การกลับมาของฮีโร่ – ตอนที่ 101

ตอนที่ 101

ตอนที่ 101

ฮวางจุนเผิงเสียชีวิต

อาคารระฟ้าสูงที่สุดในกว่างโจว อาคาร C&D ถล่มพังพินาศ สาเหตุเกิดจากการต่อสู้ของผู้ตื่นขึ้น 2 คน

หนึ่งในนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากฮวางจุนเผิง ทั่วโลกตะลึงพรึงเพริด เมื่อทราบถึงความจริงที่ว่าฮวางจุนเผิงเป็นผู้ตื่นขึ้น พลังของเขาแรงค์ S ทั่วไปไม่อาจเทียบได้ เหตุการณ์ผู้คนตกใจยังไม่หมดแค่นั้น เพราะความวุ่นวายที่เกิดขึ้นไม่มีประชนชนตาดําๆโดยลูกหลงหรือบาดเจ็บล้มตายเลยแม้แต่คนเดียว

“หากถามว่าทําไมถึงไม่มีผู้บาดเจ็บ ทั้งหมดเป็นเพราะการวางหมากล่วงหน้าของซูฮยอน พวกเราได้รับข้อความขอความช่วยเหลือ ทางเราพิสูจน์แล้วว่ามูลเหตุมีโอกาสเกิดขึ้นจริง เลยลองเสี่ยงดวงดูแค่นั้นเอง”

จ๊อินกิลด์มาสเตอของกิลด์กรีนวอลล์สัมสัมภาษณ์คลายปมสงสัยกับผู้สื่อข่าว

“จากการเฝ้าสังเกตการ เขาเกือบถูกพวกเรายัดเยียดอาชญากรให้ แต่จากการกระทําของเขาพิสูจน์ให้เห็นชัดว่าสิ่งที่พวกเราคิดนั้นผิด ฮวางจุนเผิงต่างหากที่เป็นอาชญากรตัวพ่อ อีกแค่ไม่กี่ก้าวเขาเกือบตะคลุบตัวผมได้”

“ความหมายของคุณคือฮวางจุนเผิงเป็นส่วนหนึ่งของกิลด์ดัมพ์ใช้ไหมปาวครับ?”ผู้สื่อข่าวถาม

“ผมระบุชี้ชัดไม่ได้ แต่ถ้าต้องเลือกเชื่อคนใดคนหนึ่งระหว่าง 2 คนนั้น ผมคิดว่าฮวางจุนเผิงมีโอกาสเป็นไปได้ที่ข้องแวะกับกิลด์ดัมพ์ ซูฮยอนผู้กุมตัวเขาได้ ก็พูดในทํานองเดียวกัน”

“คุณกําลังจะสื่อว่าเชื่อถือคําพูดของคิมซูฮยอนมากกว่าคําพูดของฮวางจุนเผิงหรือครับ?”

“แทนที่จะมัวสนใจว่าเชื่อถือคําพูดใครมากกว่ากัน พวกเราควรสืบค้นข้อมูลและตัดสินอย่างเป็นกลางเข้าท่ากว่า คิมซูฮยอนประกาศชัดว่าจะทําสงครามกับกิลด์ดัมพ์และที่สําคัญการโจมตีที่กลายเป็นเหตุลุกลามบานปลายในปักกิ่ง จากการสืบค้นหลักฐานทั้งหมด ชี้เป้าไปที่ฮวางจุนเผิงเป็นคนบงการ ยังมีเหตุการณ์ร้ายแรงอีกหลายแห่งที่เขาสั่งการอยู่เบื้องหลังด้วยเหมือนกัน”

บิ๊บ!!

ตัดภาพมาที่ประเทศเกาหลี ซูฮยอนนั่งอยู่บนโต๊ะกินข้าวยกรีโมทขึ้นมาปิด TV

ฮักจุนนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามหยุดกินก่อนถามว่า “ทําไมพี่ถึงไม่อยู่ที่ประเทศจีนต่อเพื่อรอดูลาดเลาล่ะครับ”

“นายก็รู้ว่าฉันไม่ชอบและไม่อยากเป็นจุดสนใจ เลยเลือกวิ่งแจ้นหนีมา โชคดีที่พวกเขาไม่รั้งตัวฉันไว้”

คําตอบไร้ชีวิตชีวาของซูฮยอน ทําให้ฮักจุนถามอีกครั้ง “จะมีปัญหาวิ่งมาหาพี่ภายหลังหรือปาวครับ?”

“ไม่มีเหตุผลไหนที่พวกเขาต้องสงสัยฉัน ไม่รู้ว่าทางจีนมีข้อมูลของฮวางจุนเพิ่งมากแค่ไหน ถ้าพวกเขาลองขุดคุ้ยอดีตของฮวางจุนเผิงลึกลงไปอีกนิด พวกเขาคงรู้เองว่าฮวางจุนเพิ่งมีความเกี่ยวข้องกับกิลด์ดัมพ์ เหมือนคําที่ว่าน้ำลดตอผุด หากทางการจีนยังต้องการฟ้องร้อง ฉันก็มีประจักษ์พยานคนสําคัญอยู่”

“ประจักษ์พยานเหรอครับ?”

“นายได้ยินคนที่สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวในทีวีใช่ไหม? ฉันกําลังจะบอกนายว่า ด้านหลังคนที่สัมภาษณ์ มีผู้ตื่นขึ้นผู้รอดชีวิตจากภัยพิบัติในปักกิ่ง แน่นอนว่าเขาเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงไม่ได้เลยใช้สกิลแปลงโฉม พวกเขาเป็นประจักษ์พยานคนสําคัญที่สามารถยืนยันได้ว่าฮวางจุนเผิงอยู่เบื้องหลัง”

ซูฮยอนพยายามอธิบายให้ฮักจุนเข้าใจ จะได้หมดห่วงเรื่องของเขา

ตอนแรกฮักจุนคิดว่าซูฮยอนก้าวเดินสะเปะสะปะไว้แบบแผน ไม่มีแม้กระทั้งข้อมูล

หลังจากซูฮยอนอธิบายชี้ทางสว่างให้ เมื่อลองนําคําอธิบายและการสัมภาษณ์เมื่อครู่มาประติดประต่อกัน มันสัมพันธ์สอดคล้องกันได้อย่างลงตัว..

“ในเมื่อพี่เตรียมตัวเป็นอย่างดี ทําไมพี่ถึงหนีกลับมาก่อนด้วยครับ?”

“รออยู่เบื้องหลังและต้องพัวพันการสืบสวนสอบสวน สําหรับฉันมันเป็นเรื่องที่เสียเวลาและอิดหนาระอาใจ จึงเป็นเหตุผลทําไมฉันถึงหนีกลับมา ยังไงจีนก็มีประจักษ์พยานหลายคนรอดชีวิตคอยแก้ต่างให้ฉันอยู่แล้ว ทําไมต้องเสียเวลารอโดยใช่เหตุด้วยล่ะจริงไหม”

หากจะมีปัญหาวิ่งมาหาจริง คงหนีไม่พ้นเจ้าของสิ่งปลุกสร้างที่อยู่ระแวงใกล้เคียงกับอาคาร C&D อาคารหลักเสียยับเยินขนาดนั้น อาคารรองรอบๆไม่ต้องพูดถึง ไม่เรียกร้องค่าเสียหายก็มีแต่พวกนักบุญ แต่คงไม่ใช่เร็วๆ เผลออาจไม่มีด้วยซ้ำ เพราะทางจีนมีเรื่องหลายอย่างรอให้สะสางกองเป็นภูเขา

“อืม…เรื่องการชดเชยค่าเสียหายของอาคารที่โดนลูกหลงหรือถล่มเพราะการต่อสู้ ฉันมั่นใจว่าทางการจะยึดทรัพย์สินส่วนตัวของฮวางจุนเผิงและบรรเทาความเดือดร้อนแก่เจ้าของอาคาร ถ้าเงินยังไม่พอ หน่วยงานจีนคงออกทุนสํารองจ่ายให้”

“พี่ปราดเปรื่องและเจ้าเล่ห์กว่าที่ผมคิดอีก”

“อะไรกัน ที่ผ่านมานายคิดว่าฉันเป็นคนปัญญานิ่มงั้นเหรอ?”

“ฮ่า ฮ่า อย่าคิดเองเออเองสิครับ”

ฮักจุนจับตะเกียบและเริ่มคีบของกินใส่ปาก ทั้ง 2 คนดื่มต่ำไปกับอาหารที่กองอยู่ตรงหน้า ซูฮยอนเคี้ยวหงุบหงับพลางหยิบมือถือขึ้นมาตรวจเช็ดวันที่

เดือนกรกฎาคม ฤดูร้อน สภาพอากาศร้อนอบอ้าว มีเมฆบางส่วน

<<ปี 2022 เวลาช่างผ่านไปเร็วจริงๆ>>

มีเหตุการณ์สําคัญและยิ่งใหญ่หลายแห่ง ในอดีตเขาไม่เคยสัมผัสหรือมีส่วนร่วม แต่ตอนนี้เขามีความแข็งแกร่งเหลือล้น เดินเตร็ดเตร่ไปก็ได้ตามใจปรารถนา

ริง!!

ขณะสายตาซูฮยอนกําลังจดจ่ออยู่กับวันที่และปี มือถือก็เด้งแจ้งเตือน

มือถืออยู่ในมือ ซูฮยอนไม่รีรอกดรับสายและแนบข้างหู

“เธอต้องการอะไร?”

“คําทักทายแสน จืดชืด เย็นชา แบบนี้หมายความว่าไงกันยะ?”

เสียงโต้กลับเป็นน้ำเสียงของผู้หญิง ซึ่งเธอคือจีย็อน

“ภารกิจเสร็จแล้วหรือไงถึงมีเวลาโทรมา รู้ไหมค่าโทรระหว่างเทศมันแพงมาก”

“โอ้พ่อคุณ มีเงินเก็บตั้งเยอะทําไมทัศนคติการใช้เงินของนายถึงขี้ตระหนี่จัง นอกจากนี้ฉันเป็นคนโทรไปหานาย ค่าโทรฉันเป็นคนจ่าย นายไม่รู้หรือไง”

“คร้าบคุณผู้หญิง ว่าแต่เธอใกล้จะกลับแล้วใช่ไหม?”

“ทางฝั่งฉันยังเหลือสมาชิกกิลด์ดัมพ์จํานวนหนึ่งหลบหนีอยู่ น่าจะอีกสักพัก”

“ไอ้พวกเลวนั้น ฉันค่อนข้างมั่นใจหากพวกมันมุดลงใต้ดินได้สําเร็จ การควานหาตัวพวกมันจะกลายเป็นความหวังลมๆแล้งๆ”

“ฉันถึงต้องอยู่ที่นี่ต้องไงล่ะ นายเป็นคนทิ้งปัญหากองโตเอาไว้ให้ฉันและมันก็เป็นเป้าหมายที่ฉันอยากกําจัดอยู่แล้ว ส่วนตัวนายก็ดันดิ้นไปประเทศจีนเพื่อจัดการฮวางจุนเผิงด้วยตัวเอง”

จนถึงตอนนี้ซูฮยอนก็ยังไร้คําตอบว่าเบื้องลึกเบื้องหลังระหว่างเธอกับกิลด์ดัมพ์อะไรหมางใจกันแน่? ทําไมเธอถึงจงเกลียดจงชังกิลด์ดัมพ์มากขนาดนี้ด้วย ตัวการใหญ่หมดลมหายใจไปแล้ว แต่เหมือนความเคียดแค้นของเธอยังสุมไฟอยู่

ฟังจากน้ำเสียง ดูเหมือนเธอจะตั้งมั่นกวาดล้างกิลด์ดัมพ์ที่รอดชีวิตมากกว่าซูฮยอนเสียอีก เธอกําลังวางแผนบดขยี้ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับกิลด์ดัมพ์ให้ไม่เหลือแม้แต่เงา ไม่ใช่แค่ผิวเผิน แต่เธอวางแผนทําลายถึงรากเหง้าของพวกมันด้วย..

<<อีกไม่นานเธอคงปล่อยวางความแค้นได้>>

“รากฐาน” ที่ฮวางจุนเพิ่งสร้างขึ้นถูกเปิดเผยต่อสาธารณชน

ขุดเจาะหาข้อมูลลึกลงไป คงสามารถสาวถึงการเคลื่อนไหวในอดีตของกิลด์ดัมพ์ได้ ว่ามีใครบางมีความใกล้ชิดกิลด์ดัมพ์บ้าง เมื่อรวบรวมของข้อมูลได้ครบถ้วนกระบวนความ ผู้มีอํานาจสามารถตามตัวและคิดบัญชีผู้อยู่เบื้องหลังได้รายบุคคล จากนั้นกิลด์ดัมพ์จะถูกลบเลือนหายไปตลอดกาล

<<ไม่ว่าฉันจะเกลี้ยกล่อมเธอยังไง เธอก็ไม่ฟังคําพูดของอยู่ดี>>

สิ่งที่เธอลงมือทํา คือเป้าหมายของซูฮยอนมุ่งมั่นมาแต่ต้น ฉะนั้นเขาจึงไม่เอ่ยปากห้ามการกระทําของเธอและไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทําเช่นนั้นด้วย

“เธอโทรมาหาฉัน มีเรื่องอะไรหรือป่าว?”

“อ่อ พอดีฉันมีข่าวน่าสนใจมาแจ้ง”

“ข่าวอะไร?”

“นายรู้จัก กอร์ดอนโรฮัน ใช่ไหม?”

เป็นคําถามที่ทําความเข้าใจได้ง่าย

กอร์ดอนโรฮันเป็นชายที่รู้จักกันดีในฐานะผู้ตื่นขึ้นที่แข็งแกร่งที่สุดในแผ่นดินสหรัฐอเมริกา ไม่สิต้องบอกว่าแข็งแกร่งมากที่สุดในโลกถึงจะถูก ผู้ตื่นขึ้นทั้งโลกมีใครบางไม่รู้ชื่อเสียงเรียงนามของเขา

“เขาเสมอในมีการอีเว้นท์ ซึ่งเรียกกันว่า สงครามแก่งแย่งอันดับ หลังจากข่าวหลุดออกไปส่งผลให้ผู้ตื่นขึ้นในสหรัฐอเมริกาตกอยู่ในความเอิกเกริกทั่วไปหมดเลย”

“แล้วไง?”

“อะไรกัน นายไม่ตื่นเต้นเลยเหรอ?”

การตอบสนองพระอิฐพระปูนของซูฮยอน ทําให้จียอนเกิดสงสัย เธอจึงนั่งรอฟังอยู่เงียบๆ รอให้เขาอธิบายคลายข้อกังขา

ซูฮยอนเสียใจที่ตอบสนองเหมือนทองไม่รู้ร้อน เขาจึงนึกคําพูดแก้ตัวขึ้นมาใหม่และเปลี่ยนหัวข้อ

“ใครบอกไม่ตื่นเต้น? ฉันแค่ไม่เข้าใจในเมื่อสถานการณ์สหรัฐอเมริกายังตกอยู่สถานการณ์ล่อแหลม ทําไมเขาถึงดึงดันจัดอีกอีเว้นท์ให้ได้ด้วย?”

“นั่นสิฉันก็สับสบเหมือนกัน เมื่อเร็วๆนี้มีการตั้งโต๊ะถกเถียง หลายฝ่ายไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่เพราะต้องจัดการเคลียร์ปัญหาเก่าให้หมดเสียก่อน แต่เขาคาดหัวชนฝายืนยันหนักแน่นว่าจะอีเว้นท์ให้ได้ มีข่าวลือแปลกๆด้วยนะ หลังจากเขาออกมาจากหอคอยแห่งการทดสอบดูเหมือน บุคลิกภาพ อารมณ์ จะผิดแปลกไปจากเดิน สงสัยข่าวลือจะเป็นจริง”

ข่าวลือของเขาในอดีตซูฮยอนก็เคยได้ยินเช่นกัน

<<เกิดอะไรขึ้น ทําไมเขาถึงอยากจัดสงครามแก่งแย่งอันดับเร็วเช่นนี้>>

สงครามแก่งแย่งอันดับ ในชีวิตก่อนของซูฮยอนเหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว อย่างไรก็ตามมันต้องใช้เวลาอีกนานมาก กว่าจะเกิดอีเว้นท์นี้ขึ้น

“เขาอยากทาบทามส่งคําเชิญให้ผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S ทั่วโลกทั้งหมดและปล่อยให้แรงค์ S ประลองกัน เพื่อเฟ้นหายอดนักสู้ ฉันคิดว่าหากอีเว้นท์ถูกจัดขึ้นจริงๆ ต่อให้ไม่เชิญ คงมีหลายคนลงสมัครด้วยความเต็มใจ ฉันมั่นใจหากใครก็ตามไขว่คว้าชัยชนะมาไว้ในกํามือ คงหนีไม่พ้นถูกคนอื่นยกย่องให้เป็นยอดคน นายเห็นด้วยกับฉันใช่ไหม?”

สงครามแก่งแย่งอันดับมีจุดประสงค์เพื่อเป็นเวทีให้กอร์ดอนโรฮัน ระเบิดศักยภาพโชว์ความสามารถของตัวเอง แล้วปาวประกาศให้โลกรู้ว่า เขาคือผู้ยืนอยู่จุดสูงสุดเหนือผู้อื่น

“พอทราบไหมว่าอีเว้นท์จะจัดขึ้นวันไหน?”

“เดือนธันวาคม ใกล้ๆปลายปี”

ซูฮยอนใช้ความคิด…กําหนดการเร็วกว่าในอดีตเล็กน้อย

ซูฮยอนตอบกลับพร้อมร้อยยิ้ม “ขอบคุณสําหรับสารนิเทศ”

นับว่าเป็นเรื่องดีเช่นกันที่ระยะเวลายื่นเข้ามา ในเมื่ออีเว้นท์จัดเร็วกว่าปกติ เขาจึงไม่ต้องรอนาน

“ฉันจะจําใส่สมองไว้”

กิลด์ดัมพ์ในสหรัฐอเมริกาหมดห่วงไปอีกหนึ่งเรื่อง แต่ยังเหลือเรื่องวุ่นวายอีรุงตุงนังมาให้ซูฮยอนปวดหัวอีกแล้ว เขาและจียอนทักทายปราศรัยกันเล็กน้อย ก่อนวางสาย..

“สงครามแก่นแย่งอันดับ มันเกี่ยวกับอะไรเหรอครับ?”ฮักจุนถาม

ซูฮยอนเริ่มต้นอธิบายจุดประสงค์ของสงครามแก่นแย่งอันดับให้อีกฝ่ายฟัง เมื่อได้ฟังสายตาฮักจุนเป็นแพรวพราว

“แสดงว่าผมก็เข้าร่วมได้สิครับ?”

“ฉันคิดว่าไม่มีปัญหา แต่นายต้องอยู่แรงค์ S ซะก่อน ถึงจะมีคุณสมบัติเข้าร่วม นายคิดว่ามันเป็นอุปสรรคหรือปาว”

“เหลือเวลาเตรียมตัวอีกประมาณครึ่งปีสินะครับ?”

ฮักจุนวางตะเกียบลงและเปิดปากพูด “ครึ่งปีเพียงพอสําหรับผม”

อาหารบนโต๊ะยังเหลืออีกเยอะ แต่ฮักจุนรีบลุกพรวดจากเก้าอี้ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ซูฮยอนจ้องมองแผ่นหลังฮักจุนขณะเดินออกจากห้อง

<<เหมือนสงครามแก่นแย่งอันดับจะเป็นตัวกระตุ้นให้เขาสินะ>>

ที่จริงซูฮยอนคิดว่าเหตุการณ์ที่พวกเขาเคยทําร่วมกันในสหรัฐอเมริกา ได้ส่งผลกระทบต่อฮักจุนแง่ใดแง่หนึ่ง แต่ยังขาดแรงกระตุ้น พอได้ฟังเรื่องราวสงครามแก่นแย่งอันดับ ทําให้เขาพบจุดมุ่งหมายและเริ่มถวิลหาความแข็งแกร่ง

<<ฉันเองก็มัวเอ้อระเหยไม่ได้เหมือนกัน>>

เหตุการณ์สําคัญในอดีตกระชั้นชิดเข้ามาเร็วกว่าจินตนาการ ซูฮยอนลุกจากเก้าอี้ จัดการทําความสะอาดโต๊ะอาหารอย่างรีบร้อน

นอกจากนี้ภายในจิตใจของซูฮยอนยังมีความรู้สึกร้อนอกร้อนใจผุดขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุซึ่งหาคําตอบไม่ได้

<<ชั้นที่ 30>>

คืออุปสรรคชิ้นใหญ่ ซึ่งกําลังรอการท้าทายจากเขา

ซูฮยอนเปิดประตูมิติก้าวเข้าสู้โลกของชั้นที่ 30

ซูฮยอนห่างหายการเข้าสู้หอคอยแห่งการทดสอบไปสักพักใหญ่ๆ ในที่สุดก็ได้ฤกษ์กลับมาเหยียบที่เปรียบเสมือนบ้านหลังที่ 2 อีกครั้ง

พื้นที่ชั้น 30 อ้างว้างเปล่าเปลี่ยวไร้ผู้คนสัญจร ความร้อนอบอ้าวที่เกิดขึ้นอาจมาจากดวงอาทิตย์ที่ลอยอยู่เหนือศีรษะและคลื่นความร้อนที่สะสมจากพื้นดิน

“ฟู่!!!”

ทั่วเมืองถูกแสงอาทิตย์สีแดงดุจเปลวเพลิงฉาบย้อมทุกหย่อมหญ้า

เมืองที่ผู้ตื่นขึ้นไม่อยากย่างกรายเข้าไปมากที่สุดและถูกโหวตให้เป็นอันดับหนึ่ง คือเมืองในโลกชั้นที่ 30

ตึกรามบ้านช่องเป็นส่วนหนึ่งของทิวทัศน์สามารถเป็นอาหารตาให้แก่ผู้พบเห็น สร้างความเพลินตาเพลินใจ แต่เมืองชั้นที่ 30 ถูกสร้างมาจากหินหยาบๆ พินิจมองแล้วให้ความรู้สึก มืดมน น่าเบื่อ และไม่สําราญใจ ที่สําคัญเมืองนี้ก็ร้อนตับแลบ เหงื่อไคลไหลย้อยใต้ร่มผ้าชุ่มโชก

ประชาชนภายในเมืองก็ไร้ไมตรีจิต ไม่น่าคบค้าสมาคม เพราะทุกคนมีบุคลิกเจ้าอารมณ์เหมือนสภาพอากาศ

<<รีบเผ่นไปจากที่นี่ดีกว่า…>>

ซูฮยอนยืนอยู่กับที่เฉยๆไม่ได้ขยับไปไหน สายตาสาดส่องสํารวจเมืองรอบๆ ทว่าแผ่นหลังของเขาเริ่มเปียกโชกไปด้วยหยาดเหงื่อ

เขาปล่อยพลังเวทย์บางๆออกมาป้องกันคลื่นความร้อน แต่ไม่ได้หมายความว่าตัวเขาจะสามารถโคจรพลังเวทย์ออกมาปกป้องร่างกายได้เรื่อยๆอย่างไม่จํากัด

ทางเลือกที่ควรทํา คือการออกจากเมืองนี้ให้เร็วที่สุด

ณ ใจกลางเมือง

ด้านหน้าประติมากรรมรูปปั้นเทพธิดามีชายคนหนึ่งนั่งสัปหงก เนื้อตัวมอมแมม เสื้อผ้าขาดกะรุ่งกะริ่ง ซูฮยอนยืนถ้ำมองอีกฝ่ายและตรงดิ่งเข้าไปหา..

เมื่อผู้อารักขาประตูรู้ว่ามีคนยืนอยู่ตรงหน้า เขาจึงเงยหน้าขึ้นมอง สายตาไร้ความรู้สึกจ้องเขม็งซูฮยอน ก่อนแบมือยื่นออกไปด้านหน้า

“เงิน”

ผู้อารักขาแต่ละชั้นนิสัยไม่ต่างกันเลย เรียกได้ว่าเชื้อไม่ทิ้งแถว

ซูฮยอนยื่นมือไปแตะผู้อารักขา

[100,000 คะแนนความสําเร็จถูกใช้]

เมื่อได้ยินเสียงสังเคราะห์ สีหน้าผู้อารักขาพลันเปลี่ยนแปรไปอย่างกะทันหัน

เครื่องหมายคําถามแล่นริ้วกระจายไปทั่วใบหน้าคร่ำเครอะของผู้อารักขา ตั้งแต่ทําหน้าที่เฝ้าประตูมา ซูฮยอนเป็นคนแรกที่มอบคะแนนความสําเร็จให้เขามากถึงขนาดนี้ แถมยังไร้ท่าที่กระยึกกระหยักอีกต่างหาก

“เล็งระดับที่ 10 ไว้งั้นเหรอ?”

“ใช่ครับ”

“อืม…”

คําใบ้ของผู้อารักขาจะมีรายละเอียดเพิ่มมากขึ้น ตามคะแนนความสําเร็จที่เสียไป หนึ่งแสนคะแนนความสําเร็จคือใบเบิกทางที่คุ้มค่าสําหรับคําใบ้ แต่เขาเลือกระดับความยากที่ 10 ฉะนั้นคําใบ้ผู้อารักขาอาจไม่ถึงกับละเอียดมาก…

ผู้อารักใคร่ครวญเล็กน้อยและอ้าปากพูด “เจ้าต้องการคําใบ้แบบใด?”

“ขอโทษนะครับ ผมไม่ค่อยเข้าใจคําถาม”

“คําใบ้ที่ 1 สามารถช่วยให้เจ้าผ่านการทดสอบได้อย่างราบรื่น หรือ คําใบ้ที่ 2 ทําให้เจ้าได้รับรางวัลมไหศวรรย์ พูดให้เข้าใจง่ายๆคือเจ้าจะได้รับรางวัลใหญ่ขึ้น ทั้ง 2 คําใบ้ เจ้าอยากได้แบบใด”

การที่ผู้อารักขาเสนอคําใบ้หลายตัวเลือก ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่ซูฮยอนจบเจออะไรแบบนี้

ซูฮยอนหน้าดําคล้ำเครียด แต่ไม่นานสีหน้าของเขาก็กลับมาเป็นปกติ “ผมขอเลือกรางวัลใหญ่ขึ้นก็แล้วกัน”

“ข้ากะไว้แล้ว ว่าเจ้าจะพูดแบบนั้น”

ผู้อารักขาแย้มยิ้มยิงฟันหลังจากได้ยินคําตอบของซูฮยอน ฟังเหลืองอําพันเด่นชัดขึ้นเมื่อแสงจากดวงอาทิตย์ส่องกระทบ ดูเหมือนเขาจะชอบใจกับคําตอบซูฮยอนพอสมควร

ผู้อารักขาเริ่มสาธยายคําใบ้ให้กับซูฮยอนฟัง แต่พอฟังไปนานๆ คําใบ้กลับละเอียดยังไงชอบกล

“เอาล่ะ เจ้าไปได้แล้ว ข้าจะเฝ้าดูผลงานของเจ้าอยากมีความหวัง ฉะนั้นอย่าทําให้ข้าผิดหลังเด็ดขาด”

ผู้อารักขาแตะขาซูฮยอนเบาๆแทนการจับไหล่ เขาก้มหน้าก้มตาสัปหงกอีกครั้ง

ไม่ว่าซูฮยอนจะเรียกผู้อารักขาเสียงดังขนาดไหน เขาไม่แม้แต่เงยหน้าขึ้นมอง

การคุยกับผู้อารักขามีแค่ช่วงจ่ายคะแนนความสําเร็จเพื่อของคําใบ้เท่านั้น นอกเวลาหมดสิทธิ์

นั่นเป็นอีกหนึ่งเหตุผล ทําไมผู้อารักขาถึงลึกลับนัก..

“ขอบคุณสําหรับคําใบ้ครับ”

ซูฮยอนค้อมหัวขอบคุณผู้อารักขาประตู แล้วเดินหน้าไปหารูปปั้นเทพธิดา

คิมซูฮยอน คุณพร้อมท้าทายบททดสอบแล้วใช่หรือไม่

เสียงสังเคราะห์ถามเพื่อยืนยัน

“พร้อมแล้ว”

สิ้นเสียงคําตอบ ร่างซูฮยอนพร่ามัวก่อนค่อยๆจางหายไป

ครืน!! ซ่า!!

เมื่อการมองเห็นเริ่มปรับสภาพคงที่ สิ่งแรกที่ซูฮยอนได้ยินคือเสียงคลื่นมหาสมุทรกระทบฝั่งชาย

คลื่นกระทบชายฝั่ง เป็นเสียงที่ฟังแล้วสบายอารมณ์ ชุ่มชื่น ผ่อนคลายความเหนื่อยล้า สายลมเย็นๆจากมหาสมุทรพัดชโลมผิวหนัง เมืองร้อนอบอ้าวแปรเปลี่ยนเป็นมหาสมุทรเย็นฉ่ำ

สายตาของซูฮยอนมองทอดยาวไปยังมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาลสุดลูกหูลูกตา..

[การทดสอบชั้นที่ 30 เริ่มขึ้น]

[ประเทศหมู่เกาะ โมรอส ได้รับความเสียหายจากมหันตภัย]

[หลายปีที่ผ่านมา มีนักเวทย์แห่งความมืดปรากฏตัวป้วนเปี้ยนบนเกาะเล็กๆอย่างโมรอส ด้วยประชนกรนับหลายหมื่นคน โมรอสจึงถูกผู้คนทั่วไปเรียกขานว่า โลกแห่งนักเวทย์]

[เพราะการอัญเชิญ อูโรโบรอส จากนักเวทย์แห่งความมืด มหาสมุทรที่รายล้อมเกาะโมรอสเอาไว้จึงตกอยู่ในความหายนะ เพื่อกันไม่ให้เหตุการณ์บานปลายไปมากกว่านี้ โมรอส ไม่มีหนทางอื่น ทุกๆเดือน พวกเขาต้องถวายชีวิตประชาชน 10 คนเป็นเครื่องสังเวย]

คําอธิบายเป้าหมายที่ซูฮยอนต้องทําและจุดประสงค์ของการทดสอบไม่มีกล่าวถึง

เสียงสังเคราะห์ไม่ได้มอบหมายภารกิจให้ แต่อธิบายความเป็นมาคราวๆของภูมิประเทศที่เขากําลังทําการทดสอบอยู่

ซูฮยอนก็พึ่งทราบเมื่อกี้เหมือนกับว่าภูมิประเทศที่ตัวเองยืนอยู่มีสภาพเช่นไร

<<ขนาดยังไม่เริ่ม ยังรู้สึกได้เลยว่าการทดสอบครั้งนี้หืดขึ้นคอแน่ๆ>>

ยิ่งการทดสอบมีความยากสูงขึ้น รายละเอียดเกี่ยวกับเป้าหมายและจุดประสงค์แทบไม่มีบอกใบ้ และดูเหมือนว่าการทดสอบที่ซูฮยอนกําลังประเชิญหน้าจะอยู่ในหมวดนั้น มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาต้องหาเบาะแสด้วยตนเอง

วุป!!

คลื่นลมเย็นพัดปะทะร่างกาย

“อย่างน้อยอากาศที่นี่ก็ชุ่มชื่น ปลอดโปร่งกว่าเมืองชั้นที่ 30”

มหาสมุทรเปิดกว้าง เหนือศีรษะขึ้นไปเป็นท้องฟ้าสีครามพริ้งเพริศ ไม่เลวหากจะยืนอยู่ตรงนี้อีกสักพัก ซึมซับบรรยากาศและเพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์ของมหาสมุทร

ในขณะที่ซูฮยอนปล่อยใจล่องลอยไปกับบรรยากาศ เขาสัมผัสได้ว่ามีการเคลื่อนไหวที่น่าสงสัย อยู่ใต้พื้นมหาสมุทร

มีอะไรบ้างอย่างซ่อนตัวอยู่ห่างๆ และกําลังเคลื่อนที่ใกล้เข้ามา

ซูฮยอนรีบถอยร่นหาโขดหินด้านหลังแอบ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาเพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์และเสียงคลื่นกระทบชายฝั่ง น่าเสียดายสุดๆบรรยากาศกําลังแช่มชื่นเลยแท้ๆ

<<มันกําลังมา>>

โฮกกกกกกก

มหาสมุทรกระเพื่อมขึ้นลง มวลน้ำดิ้นพล่านออย่างกําเริบเสิบสาน บางสิ่งบางอย่างที่มีขนาดมหมาแหวกผิวมหาสมุทรขึ้นมา

โฮกกกกกกก

เสียงคํารามของมันดังสนั่นหวั่นไหว จนเหมือนท้องฟ้าด้านบนสั่นสะเทือน

สิ่งที่โผลออกมาเหนือผิวน้ำมีรูปร่างละม้ายคล้ายงู ลําตัวใหญ่อ้วนท้วนล่ำสัน ความยาวหลายเมตร

<<อูโรโบรอส>>

สัตว์อสูรตัวใหญ่เบ้อเริ่มเพิ่มกระโจนขึ้นมาลอยตัวเหนือพื้นผิวมหาสมุทร

การกลับมาของฮีโร่

การกลับมาของฮีโร่

คิมซองอิน ฮีโร่ ที่แข็งแกร่งที่สุดของมวลมนุษยชาติ

เขาเดิมพันด้วยพลังทั้งหมดของเขา ในการต่อสู้กับเหล่ามอนสเตอร์ที่กำลังรุกรานโลก

ทว่า…ความตั้งใจของเขาก็ไม่สำเร็จ โลกมนุย์ถูกทำลาย

แต่ตำนานยังไม่ตาย เมื่อเขาได้มีโอกาสย้อนกลับไปในอดีต เมื่อ 20 ปีที่แล้ว

การเดินทางครั้งใหม่ของเขาได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท