จากนั้นเมิ่งเทียนก็เดินตรงไปยังหอคอยหลิงหยุนเขาไม่สนใจเหล่าศิษย์ที่ใบหน้ามีแต่ความว่างเปล่า
หยุดเดี๋ยวนี้! หลังจากตกตะลึง ศิษย์สิบเอ็ดคนพุ่งเข้าไปหาเมิ่งเทียนอีกครั้ง น่าเศร้าที่เมิงเทียนเดินไปไกลแล้ว
เขาเร็วมาก?!
เป็นไปได้ยังไง?!
เขาเป็นตัวตนระดับเทพเจ้าเทพอสูรหรือไม่ก็เทพปีศาจแน่นอน!
ศิษย์ทั้งสิบเอ็ดคนต้องการจะไล่ตามไปแต่ความเร็วของเมิ่งเทียนนั้นเร็วเกินไป ในชั่วพริบตาเขาก็ห่างไปเกือบหนึ่งร้อยก้าวแล้ว
…
ฟางเจิ้งจือคิดว่าตัวเองให้คำใบ้กับศิษ์หอคอยหลิงหยุนมากพอแล้ว
อย่างน้อยเขาก็เก็บดาบจากศิษย์ทั้งสิบเอ็ดคนมาเขายังไม่ได้ลงมืออะไรไปมากกว่านั้น
เช่นจับพวกนางถอดเสื้อผ้า
อย่างไรก็ตามศิษย์หอคอยหลิงหยุนทั้งสิบเอ็ดคนกลับไม่รู้เลยแม้แต่น้อยพวกนางยังคงไล่ตามเขามาไม่หยุดหย่อน
เขารู้สึกรำคาญเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถคาดหวังให้ทุกคนฉลาดแบบตัวเขาได้
ฟางเจิ้งจือเดินอย่างรวดเร็วและถึงด้านหน้าหอคอยหลิงหยุนที่มีศิษย์รอยกว่าคนรอเขาอยู่แต่ละคนใบหน้าแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการฆ่าที่ชัดเจน
เมิ่งเทียนพวกเราจะไว้ชีวิตเจ้าถ้าเจ้ายอมเปิดเผยใบหน้าให้พวกเราเห็น! เสียงหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางศิษย์จำนวนมาก
พวกเจ้าช่วยทำอะไรที่มันสร้างสรรค์กว่านี้ได้ไหม? ฟางเจิ้งจือรู้สึกพูดไม่ออกเล็กน้อย เขาไม่เข้าใจว่าทำไมศิษย์หอคอยหลิงหยุนถึงได้หยิ่งผยองขนาดนี้ มันเห็นชัดกันอยู่แล้วในเรื่องความแตกต่างของพลัง
ใครเป็นคนทำให้พวกนางมีความมั่นใจขนาดนี้?
ตาย! การโจมตีที่เตรียมพร้อมมาเป็นอย่างดีได้เริ่มขึ้นทันทีเมื่อคำสั่งได้ดังขึ้น
พวกนางกระจายตัวออกไปในทุกทิศทางจากนั้นก็เรียงแถวกันโดยมีฟางเจิ้งจืออยู่ตรงกลาง
เป็นค่ายกลที่ค่อนข้างน่าประทับใจ
อย่างน้อยทั้งตำแหน่งการยืนและการเคลื่อนไหวล้วนดีเยี่ยมโดยเฉพาะเมื่อหญิงสาวที่สวมกระโปรงเคลื่อนไหว มันราวกับดอกไม้ที่กำลังผลิบาน
ฟางเจิ้งจือเป็นคนหนึ่งที่รู้จักชมความงามของศิลปะเช่นนั้นเขาจึงยังไม่เคลื่อนไหวในทันที เขารอให้พวกนางยืนกันเข้าที่เข้าทางเสียก่อน
และสิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนั้น… เขาคิดว่าเจ้าบ้านน่าจะเดินออกมาหลังจากที่เขาถูกล้อมอย่างสมบูรณ์แล้ว
เช่นนั้นคนที่เดินออกมาควรจะเป็นเฉียนยู่ผู้ทรงเสน่ห์ที่เขาไม่ได้พบถึงห้าเดือนใช่หรือไม่หรือจะเป็นสาวน้อยปิงหยาง?
ขณะที่ฟางเจิ้งจือกำลังเตรียมใจร่างหนึ่งเดินออกมาจากหอคอยหลิงหยุนช้าๆ
ส่วนเอว…
ค่อนข้างแปลก
หน้าอก?
เดี๋ยวๆ?ทำไมถึงไม่มีหน้าอกล่ะ?
หรือว่าในช่วงห้าเดือนที่ผ่านมาเฉียนยู่ใช้วิธีพิเศษในการบ่มเพาะพลังทำให้ส่วนนั้นของนางหายไป?
เจ้าเป็นใครกันแน่?! เสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวดังขึ้น ผ่อนกับแสงสีทองที่สว่างจ้า
ราวกับแสงอาทิตย์ได้ส่องออกมาจากชุดที่ร่างนั้นสวมฟางเจิ้งจือรู้สึกตาของตัวเองพร่ามัวลงเล็กน้อย
เดี๋ยวก่อน!
ทำไมเป็นผู้ชาย?
ทำไมถึงมีผู้ชายอยู่ที่หอคอยหลิงหยุน?
นี่มันเรื่องบัดซบอะไรกัน!
ขณะที่ฟางเจิ้งจือกำลังตกตะลึงเขาเลื่อนสายตาขึ้นไปและพบกับใบหน้าที่ค่อนข้างอ่อนเยาว์และคุ้นเคย
บัดซ…ฝะ..ฝ่าบาท?! ฟางเจิ้งจือเกือบจะสบถออกมาเพราะเขาไม่คาดคิดว่าจักรพรรดิหลินมู่ไป่จะปรากฎตัวขึ้นที่หอคอยหลิงหยุน
เกิดอะไรขึ้น?
ไม่ใช่ว่าจักรพรรดิของอาณาจักรเซี่ยควรจะคอยควบควมและตรวจสอบสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงงั้นหรือ?
ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่?
ข้าคือจักรพรรดิของอาณาจักรเซี่ยถ้าเจ้าคือเทพสงครามจริง เจ้าควรคุกเข่าต่อหน้าข้า! จักรพรรดิหลินมู่ไป่ออกคำสั่งทันที ขณะที่ฟางเจิ้งจือยืนเงียบ
เอ่อเรื่องนี้… ฟางเจิ้งจือเริ่มเข้าใจสถานการณ์มากขึ้น
เพื่อจะพิสูจน์ตัวตนของเมิ่งเทียนจักรพรรดิหลินมู่ไป่จึงได้เดินทางจากอาณาจักรเซี่ยมาที่หอคอยหลิงหยุน
ฝ่าบาทท่านไม่ควรห่วงสถานการณ์ที่เข้าขั้นวิกฤตของอาณาจักรเซี่ยงั้นหรือ แต่ท่านกลับมาอยู่ที่หอคอยหลิงหยุนนี่? ฟางเจิ้งจือถาม
ไม่มีสถานการณ์รุนแรงในอาณาจักรเซี่ยทั้งนั้น จักรพรรดิหลินมู่ไป่ขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าเมิ่งเทียนไม่ยินยอมคุกเข่า
เขาสามารถอ่านสถานการณ์ออกได้ในทันทีอย่างไรก็ตามเขายังคงรักษาท่าทีเงียบสงบเอาไว้
งั้นรึ?ไม่ใช่ว่าเมืองเกล็ดทองถูกบุกยึดไปแล้ว? ฟางเจิ้งจือ มองศิษย์ที่อยู่รอบๆแล้วกล่าวออกมา
มันเป็นเรื่องของอาณาจักรข้าเจ้า…เป็นใครกันแน่? ปีศาจหรืออสูร? จักรพรรดิหลินมู่ไป่ไม่คิดจะเสียเวลากับฟางเจิ้งจือ
นามสกุลของข้าคือเมิ่งและชื่อของข้าคือเทียน! ฟางเจิ้งจือตอบโดยไม่ลังเล
ฮ่าฮ่า…เจ้ายังเสแสร้งเป็นเมิ่งเทียนอีกงั้นรึ? หลิ่นมู่ไป่หัวเราะเยาะขณะที่เอามือทั้งสองขว้างไขว้หลัง
ท่านจะว่าอะไรไหมล่ะถ้าข้าจะขอดู’ดวงตามงกรมรกต’ที่ท่านซ่อนเอาไว้ด้านหลัง? ฟางเจิ้งจือเห็นการกระทำของหลินมู่ไป่
เจ้า…เจ้ารู้ได้ยังไงว่าข้ามีดวงตามังกรมรกต? ท่าทีที่เงียบสงบของหลินเปลี่ยนไปทันที
แม้เรื่องนี้จะไม่ใช่ความลับใหญ่โตแต่ก็มีไม่กี่คนที่รู้เรื่องนี้
ยิ่งไปกว่านั้นตัวตนระดับเทพเจ้าของเผ่าปีศาจและอสูรก็พึ่งลงมาจากประตูเทพเจ้าไม่นานคำนึงถึงเรื่องเวลาแล้ว…
ถ้าเมิ่งเทียนตรงหน้าเป็นปีศาจหรืออสูรก็ไม่น่าจะรู้เรื่องดวงตามังกรมรกต
นอกจากดวงตามังกรมรกตแล้วข้ายังรู้มากกว่านั้น อย่างเช่นหญิงสาวที่เป็นคนพาปิงหยางหลบหนีคือสนมเฉินเฟยฮัว! ฟางเจิ้งจือกล่าว
ฮ่าฮ่า…ข้าเข้าใจแล้วดูเหมือนหยุนชิงวูจะบอกเจ้าทุกอย่างสินะ จักรพรรดิหลินมู่ไป่เริ่มหัวเราะอีกครั้ง
งั้นฝ่าบาทก็ยังคิดว่าข้าเป็นตัวปลอมอยู่? ฟางเจิ้งจือก้าวไปข้างหน้าและถามอีกครั้ง
หยุดอยู่ตรงนั้น! ก้าวเล็กๆแต่กลับทำให้ศิษย์ที่อยู่รอบๆตื่นตัวเป็นอย่างมาก
แสงสีเขียวเข้มสว่างขึ้น
มันสว่างขึ้นบนตัวของศิษย์ทีละคนทีละคน
ในเวลาเดียวกันกับที่แสงสีเขียวเข้มกระจายออกไปมีแสงสีเขียวอ่อนที่เต็มไปด้วยจิตสังหารปรากฎขึ้น
เดี๋ยวก่อนถ้าฆ่าข้าตอนนี้ พวกเจ้าก็จะเสียโอกาสที่จะเข้าใจความจริงของ’เมิ่งเทียน’ไปนะ? ฟางเจิ้งจือพยายามโน้วน้าวพวกนาง
หยุดอย่าพึ่งฆ่าเขา! จักรพรรดิหลินมู่ไป่ยกมือขึ้นพร้อมกับหรี่ตา ในเมื่อเจ้าไม่ต้องการตาย งั้นตอบคำถามของข้ามา
ขอบคุณที่ไม่ฆ่าข้าเชิญฝ่าบาทถามได้เลย ฟางเจิ้งจือตอบ
ทำไมเจ้าต้องปลอมเป็นเมิ่งเทียน? จักรพรรดิหลินมู่ไป่ถาม
ปลอม?ข้าไม่ได้ปลอมเป็นเมิ่งเทียน ข้าคือเมิ่งเทียน ไม่มีเมิ่งเทียนคนไหนจริงไปกว่าข้าแล้ว ฟางเจิ้งจือพูดความจริง เมิ่งเทียนจำนวนมากในปัจจุบันเขาคิดว่าตัวเองนั้นใกล้เคียงตัวจริงที่สุดแล้ว
เจ้าอยากตายงั้นรึ? หลินมู่ไป่ถามด้วยน้ำเสียงอันเย็นชา
ไม่ ฟางเจิ้งจือส่ายหัว
งั้นตอบข้ามาทำไมเจ้าต้องปลอมเป็นเมิ่งเทียน?
ข้าคือเมิ่งเทียน!
ดูเมือนเจ้าอยากจะตายจริงๆ!
ไม่!
งั้นเจ้า… จักรพรรดิหลินมู่ไป่กำลังจะพูดออกไปแต่รอบนี้เขากลับหยุด เขาโกรธที่ต้องพูดคำเดิมซ้ำๆ อย่างไรก็ตามเขารีบข่มความโกรธในใจอย่างรวดเร็วเพราะเหตุผลง่ายๆ
มีดวงตาคู่หนึ่งจ้องมองเขาอยู่จากด้านหลัง
เขาจมอยู่ในความเงียบพร้อมกับสูดหายใจลึกๆถ้าเขาไม่สามารถเอาคำตอบได้ เขาก็ควรเปลี่ยนวิธี
ได้ในเมื่อเจ้าบอกว่าตัวเองคือเมิ่งเทียน งั้นใครที่ปรากฎตัวขึ้นที่ภูเขาหลิงเซียว? หลินมู่ไป่ถามคำถามที่สอง แน่นอนว่าเป็นตัวปลอม ฟางเจิ้งจือตอบ
เจ้าบอกให้ใครสักคนลงมือใช่ไหม? จักรพรรดิหลินมู่ไป่พยักหน้าและถามต่อ
ไม่ข้าไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวปลอมนั่น ฟางเจิ้งจือส่ายหัว
งั้นตัวปลอมคนอื่นๆล่ะ? ดวงตาของจักรพรรดิหลินมู่ไป่สว่างขึ้น
คนอื่น…อาจจะทั้งใช่และไม่ ฟางเจิ้งจือตอบตรงๆ
เจ้าหมายความว่ายังไง?
พูดง่ายๆข้าได้ให้คนจำนวนหนึ่งปลอมเป็นข้า อย่างไรก็ตามมีคนกลุ่มอื่นปะปนเข้ามาเป็นเมิ่งเทียนตัวปลอมด้วย เช่นนั้นในตอนนี้ข้าเองก็แยกไม่ออกเช่นกัน
เจ้าเองก็แยกไม่ออก? จักรพรรดิหลินมู่ไป่ไม่เข้าใจที่ฟางเจิ้งจือ กล่าว
ทุกอย่างดูวุ่นวายยิ่งกว่าเดิม
ชายตรงหน้าที่อ้างว่าเป็นเมิ่งเทียนตัวจริงเขาได้ให้คนจำนวนหนึ่งปลอมเป็นเมิ่งเทียน และมีคนอีกกลุ่มหนึ่งปลอมเป็นเมิ่งเทียนเข้ามาปะปนอีก?
ถ้าเปรียบเทียบดินแดนศักสิทธิ์ตามปกติเป็นหม้อโจ๊กขนาดใหญ่งั้นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในปัจจุบันคงเทียบได้กับหม้อโจ๊กที่ผสมผักกับสมุนไพรทุกชนิดลงไป
เอาล่ะข้าตอบคำถามของท่านแล้ว คราวนี้ถึงทีหอคอยหลิงหยุนต้องตอบคำถามของข้าบ้าง ฟางเจิ้งจือพยักหน้าและเริ่มพูด
เจ้าอยากรู้อะไร? จักรพรรดิหลินมู่ไป่ขมวดคิ้วและถามออกมา
ทำไมหอคอยหลิงหยุนถึงไม่เข้าร่วมกับกลุ่มพันธมิตร?พวกท่านตัดสินใจกลับมาที่นี่อีกครั้ง? ดูเหมือนว่ามันจะไม่สอดคล้องกับอุดมการณ์ของทั้งห้าสำนักที่ว่า’ห้าสำนักล้วนอยู่บนรากฐานเดียวกัน’ ฟางเจิ้งจือมองเข้าไปในหอคอยหลิงหยุนขณะถาม
เจ้ากำลังพูดถึงอะไรหอคอยหลิงหยุนไม่เคยต้องการอยู่ในเส้นทางเดียวกันกับสี่สำนักที่เหลือ มันแค่คำพูดสวยหรูที่สี่สำนักที่เหลือสร้างขึ้น เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านในหอคอยหลิงหยุน
จากนั้นร่างหนึ่งที่สวมชุดสีขาวอมเทาได้เดินออกมา
เฉียนยู่!
ครั้งหนึ่งนางเคยถูกกักขังไว้กว่าสิบปี
แน่นอนว่ายังมีอีกร่างอันงดงามยืนอยู่ข้างๆนาง
สีแดงสดบนตัวนางไม่ได้พบเห็นได้ทั่วไปในหอคอยหลิงหยุนมีเพียงนางคนเดียวที่ชอบสีแดงสด
ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากปิงหยาง
เวลาผ่านไปเพียงห้าเดือนแต่นางกลับดูสงบและเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากอย่างน้อยหน้าของนางก็ไม่ได้บึ้งตึงตลอดเวลา
อย่างไรก็ตามฟางเจิ้งจือรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่ตัวตนที่แท้จริงของนางจะเปลี่ยนไปตามเวลานางกำลังแสร้งทำเป็นเงียบสงบต่อหน้าคนอื่นเท่านั้น
หรือพูดง่ายๆ…
นางกำลังแสดงเท่านั้น!
โอ้ท่านผู้นำหอคอยกล่าวถูกแล้ว ข้าไม่มีข้อโต้แย้ง อย่างไรก็ตามในเมื่อท่านรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้อยู่บนเส้นทางเดียวกันกับสี่สำนักที่เหลือ ทำไมท่านไม่ลองพิจารณาถึงการเข้าร่วมกับข้า เดินบนเส้นทางเดียวกันกับข้า? ฟางเจิ้งจือยิ้ม
เส้นทางเดียวกันกับเจ้า?ฮ่าฮ่า… เฉียนยู่หัวเราะราวกับดอกไม้ที่บานอยู่ท่ามกลางหิมะ แม้จะไม่ได้สวยงามมากแต่ดูยิ่งใหญ่
ผู้นำหอคอยโปรดอย่าเข้าใจผิดข้าไม่ได้หมายถึงเรื่องอย่างว่า! ฟางเจิ้งจือรู้สึกกระอักกระอวนเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทีมีความสุขของเฉียนยู่
…
…
ทั่วทั้งหอคอยหลิงหยุนตกอยู่ในความเงียบทันทีความเงียบที่น่าหวาดกลัว…
……………………………………..