Gate of God – ตอนที่ 1036 บ้าไปแล้ว!

ตอนที่ 1036 บ้าไปแล้ว!

ตอนที่ 1036 บ้าไปแล้ว!

  มู่ฉิงเฟิงเกือบจะหมดหวังเมื่อฟางเจิ้งจือยืนยันจะให้ปิงหยางลงแข่งอย่างไรก็ตามฉากตรงหน้าทำให้เขาผ่อนคลายลงมาก

  แสร้างอ่อนแอแม้ว่าจะแข็งแกร่งมากก็ตาม

  กลยุทธ์ของฟางเจิ้งจือนั้นมีความเสี่ยงมากแต่หากสำเร็จผลลัพธ์ของมันก็ยอดเยี่ยมมากเช่นกัน

  เหยียนซิวและเหยียนเฉียนหลี่คือดาบทั้งสอง

  เมื่อปิงหยางถูกโจมตีทุกคนจะคิดว่าฟางเจิ้งจือต้องเข้าไปช่วยนาง แต่ความจริงแล้วฟางเจิ้งจือจะช่วยเหยียนซิวและเหยียนเฉียนหลี่ต่อสู้

  การโจมตีของดาบทั้งสองรวมกับพลังของฟางเจิ้งจือจะทำให้มันเป็นการโจมตีที่มีประสิทธิภาพสูงสุด  ยิ่งไปกว่านั้น…

  ปิงหยางที่ราวกับเป็นจุดอ่อนของทั้งสี่คนนั้นกลับมีพลังดึงดูดอย่างน่าเหลือเชื่อจะมีใครอดใจไม่โจมตีนางไหว

  มันเป็นเหมือนอาหารอันโอชะที่เย้ายวนอสูรและปีศาจ

  ปัง!ในที่สุดร่างของราชาอสูรก็ระเบิดออก ไข่มุกอสูรสีทองลอยออกขึ้นไปบนท้องฟ้าและถูกฟางเจิ้งจือคว้าเอาไว้อย่างรวดเร็ว

   …ฟางเจิ้งจือที่ใช้เต๋าสวรรค์สามารถเคลื่อนย้ายตำแหน่งได้เขาไม่ต้องพึ่งความสามารถของข้า… กู่หยวนคิดได้ทันทีที่เห็นร่างของราชาอสูรระเบิดออก

  เต๋าแห่งการจุติทั้งหกเป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดเดาได้

  ในสถานการณ์เช่นนี้ค่ายกลแปดทิศของเขาอาจจะขัดขวางการเคลื่อนไหวของฟางเจิ้งจือมากกว่าช่วยสนับสนุนกระมัง?    หืมเจ้าไร้ยางอาย กล้าดียังไงถึงไม่ยอมมาช่วยข้า! ปิงหยางตะโกนขณะที่ฟางเจิ้งจือคว้าไข่มุกอสูร

   เจ้ามีพลังที่แข็งแกร่งทำไมต้องให้ข้าไปช่วย? ฟางเจิ้งจือถาม

   โอ้เจ้าพูดได้ถูกต้อง!  ปิงหยางยืดอกและยกหอกฉีหลินในมืออย่างภาคภูมิ เปลวไฟที่ดุร้ายกำลังลุกไหม้

  จากนั้นปิงหยางก็พุ่งออกไปอีกครั้ง

   โจมตีข้าจะฆ่าอสูรและปีศาจอีก! 

   … 

   … 

  เหล่าศิษย์ฝ่ายมนุษย์และกองทัพอสูรและปีศาจต่างพูดไม่ออกเมื่อเห็นปิงหยางกำลังพุ่งเข้าหาหลินยู่

  อวดดีงั้นหรือ?

  นางกำลังหลงระเริงอย่างมากแม้จะอยู่ในระดับเซียนขั้นต้นก็ตาม  นอกจากนี้หลินยู่ลังเลและเริ่มล่าถอยเมื่อเห็นปิงหยางพุ่งเข้ามา

  ตูม!เปลวไฟลุกโชนจากพื้นดิน

  ปิงหยางไม่ได้แข็งแกร่งนักแต่นางไม่อ่อนแอแน่นอนเมื่อถือหอกฉีหลินอยู่ในมือ

  หอกแทงลงไปที่พื้นเศษหินเล็กๆลอยกระจัดกระจาย

  พื้นดินถูกเผาไหม้จนกลายเป็นสีดำ

  ใบหน้าของหลินยู่ดำมืดความจริงแล้วมันดำมืดยิ่งกว่าพื้นที่ไหม้เกรียมเสียอีก เขาคือตัวตนระดับเทพเจ้า

  เขาจะล่าถอยเพราะหญิงสาวที่อยู่ในระดับเซียนขั้นต้นจริงๆหรือ?

  ช่างน่าละอาย!

   ท่านโจวฉีเราควรโจมตีใครก่อน? หลินยู่ไม่ต้องการถามคำถามนี้แต่เขายังคงถามออกไป

   ปิงหยาง หนานกงมู่กำมือแน่น   เรายังต้องโจมตีปิงหยางงั้นหรือ? หลินยู่สับสนเล็กน้อย

  แม้แต่คนโงี่ยังสามารถบอกได้ว่าปิงหยางคือกับดักที่ฟางเจิ้งจือวางเอาไว้แม้เขาจะรู้แต่ยังต้องโจมตีนางก่อนงั้นหรือ?

  นั่นไม่เท่ากับว่ากระโจนเข้าไปในกับดักงั้นหรือ?

   ใช่! หนานกงมู่พยักหน้าโดยไม่อธิบาย

  ปิงหยางคือกับดักอย่างแน่นอน

  อย่างไรก็ตามหนานกงมู่ไม่มีทางเลือกอื่นเนื่องจากฟางเจิ้งจือบังคับให้เผ่าอสูรและปีศาจโจมตีปิงหยางอย่างต่อเนื่อง

  ไม่โจมตีไปที่ปิงหยาง?

  พวกเขาสามารถเลือกทำเช่นนั้นได้

  อย่างไรก็ตามหากพวกเขาไม่โจมตีไปที่ปิงหยางมันก็เหมือนกับการก้มหัวให้ฟางเจิ้งจือ เท่ากับว่าพวกเขายอมแพ้

  ยิ่งกว่านั้นหากเขาไม่สนใจปิงหยางและเลือกโจมตีเหยียนซิวกับเหยียนเฉียนหลี่พวกเขาก็จะถูกขัดขวางโดยฟางเจิ้งจือ

  แผนการของหนานกงมู่ถูกขัดขวางเขาจะทนต่อไปได้อย่างไร ในเมื่อฟางเจิ้งจือเลือกที่จะใช้จุดอ่อนของกลุ่มเป็นตัวล่อ เขาก็ไม่ลังเลที่จะสนองความต้องการของฟางเจิ้งจือ

   เข้าใจแล้วข้าจะโจมตีต่อไป! หลินยู่ไม่ถามหนานกงมู่อีก

  แม้จะไม่เข้าใจการตัดสินใจของหนานกงมู่แต่เพื่อชัยชนะเขายินดีที่จะทำตามคำสั่ง

   ไม่ข้าโจมตีเอง! หนานกงมู่ส่ายหัวและพุ่งหาปิงหยางโดยไม่รอหลินยู่

   โจวฉีโจมตีแล้ว! 

   เขาเร็วมาก! 

   ข้ามองไม่ทันเลย! 

  เหล่าศิษย์ฝ่ายมนุษย์ตกตะลึงเมื่อเห็นการโจมตีของหนานกงมู่เพราะพวกเขาไม่สามารถมองได้อย่างชัดเจน

   ฮึ่ม?ทำไมถึงเร็วขนาดนั้น? ปิงหยางประหลาดใจเช่นกัน  นั่นเป็นเพราะนางจำได้ถึงการต่อสู้บนหน้าผาโจวฉียังไม่เร็วขนาดนี้

  ตอนนี้เขาดูเหมือนจะเร็วกว่าฟางเจิ้งจือด้วยซ้ำ…

   ปิงหยางหลบไป!  เสียงของเหยียนซิวดังขึ้นอีกครั้ง

  อย่างไรก็ตามมันสายเกินไปเพราะหนานกงมู่เข้าถึงตัวของปิงหยางแล้ว

  มือของเขาราวกับกรงเล็บปีศาจอันแหลมคมจู่โจมเข้าที่ลำคอของปิงหยาง

  บรรยากาศแห่งความตายแผ่ออกมาจากมือนั้น

  ใบหน้าของปิงหยางกลายเป็นซีดขาว

  ร่างของนางเปียกโชกไปด้วยเหงื่อไม่สามารถขยับไปไหนได้

  ตอนนี้เองที่พลังของเหยียนซิวเข้าปกคลุมร่างของปิงหยางเกิดเป็นเกราะหยกสีแดงอันแข็งแกร่ง

  อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่ามันจะไม่สามารถหยุดมือของหนานกงมู่ได้

  ฝ่ามืออยู่ห่างไปประมาณหนึ่งนิ้วจากลำคอของปิงหยางจากนั้นสัญลักษณ์วิชาสังเวยเลือดได้ปรากฎขึ้น

  เกราะสีแดงถูกหมอกสีเทากลืนกินไปทั้งหมด

  ตูม!

  ปิงหยางถอยหลังไปอย่างรวดเร็วจากนั้นคลื่นอากาศอันรุนแรงได้ระเบิดออก ณ จุดเดิมที่นางอยู่

   ฟางเจิ้งจือ?! 

   เขาช่วยปิงหยางได้ในวินาทีสุดท้าย! 

   เขาแข็งแกร่งมาก! 

  แม้เหล่าศิษย์จะไม่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดแน่ชัดแต่พวกเขาเห็นว่าปิงหยางไม่ได้รับบาดเจ็บ

  ยิ่งไปกว่านั้นมีเงาสองเงากำลังประมือกันอยู่ที่จุดศูนย์กลางของแรงระเบิด  ตูม!

  ตูม!

   … 

  เสียงดังขึ้นอย่างต่อเรื่อง

  เงาทั้งสองพุ่งเข้าใส่กันอย่างดุเดือด

  ปั้ง!ก่อนที่เงาทั้งสองจะแยกออกจากกันในที่สุด

  ฟางเจิ้งจือในชุดสีน้ำเงินถอยออกไปสามก้าว

  ในทางตรงกันข้ามหนานกงมู่แทบจะไม่ขยับไปจากที่เดิม

   ฮ่าฮ่าฮ่าฟางเจิ้งจือ เจ้าแข็งแกร่งจริงๆ!  หนานกงมู่เหยียดยิ้ม

   ข้ายังมีพลังมากกว่านี้อีกเจ้าอยากลองไหม?  ฟางเจิ้งจือกล่าวขึ้น ตอนนี้ใบหน้าของเขาปกคลุมด้วยหมอกสีเทาจางๆ

  มันคือลมหายใจแห่งความตาย

  แม้ฟางเจิ้งจือจะสามารถขวางลมหายใจแห่งความตายไม่ให้มันโจมตีเขาได้แต่เขาไม่สามารถกำจัดพวกมันได้ทั้งหมด

  เต๋าของโจวฉีเป็นเต๋าที่พัฒนามาจากการเข่นฆ่า

  ไม่เพียงแต่มันจะกลืนกินเต๋าอื่นๆมันยังสามารถกัดกร่อนร่างกายของมนุษย์ได้

  โจวฉีได้ดูดกลืนพลังของฟางเจิ้งจือขณะที่ทั้งคู่กำลังแลกเปลี่ยนการโจมตีกันแม้ฟางเจิ้งจือจะไม่ใส่ใจมากนัก แต่มันก็เป็นปัญหาที่ไม่ควรละเลย

   โจวฉีแข็งแกร่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร? ฟางเจิ้งจือตกใจอย่างเห็นได้ชัด

  เขาได้ระเมิณพลังของโจวฉีจากการโจมตีเพียงไม่กี่ครั้ง

  ตอนนี้โจวฉีแทบจะแข็งแกร่งเท่ากับฟางเจิ้งจือเรื่องนี้ทำให้เขาตกใจมาก

  นั่นเป็นเพราะฟางเจิ้งจือเคยต่อสู้กับโจวฉีมาก่อน

  ย้อนกลับไปตอนนั้นที่เขาใช้พลังจากเต๋าแห่งการจุติทั้งห้าเป็นครั้งแรกโจวฉีไม่มีแม้แต่ความสามารถในการต่อต้านทำให้เขาพลาดท่าและบาดเจ็บหนัก

  อย่างไรก็ตามหลังจากผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงโจวฉีได้กลายเป็นอีกคนหนึ่ง ไม่เพียงแต่พลังของเขาจะฟื้นคืนอย่างสมบูรณ์ แต่เขามีพลังมากขึ้นกว่าเดิมจนดูเกินจริงไปมาก

  ตามแผนการของฟางเจิ้งจือแล้วโจวฉีไม่น่าจะมีพลังมากขนาดนี้

  หากเขาไม่ได้ยืนอยู่ในตำแหน่งเดิมของเหยียนเฉียนหลี่เขาคงไม่สามารถช่วยปิงหยางจากการโจมตีของโจวฉีได้

   เกิดเรื่องบ้าอะไรกันโจวฉีกัน? ฟางเจิ้งจือไม่อยากจะยอมรับว่าชายตรงหน้าคือโจวฉีจริงๆ แต่บรรยากาศแห่งความตายนั้นเป็นของโจวฉีจริงๆ

  เต๋าอาจจะคล้ายกันได้

  แต่บรรยากาศเฉพาะตัวมันไม่สามารถลอกเลียนแบบกันได้  หรือโจวฉีจะมีฝาแฝดจริงๆ?

  ขณะที่ฟางเจิ้งจือกำลังคิดเสียงอุทานของปิงหยางได้ดังขึ้นอีกครั้ง

  ตูม!รอยแตกเกิดขึ้นบนพื้น

  ขณะเดียวกันลำแสงสีแดงพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้ากลายเป็นหอกสีแดงจำนวนมากราวกับเป็นฝนหอก

   หืม?! ฟางเจิ้งจือตกตะลึงและหันไปมองโดยสัญชาตญาน จากนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้างเมื่อเห็นร่างหนึ่งยืนอยู่ข้างๆปิงหยาง

  ไม่ใช่เหยียนเฉียนหลี่แน่ๆ

  เพราะเหยียนเฉียนหลี่กำลังโจมตีอยู่บนอากาศ

   หลิงหนิง?! ฟางเจิ้งจือไม่คิดว่าหลิงหนิงจะใช้โอกาสนี้เข้าถึงตัวของปิงหยางได้

  เกิดอะไรขึ้น?

  เมื่อกี่นี้…

  เป็นไปไม่ได้!   หรือมันจะเป็นตอนที่เขาโจมตีโจวฉี?

  ความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวนำไปสู่ความผิดพลาดในครั้งต่อๆไป

  ฟางเจิ้งจือประเมิณพลังของโจวฉีพลาดทำให้ใช้เวลาในการประมือกับโจวฉีนานเกินไปทำให้หลิงหนิงมีโอกาสเข้าถึงตัวของปิงหยางได้

  ยิ่งไปกว่านั้นหลินยู่เองก็ได้โจมตีจากด้านบนถ้าไม่มีการป้องกันจากเหยียเฉียนหลี่…

  ปิงหยางคงตายไปแล้วแน่นอน

   ฟางเจิ้งจือเจ้าแพ้แล้ว!  เสียงของหนานกงมู่ดังขึ้นอีกครั้ง ลมหายใจแห่งความตายพุ่งเข้าใส่ฟางเจิ้งจือราวกับคลื่นยักษ์

  ร่างของฟางเจิ้งจือขวางปิงหยางที่ล้มลง

  นางไม่สามารถลุกขึ้นได้

  ปั้ง!ฝ่ามือของหนานกงมู่ปะทะเข้ากับหน้าอกของฟางเจิ้งจือโดยไม่มีอะไรขวางกั้นแม้แต่น้อย  มันทำให้หนานกงมู่แปลกใจ

  เขาต้องการหยุดฟางเจิ้งจือไม่ให้ช่วยปิงหยางแต่เขาไม่คิดว่าฝ่ามือของเขาจะโดนหน้าอกของฟางเจิ้งจือจริงๆ

  เกิดอะไรขึ้น?

  ทำไมฟางเจิ้งจือถึงไม่ป้องกันฝ่ามือของเขา

  ตอนแรกหนานกงมู่ไม่เข้าใจแต่ไม่นานเขาก็นึกออกในทันทีว่าทำไมฟางเจิ้งจือถึงรับการโจมตีทั้งหมดโดยไม่หลบแม้แต่น้อย

   ไม่น่าแปลกใจแม้แต่น้อย! 

  ตูม!เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง จากนั้นร่างอันบอบบางได้กระเด็นออกไป

  หลิงหนิง!

  ราชาอสูรเพศหญิงที่เกือบจะฆ่าปิงหยางได้ถูกส่งกระเด็นออกไปด้วยพลังอันรุนแรงก่อนที่กรงเล็บของนางจะสัมผัสกับลำคอของปิงหยาง

   เขาอาศัยแรงส่งจากพลังของโจวฉี?! หลินยู่ที่อยู่เหนือหัวของปิงหยางอ้าปากด้วยความหวาดกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้น

  มีแต่คนบ้าเท่านั้นที่กล้าใช้แรงส่งจากพลังของตัวตนระดับเทพเจ้า?

  บ้าไปแล้ว

  เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ!

  เขายังอยากมีชีวิตอยู่อีกหรือไม่?

  นอกจากหลินยู่แล้วทุกคนที่อยู่รอบต่างเบิกตากว้างเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น

  ฟางเจิ้งจืออาศัยแรงส่งจากการโจมตีของโจวฉีเพื่อช่วยชีวิตของปิงหยาง

  มันคุ้มค่างั้นรึ?!

  ความสำเร็จของคนหนึ่งคนอาจจะแลกมาด้วยความสูญเสียของคนนับพันมันเป็นเรื่องปกติ ชัยชนะย่อมแลกมาด้วยความสูญเสียและความทรมาร

  เจ้าไร้ยางอาย…

  ทำไมเจ้าถึงไม่แสดงความเห็นแก่ตัวออกมาในเวลาเช่นนี้?

   เจ้าไร้ยางอาย…ทำไมเจ้าต้องทำเช่นนี้? ปิงหยางมองฟางเจิ้งจือด้วยความตกใจ น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างของนางขณะที่นางเห็นหมอกสีเทาปกคลุมใบหน้าของฟางเจิ้งจือ

   เจ้าโง่เจ้าจะร้องไห้ทำไม ในเมื่อเป็นข้าที่เลือกให้เจ้าเข้าร่วมการต่อสู้ครั้งนี้ ข้าไม่มีทางปล่อยให้เจ้าตาย  ฟางเจิ้งจือยิ้มพร้อมกับเอามือสัมผัสกับยาวของปิงหยางด้วยความอ่อนโยน

  ……………………………………..

 

Gate of God

Gate of God

เรื่องราวของฟางเจิ้งจือผู้ได้มาเกิดใหม่ในโลกที่ผู้คนสามารถใช้พลังจากธรรมชาติที่เรียกว่า’เต๋า’ได้ แต่ฟางเจิ้งจือผู้ที่เกิดมาในครอบครัวชาวบ้านธรรมดาและต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกลับต้องพัวพันกับเหตุการณ์ต่างๆทั้งการทดสอบพลังและความรู้ของอาณาจักร ความขัดแย้งทางการเมืองรวมถึงเผ่าปีศาจที่คอยชักใยแผนการอยู่เบื้องหลัง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads แทงบอลออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน