Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1336

ตอนที่ 1336

บทที่ 1336 มีคนกำลังตามหาคุณ

โจวเอ้อยังคงมีรอยยิ้ม”อยากรู้อะไรครับ อยากรู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับมู่วี่สิงอย่างไรใช่ไหม?”

ฉินซีไม่แปลกใจกับการที่เขารู้ไปเสียทุกเรื่องแล้ว เธอพยักหน้าอย่างตรงไปตรงมา “ค่ะ”

รอยยิ้มของโจวเอ้อดูลึกล้ำ “ดูเหมือนว่า … คุณยังไม่รู้สินะว่า มู่วี่สิงกับเวินจิ้งยังไม่หย่ากันจริงๆ”

ฉินซีพยักหน้า

โจวเอ้อยิ้มจาง “แต่ถึงยังไง ถ้าคุณเป็นคนเมืองหนาน เรื่องของพวกเขาสองคน ก็ไม่จำเป็นต้องไปสืบ ถึงอย่างไรตอนนั้นก็คงได้ยินที่เขาพูดถึงกัน ข่าวซุบซิบหรือข่าวในนิตยสาร ยังไงก็ต้องพูดถึงสองคนนั้นเกินจริงอยู่ดี”

ฉินซีเลิกคิ้วเบาๆ “พูดเกินจริง?”

โจวเอ้อพยักหน้า “ครับ มู่วี่สิงคนนั้น เขาเกิดมาพร้อมกับร่างกายที่ต้องเปื้อนเลือด”

เขายื่นมือออกไปรินน้ำให้ตัวเอง ก่อนจะจิบมัน พูดสั้นๆเพื่อสรุปเรื่องราวของมู่วี่สิงและเวินจิ้ง

ฉินซีตกตะลึงเล็กน้อย เธอคิดว่าเรื่องราวระหว่างตัวเองกับลู่เซิ่นนั้นว่าทรมานแล้ว แต่เธอไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าเรื่องราวของมู่วี่สิงและเวินจิ้งจะนองเลือดขนาดนี้

“สรุปแล้วก็คือ ตอนนี้พวกเขาสองคนก็ไม่รู้เรื่องที่อีกฝ่ายปิดบัง มู่วี่สิงไม่รู้ว่าลู่เซิ่นกับเวินจิ้งไม่ได้แต่งงานกันจริงๆ และยังคิดไปว่าลูกสาวของเธอนั้นเป็นลูกที่เกิดจากลู่เซิ่นและเวินจิ้ง” สีหน้าของโจวเอ้อแฝงไว้ด้วยความตื่นตระหนกอยู่ส่วนหนึ่งแต่ไม่มากนัก “ส่วนเวินจิ้ง ก็คิดว่าเธอกับมู่วี่สิงหย่าขาดกันแล้ว ต่างคนต่างไป ความสัมพันธ์ทางกฎหมายของคนทั้งคู่ไม่มีอีกต่อไปแล้ว”

ฉินซีพูดไม่ออกกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นของคนทั้งสอง”ทำไมเรื่องมันถึงเป็นแบบนี้ไปได้? ไปอธิบายให้พวกเขาฟังไม่ได้หรือคะ?”

โจวเอ้อมองไปทางฉินซีอย่างมีความหมายแฝง “ไม่ใช่ว่าคุณจะพูดได้ทุกเรื่อง บางครั้ง ไม่พูดอธิบายออกไป จะทำให้ใจกักเก็บความคิดถึง”

ใจของฉินซีเต้น รู้สึกตลอดเวลา ราวกับว่าโจวเอ้อกำลังพูดถึง เรื่องของเธอกับจ้านเซิน

อันที่จริง ถ้าหากฉินซีมีความกล้ามากพอ เธอก็คงพูดเปิดอกกับจ้านเซินไปนานแล้ว คงไม่ให้มันคลุมเครืออยู่แบบนี้

แต่เธอก็ไม่ทำอย่างนั้นด้วยซ้ำ … เธอก็ไม่ได้ต้องการถูกตัดขาดจากจ้านเซิน

แต่โจวเอ้อก็พูดวกกลับมาเรื่องของมู่วี่สิงกับเวินจิ้งอีกครั้ง ราวกับอยากให้ฉินซีคิดกับตัวเองว่าเธอคิดมากไปเอง “มู่วี่สิงไม่กล้าอธิบายเรื่องหย่ากับเวินจิ้ง เพราะกลัวว่าเวินจิ้งจะไม่หลงเหลือความรู้สึกอะไรกับเขาแล้ว ถ้าหากพูดไป ถ้าหากเธอบังคับให้มู่วี่สิงไปหย่า เขาจะทำอย่างไร แถมเวินจิ้งก็ไม่พูดอะไรเลย ก็เพราะว่าเธอสัญญากับลู่เซิ่นไว้ ว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร และอีกอย่าง เธอก็คงผูกใจเจ็บกับเรื่องของมู่วี่สิง เรื่องทุกอย่างมันก็เลยคาราคาซังอยู่แบบนี้”

ดูเหมือนโจวเอ้อจะไม่พอใจ เขาพูดเสร็จก็ยู่ปาก มันทำให้ฉินซีขำออกมา “เรื่องของความรู้สึก ใครจะพูดได้ชัดเจนกันล่ะคะ”

โจวเอ้อหันไปมองฉินซี “ใช่ครับ ความรักของเขาทั้งสองมันทรมาน ผมคงไม่ไปยุ่งอะไร แต่ถ้าเรื่องของเขามันมากระทบคนอื่น ผมก็คงไม่ไปยุ่งไม่ได้”

คิ้วของฉินซีกระตุก “คนอื่น?”

แววตาของโจวเอ้อที่ทอประกายออกมา ทำให้ฉินซีสงสัยจนต้องออกปากถาม “หรือว่า จะเป็นฉัน…”

โจวเอ้อยิ้มบาง “เป็นไปตามคาดว่าเป็นคนในองค์กรคุณ ฉลาดดีนี่”

ฉินซีไม่สนคำชมของเขา เธอขมวดคิ้ว ก่อนจะถามต่อ “แล้วเรื่องของพวกเขาสองคน มันเกี่ยวอะไรกับฉัน?”

โจวเอ้อตอบด้วยเสียงแผ่วเบา “มู่วี่สิงยังไม่รู้ว่าระหว่างเวินจิ้งกับลู่เซิ่นเป็นแค่การตบตาคนอื่น เขายังคิดอยู่เลยว่าสองคนนั้นรักกันจริงๆ เวินจิ้งมีลูกกับลู่เซิ่น มู่วี่สิงเป็นคนที่จะขอให้คนที่เขารักมีความสุขอยู่เสมอ เรื่องอื่นเขาไม่สนใจ ”

เมื่อพูดมาถึงตอนนี้ โจวเอ้อก็อดไม่ได้ที่จะขำออกมา ก่อนที่จะพูดต่อ “เขาคิดว่าเวินจิ้งรักลู่เซิ่นอย่างสุดหัวใจ ดังนั้นจึงทำทุกอย่างให้ระหว่างพวกเขาราบรื่นที่สุด ตอนนี้ เขาเห็นลู่เซิ่นอยู่กับคนอื่นไปแล้ว คุณคิดว่า เขาจะคิดยังไง จะทำยังไงล่ะ?”

ฉินซีผงะไป ความทรงจำกลับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

… เมื่อเธอกับลู่เซิ่นมาที่นี่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว… มู่วี่สิงเห็นพวกเขา

เมื่อเห็นท่าทางของเธอเปลี่ยนไป โจวเอ้อก็รู้แล้วว่าเธอจำได้

“คุณหมายถึง เมื่ออาทิตย์ที่แล้วที่ฉันอยู่กับลู่เซิ่น มันทำให้เขาคิดไปเองว่า ลู่เซิ่นนอกใจงั้นเหรอ?”มีความไม่เชื่อมั่นในน้ำเสียงของฉินซีเล็กน้อย

โจวเอ้อจิบน้ำเปล่าอีกครั้ง “ใช่ครับ นั่นคือสิ่งที่เขาคิด”

ฉินซีพูดขึ้นโดยไม่มองหน้าโจวเอ้อ”งั้นเขาต้องการโจมตีฉันเหรอ?”

โจวเอ้อแปลกใจ “คุณรู้ได้ยังไง?”

ฉินซียักไหล่ “ด้วยอำนาจของมู่วี่สิง ก็คงยังไม่สามารถที่จะต่อกรกับลู่เซิ่นได้ ถ้าหากเขาสั่งสอนลู่เซิ่นโดยตรง ก็คงเป็นเรื่องยาก ดังนั้นสิ่งที่เขาจะจัดการได้โดยง่าย คือฉัน คนที่ไม่มีอำนาจอะไรเลย”

ตอนนี้โจวเอ้อรู้สึกตกตะลึงกับฉินซี มันไม่ง่ายที่จะหาผู้หญิงฉลาดแบบนี้ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ

เมื่อได้ยินว่าจะมีคนจ้องทำร้ายตัวเองอยู่ แต่ก็ยังสงบนิ่งได้นี่ ถือว่าไม่ใช่คนธรรมดา

“เขาต้องการทำอะไรกับฉัน” ฉินซีหันไปมองโจวเอ้อ”จะปิดปากฉัน? หรือจะโยนฉันออกไป”

โจวเอ้อยิ้ม “มู่วี่สิงไม่กล้ากำจัดคุณหรอก… ถ้าหากลู่เซิ่นรักคุณจริงๆ เขาจะมีความบาดหมางกับตระกูลลู่เสียเปล่า ที่เขาจะทำคงแค่ให้คนตระกูลมู่หาเบาะแสของคุณ หาคุณให้เจอ หลังจากนั้นคงไล่คุณให้ออกไปจากเมืองหนาน และไม่ใก้กลับมาอีกมากกว่า”

เธอยิ้มจาง และอดไม่ได้ที่จะพูดประชดประชันว่า “นั่นคือทั้งหมดที่เขาทำได้”

ตัวเองหักหลังเวินจิ้ง ให้เธออกหัก ไม่กลับมาอยู่ข้างๆเขา ภายนอกทำเหมือนตัวเองเป็นนักบุญ ดูเหมือนว่าจะทำทุกอย่างให้เธอได้ น่าสนใจดีไหมล่ะ?

ถ้าหากเพื่อเวินจิ้งแล้ว มู่วี่สิงสามารถที่จะไปปรากฏตัวต่อหน้าลู่เซิ่นแบบตัวต่อตัวได้ ฉินซีคงจะเพิ่มความเคารพในตัวเขา สุดท้ายแล้วถ้าหากเขายังทำตัวขี้ขลาด ในสายตาเธอที่มีต่อตัวเขาก็คงมีแต่ความดูแคลน

– น่าเสียดายที่เธอไม่ได้อ่อนแอแบบนั้น

“ทั้งตระกูลมู่กำลังหาฉันอยู่เหรอคะ?” ฉินซีถาม

โจวเอ้อพยักหน้า” ครับ แต่ตอนนี้ยังไม่พบเบาะแสของคุณ”

ฉินซีเข้าใจ อีกด้านหนึ่งสาเหตุคือเพราะลู่เซิ่น ส่วนอีกด้านคือเป็นเพราะองค์กรเป็นเหตุ ร่องรอยหรือเบาะแสของเธอ ไม่ใช่จะหาได้ง่าย

เธอหันหน้าไปมองโจวเอ้อ”นี่คือเหตุผลที่คุณเรียกฉันมาที่นี่เหรอคะ?

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท