Gate of God – ตอนที่ 1031 ตัดสินชัยชนะในหนึ่งรอบ

ตอนที่ 1031 ตัดสินชัยชนะในหนึ่งรอบ

ตอนที่ 1031 ตัดสินชัยชนะในหนึ่งรอบ

   เจ้ามั่นใจแล้วใช่ไหมที่จะลงแข่งรอบสุดท้าย? หนานกงมู่ถามอีกครั้ง

   แน่นอน หลินยู่ตอบขณะมองไปยังหยุนชิงวูที่ยืนอยู่ท่ามกลางมนุษย์

  เขาไม่ได้มีข้อขัดแย้งใดๆกับฟางเจิ้งจือแต่ฟางเจิ้งจือได้ชิงตัวหยุนชิงวูไปกับเขา

  เขาไม่มีทางทนกับความอัปยศนั้นได้อย่างแน่นอน

  เขาทนไม่ได้เขาจึงกลับมาที่กองทัพอสูรปีศาจหลังจากที่ฉินเซียนตายลงเขาได้สาบานว่าจะภักดีต่อโจวฉี

  ตอนนี้โอกาสอยู่ตรงหน้าเขาไม่มีทางปล่อยให้มันหลุดลอยไป

  หนานกงมู่เงียบลง

  ด้านความสามารถหลินยู่ไม่ได้แข็งแกร่งที่สุดความเป็นจริงมู่ซิงยังทรงพลังกว่าเขามาก  มันเป็นเหตุผลที่โจวฉีเลือกมู่ซิงให้สู้ในรอบสุดท้ายพร้อมกับเขา

  ในรอบสุดท้ายเขาไม่ต้องการให้มีอะไรผิดพลาด

  แต่ความมุ่งมั่นของหลินยู่ทำให้เขาลังเล

   ได้งั้นข้ากับเจ้าจะสู้ในรอบที่สาม!  ในที่สุดหนานกงมู่ก็พยักหน้า

  เขาเปลี่ยนใจเพราะรู้ว่าความมุ่งมั่นนั้นเป็นหนึ่งอย่างที่ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่ง

   ขอบคุณท่านโจวฉีมาก! หลินยู่กล่าวออกมาและเดินกลับเข้าไปในกองทัพอีกครั้ง

   มู่ซิงเจ้านำตัวตนระดับเทพเจ้าสองคนพร้อมกับหนึ่งราชาอสูรเพื่อต่อสู้ในรอบแรก  หนานกงมู่เรียกมู่ซิง

   พวกเราจะส่งตัวตนระดับเทพเจ้าถึงสามคนในรอกแรกเลยงั้นรึ?! มู่ซิงไม่ได้ยินบนสนทนาระหว่างหนานกงมู่และหลินยู่เพราะพวกเขาปิดกั้นการรับรู้จากภายนอกเอาไว้ขณะที่ปรึกษากัน  ดังนั้นมู่ซิงจึงตกใจมากเมื่อได้ยินคำสั่งของหนานกงมู่

   อืมเจ้าต้องชนะในรอบแรก ห้ามแพ้เด็ดขาด!  หนานกงมู่พยักหน้า

   รับทราบ! แม้มู่ซิงจะไม่เข้าใจเหตุผลที่อยู่เบื้องหลัง แต่ผู้บัญชาการหลักคือโจวฉีดังนั้นเขาไม่มีสิทธิ์ตั้งคำถาม

  เป็นไปได้ไหมที่โจวฉีต้องการให้ฟางเจิ้งจือลงต่อสู้ในรอบแรกเลยส่งตัวตนเทพเจ้าออกไปถึงสามคน?

  มู่ซิงเริ่มคาดเดาขณะเดียวกันก็เดินเข้าไปในยังศูนย์กลางระหว่างกองทัพอสูรปีศาจกับกลุ่มพันธมิตรสวรรค์ฝ่ายมนุษย์

   สามคน?! 

   เกิดอะไรขึ้น? 

   ทำไมโจวฉีถึงส่งตัวตนระดับเทพเจ้ามาถึงสามคนในรอบแรก?เขาเป็นบ้าไปแล้วงั้นหรือ? 

   เขาต้องการให้ฟางเจิ้งจือลงต่อสู้ในรอบแรกถ้าปราศจากฟางเจิ้งจือพวกเราไม่มีโอกาสชนะแม้แต่น้อย! 

  ฝ่ายมนุษย์ต่างแสดงความตกใจเมื่อเห็นตัวตนระดับเทพเจ้าเดินออกมาถึงสามคน

  จากนั้นพวกเขาก็หันไปมองฟางเจิ้งจือ

  ถ้าปราศจากฟางเจิ้งจือพวกเขาจะเอาชนะในรอบนี้ไปได้ยังไง?

  ไม่มีทาง!

   เจ้าไร้ยางอายพวกเราทำเช่นไรดี?  ปิงหยางหันมองฟางเจิ้งจือด้วยความตกใจ

   เจ้าคิดยังไงล่ะ? แทนที่จะตอบ ฟางเจิ้งจือกลับถามปิงหยางกลับ

   พวกนั้นต้องการบังคับให้เจ้าลงในรอบแรก? 

   ฉลาดมาก 

   งั้น…เจ้าจะลงในรอบแรกไหม? 

   ไม่ ฟางเจิ้งจือส่ายหัว

   ไม่?ถ้าแบบนั้นเราจะไม่แพ้งั้นหรอ?  ปิงหยางดูไม่พอใจกับคำตอบอย่างชัดเจน

   ผลแพ้ชนะจะตัดสินกันในรอบที่สองและสามไม่ต้องกังวลปล่อยให้พวกมันชนะรอบแรกไป  ฟางเจิ้งจือไม่กังวลเลยแม้แต่น้อย  ไหนใครที่บ่นก่อนหน้านี้ช่วยแสดงตัวให้ข้าดูหน่อยสิ? 

   … 

   … 

  เหล่าศิษย์ต่างมองหน้ากันและถอยหลังกลับไปโดยไม่รู้ตัว

   โอ้เจ้าที่กำลังก้าวถอยหลัง เจ้า เจ้านั่นแหละ… ฟางเจิ้งจือชี้สุ่มๆไปยังเหล่าศิษย์ที่ถอยหลังหนี

  แทบจะในทันทีศิษย์คนที่เหลือต่างถอยหนีออกไปเหลือศิษย์สี่คนที่ยืนนิ่งอึ้งอยู่ตรงกลาง

   … 

   เอ่อ…ฟางเจิ้งจือเอ้ย…นายน้อยฟาง… 

   นายน้อยฟางกับผีน่ะสิเขาคือองค์ชายคังแห่งอาณาจักรเซี่ย! ไม่ เดี๋ยวก่อน…ควรจะเป็นผู้นำสำนักฟาง เอ่อ…ไม่…ข้าขอโทษด้วยที่ทำให้ท่านไม่พอใจก่อนหน้านี้ผู้นำสำนักฟาง! 

   ใช่แล้วโปรดยกโทษให้พวกเราด้วย! 

  เหงื่อเย็นๆไหลออกมาจากหน้าพวกของศิษย์ทั้งสี่

   ยกโทษพวกเจ้าเรื่องอะไรงั้นรึ?นี่เป็นเวลาแห่งความสำเร็จของพวกเจ้าแล้ว! ข้าเลือกพวกเจ้าให้ต่อสู่ในรอบแรก!  ฟางเจิ้งจือกล่าวอย่างไม่ใยดี

   …?! ศิษย์ทั้งสี่คนอ้าปากค้าง

  แม้แต่มู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือเองก็ตกตะลึงเช่นกัน

  ฝ่ายตรงข้ามมีพลังในระดับเทพเจ้าถึงสามคน

  แต่ศิษย์ทั้งสามคนอยู่ในระดับอภินิหารเท่านั้นส่วนอีกคนอยู่ในระดับจุติ นั่นเท่ากับส่งพวกเขาไปตาย  ด้านศิษย์ทั้งสี่ตอนนี้ใบหน้าของพวกเขาซีดขาวร่างกายสั่น พวกเขาพอมีความสามารถแต่ตอนนี้มันเท่ากับไร้ประโยชน์เมื่อเจอกับตัวตนระดับเทพเจ้า

  มันเกินขีดจำกัดของพวกเขาเกินไป

   ฟางเจิ้งจือเจ้ากำลังล้างแค้นพวกเรา! 

   ใช่แล้วเจ้ากำลังใช้อำนาจในทางที่ผิด! 

   ใช่แล้วพวกเราไปทำให้เจ้าขุ่นเคืองตอนไหน เจ้าต้องบังคับพวกเราถึงขนาดนี้เลยงั้นหรือ? 

   ใช่พวกเราไม่ยอมรับเรื่องนี้!

  ศิษย์ทั้งสี่คัดค้านอย่างรุนแรง

   หมายความว่าพวกเจ้ากลัว?เจ้าไม่กล้าลงแข่งเพราะกลัวใช่ไหม? พวกเจ้าคิดจะซุกหัวหนีด้วยความขี้ขลาดแล้วให้คนอื่นหัวเราะเยาะงั้นรึ?  ฟางเจิ้งจือไม่แปลกใจกับความคิดของศิษย์ทั้งสี่

  เพราะถ้าเขาเป็นศิษย์ทั้งสี่คงโวยวายแบบนี้เช่นกัน   … 

   เจ้า… 

   พวกเราไม่ได้ขี้ขลาดเพียงแต่… 

   อะไรนะ?พวกเจ้าคิดว่าไม่สามารถชนะได้?  ฟางเจิ้งจือขัดขึ้นมา

   … เหล่าศิษย์ต่างพูดไม่ออก

  พวกเขาชนะไม่ได้อยู่แล้ว

  มันยังไม่ชัดเจนอีกหรือ?

  พวกเขาทั้งสี่ไม่มีทางเอาชนะได้

   ฟางเจิ้งจือเจ้าแน่ใจแล้วใช่ไหมว่าจะส่งพวกเขาออกไป? โม่ฉานฉือถามขึ้นมาเพราะศิษย์ทั้งสี่เป็นคนของหุบเขาฟู่ซี่

  ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาเรียกได้ว่าเป็นศิษย์ที่อ่อนแอที่สุดในหมู่ศิษย์ทั้งหมด

   ใช่ ฟางเจิ้งจือพยักหน้า

   อืมงั้นพวกเจ้าก็ออกไป อย่าทำให้หุบเขาฟู่ซี่เสียชื่อ ต่อให้ตายก็ต้องตายอย่างมีเกียรติ!  โม่ฉานฉือกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง   อาจารย์… ศิษย์ทั้งสี่ดูสิ้นหวัง

  พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะถูกส่งไปสู้กับตัวตนระดับเทพเจ้าหรือจะแค่ราชาอสูรก็ตาม

  มันทั้งน่ากลัว

  ทั้งน่าสมเพช…

   พวกเจ้าทั้งสี่ไม่เข้าใจที่ข้าพูดงั้นหรือ? สีหน้าของโม่ฉานฉือดำทมึน

   พวกเราเข้าใจแล้วต่อให้ต้องตายพวกเราก็จะไม่ทำให้หุบเขาฟู่ซี่ขายหน้า!  ศิษย์ทั้งสี่มองหน้ากัน ก่อนที่พวกเขาจะกัดฟันแน่นพร้อมกับเดินออกไปยังจุดที่ใช้สำหรับการต่อสู้ขณะที่พวกเขาเดินผ่านฟางเจิ้งจือพวกเขาทั้งสี่ดูขุ่นเคืองไม่น้อย

   ถ้าเจ้าไม่สามารถชนะได้ก็สามารถยอมแพ้ได้  ฟางเจิ้งจือกล่าวเบาๆ

   หา?! ศิษย์ทั้งสี่ตกตะลึงและมองฟางเจิ้งจือด้วยความไม่เชื่อ

  ยอมแพ้?!   พวกเขาสามารถยอมแพ้จากการต่อสู้ที่ตัดสินชะตากรรมของมนุษยชาติได้งั้นหรือ?

  พวกเขาฟังสิ่งที่ฟางเจิ้งจือพูดผิดไปหรือเปล่า?

  ไม่มีทางพวกเขามั่นใจมากแม้เสียของฟางเจิ้งจือจะดังพอให้แค่พวกเขาทั้งสี่คนได้ยิน

  ถ้าพวกเขาไม่เข้าใจจุดประสงค์ของฟางเจิ้งจืออีกพวกเขาคงเรียกได้ว่าเป็นคนโง่งมแล้ว

   มันเป็นการแข่งขันที่พวกเราสามารถยอมแพ้ได้! ศิษย์ทั้งสี่อุทานด้วยความตื่นเต้น

  ความตึงเครียดหายไปจากใจพวกเขา

  ด้านปีศาจและอสูรเมื่อเห็นศิษย์ทั้งสี่เดินออกมาพวกเขาตกใจมาก

  เกิดอะไรขึ้น

  ทำไมมนุษย์ถึงส่งศิษย์ธรรมดาๆออกมาต่อสู้

  มันเป็นการดูถูกหรือเปล่า?    เขาจะยอมแพ้ในรอบแรกจริงๆสินะ? หนานกงมู่เหลือบมองฟางเจิ้งจือด้วยความมั่นใจ

  ด้านมู่ซิงและอีกสี่คนที่เหลือไม่มีทางเลือกนอกจากโจมตีแม้ฝ่ายตรงข้ามจะอ่อนแอแค่ไหนก็ตาม

   โจมตี! 

   จัดการพวกอสูร! 

   … 

  เสียงร้องคำรามของศิษย์ทั้งสี่ดังขึ้น

  อย่างไรก็ตามเสียงคำรามนั้นหยุดลงแทบจะในทันที

  ศิษย์ทั้งสี่ล้มลงบนพื้นและยอมแพ้โดยไม่ดิ้นรนแม้แต่น้อย

   … ตัวตนระดับเทพเจ้าทั้งสามและราชาอสูรมองหน้ากันด้วยความโกรธเกรี้ยว

  คิดจะล้อเล่นกับพวกเรางั้นรึ!

  ยอมแพ้?!   ไม่มีทางจบง่ายๆแบบนั้นแน่!

  ลำแสงก่อตัวขึ้นบนฝ่ามือของมู่ซิงก่อนที่มันจะแยกออกเป็นสี่ส่วนแล้วพุ่งไปที่ศิษย์ทั้งสี่คน

  ใบหน้าของพวกเขาพลันซีดขาวทันที

  พวกเขาจะต้านทานพลังระดับนั้นได้ยังไง

  พวกเขาไม่มีพลังแม้แต่จะปกป้องตัวเอง

   ไม่! 

   ไม่… 

   อย่าฆ่าพวกเรา! 

   พวกเรายอมแพ้แล้ว! 

  พวกเขาตะโกนออกมาด้วยความสิ้นหวังพวกเขาไม่คาดหวังว่าต่อให้พวกเขายอมแพ้แล้วมู่ซิงก็ยังโจมตีใส่พวกเขาอยู่ดี

  ในช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวัง…

  แสงดาบอันเปล่งประกายปรากฎขึ้นด้านหลังของพวกเขา  มันแยกออกเป็นสี่ส่วนเช่นกันแสงของมันเป็นสีเงินราวกับดวงจัทร์ยามค่ำคืน

  ตูม!

  รอยแตกมากมายปรากฎขึ้นที่พื้นแต่ที่แปลกคือไม่มีรอยแตกปรากฎขึ้นในจุดที่ศิษย์ทั้งสี่คนอยู่

   อา… เสียงอุทานด้วยความตกใจดังขึ้น

  มู่ซิงก้าวถอยหลังพร้อมกับลดหัวลงดูเหมือนเขากำลังเจ็บปวด

   ทำไมเจ้ายังโจมตีทั้งๆที่พวกเรายอมแพ้แล้ว?เจ้าคิดว่าจะสามารถเอาเปรียบมนุษย์ได้งั้นรึ?  ทันใดนั้นฟางเจิ้งจือได้ก้าวเดินออกมา

   แข็งแกร่งมาก! 

   เขาสามารถทำร้ายให้ตัวตนระดับเทพเจ้าบาดเจ็บได้ด้วยดาบเดียวจริงๆ! 

  ประโยคง่ายๆที่ฟางเจิ้งจือกล่าวออกมาทำให้ศิษย์ทั้งสี่ร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น

  ’เจ้าคิดว่าจะสามารถเอาเปรียบมนุษย์ได้งั้นรึ?’  ช่างเป็นคำพูดที่สง่างามเหลือเกิน!

  ด้วยการกระทำของฟางเจิ้งจือในครั้งนี้ทำให้เหล่าศิษย์รู้สึกคุ้มค่าที่จะตายเพื่อเขา

   ผู้นำสำนักฟางพวกข้าขอโทษที่ทำให้มนุษยชาติต้องผิดหวัง!  ศิษย์ทั้งสี่คนคุกเข่าลงบนพื้นอย่างไม่ลังเล ต่อให้ฟางเจิ้งจือจะอายุเท่าไรหรือไร้ยางอายแค่ไหนก็ตาม

  อย่างที่พูด’พลังนั้นเป็นสิ่งที่ตัดสินทุกสิ่ง’

  ต่อหน้าฟางเจิ้งจือที่มีพลังเหนือกว่ามู่ฉิงเฟิงหรือโม่ฉานฉือพวกเขาเองก็เป็นแค่ศิษย์ธรรมดาๆคนหนึ่ง

   ไม่เป็นไรพวกเจ้าทำได้ดีแล้วในการล่อลวงให้ศัตรูโจมตี!  ฟางเจิ้งจือยิ้มขณะมองไปยังมู่ซิงที่จิตวิญญานได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของเขา

  เขารู้อยู่แล้วว่าเป้าหมายของโจวฉีคือการแข่งขันต่อสู้โจวฉีไม่เปลี่ยนใจต่อให้ฟางเจิ้งจือจะพูดอะไรออกมาก็ตาม

  ดังนั้นฟางเจิ้งจือจึงใช้ประโยชน์จากกฏของการแข่งขัน

  มู่ซิงไม่ทำตามกฎของการแข่งขัน

  ดังนั้นเท่ากับเขากำลังขุดหลุมฝังตัวเอง

  ……………………………………..

  ��

 

Gate of God

Gate of God

เรื่องราวของฟางเจิ้งจือผู้ได้มาเกิดใหม่ในโลกที่ผู้คนสามารถใช้พลังจากธรรมชาติที่เรียกว่า’เต๋า’ได้ แต่ฟางเจิ้งจือผู้ที่เกิดมาในครอบครัวชาวบ้านธรรมดาและต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกลับต้องพัวพันกับเหตุการณ์ต่างๆทั้งการทดสอบพลังและความรู้ของอาณาจักร ความขัดแย้งทางการเมืองรวมถึงเผ่าปีศาจที่คอยชักใยแผนการอยู่เบื้องหลัง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads แทงบอลออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน