Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 843

ตอนที่ 843

บทที่ 843 เรื่องราวในโลกยากจะคาดเดา

ฉินซีไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเอง แต่ยังคงเชิดหน้าพูด “ฉัน…คิดว่าตอนนี้ฝนซาลงมาก เสื้อผ้าก็แห้งแล้ว ฉันน่าจะกลับได้ค่ะ”

ลู่เซิ่นหันไปมองนอกหน้าต่าง แล้วสายตากลับมามองฉินซีคิดอยู่อึดใจก็พยักหน้า “อึม งั้นผมจะให้คนไปส่งคุณ”

“รบกวนด้วยค่ะ!” ฉินซีถอนหายใจ

สายตาของลู่เซิ่นเวลาที่มองมาทำไมถึงทำให้คนรู้สึก…หวาดหวั่นขนาดนี้

ในช่วงเสี้ยวเวลานั้น ฉินซีแทบจะรู้สึกว่าเขาเป็นนักล่า ส่วนตัวเองเป็นเหยื่อที่ถูกจับจ้อง

แต่ก็ยังดีที่เธอไปได้แล้ว

ฉินซีถอนหายใจ

ลู่เซิ่นเป็นคนที่ไม่มีทางกลืนคำพูด ขณะที่ ฉินซีเดินลงมา รถที่จะไปส่งเธอก็จอดรอที่หน้าประตูแล้ว

ฉินซีนั่งในรถ มองออกไปนอกหน้าต่างรถตั้งใจบอกลาทิวทัศน์ภายในสวน

ตอนนั้นเธอยังคิดว่า นี่คือครั้งสุดท้ายที่เธอจะได้มาเยือนที่นี่

ทว่า…เรื่องใดๆ ในโลกนี้ยากจะคาดเดา

……

ฉินซีตกอยู่ในห้วงภวังค์ความคิดของตัวเองไม่ทันสังเกตลู่เซิ่น ที่เดินนำหน้าหยุดชะงักเท้าแล้ว เมื่อไม่ทันระวัง จึงเดินชนแผ่นหลังของเขา

“ขอโทษค่ะ” ฉินซีพูดขึ้นพลางคลำจมูก

เมื่อครู่ที่บันไดไม่น่าคิดเพ้อเจ้อถึงผลที่จะตามมา ครั้งนี้ใช้จมูกรับรู้ความรู้สึกสักหน่อยเป็นกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งมากจริงๆ

ลู่เซิ่นไม่ได้พูดอะไร หันมาดูแน่ใจว่าเธอไม่เป็นอะไรก็ผลักประตูเดินเข้าไปในห้องหนังสือ

เมื่อครู่ในความทรงจำของฉินซีเพิ่งจะคิดถึงที่นี่ ตอนนี้เดินเข้ามาแล้วจริงๆ รู้สึกเสียใจอย่างบอกไม่ถูก เพียงแต่ลู่เซิ่นไม่ให้เวลาเธอรู้สึกเสียใจ แต่ถามกับเธออย่างตรงเป้า “ไหนคุณลองพูดมาซิ ทำไมถึงแต่งงานกับผม”

ประโยคที่พูดออกมาเป็นคำถาม แต่อารมณ์ที่แสดงออกมากลับเรียบเฉย ฉินซีแทบจะคิดว่าเขารู้ความจริงแล้วหรือไม่

แต่ไม่ว่าเขาจะรู้แล้วหรือไม่ ฉินซียังคงตัดสินใจพูดออกไป

“ขอโทษค่ะ ฉันแต่งงานกับคุณก็เพราะ…อยากรับมรดกหุ้น”

ใบหน้าลู่เซิ่นกลับไม่มีความประหลาดใจอย่างที่ ฉินซีคาดไว้ เพียงแต่เลิกคิ้วนิดๆ

ฉินซีไม่รู้ควรจะพูดอะไรต่อไปดี

เธอเตรียมใจว่าสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นคงเป็นลู่เซิ่นโกรธ แต่คิดไม่ถึงว่าลู่เซิ่นจะนิ่งเฉยขนาดนี้

…อย่างนั้นทำไมฉันแน่ใจว่าลู่เซิ่นจะถือสาเหตุผลที่ฉันแต่งงานกับเขานะ

ในหัวของฉินซีมีคำพูดที่คล้ายกับประโยคเล่นคำผุดขึ้น

เธอยิ้มเก้อเขิน ถอยหลังก้าวหนึ่ง “คือว่า…พินัยกรรมของแม่กำหนดว่าถ้าแม่เสียชีวิต หุ้นในส่วนที่เป็นของแม่จะยกให้ฉัน แต่ตามอบหุ้นส่วนนั้นให้แม่ เงื่อนไขคือแม่ต้องแต่งงานกับฉินซึ่งเทียนตอนนั้นแม่ฉันรีบเขียนพินัยกรรม มีบางข้อไม่ได้อ่านให้ละเอียด เขียนประโยคหนึ่งว่าการรับมรดกหุ้นให้ทำตามวิธีที่แม่ได้หุ้นมา เมื่อเป็นอย่างนี้…”

“คุณก็เลยจำเป็นต้องหาคนแต่งงานถึงจะรับหุ้นได้” ลู่เซิ่นพูดต่อประโยคนั้น แล้วลุกขึ้น

ฉินซีเหมือนรู้สึกได้ถึงอันตราย ก้าวถอยหลังไปอีกก้าว “ตอนนั้นที่ฉันไปขอให้คุณแต่งงาน แต่แรกก็คิดว่าจะบอกคุณตรงๆ นึกไม่ถึงว่าคุณไม่ถามอะไรสักคำก็ตอบตกลง”

“อึม” ลู่เซิ่นก้าวมาข้างหน้าอีกก้าว ยืนแนบชิดกับฉินซี“คุณพูดแบบนี้จะตำหนิผมหรือ”

ฉินซีเงยหน้ามองเขา สัมผัสได้ถึงบรรยากาศอันตราย

ลู่เซิ่นท่าทางแบบนี้…คือกำลังโกรธ

“งั้นตอนนี้ผมถามยังไม่สายฉินซีในเมื่อเงื่อนไขก็แค่หาใครสักคนแต่งงานก็ได้แล้ว ทำไมคุณเลือกผมล่ะ”

ลู่เซิ่นบีบ ฉินซีไปถึงมุมกำแพง ร่างของเขาที่เบียดชิดเธอ บดบังแสงสว่างในห้องหนังสือ ครอบเธอในเงาทะมึนของตัวเอง

ฉินซีหดคอโดยไม่รู้สึกตัว “ตอนนั้น รอบตัวฉัน…มีแต่คุณ…”

เห็นชัดว่าลู่เซิ่นไม่พอใจคำตอบของเธอ ก้มหน้ามองเข้าไปในนัยน์ตาของเธอ “หรือจะพูดว่า ถ้าตอนนั้นคุณมีคนอื่น คุณก็จะไม่เลือกผมใช่ไหม”

วิธีการถามของเขาชี้นำมากเหลือเกิน ในหัวของฉินซีครุ่นคิดอยู่นานถึงได้คำตอบที่ตัวเองคิดว่าปลอดภัย “ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ ฉันไม่มีทางมีคนอื่น…”

ลู่เซิ่นไม่พูดอะไรอีก

ฉินซีแอบถอนหายใจ คิดว่าแค่นี้จะหลอกลู่เซิ่นได้ คิดไม่ถึงจู่ๆ ลู่เซิ่นก็ก้มหน้า จูบริมฝีปากของเธอ

จูบของลู่เซิ่นไม่อาจเรียกว่าอ่อนโยน แต่ก็ไม่ถึงกับเร่าร้อน เปรียบเทียบจูบนี้ เหมือนการปลดปล่อยมากกว่า

ฉินซีไม่รู้จะทำอย่างไร แต่ความรู้สึกบอกว่าถ้าผลักเขาออกไป ผลที่ตามมาคงจะร้ายแรงกว่านี้ จึงยอมรับจูบนั้นแต่โดยดี

แต่ดูเหมือนลู่เซิ่นจะไม่เห็นใจที่เธอยอม แรงที่เสียดสีริมฝีปากหนักขึ้นเรื่อยๆ ฉินซีสงสัย ขืนเป็นอย่างนี้ต่อไป ริมฝีปากของเธอต้องขาดแน่

ในที่สุดเธอทนไม่ไหว กัดลู่เซิ่นเบาๆ

ลู่เซิ่นเหมือนเพิ่งจะรู้สึกตัว ผ่อนแรงลงทันที

แต่มือขวาของเขายังคงโอบเอวของฉินซีแน่น ราวกับอยากจะกลืนเธอเข้าไปในร่างของเขา

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใดฉินซีแน่ใจเหลือเกินว่าริมฝีปากของเธอบวมแล้ว ในที่สุด ลู่เซิ่นก็ถอยหลังนิดหนึ่ง

แต่แขนของเขายังคงโอบรัดเอวของฉินซี

ก่อนที่ ฉินซีคิดอยากจะสะบัดหนี เขาก็ก้มลงที่ข้างหูของฉินซีกระซิบ “คุณจำได้ไหม ตอนที่ผมถาม ทำไมอยากแต่งงานกับผม”

ฉินซีถูกจูบจนหายใจไม่ออกไม่ได้คิดว่าทำไม จู่ๆลู่เซิ่นถึงคิดถึงเรื่องนี้ จึงพยักหน้าตอบไปอย่างแกนๆ

ลู่เซิ่นหัวเราะเบาๆ “คุณจำได้มั้ยตอบผมว่ายังไง”

สติของฉินซีเริ่มกลับมา แต่ยังไม่เข้าใจเจตนาของลู่เซิ่นที่ถามคำถามนี้ เธอครุ่นคิดแวบหนึ่ง ตอบอย่างไม่แน่ใจนัก “เพราะ…อยากเป็นคุณนายลู่ ค่ะ”

เสียงของเธอเพิ่งจะขาดหายไปก็รู้สึกว่าติ่งหูของตัวเองถูกลู่เซิ่นกัดเบาๆ

“คุณโกหก ฉะนั้น ต้องถูกลงโทษ”

ฉินซีทันใดนั้นเบิกตาโต “ไม่ใช่ ฉัน…”

ลู่เซิ่นไม่อนุญาตให้มีคำอธิบาย เขาทนไม่ได้ที่เธอจะโต้เถียง จับมือของเธอสองข้างแน่น ลมหายใจรดต้นคอ “ไม่ใช่อะไร คุณไม่ได้หลอกผมใช่มั้ย”

ฉินซีถูกลมหายใจของเขาทำให้ความคิดกระเจิดกระเจิง อยากจะเอ่ยปฏิเสธแต่ก็อ้ำอึ้งอยู่นานลู่เซิ่นหัวเราะนิดหนึ่ง “อย่างนั้น บทลงโทษของการโกหกก็คือ คืนนี้เราจะไม่กลับห้อง”

ไม่รอให้หัวใจของฉินซีหล่นลงไป คำพูดครึ่งหลังของลู่เซิ่นทำให้เธอหวาดหวั่น

“คืนนี้เราสองคนจะอยู่ที่นี่”

ฉินซีถอยหลังออกแรงปัดป้อง จนใจที่กล้ามเนื้อของลู่เซิ่นแข็งแกร่งเหลือเกิน กดเธอลงได้ง่ายดาย เธอไม่มีทางหนีพ้น “คือว่า ลู่เซิ่น ที่นี่ไม่เหมาะ ใครก็เข้ามาได้ไม่สบายด้วย อย่างนั้นเรากลับห้องค่อย…”

แต่ลู่เซิ่นดูเหมือนจะไม่มีความอดทนพอ อุ้มเธอขึ้นมา วางลงบนโต๊ะหนังสือตัวใหญ่

“ล็อกประตูแล้วไม่มีคนเข้ามาหรอก ที่นี่ไม่แน่อาจจะไม่เลว คุณว่าไง อึม”

แม้ว่าจะเป็นคำถาม แต่ลู่เซิ่นไม่ได้ต้องการขอความเห็นจากฉินซี ยื่นมือไปกดท้ายทอยของเธอ ประทับจูบหยุดปากของเธอที่คิดจะขยับปฏิเสธ

ท่ามกลางความคลุมเครือฉินซีคิดว่า สองวันติดต่อกันแล้ว

ชีวิตควรจะอดกลั้นถึงจะถูกสิ…

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท