Gate of God – ตอนที่ 531-532

ตอนที่ 531-532

ตอนที่ 531 ผู้ชมก็ต้องทรมารเช่นกัน
ฆ่า!
ผู้ส่งสารของดินแดนภูเขาทางใต้โกรธจัด
หอเจ็ดดวงดาวเงียบลงในขณะเดียวกัน ฟาง เจิ้งจือ ก็หันไปมองผู้ส่งสารของดินแดนภูเขาทางใต้
”ข้าขอโทษข้าลืมเจ้าไปสนิท เจ้าควรรู้ไว้ ใครก็ตามที่กำลังสนใจเรื่องใดเรื่องหนึ่งอยู่นั้น มักจะมองข้ามเรื่องที่ไม่สำคัญรอบข้างไปเสียหมด”ฟาง เจิ้งจือ อธิบาย
”ฟางเจิ้งจือ นี่เจ้า… ”
ผู้ส่งสารของดินแดนภูเขาทางใต้ต่างสาปแช่งเขาอย่างไรก็ตามท่าทีของพวกเขาเปลี่ยนไปเมื่อได้ยิน ฟาง เจิ้งจือ พูดเช่นนั้น
ฟางเจิ้งจือ ยิ้มเยาะขณะมองที่ผู้ส่งสารเขานั่งลงแล้วรินเหล้าลงแก้ว
”หยาดเหมันต์แม้แต่ผู้ที่อยู่ในระดับจุติยังเป็นอัมพาตถึงสิบห้านาที ส่วนคนที่อยู่ต่ำกว่าระดับจุตินั้นไม่ต้องพูดถึง มันส่งผลมากเป็นชั่วโมง ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อยาเริ่มอ่อนฤทธิ์มันจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย ข้าขอบอกเลยว่านี่เป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อย”
ฟางเจิ้งจือ ดื่มเหล้าแล้วค่อยๆอธิบาย
”เขาพูดอะไร?”
”หยาดเหมันต์?”
”ข้าได้ยินมาว่ามันหายากมากมันวางขายตามตลาดมืด ข้าได้ยินมาว่าราคาของมันสูงมาก เพียงหยดเดียวก็เท่ากับทองหนึ่งแท่ง พวกเราพึ่งได้โดนฤทธิ์ หยาดเหมันต์ ไปหรือ?”
”แต่…เขารู็เรื่องทั้งหมดนี้ได้อย่างไร?”
ฝูงชนตกตะลึงเมื่อพวกเขาได้ยินสิ่งที่ฟาง เจิ้งจือ พูด พวกเขารู้ดีว่า ฟาง เจิ้งจือ หมายถึงอะไร แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่า ฟาง เจิ้งจือ รู้เรื่องทั้งหมดได้ยังไงกัน
ที่สำคัญที่สุดคือฟาง เจิ้งจือ ดื่มเหล้าทั้งๆที่รู้ว่ามันมีหยาดเหมันต์อยู่?
เขาคิดอะไรอยู่?
ผู้คนและผู้ส่งสารต่างจ้องไปที่ฟาง เจิ้งจือ ตาของพวกเขาแทบจะหลุดออกจากเบ้า พวกเขาไม่รู้ว่า ฟาง เจิ้งจือ กำลังพยายามทำอะไร
”อืมไม่เลว รสชาตินุ่มลิ้นดี” ฟาง เจิ้งจือ ยิ้มหลังจากดื่มเหล้าเข้าไป
”นุ่ม?”
”เขาคิดว่าดื่มชาหรือไงกัน?”
”เขากำลังทำอะไร?”่
เขาไม่อยากเชื่อสิ่งที่ฟาง เจิ้งจือ พูด มีคนที่ทำตัวน่าเหลือเชื่อขนาดนี้ได้ยังไง?
สีหน้าของเหล่าผู้ส่งสารต่างซีดขาว
”ไปลงนรกซะ!”
พวกเขาไม่คิดจะรออีกต่อไปแล้วพวกเขาไม่สนใจว่าทำไม เหยียน ซิว ,ปิง หยาง และ ฟาง เจิ้งจือ ถึงไม่ได้รับผลของพิษสิ่งเดียวที่อยู่ในใจคือ…
ฆ่าฟาง เจิ้งจือ!
แสงแผ่ออกมาจากร่างกายของพวกเขาพวกเขาจะไม่ประมาท
คู่ต่อสู้ของพวกเขาแข็งแกร่ง
แต่พวกเขาก็ยังมั่นใจ
หนึ่งในพวกเขาทั้งแปดคนอยู่ในระดับจุติส่วนอีกเจ็ดคนอยู่ในระดับอภินิหารขั้นสูงมีอะไรที่ต้องกลัวอีก?
นอกจากนี้พวกเขาไม่จำเป็นต้องเอาชนะเหยียน ซิว ที่ต้องทำเพียงแค่ถ่วงเวลาเพื่อให้สามารถฆ่า ฟาง เจิ้งจือ ได้สำเร็จ
”ไม่ใจร้อนไปหน่อยหรือ?”ฟางเจิ้งจือ รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่ได้เห็นแสงสว่าง ริมฝีปากของเขากระตุก “พิษนี่ …รุนแรงที่สุดของเจ้าแล้วหรีอ!”
”รุนแรง?เจ้าหมายถึงอะไร?”ผู้ส่งสารสงสัย
ในตอนแรกพวกเขาไม่เข้าใจสิ่งที่ฟาง เจิ้งจือ พูดแต่พวกเขาก็พอจะเดาได้
เพราะว่า
หลังจากที่ฟาง เจิ้งจือ พูด…
หมอกควันก็เริ่มปกคลุมทั่วหอเจ็ดดวงดาวมันเป็นหมอกสีเทาที่ลอยมากจากทุกทิศทางมีกลิ่นที่รุนแรงมาก
มันปกคุลมทั่วบริเวณในเวลาไม่นาน
”ข้าไม่รู้นะว่าทำไมเจ้าถึงชอบใช้พิษที่ทั้งไร้กลิ่นและรสชาติบางครั้งของราคาถูกก็ดีไม่น้อยเช่นกัน” เสียงของ ฟาง เจิ้งจือ ดังก้อง
ใบหน้าของเหล่าคนภายในหอเจ็ดดวงดาวกลายเป็นสีม่วง
พิษ?
เขาใช้พิษในหอเจ็ดดวงดาว?เขาทำอย่างตั้งใจและไม่ลังเลเลย! เขากำลังวางยาพิษใส่คนที่ไม่เกี่ยวข้อง
ผู้คนต่างโกรธมาก!
พวกเขายังไม่สามารถเคลื่อนไหวได้นั่นหมายความว่าไม่มีทางที่พวกเขาจะป้องกันตัวจากหมอกพิษนี่ได้ พวกเขาจะยืนรับพิษอยู่แบบนั้นได้อย่างไร
วิธีเดียวคือกลั้นหายใจ
แต่…
พวกเขาจะทำได้นานแค่ไหน?
”ไม่ข้ายังไม่อยากตาย!”
”เร็วเข้าช่วยข้าด้วย! ข้ายังไม่อยากตาย”
”อ่า… นี่มันกลิ่นอะไร? ทำไมกลิ่นมันถึงเหม็นฉุนขนาดนี้? เร็วเข้า ใครก็ได้ ช่วยข้าด้วย! ข้ายังเป็นแค่เด็ก! ข้ายังมีอนาคตอีกมาก!”
ผู้คนเริ่มกรีดร้องขอความช่วยเหลือและพยายามหาที่ซ่อน แต่มันไม่มีพวกเขาพยายามกลั้นหายใจ แต่พวกเขาทำไม่ได้ พวกเขาได้แต่กรีดร้อง
ยิ่งพวกเขากรีดร้องยิ่งหมอกสีเทายิ่งเข้ามาในร่างกาย
องค์ชายเก้าหลินหยุน ไม่ได้กรีดร้อง เขากลั้นหายใจ
จากนั้นก็มีหน้ากากประหลาดปรากฎขึ้นด้านหน้าเขา
”พี่เก้าสวมนี่ไว้แล้วจะปลอดภัย”เสียงของ ปิง หยาง ดังขึ้น จากนั้นนางก็ตระหนักถึงบางอย่าง “อ่อจริงสิ ตัวพี่กำลังชาอยู่”
ขณะที่นางพูดก็เริ่มใส่หน้ากากให้กับเขา จากนั้นนางก็กระพริบตา
”เจ้าเอายาแก้หยาดเหมันต์ให้ข้าไม่ได้หรือ?”องค์ชายเก้าหลิน หยุน ถาม
”ข้าไม่มี”ปิง หยาง พูด
”หมายความว่าอะไร?”องค์ชายเก้าหลินหยุน สับสน
”เรามีแค่สามขวดเหวิน เต๋าเปา เองก้ไม่ได้รับมันดูสิ …เขายังแน่นิ่งอยู่ที่พื้น” ปิง หยาง ชี้ไปที่ เหวิน เต๋าเปา
เหวินเต๋าเปา รู้สึกละอายใจเป็นอย่างมาก
ไม่ใช่เพราะปิง หยาง ไม่ได้ให้ยาแก้พิษแก่เขา แต่เป็นเพราะว่า ปิง หยาง ไม่คิดจะมอบหน้ากากให้เขาต่างหาก
”ฝ่าบาทหน้ากาก…หน้ากาก…” เหวิน เต๋าเปา ตะโกนขึ้นเมื่อควันสีขาวเข้ามาใกล้เขามากขึ้นเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตามเขาไม่มีทางเลือกอื่น
เพราะ
ดูเหมือนว่าปิง หยาง ไม่ได้เตรียมหน้ากากไว้ให้เขา
”ข้าไม่มีแล้ว”ปิง หยาง โบกมือให้ เหวิน เต๋าเปา ก่อนที่จะชี้ไปที่องค์ชายเก้า หลิน หยุน “ข้าเตรียมอันหนึ่งไว้ให้เจ้า…แต่เจ้าคงเข้าใจใช่ไหม?”
”เหวินเต๋าเปา มองไปที่หน้าของ หลิน หยุน อย่างช่วยไม่ได้ ต่อให้เขาจะเป็นองค์ชายที่ไม่ได้มีอิทธิพลอะไรมากนัก…
แต่ฐานะของเขาก็ยังอยู่สูงกว่าเหวิน เต๋าเปา
ยิ่งไปกว่านั้นปิง หยาง ก็ได้ตัดสินใจไปแล้ว
ดังนั้น…
สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือทนทรมารอยู่เงียบๆเท่านั้นเขาไม่มีทางเลือก ร่างกายของเขาสูดควันเข้าไปเรื่อยๆจนในที่สุดเขาก็สลบไป
คนอื่นๆก็เช่นกันพวกเขาค่อยๆหมดสติไป
พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้
หลังจากนั้นประมาณ15 นาทีควันก็เริ่มจางหายไป เกือบทุกคนหมดสติอยู่บนพื้น
”ไม่เลวแต่คิดว่าแค่นั้นจะจัดการพวกเราได้งั้นหรือ?” เสียงของผู้ส่งสารดังขึ้นมา
ที่ปากของเขามีผ้าสีดำปิดอยู่พวกเขาฉลาดพอที่จะเอาผ้าชุบน้ำมาก่อนด้วย ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาเอาน้ำมาจากไหน
”โอ้?่พวกเจ้าป้องกันพิษด้วยวิธีนี้นี่เอง!” ฟาง เจิ้งจือ หัวเราะเยาะเมื่อมองไปที่ผู้ส่งสาร
”ไปลงนรกซะเถอะ!”
”เดี๋ยวก่อน”
”เจ้าจะพูดอะไรอีก?”่
”ในเมื่อทุกคนตอนนี้หมดสติไปแล้วทำไมเจ้าไม่บอกหน่อยล่ะว่าจริงๆแล้วเจ้าเป็นใคร?” ฟาง เจิ้งจือ ถามด้วยความตื่นเต้น
”ฮ่าฮ่าฮ่า… เจ้าคิดว่าพวกเราโง่หรือไงกัน?” ผู้ส่งสารหัวเราะขึ้นมา
”พวกเจ้าก็ไม่ได้โง่นะแต่มันก็ไม่ได้สำคัญว่าเจ้าจะบอกข้าหรือไม่” ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้า ก่อนจะมองไปที่เวทีทั้งเจ็ด “เริ่มได้แล้ว”
”เริ่มได้?เจ้าพูดเรื่องอะไร?” ผู้ส่งสารงงงวย
เมื่อดวงดาวทั้งเจ็ดได้ยินคำสั่งจากฟาง เจิ้งจือ พวกนางก็ถอดหน้ากากออกและโค้งตัวให้ ฟาง เจิ้งจือ
”รับทราบนายท่าน!”
”นาย…นายท่าน?!”ผู้ส่งสารตกตะลึงเมื่อได้ยิน ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
แผนของพวกเขานั้นวางมาดีแล้ว
ก่อนที่จะมาที่หอแห่งนี้เขาได้ติดสินบนเด็กรับใช้ผู้มีหน้าที่เติมเหล้าเอาไว้เพื่อให้มั่นใจในความสำเร็จของภารกิจ เขาอยู่ดูจนมั่นใจว่าพวกนางเทเหล้าลงไปในถ้วยจริงๆ
พวกเขายังส่งสายเข้ามาคอยดูว่าฟาง เจิ้งจือ, ปิง หยาง และ เหยียน ซิว ดื่มเหล้าพวกนั้นแล้วจริงๆ
นี่เป็นแผนที่สมบูรณ์แบบ
วางยาพิษก่อนจากนั้นพวกเขาถึงค่อยปรากฎตัวออกมาพวกเขามีเหตุผลที่เตรียมไว้เพื่อฆ่า ฟาง เจิ้งจือ นอกจากนี้พวกเขายังมีฝูงชนเป็นพยาน
ที่สำคัญพวกเขาไม่มีทางถูกจับได้
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะค้นหาตัวตนของพวกเขาในดินแดนภูเขาทางใต้
อาณาจักรเซี่ยและดินแดนภูเขาทางใต้นั้นพยายามรักษามิตรภาพที่ดีต่อกัน
มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้ส่งสารที่ภักดีกับฉาน หลิง จะทำการแก้แค้น
ตราบใดที่พวกเขาสามารถออกจากเมืองภายในคืนนี้ได้ประวัติของพวกเขาจะขาวสะอาด
แต่
พวกเขาไม่ได้คิดถึงเรื่องหนึ่ง
หอเจ็ดดวงดาวเป็นของฟาง เจิ้งจือ
แผนของพวกเขาพังไม่เป็นท่าพวกเขาพยายามวางยาพิษใส่ผู้ที่เป็นปรมมาจารย์ด้านยาพิษแล้วพวกสาวใช้ที่รับสินบนไปล่ะ?
พวกนางนั้นภักดีต่อฟาง เจิ้งจือ จึงรีบรายงานทันที
ฟางเจิ้งจือ ได้เตรียมการทุกอย่างไว้ และดื่มมันอย่างไม่ลังเล
เป้าหมายของเขาคือล่อเหยื่อให้มาติดกับ
”แกร้ง!”
ท่วงทำนองดังขึ้นขัดความคิดของผู้ส่งสาร
ทั้งกลองกู่เจิ้ง…
เครื่องดนตรีทั้งเจ็ดดังขึ้นพร้อมกันพวกมันดังไปทั่วทั้งหอ
แม้ว่าจะเป็นเครื่องดนตรีที่แตกต่างกัน…
แต่…
เพลงที่พวกนางเล่นคือเพลงเดียวกัน
”ซุ่มโจมตี!”
นี่เป็นบทเพลงที่เขียนขึ้นเพื่อการโจมตี…เต๋าแห่งดนตรี
”มันคือเต๋าแห่งดนตรี!”
”เสียงเพลงสร้างค่ายกลขึ้นมา!”่
ท่าทีของเหล่าผูส่งสารเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินเสียงเพลงพวกเขารู้ว่ามันไม่ใช่ท่วงทำนองทั่วไป
พวกเขารู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่าราวกับมีหินขนาดใหญ่พุ่งกระแทกหัวและหัวใจของพวกเขา
พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องต่อสู้เพื่อมีชีวิตรอด
”งั้นหอเจ็ดดวงดาวเป็นของฟาง เจิ้งจือ? เขาได้วางแผนการโจมตีมาก่อนหน้าแล้ว? ”
องค์ชายเก้ามองไปที่ดวงดาวทั้งเจ็ดบนเวทีเขามีหน้ากากที่ทำให้เขาไม่สูดดมควันพิษเข้าไป
เขาพูดไม่ออก
เต๋าแห่งดนตรี…
พวกนางเก่งกาจขนาดไหนกั
เขาจะไม่ตกตะลึงได้อย่างไร?
องค์ชายเก้าหลิน หยุน ไม่ได้ถามอะไรออกมา และไม่ได้พูดถึงสาเหตุว่าทำไมเขาถึงมาที่นี่วันนี้ เขาแค่รอให้พิษหยาดเหมันต์ค่อยๆจางหายไป

เขาจะจากไปอย่างเงียบๆ
จังหวะของท่วงทำนองเร็วขึ้นเรื่อยๆร่างกายของผู้ส่งสารนั้นเหมือนถูกปะทะด้วยภูเขาลูกยักษ์
องค์ชายเก้ามองไปที่ดวงดาวทั้งเจ็ดก่อนจะมองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ที่กำลังมองผู้ส่งสารด้วยรอยยิ้มอยู่
หนึ่งปีที่ผ่านมา…
เขาไปเจออะไรมาบ้างนะ?
เพจหลัก: Gate of god TH
ตอนที่ 532 ฆ่าพวกมันทั้งหมด

การต่อสู้ในหอเจ็ดดวงดาวไม่ได้รุนแรงอย่างที่คิดเมื่อเหล่าร่างในชุดสีดำเดินออกมา ผลลัพธ์ของการต่อสู้นั้นก็ได้ถูกตัดสินเรียบร้อยแล้ว
เหล่าผู้ส่งสารไม่ได้เตรียมรับมือเรื่องเหล่านี้ไว้พวกเขาต้องสู้เพื่อหนีออกไปจากที่นี่
อย่างไรก็ตามมันเป็นไปไม่ได้เพราะประตูถูกปิดไว้อยู่ในความเป็นจริงเป็นพวกเขาที่ขังตัวเองเอาไว้
”เอาล่ะเจ้าจะบอกได้หรือยังว่าทำงานให้ใคร?” ฟาง เจิ้งจือ ถามผู้ส่งสารที่ได้รับบาดเจ็บอยู่
”ฝันไปเถอะ!”แม้หน้าของเหล่าผู้ส่งสารจะซีดขาว แต่น้ำเสียงของพวกเขายังคงหนักแน่น
”ข้าคิดว่าพวกเราคงไม่สามารถล้วงข้อมูลอะไรมาจากพวกเขาได้ฆ่าทิ้งซะ!” ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้าเมื่อได้ยินคำตบ
”ฆ่าพวกเขา?”ปิงหยางตกตะลึง
ไม่ใช่เพียงนางคนเดียวเท่านั้นแม้แต่ผู้ส่งสารเองก็ตกใจ พวกเขาไม่คิดว่า ฟาง เจิ้งจือ จะต้องการเอาชีวิตพวกเขา
แต่….
ตอนนี้พวกเขายินดีตาย
ที่จริงแล้วพวกเขาตัดสินใจจะฆ่าตัวตายถ้าไม่สามารถหนีออกไปได้ แต่พวกเขายังคงตกใจที่ ฟาง เจิ้งจือ พูดอะไรเช่นนั้นออกมา
”ฮ่าฮ่าฮ่า…ไม่จำเป็นพวกเรายอมตายด้วยมือของตัวเอง! ท่านพี่ พวกเราจะไปรับใช้องค์รัชทายาท ฉาน หลิง ต่อในชาติหน้า” หนึ่งในผู้ส่งสารกัดฟันพูดขึ้นมา
ผู้ส่งสารคนอื่นๆก็กัดฟันแน่นเช่นกันพวกเขาจะตายถ้าไม่สามารถหลบหนีได้
”หยุด!อย่าปล่อยให้พวกเขาตาย!” ปิง หยาง ตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นผู้ส่งสารคิดจะฆ่าตัวตาย
”ไม่จำเป็นปล่อยให้พวกเขาตาย” ฟาง เจิ้งจือ เอามือวางบนไหล่ปิง หยาง จากนั้นก็หันไปส่ายหน้าให้เหล่าคนใชุดดำ
เมื่อพวกเขาเห็นท่าทีของฟาง เจิ้งจือ พวกเขาก็เคลื่อนไหวทันที ดาบของพวกเขาแผ่จิตสังหารออกมา
ก่อนที่พวกเขาจะเดินไปยังเหล่าผู้ส่งสารดว้ยความรวดเร็ว
ผู้ส่งสารไม่คิดว่าฟาง เจิ้งจือ จะฆ่าพวกเขาจริงๆ อย่างไรก็ตามความจริงก็คือดาบไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแม้แต่น้อย
”อั้ก!””
ดาบแทงลงตรงหัวใจของพวกเขาเลือดสาดกระเซ็นไปทั่วทุกทิศทาง ก่อนที่เลือดจะไหลเจิ่งนองอยู่บนพื้น
ความตายเป็นวิธีหนึ่งในการปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระ
ผู้ส่งสารไม่เข้าใจว่าทำไมฟาง เจิ้งจือ ถึงไม่ต้องการให้พวกเขามีชีวิตอยู่ อย่างไรก็ตามพวกเขาต่อต้านไม่ได้เมื่อดาบพุ่งมายังร่างกายเขา
”ตึง!”
ร่างของผู้ส่งสารล้มลงกับพื้นทันที
องค์ชายเก้ามองไปที่ฟาง เจิ้งจือ ด้วยความสับสน เขาไม่รู้ว่า ฟาง เจิ้งจือ จะฆ่าพวกเขาทำไม?
”ทำไมเจ้าถึงฆ่าพวกเขาล่ะ?เราจะตรวจสอบคนตายได้ยังไง?” ปิง หยาง ถามออกมาอย่างหงุดหงิด นางไม่เชื่อว่า ฟาง เจิ้งจือ จะไม่รู้เรื่องง่ายๆแบบนี้ได้ยังไง
”เจ้าคิดว่าจะตรวจสอบไม่ได้หรือไงถ้าพวกเขาตายแล้ว?”ฟาง เจิ้งจือ ถาม
”เอ่อ… ” ปิง หยาง พูดไม่ออก นางสามารถบอกได้ว่าคนพวกนี้มีคาวมซื่อสัตย์เป็นอย่างสูง พวกเขาไม่มีทางพูดอะไรออกมาแน่นอน
”บางครั้งคนตายนั้นมีประโยชน์มากกว่าคนที่มีชีวิตอยู่”ฟาง เจิ้งจือ พูดเสริม
มีร่างในชุดดำร่างหนึ่งตอบสนองและเดินเข้ามาหาหน้าฟาง เจิ้งจือ
”นายท่าน!”
”อืมเปลี่ยนเสื้อผ้าของเจ้าซะ” ฟาง เจิ้งจือ ชี้ไปที่ผู้ส่งสาร
”รับทราบนายท่าน!” ชายคนนั้นพยักหน้าและถอดชุดเกราะหวายออกมาจากศพ
ปิงหยาง รู้ทันทีว่า ฟาง เจิ้งจือ จะทำอะไร
”เจ้าจะให้พวกเขาปลอมตัวเป็นผู้ส่งสารใช่ไหม?ข้าคิดว่ามันไม่น่าเป็นไปได้นะ พวกเขาดูแตกต่างเกินไป ผู้คนต้องจดจำพวกเขาได้แน่นอน” ปิง หยาง ถามด้วยความสงสัย
”เจ้าเคยได้ยินเรื่องศิลปะการปลอมตัวหรือไม่?”ฟาง เจิ้งจือ ถามกลับ
”ปลอมตัว?แน่นอนข้าเคยได้ยิน! อย่างไรก็ตามมันต้องใช้เวลานานกว่าจะปลอมตัวได้เหมือนต้นแบบ มันจะทันงั้นหรือ? ”
”ถ้าข้าเดาไม่ผิดพวกเขาสวมหน้ากากไว้อยู่แล้ว” ฟาง เจิ้งจือ หัวเราะ
ทันใดนั้นหนึ่งในกลุ่มคนชุดดำได้ดังหน้ากากหนังมนุษย์ออกมาจากหน้าผู้ส่งสารคนหนึ่ง
”พวกเขาสวมหน้ากากจริงๆเหรอ?เจ้ารู้ได้ยังไง?”ปิง หยาง ตกใจและสับสน
”ชาวแดนใต้มีสีผิวที่คล้ำเล็กน้อยมันเป็นไปได้ยากที่จะหาใครที่มีสีผิวใกล้เคียงและมีพลังเพียงพอที่จะทำงานนี้ หน้ากากจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด” ฟาง เจิ้งจือ อธิบาย
”ข้าเข้าใจแล้วพวกเราจะทำยังไงต่อไป?”ปิง หยาง พยักหน้า
”พวกเราจะจัดการตามกฎหมาย”ฟาง เจิ้งจือ ตอบ
”ตามกฎหมาย?”ปิง หยาง สับสนเล็กน้อย
”ตามกฎหมายคนเหล่านี้ควรถูกส่งไปที่กรมกฎหมายจากนั้นรัฐนตรีกรมพิธีการจะติดต่อกับแดนใต้และพูดคุยถึงปัญหานี้เมื่อองค์ราชาินีมาถึงเมืองหลวง” องค์ชายเก้าตอบ
”เข้าใจแล้วเจ้าต้องการส่งพวกเขาไปที่กรมกฎหมายเพื่อบังคับพวกเขา? ข้าพูดถูกไหม?””ปิง หยาง ดูเหมือนจะเข้าใจมากขึ้น
”อืม”ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้า
”พวกเขาจะเชื่องั้นหรือ?ข้าคิดว่ามันสังเกตุเห็นมันได้ง่ายมาก” ปิง หยาง ตอบอย่างหวาดระแวง
”ใช้สังเกตุเห็นได้ง่ายเกินไป”องค์ชายเก้าพยักหน้า
มันไม่ยากเลยที่จะบอกว่าพวกเขาไม่ใช่คนของดินแดนภูเขาทางใต้
แต่พวกเขาก็ไม่ใช้ผู้ส่งสารจริงๆอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตามมันเป็นจิตวิทยาถ้าคนเหล่านี้ถูกส่งไปที่กรมกฎหมาย…
เขาสามารถเดาโชคชะตาของคนพวกนี้ได้
หนึ่งในสองสิ่งจะเกิดขึ้นทันทีที่พวกเขาก้าวเท้าเข้าไป…
อย่างแรกพวกเขาอาจจะตายในคุกที่น่ากลัวอย่างที่สองคือพวกเขาจะหายไปจากโลกนี้อย่างไร้ร่องรอย
ไม่ว่าจะด้วยวิธีนไนทุกอย่างก็จะจบลง
เช่นนั้น…
ทำไมฟาง เจิ้งจือ ถึงทำเช่นนั้น?
”นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมข้าถึงอยากให้ท่านช่วยองค์ชายเก้า ข้าอยากให้ท่านทำทีเป็นทะเลาะกับข้าสักหน่อย ท่านจะว่ายังไง?”ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่องค์ชายเก้า หลิน หยุน
”เจ้าอยากได้ความช่วยเหลือจากข้า?”องค์ชายเก้าหลิน หยุน ตกตะลึง เขาไม่เคยคิดเลยว่า ฟาง เจิ้งจือ จะพูดอะไรแบบนั้น เขาเป็นแค่ ‘คนนอก’
อย่างไรก็ตามตั้งแต่ ฟาง เจิ้งจือ ถาม เขาก็เริ่มคิดเกี่ยวกับมัน
”เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่?”
”ท่านกลัวว่าตัวเองจะติดร่างแหไปด้วย?”ฟางเจิ้งจือ ถาม
”ข้ากลัว!”องค์ชายเก้าหลิน หยุน ลังเลแล้วก็กัดฟันคิด “ข้ากลัว แต่ก็ต้องทำอะไรสักอย่าง”
”ฮ่าฮ่าฮ่า…สิ่งนี้จะไม่ทำให้ท่านลำบากมากนักหรอก” ฟาง เจิ้งจือ ยิ้มเมื่อได้ยินเช่นนั้น
”แม้ว่ามันจะทำให้ข้ามีปัญหาก็ไม่สำคัญ ข้าพร้อม …”องค์ชายเก้าหลิน หยุน ส่ายหัวและมองไปที่มือสังหาร
ในฐานะองค์ชายเขารู้ถึงสถานการณ์ดีอย่างไรก็ตาม เขาเป็นได้แค่ผู้สังเกตุการณ์
ทุกคนต้องการบัลลังก์อย่างไรก็ตาม บางครั้งการไปให้ถึงบัลลังก์ก็ยังห่างไกลนัก ถ้าไม่มีความพยายาม
การยอมแพ้เองก็เป็นทางเลือกเช่นกัน
”ท่านยังคงมีอิสระได้ตามที่ท่านต้องการ!”เหยียนซิว ตอบอย่างใจเย็น
”อืมถูกต้องแล้ว!”องค์ชายเก้า หลิน หยุน พยักหน้า ในแววตาของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “บอกข้ามา เจ้าอยากให้ข้าทำอะไร”

ภายในบ้านพักขององค์รัชทายาท
มีร่างๆหนึ่งวิ่งเข้าไปในห้องหนังสือจากนั้นเขาก็มองไปรอบๆและตรงดิ่งเข้าไปโดยไม่ได้ส่งสัญญาณใดๆ
องค์รัชทายาทหลิน เทียนหลง ยังคงอ่านหนังสือ เขาสวมชุดคลุมสีเงินที่งดงาม
และมีอีกคนที่อยู่ในห้องสมุด…
รัฐมนตรีฝ่ายซ้ายยู่ ยี่ปิง
”ฝ่าบาทมีเรื่องร้ายบางอย่างเกิดขึ้น!”ร่างๆนั้นคุกเข่าลงและเริ่มพูดขณะที่หายใจติดขัด
”พูด!”ท่าทีขององค์รัชทายาทหลินเทียนหลง เปลี่ยนไป
”ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้และเราได้ใส่หยาดเหมันต์ลงเครื่องดื่มเรียบร้อยคนของพวกเราปิดกั้นหอเจ็ดวงดาวและมีเหล่าทหารคอยคุ้มกันด้านนอก แต่อย่างไรก็ตาม …”
”แต่อะไร?!”
”ข้าก็ไม่รู้ว่าเป็นไปได้ยังไงแต่ว่าแผนของพวกเราล้มเหลว!”
”ล้มเหลว?!พวกเขาอยู่ที่ไหน? ตอนนี้ พวกเขาอยู่ที่ไหน?!”องค์รัชทายาทหลิน เทียนหลง ตัวสั่นและเดินไปหาชายผู้ที่วิ่งเข้ามา
”พวกเขากำลังถูกส่งไปที่กรมกฎหมาย”เขาตอบกลับทันที
”ส่งไปกรมกฎหมาย?”องค์รัชทายาทหลิน เทียนหลง ตกใจ จากนั้นเขาก็ยิ้ม “ฟาง เจิ้งจือ เจ้าโง่หรือไงกัน? ถ้าส่งพวกเขาไปที่กรมกฎหมาย แล้วพวกเราจะรออะไรอีก? ส่งคนไปจัดการ! เอาเหรียญตราของข้าไปและให้คนของเราเข้าไปในกรมกฎหมายทันทีคืนนี้พวกเราต้องเอาพวกเขาออกจากคุก!”
”ไม่ได้!”รัฐมนตรีฝ่ายซ้ายยู่ ยี่ปิง กล่าวออกมา เขาหันไปมองที่ร่างๆนั้น “เจ้าแน่ในหรือว่าพวกนั้นเป็นคนที่พวกเราส่งไป?”
”ขอรับพวกเขาดูเหมือน!”่ร่างๆนั้นตอบ
”ท่านรัฐมนตรีมีอะไรผิดพลาดงั้นหรือ?”องค์รัชทายาท หลิน เทียนหลง รู้สึกสงสัยเมื่อได้ยิน
”ข้ายังไม่แน่ใจ”รัฐมนตรียู่ ยี่ปิง สายหัวและมองไปที่ร่างๆนั้น “คนพวกนั้นตายหรือยังไม่ตาย?”
