการต่อสู้จำลองเสมือนจริง ฉันจึงไม่รู้สึกว่าสมรรถภาพร่างกายเพิ่มขึ้นเลย
แต่ด้วยเหตุการณ์นี้ ฉันก็ได้เข้าใจว่าวิชาดาบไม่ได้เกี่ยวกับทักษะหรือความสามารถทางกายภาพเลย
ฉันเปลี่ยนจากการเป็นคนที่มีความสามารถทางกายภาพเทียบเท่ากับเด็กเล็กๆ มาเป็นการเอาชนะคุณปู่ของฉัน เอล์ม ไฮเนแมนรักบุญแห่งดาบโดยไร้รอยขีดข่วนได้ ปู่ของฉันเป็นคนที่เคยต่อสู้กับราชาปีศาจที่สี่พร้อมกับปาร์ตี้ผู้กล้าในอดีต รับประกันได้ถึงความสามารถที่แท้จริงของเขา ในการต่อสู้เสมือนจริงกับเขา ฉันพบว่าความสามารถทางกายภาพนั้นไม่มีอะไรมากไปกว่าข้อได้เปรียบเพียงผิวเผิน
วิถีแห่งวิชาดาบหรือที่รู้จักกันในนามวิชาดาบเป็นทักษะอยู่เหนือพละกำลัง
“คุณปู่ของฉันก็ไม่ได้อยู่ในช่วงยุ่งทองเหมือนกัน และโลกนี้ยังเต็มไปด้วยคนที่แข็งแกร่งอีกมาก”
ก่อนที่ฉันจะติดอยู่ในสถานที่แห่งนี้ ปู่ของฉันเคยพาฉันไปดูการแข่งขันศิลปะการต่อสู้และโรงฝึกต่างๆ ฉันที่เหวี่ยงดาบทุกวันในขณะที่คิดว่าจะเอาชนะคู่ต่อสู้ได้อย่างไร คงเป็นเหตุผลที่แม้ว่าฉันจะลืมทุกอย่างก่อนที่จะติดอยู่ในสถานที่แห่งนี้ แต่ท่วงท่าศิลปะการต่อสู้เหล่านั้นไม่เคยหายไปจากหัวของฉันเลย
นักดาบที่แข็งแกร่งที่สุดของอาณาจักรอิเดโวล ใช้ดาบสองเล่มได้เหมือนดังแขนขา—ดาบแฝดแกรม
เอลฟ์ที่เก่งกาจและแข็งแกร่งที่สุดที่ได้รับการกล่าวขานว่าสามารถรวมดาบและเวทมนตร์ได้—ดาบวิเศษสีเงิน
อดีตจักรพรรดิดาบแห่งจักรวรรดิกลิทเนียร์―แอชเบิร์น
โลกนี้ยังเต็มไปด้วยผู้แข็งแกร่งมากมาย
ฉันจึงเริ่มการเดินทางในหนทางแห่งดาบด้วยความยินดี
――――1500 ปีหลังจากเริ่มเกม
เวลาผ่านไปอีกหลายปี หลังจากเอาชนะปู่ของตัวเองในช่วงยุคทอง ฉันก็จิตนาการถึงนักดาบทุกคนที่ฉันเคยเห็นในความคิด แล้วตอนนี้ ฉันกำลังพยายามสร้างภาพของนักบุญแห่งดาบคนแรก บุคคลที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นนักดาบที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ ถึงตามจริงแล้ว ฉันจะไม่เคยพบนักบุญแห่งดาบรุ่นแรกมาก่อนเลยก็ตาม เพราะเขาเสียชีวิตไปนานแล้วก่อนฉันเกิด ในท้ายที่สุด เขาก็ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าผลผลิตจากจินตนาการของฉัน แต่ฉันเชื่อว่าต้องแข็งแกร่งแน่นอน
ตอนที่ฉันชนะนักบุญแห่งดาบรุ่นแรก ฉันมาถึงระดับสมบูรณ์แบบ
――――3000 ปีหลังจากเริ่มเกม
หลังจากเอาชนะนักบุญแห่งดาบรุ่นแรก ฉันก็ตัดสินใจเลือกคู่ฝึกที่น่าเกรงขามที่สุดที่ฉันตัดสินใจเลือกแล้วเมื่อเริ่มฝึกนี้ เป็นยอดนักศิลปะการต่อสู้ที่อยู่บนจุดสุดยอดของวิชาดาบ ฉันรู้จักเขาจากเรื่องเล่าที่ปู่ของฉันเล่าให้ฟังเมื่อนานมาแล้ว คนผู้นี้เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ทุกประเภท เป็นเทพแห่งดาบสูงสุดที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของวิชาดาบ ตอนนี้ฉันเอาชนะนักดาบที่แข็งแกร่งที่สุดได้แล้ว ฉันน่าจะสร้างนักดาบในอุดมคติคนนี้ได้
ภาพลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบของเทพเจ้าแห่งศิลปะการต่อสู้ที่ฉันสร้างขึ้นกลับกลายเป็นว่าไม่ใช่ใครอื่นนอกจากตัวตนปัจจุบันของฉัน ไค ไฮเนแมน
หลังจากนั้นก็เริ่มฝึกฝนกับตัวเองซึ่งเป็นอุดมคติสูงสุด
ผลของการเหวี่ยงไม้ต่อไปยังเป้าหมายซึ่งก็คือการเอาชนะตัวตนในอุดมคติของฉัน หลังจากผ่านไปหลายปี ในที่สุดฉันก็ได้รับชัยชนะและทักษะ [บัญญัติแห่งดาบสไตล์ดาบมือเดียว] ก็กลายเป็นระดับจุดสูงสุด
[บัญญัติแห่งดาบสไตล์ดาบมือเดียว]ดูเหมือนจะเพิ่มสถานะของฉันให้สูงขึ้นเมื่อฉันเข้าสู่การต่อสู้ด้วยดาบ อย่างไรก็ตาม ค่าสถานะก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าส่วนเสริมสำหรับนักดาบ มันไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด เป็นความสามารถที่ไม่สามารถเรียกได้ว่ามีประโยชน์มากนัก
ผลจากการกินหนอนพิษทุกวัน ฉันได้รับ [ดูดซึมพิษ] ซึ่งเป็นทักษะที่เหนือกว่า [ต้านทานพิษ] [พิษไร้ผล] และ [ดูดซับพิษ] มันเป็นจุดสูงสุดของทักษะเหล่านั้น [ดูดซึมพิษ] นี้ทำให้ฉันสามารถรวมพิษเข้ากับร่างกายของฉันได้ นี่หมายความว่าถ้าฉันโดนพิษ แทนที่จะได้รับอันตราย HP และ MP ของฉันจะฟื้นตัวแทน มันเป็นความสามารถที่ไร้ประโยชน์สำหรับฉัน ซึ่งไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากเหวี่ยงไม้ แต่ฉันคิดว่ามันก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย
“เอาล่ะ เริ่มกันเลยดีกว่า”
หลังจากกินหนอนพิษเสร็จ ผมก็ยืนขึ้นพร้อมกับ [แท่งไม้ที่ไม่มีวันแตกหัก]
หลายปีผ่านไปจนฉันแทบจะลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนที่จะเข้ามาที่นี่
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผลักดันให้ฉันผ่านพ้นช่วงเวลาเหล่านี้มาเป็นเวลากว่าพันปีก็คือการเดินตามวิถีแห่งดาบ อย่างอื่นนอกจากวิชาดาบเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับฉัน
นั่นเป็นเหตุผลที่เมื่อฉันเอาชนะตัวตนในอุดมคติของฉันและตระหนักว่าฉันมาถึงจุดสูงสุดของวิชาดาบแล้ว ฉันรู้สึกสูญเสียกับสิ่งที่ต้องทำต่อจากนี้ไป เหตุผลก็คือฉันไม่มีเป้าหมายไปซะแล้ว
การเอาชนะตัวตนในอุดมคติของฉันกลายเป็นเหตุผลเดียวของฉันในการใช้ชีวิตในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เป้าหมายที่จะเอาชนะ หลังจากที่ฉันชนะ ฉันก็ไม่สามารถหาเป้าหมายใหม่ได้ ด้วยอัตรานี้ ฉันแน่ใจว่าฉันอาจสูญเสียตัวเองจากความสิ้นหวัง เพราะไม่มีคู่ซ้อมเหลือให้ฉัน
อยู่มาวันหนึ่งฉันก็มาถึงคำถามพื้นฐานที่สุด: ทำไมฉันถึงเริ่มแกว่งดาบและฝึกฝนทักษะของฉัน บางครั้งอาจเป็นเรื่องยากที่จะมองเห็นสิ่งที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าตัวเองแท้ๆ ราวกับว่าค้อนทุบหัวของฉัน ทันใดนั้นฉันก็จำได้ว่ามีบางอย่างในวิหารนั้นที่จิตวิญญาณของฉันโหยหา
ฉันหัวเราะเหมือนคนงี่เง่าเมื่อนึกขึ้นได้ว่าสิ่งต่อไปที่ฉันต้องทำคืออยู่ข้างๆ ฉันตลอด ฉันได้ถึงจุดสุดยอดของวิชาดาบแล้ว แต่ฉันกลับลืมเกี่ยวกับสถานที่อันตรายที่ฉันสามารถท้าทายผู้แข็งแกร่งและสนองความกระหายในการต่อสู้ที่แท้จริงและถึงตายได้
ตอนที่ฉันเพิ่งเข้ามาที่นี่ ฉันไม่เคยแม้แต่จะพิจารณาตัวเลือกในการเคลียร์ดันเจี้ยนที่อยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของวิหารนี้ด้วยซ้ำ เหตุผลคือดันเจี้ยนเป็นเขตมรณะที่เต็มไปด้วยมอนสเตอร์ที่อันตราย พูดให้ถูกก็คือ ในตอนนั้น ฉันไม่มีโอกาสรอดในที่แห่งนั้น อย่างไรก็ตาม สำหรับฉันในปัจจุบัน ไม่มีสถานที่ใดที่ยอดเยี่ยมเท่าที่นี่อีกแล้ว ฉันสามารถหาความท้าทายใหม่ได้จากการเข้าไปในดันเจี้ยนนั้น
“อืม ตื่นเต้นจนทนไม่ไหวแล้ว”
ในขณะที่พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้แก้มของฉันปริออก ฉันเดินไปสู่แดนแห่งความตายพร้อมกับ [แท่งไม้ที่ไม่มีวันแตกหัก] ในมือข้างหนึ่ง
ขณะที่ฉันเข้าไปในดันเจี้ยน ฉันเห็นสัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายตั๊กแตนค่อยๆ เดินมาหาฉันจากด้านหน้า
เมื่อฉันใช้การประเมิน ผลที่ได้คือ [ชื่อ: บัตตะแมน] งี้นี่เอง! แม้แต่การประเมินก็ไม่ช่วยให้ฉันเห็นค่าสถานะของอีกฝ่ายได้ ดีเลยล่ะแบบนี้!
เนื่องจากผลแบบพาสซีฟของ [บัญญัติแห่งดาบสไตล์ดาบมือเดียว] ระดับจุดสูงสุด สถานะทั้งหมดของฉันจะเพิ่มขึ้น 50 โดยเฉลี่ย ฉันตั้งหน้าตั้งตารอดูว่าฉันจะสู้กับไอ้หมอนี่ได้มากแค่ไหนด้วยค่าตัวเลขพวกนั้น ตอนนี้ฉันตื่นเต้นมาก
“บัตตะแมนหรืออะไรก็ตาม แสดงความสามารถให้ฉันเห็นทีเถอะ”
หลังจากพูดอย่างนั้น ฉันก็เดินไปหาศัตรูโดยไม่พยายามข่มกลั้นความยินดีและความตื่นเต้นไว้ในใจ
ฉันหลบการโจมตีด้วยกรงเล็บของบัตตะแมน ด้วยระยะขอบที่บางราวกับกระดาษ แท่งไม้ของฉันเปลี่ยนทิศทางการโจมตีเข้ากลางออกขวาและแม้แต่ท่าที่ฉันคิดว่าเป็นไม้ตายของมันได้อย่างง่ายดาย
“แค่นี้อ่ะนะ…”
ฉันแค่ต้องการเวลาสักครู่เพื่อตระหนักถึงบางสิ่ง แม้ว่าเจ้านี่จะโจมตีฉันอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาร้อยปี การโจมตีที่หยาบกระด้างแบบนี้ก็ไม่สามารถทิ้งรอยขีดข่วนไว้บนผิวหนังของฉันได้ มันไม่มีอะไรไปมากกว่าแค่ตั๊กแตนธรรมดาๆ
ฉันพยายามระงับความผิดหวังและเตรียมแท่งไม้ของฉัน และ…
“[บัญญัติแห่งดาบสไตล์ดาบมือเดียว] รูปแบบที่หนึ่ง —เส้นมรณะ”
เส้นหนึ่งไหลลงมาที่หน้าอกของแบทแมน เส้นที่พาดผ่านจะลามไปถึงลำตัว แขน ขา และศีรษะ
“ก้า!?”
นั่นคือคำพูดสุดท้ายของบัตตะแมน แต่ละส่วนของร่างกายบัตตะแมนขยับออก กระจายเลือดสีเขียว และสลายเป็นชิ้นเนื้อชิ้นเล็กๆ
หลังจากเขย่าแท่งไม้เพื่อขจัดคราบเลือด ฉันลองประเมินตัวเองดู
ค่าสถานะเฉลี่ยดิบเพิ่มขึ้นจาก 0.1 เป็น 0.2
ดูเหมือนว่าฉันจะสามารถเพิ่มความสามารถทางกายภาพของฉันได้โดยการเอาชนะศัตรูของฉัน เมื่อฉันพบว่าคู่ต่อสู้ที่แท้จริงคนแรกของฉันเป็นเพียงลูกปลาตัวเล็ก ๆ มันเป็นเรื่องน่าผิดหวังอย่างมาก แต่ไม่ช้าก็เร็วฉันจะได้พบกับคนที่แข็งแกร่งซึ่งฉันไม่สามารถเอาชนะได้แน่ๆ ในกรณีนี้ ทำไมไม่สร้างความแข็งแกร่งให้กับร่างกายของตัวเองเพื่อเตรียมพร้อมต่อสู้กับผู้ที่แข็งแกร่งที่ยังไม่เคยเห็นล่ะ
“งั้นก็เรามาปราบมอนสเตอร์กันเถอะ”
นั่นคือเป้าหมายปัจจุบันของฉัน ด้วยเหตุนี้ ฉันจึงเริ่มล้างบางเหล่าแมลงขนาดใหญ่ด้วยตัวคนเดียวโดยใช้ [แท่งไม้ที่ไม่มีวันแตกหัก] ที่อยู่ในมือ
ติดต่อผู้แปลได้ที่ เพจผู้แปล Lemon FT