”ยังไม่ตายเพียงแต่หมดสติไป พวกเขาได้รับพิษจากหมอกควันบางอย่าง”ร่างๆนั้นตอบกลับ
”หมดสติ?ถูกพิษ?”ดวงตาของ ยู่ ยี่ปิง เป็นประกาย
”ใช่พวกเขาไม่ใช่พวกเดียวที่ถูกพิษคนอื่น ๆ ในหอเจ็ดดวงดาวก็ถูกวางยาเช่นกัน ข้าคิดว่า ฟาง เจิ้งจือ เป็นคนปล่อยพิษใส่พวกเขา”ร่างนั้นรายงาน
”หอเจ็ดดวงดาวถูกวางยาพิษ?เจ้าแน่ใจหรือไม่?”
”แน่ขอรับ”
”ข้าไม่คิดเลยว่าฟาง เจิ้งจือ จะใช้พิษเป็นหลังจากผ่านมาหนึ่งปี … ข้าประมาทเกินไป!”รัฐมนตรีฝ่ายซ้าย ยู่ ยี่ปิง อุทาน
”ท่านรัฐมนตรีจักรพรรดิออกไปนอกเมือง ถ้าเรารอจนกว่าเขาจะกลับมาจากทะเลสาบสิบลี้มันอาจจะสายเกินไปเนื่องจากพวกเขาอยู่ที่กรมกฎหมายแล้วทำไมเราไม่ …”องค์รัชทายาทมอง ยู่ ยี่ปิง และร่างทุกคุกเข่าอยู่
”ฝ่าบาทถ้าเป็นท่านจะส่งคนพวกนั้นมาที่กฎหมายหรือไม่?” ยู่ ยี่ปิง ถามขึ้นมา
”ท่านกำลังบอกว่าเขาส่งพวกนั้นมาเพราะมีจุดประสงค์บางอย่างงั้นหรือ?” หลิน เทียนหลง ถามอย่างใจเย็น
”ไม่ใช่แบบนั้นข้าแค่กังวลเท่านั้น” ยู่ ยี่ปิง ส่ายหัว ” เป็น ฟาง เจิ้งจือ หรือที่ต้องการส่งพวกเขามาที่กรมกฎหมาย?” ยู่ ยี่ปิง ถามขึ้นมาอีกครั้ง
”ไม่นั่นไม่ใช่ความตั้งใจของฟางเจิ้งจือ แต่เป็นขององค์ชายเก้า!”
”องค์ชายเก้า?”ยู่ยี่ปิง แปลกใจมาก
”ใช่เขาอยู่ที่หอเจ็ดดวงดาวฟาง เจิ้งจือ ต้องการเอาตัวผู้ส่งสารไปที่บ้านของ ปิง หยาง แต่องค์ชายเก้าไม่ยอม พวกเขาโต้เถียงกันอย่างรุนแรงด้านนอกหอ สุดท้ายคนของพวกเราก็เข้าไปควบคุมสถานการณ์”
”เจ้ากำลังบอกว่าองค์ชายเก้าขัดขวางฟาง เจิ้งจือ ไม่ให้เอาตัวผู้ส่งสารไป จากนั้นทหารของพวกเราก็พาตัวผู้ส่งสารมาที่กรมกฎหมาย?” ดวงตาของ ยู่ ยี่ปิง เป็นประกาย
”ใช้แล้วขอรับ!”ร่างนั้นพยักหน้าทันที
”ท่านรัฐมนตรีคิดว่ายังไง?”หลิน เทียนหลง ถามขึ้นมา
”ข้าระแวงมากไปเองไม่ต้องกังวลฝ่าบาท ถ้าเป็นไปตามนี้ไม่มีอะไรที่ต้องกังวลแม้แต่น้อย แต่มันก็ยังมีความเสี่ยงอยู่บ้าง ให้ข้าจัดการเอง!” ยู่ ยี่ปิง โค้งคำนับ
”ท่านรัฐมนตรีไม่ต้องเป็นห่วงข้าเชื่อว่าท่านสามารถควบคุมสถานการณ์ทุกอย่างได้” หลิน เทียนหลง ยิ้ม ก่อนจะตอบกลับไป
เพจหลัก: Gate of god TH

Gate of God

Gate of God

เรื่องราวของฟางเจิ้งจือผู้ได้มาเกิดใหม่ในโลกที่ผู้คนสามารถใช้พลังจากธรรมชาติที่เรียกว่า’เต๋า’ได้ แต่ฟางเจิ้งจือผู้ที่เกิดมาในครอบครัวชาวบ้านธรรมดาและต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกลับต้องพัวพันกับเหตุการณ์ต่างๆทั้งการทดสอบพลังและความรู้ของอาณาจักร ความขัดแย้งทางการเมืองรวมถึงเผ่าปีศาจที่คอยชักใยแผนการอยู่เบื้องหลัง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads แทงบอลออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน