การกลับมาของฮีโร่ – ตอนที่ 135

ตอนที่ 135

ตอนที่ 135

ฮักจุนหลับตากําหนดลมหายใจอยู่ในห้องนั่งเล่นพลางนึกทบทวนการต่อสู้สงครามแก่งแย่งอันดับรอบที่ผ่านมา

<<ฉันโชคดีมาก>>

เขาทราบเป็นอย่างดีว่าตนเองในตอนนี้ไม่มีความสามารถมากพอเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้ เหตุผลที่เขาสามารถผ่านรอบคัดเลือกรอบแรกมาได้ เพราะสุมเจอทีมดีและทําภารกิจที่ได้รับมอบหมายได้สําเร็จ ยิ่งไปกว่านั้นทีมของเขาไม่แตกสามัคคีเหมือนทีมอื่นๆ จึงไม่เกิดการต่อสู้กันเองภาย

ส่วนการต่อสู้ตัวต่อตัวรอบที่ผ่านมา คู่ต่อสู้ของเขาเป็นผู้ตื่นขึ้นที่เชี่ยวชาญสกิลฟื้นฟูเป็นหลักทักษะด้านการต่อสู้จึงไม่สูงนัก ทําให้เขาคว้าชัยชนะมาได้อย่างไม่ยากเย็น

ตั้งแต่รอบคัดเลือกจนมาถึงตอนนี้ถือได้โชคชะตาเข้าข้างฮักจุน สมมุติทางเดินที่เขาต้องก้าวเดินคล้ายคลึงกับซูฮยอนล่ะก็ รับรองว่าเขาได้เก็บกระเป๋ากลับบ้านตั้งแต่รอบคัดเลือกแน่

<<จะเกิดอะไรขึ้น หากฉันบังเอิญจับคู่ได้โทมัส.?>>

เขามีโอกาสได้เห็นสกิลแปลกๆที่โทมัสใช้ออกมาผ่านหน้าจอถ่ายทอดสด แม้ว่าชื่อของสกิลจะไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่ฮักจุนกระจ่างแก่ใจว่าความสามารถในปัจจุบันของตัวเอง ไม่มีทางทําลายสกิลของโทมัสได้แน่

กลยุทธ์ที่ซูฮยอนเลือกใช้ คือการใช้พลังเวทย์หักล้างอํานาจสกิลฝายตรงข้าม เพราะแต่ละคนมีพลังเวทย์ในร่างกายไม่เท่ากัน แม้คุณจะมีสกิลน่าเกรงขามและทรงพลัง แต่ตัวชี้วัดจริงๆคือความแตกต่างทางด้านระดับพลังต่างหาก กลยุทธ์ดังกล่าวผู้ที่สามารถใช้ได้คงมีแค่ ซูฮยอน และ กอร์ดอนโรฮัน ชื่อที่ฮักจนนึกออกมีแค่ 2 คนนี้เท่านั้น

<<แล้วถ้าฉันจับคู่ได้กอร์ดอนโรฮันล่ะ จะเป็นยังไง?>

ฮักจุนจินตภาพการต่อสู้กับชาวอเมริกันภายในหัว ภาพที่คิดออกมาค่อนข้างหดหู ไม่น่าพิสมัยเลยจริงๆ

<<ถ้าเปลี่ยนเป็นพี่ซูฮยอนมั่งล่ะ?>

ฮักพยายามสมมุติฉากการต่อสู้ขึ้นในหัว แต่ก็นึกไม่ออก เพราะเขาไม่ทราบความสามารถที่แท้จริงของซูฮยอนเลยสักนิด เนื่องจากที่ผ่านมาเขาไม่เคยเห็นซูฮยอนเอาจริงมาก่อน

ซูฮยอน โทมัส และ กอร์ดอนโรฮัน

เมื่อเปรียบเทียบกับ 3 คนนั้น ฮักจนรู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอเกินไป

“เฮ้อ…”ฮักจุนถอนหายใจ

อีจุนโฮที่นั่งอยู่ข้างๆได้ยินเสียงถอนหายใจจากฮักจุน จึงถามด้วยความเป็นห่วง

“กังวลเรื่องอะไรเหรอ? ถอนหายใจซะดังเชียว”

“ผมกําลังคิดว่า เมื่อเทียบกับผู้ตื่นขึ้นคนอื่น ตัวผมตามหลังอยู่หลายก้าว”

เมื่อได้ยินคําพูดของฮักจุน ใบหน้าของลีจุนโฮบูดบึงขึ้นทันตา “ตามหลังกับผีน่ะสิ ฉันต่างหากที่ตามหลัง ไม่ใช่นายสักหน่อย”

เขาเป็นผู้ตื่นขึ้นมานานกว่าฮักจุนด้วยซ้ำ แต่ความแข็งแกร่งของฮักจุนกลับนําหน้าเขาไปเสียก่อน..

“เอ่อ…”ฮักจนนิ่งอึ้งทําอะไรไม่ถูก เขาหัวเราะแหะๆออกมาและพยายามหลบสายตาลีจุนโฮ

ฮักจนทราบว่าตัวเองควรพักผ่อนเอาเรียวเอาแรง แต่ร่างกายกลับรู้สึกตะครั่นตะครอด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาลุกขึ้นจากโซฟาแล้วขบคิดว่าควรไปที่ไหนสักแห่ง เพื่อระบายความไม่สบายตัวออกไป แต่แล้ว….

“กลับมาแล้ว” สุ่มเสียงของซูฮยอนดังมาจากบริเวณหน้าประตู

ฮักจุนหมกมุ่นอยู่ในความคิดของตัวเองมากเกินไป จนไม่ทันสังเกตการกลับมาของซูฮยอน

เขารีบอ้าวเดินออกจากห้องนั่งเล่นไปหน้าประตู เพื่อต้อนรับพี่ชายที่หายหน้าหายตาไปเกือบหนึ่งวัน

“พี่ยินดีต้อนรับกลับ…?”

“อ้าว อยู่กันครบเลยเหรอ นึกว่าฮักจุนอยู่คนเดียวซะอีก”

ซูฮยอนกําลังเอ่ยปากตอบกลับคําทักทายฮักจุนและลีจุนโฮที่เดินมาต้อนรับ แต่พอเงยหน้าขึ้น เขากลับพบว่าทั้ง 2 คนยืนตัวแข็งที่อ สายตาเบิกโพลงจนน่ากลัว

โทมัสเดินเข้ามาในห้องพักตามหลังซูฮยอนด้วยท่าที่เกรงอกเกรงใจ

“คนที่อยู่ข้างหลังของพี่ คือ…”

“นายกําลังสงสัยคนข้างหลังฉันใช่ไหม? พอดีเขาบอกว่าไม่มีที่ไป ฉันเลยชวนเขากลับมาด้วยโทมัส ทั้ง 2 คนเป็นเพื่อนของฉันเอง นายอย่าลืมทักทายพวกเขาด้วยล่ะ จะได้ทําความคุ้นเคยกัน”

โทมัสได้ยินคําพูดของซูฮยอน จึงตัดสินใจทักทายคนอื่นตามคําแนะนํา น้ำเสียงที่ใช้ทักทายคนแปลกหน้าของเขาราบเรียบไร้ความรู้สึก ฟังแล้วให้ความรู้สึกหวาดเสียวอย่างบอกไม่ถูก

เนื่องด้วยคํากล่าวทักทายที่โทมัสเลือกใช้เป็นภาษาอังกฤษพื้นฐานทั่วไป ฮักจุนและลีจุนโฮสามารถทําความเข้าใจได้อย่างง่ายดายและไม่มีปัญหา แต่ปัญหาจริงๆที่พวกเขากังวลเป็นเรื่องอื่น

“พาเขามาด้วย จะไม่เป็นอะไรจริงๆเหรอครับ? พี่ไม่เคยได้ยินคําว่าเลี้ยงลูกเสือลูกจระเข้จะนําภัยมาสู่ตัวหรือไง?”ฮักจุนถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“ไม่เป็นอะไรหรอก นายสบายใจเถอะ เดี๋ยวฉันอธิบายให้ฟังว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น”

ซูฮยอนอธิบายสถานการณ์ของโทมัสให้ฮักจนและลีจุนโฮรับฟัง หลังจากได้ฟังคําอธิบายครบถ้วน กระบวนความ สายตาที่พวกเขามองไปยังโทมัสแตกต่างไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด

“อ่า…หมายความว่าต่อจากนี้”

“สรุปง่ายๆคือเขาจะอยู่กับพวกเราจนกว่างานสงครามแก่งแย่งอันดับจะยุติลง แต่ก่อนที่พวกเราจะกลับประเทศเกาหลี พวกเราต้องหาบ้านใหม่ให้เขาเสียก่อน เขาจะได้มีที่หลับที่นอนเวลากลับออกมาจากหอคอยแห่งการทดสอบ” ซูฮยอนพูดขยายความเพิ่มเติม

“เขาจะอยู่กับพวกเราจนกว่างานสงครามแก่งแย่งอันดับจะจบสิ้นะครับ”

“ใช่แล้ว ดังนั้นนายสนิทกับเขาไว้หน่อยก็ดี”

“พี่บอกให้ผมสนิทกับเขา แต่พี่ก็รู้ว่าผมไม่เก่งภาษาอังกฤษ…

“ไม่ต้องพะวงเรื่องนั้น เดี๋ยวฉันเป็นล่ามให้นายเอง”ลีจุนโฮพูดด้วยท่าทางมาดมั่น

“พี่เนี่ยนะ? พี่เก่งภาษาอังกฤษด้วยเหรอ ผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย” ฮักจุนถามพร้อมเบิกตากว้าง

อีจุนโฮเมินเฉยจากฮักจุนและย่นคิ้วมองไปทางซูฮยอนแทน “จริงสิซูฮยอน ตอนที่นายไม่อยู่ มีคนมาหานายด้วย”

“ใครกัน?”

“คนที่มาหานายเป็นผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S มาจากประเทศเกาหลีเหมือนพวกเรา เขามาหานายพร้อมกับผู้ติดตามจํานวนหนึ่ง รู้สึกจะชื่อว่า บักหยูนกิว นอกจากชื่อฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย”

“บักหยูนกิว.?”

เมื่อได้ยินชื่อที่ออกมาจากลีจุนโฮ ซูฮยอนขมวดคิ้ว

ลีจุนโฮเห็นซูฮยอนแสดงหน้าดําคร่ำเครียด จึงเอ่ยปากถามด้วยความฉงาย “นายเป็นอะไรไป? อย่างบอกนะว่านายรู้จักเขา?”

“ฉันไม่ได้รู้จักเขาเป็นการส่วนตัวหรอก แต่ฉันพอรู้ว่าเขาเป็นคนแบบไหน”

ซูฮยอนพอทราบข่าวมาบ้างว่าเขาอยู่ที่อเมริกา แต่พวกเขาไม่เคยพูดคุยทําความรู้จักกันเลยสักครั้ง

นคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะมาหาเขาก่อน

<<ดูเหมือนว่าฉันจะได้เจอกับเขาเร็วกว่าที่คิดไว้>>

บักหยูนกิว…

ผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S ที่ทํางานให้กับสํานักงานผู้ตื่นขึ้นประเทศเกาหลีใต้และเขายังเป็นคนที่สอนศิลปะการต่อสู้ให้กับซูฮยอนในชีวิตก่อนหน้าอีกด้วย

ที่สําคัญไปกว่านั้น ผู้ตื่นขึ้นที่มีพลังแข็งแกร่งเป็นอันดับต้นๆในประเทศเกาหลีใต้ เท่าที่ซูฮยอนนึกออก คือ บักหยูนกิว

********************

ณ. ร้านกาแฟแห่งหนึ่งที่ใหญ่โตหรูหราตั้งอยู่ภายในหอคอยกอร์ดอน

ปัจจุบันร้านกาแฟแห่งนี้ปิดให้บริการชั่วคราว จนกว่างานสงครามแก่งแย่งอันดับจะสิ้นสุด แต่ภายในกลับมีชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้โดดเดี่ยว ราวกับว่าร้านกาแฟแห่งนี้ถูกเขาเหมาไว้หมดแล้ว

ชายที่นั่งโดดเด่นอยู่ด้านในแต่งกายสุภาพเรียบร้อย อายุประมาณ 30 กลางๆ ผมสีดําตัดสั้นเกรียนคล้ายทรงผมทหาร ใบหน้าคมสันเหมือนนักแสดง

แก้วกาแฟที่ซื้อจากร้านสะดวกซื้อถืออยู่ในมือข้างหนึ่ง เขาทอดสายตามองสิ่งปลูกสร้างในเมืองซานฟรานซิสโกและประชาชนที่เดินขวักไขว่ไปมาผ่านหน้าต่างโปร่งใส

“มาเร็วกว่าที่ฉันตั้งเวลาไว้อีกนะครับ”ชายคนนั้นพูดพลางเอี้ยวคอหันกลับหลัง สายตามองไปยังผู้มาใหม่ที่กําลังก้าวเท้าเดินเข้ามาให้ร้านกาแฟ “คุณคิมซูฮยอน”

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ มิสเตอร์ บักหยุนกิว”

บักหยุนกิวพยักหน้ารับให้กับคํากล่าวทักทายซูฮยอนและผุดลุกจากเก้าอี้ เขาเดินตรงไปหาซูฮยอนพร้อมถือกาแฟ 2 แก้วที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อก่อนหน้านี้

“สถานที่แห่งนี้ปิดให้บริการ ฉันจึงขอยืนใช้สถานที่ชั่วคราว เรานัดพบกันที่ร้านกาแฟ ถ้าไม่มีกาแฟให้ดื่มล้างคอ คงรู้สึกตงิดใจแปลกๆ”บักหยุนกิวพูดจบก็ยื่นแก้วกาแฟให้ซูฮยอน

“ขอบคุณ งั้นผมไม่เกรงใจนะครับ”

“ฉันไม่มั่นใจว่ากาแฟราคาไม่แพง จะอร่อยถูกปากนายหรือป่าว ช่วงหลังมานี้รสชาติที่ผู้คนนิยมชมชอบรับประทาน รู้สึกก้าวกระโดดไปจากเดิมเยอะมาก โดยเฉพาะแบรนด์ดังๆราคาต่อแก้วแพงเอาเรื่องเหมือนกัน”

“รสชาติดีต่อปาก ก็ไม่ได้หมายความว่าดีต่อร่างกาย แม้ว่ากาแฟแก้วนี้จะมีราคาถูก แต่ภาพรวมก็ไม่ต่างกับกาแฟราคาแพงมากนัก”

ซูฮยอนรับแก้วกาแฟด้วยความยินดี จากนั้นก็ยกกาแฟดื่มรวดเดียวหมดค่อนแก้ว

กาแฟที่บักหยูนกิวซื้อเตรียมเอาไว้มีทั้งหมด 2 แก้ว แต่แก้วของเขาหมดไปได้สักพัก เพราะจิบฆ่าเวลาระหว่างรอซูฮยอนมาตามนัดเพลินปากไปหน่อย

กาแฟอุ่นๆ กลิ่นหอมบางๆ รสชาติขมอมหวาน ไหลลงคอซูฮยอน ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้ลําคอ

“นายเป็นอย่างที่ฉันคิดไว้ไม่มีผิด”

บักหยุนกิวพินิจมองซูฮยอนตั้งแต่หัวจรดเท้า นัยน์ตาสว่างแวววาวเหมือนต้องการสื่อว่ากําลังสนใจคนตรงหน้า

“คุณหมายถึงเรื่องอะไรเหรอครับ?”

“บุคลิกภายนอกนายดูเป็นคนโผงผาง แต่ในเวลาเดียวกัน นายก็ดูเป็นคนอัธยาศัยดี มีกิริยามารยาท”

“ผมเป็นคนแบบนั้นเหรอครับ คุณไปฟังมาจากปากใครล่ะนั่น?”

“ฉันได้ยินเรื่องของนายมาจากปากของคังซึงฮุน นายคงไม่รู้จักเขา แต่เขาเล่าให้ฉันฟังว่าได้รับความช่วยเหลือจากนาย ตอนที่เมืองอันยังเกิดการระบาดดันเจี้ยน”

คังซึงฮุน…

ซูฮยอนรู้จักชื่อนี้ เพราะในอดีตเคยทํางานด้วยกันมาก่อน ภายใต้สังกัดของบักหยุนกิว

“ผมขอถามได้ไหม ทําไมคุณถึงอยากเจอผม?”

“บอกตามตรง ตอนแรกฉันไม่เคยให้ความสนใจนายเลยสักนิด แล้วก็ไม่คิดจะคุยกับนายด้วยเพราะนายปฏิเสธข้อเสนอของผู้อํานวยการ”

“เหตุผลที่ผมปฏิเสธ เพราะผมไม่อยากถูกผูกมัดโดยองค์กรของผู้อํานวยการนะครับ”

“ฉันเข้าใจการตัดสินใจของนาย แต่หายากมากที่แรงค์ S หน้าใหม่จะกล้าปฏิเสธข้อเสนอของผู้อํานวยการ โดยเฉพาะผู้ตื่นขึ้นที่เป็นอัจฉริยะแบบนาย ผู้อํานวยการต้องใช้ข้อเสนอมาล่อตาล่อใจนายแน่ๆ แต่ไม่น่าเชื่อว่านายจะปฏิเสธได้ลงคอ”

บักหยุนกิวพูดความคิดในใจออกมาจนหมด ไม่พยายามเก็บซ่อนไว้

เขาวิพากษ์วิจารณ์การกระทําของผู้อํานวยการอย่างตรงไปตรงมาและไร้ความปรานี บักหยูนกิวเคร่งครัดกับคํานิยาม ถูก และ ผิด เหนือสิ่งอื่นใด และไม่ลังเลที่จะพูดสนับสนุนความคิดที่ถูกต้อง

บักหยูนกิวเป็นถึงอดีตทหารผ่านศึก หากไถ่ถามประชาชนทั่วไปหรือในหมู่ทหารด้วยกัน ว่าทหารในอุดมคติที่คิดว่าสมบูรณ์แบบมากที่สุดเป็นใคร พวกเขาจะตอบพร้อมกันว่าเป็น บักหยูนกิว

จึงไม่เรื่องแปลกใจ ทําไมทหารผ่านศึกอย่างเขาถึงตัดสินใจทํางานร่วมกับผู้อํานวยการ เพราะเขาถือคติที่ว่าชีวิตประเทศบ้านเกิดก็เปรียบประดุจชีวิตของเขา

“ฉันจะบินกลับประเทศเกาหลีในวันพรุ่งนี้”บักหยุนกิวพูดเสียงอ้อยอิ่ง

จะว่าไปแล้วเรื่องที่นักหยุนกิวกลับประเทศเกาหลีก็เกิดขึ้นในอดีตด้วยเหมือนกัน

ในช่วงการแข่งขันสงครามแก่งแย่งอันดับ บักหยูนกิวบินกลับประเทศเกาหลีอย่างกะทันหัน

ซูฮยอนไม่ทราบเบื้องหลังว่าสาเหตุที่ทําให้ปักหยุนกิวบินกลับบ้านเกิด ก่อนงานสงครามแก่งแย่งอันดับจะสิ้นสุดเป็นเพราะเหตุใดกันแน่ แต่คาดการณ์จากความเป็นไปได้ บักหยูนกิวอาจได้รับภารกิจเร่งด่วนจากผู้อํานวยการ จึงเป็นเหตุให้เขาต้องบินกลับประเทศเกาหลีทันที..

“แล้วการแข่งขันรอบต่อไปล่ะครับ”ซูฮยอนถาม

“น่าเสียดายฉันคงต้องสละสิทธิ์ แต่ก็ช่วยไม่ได้ละนะ”

“ผมมีข้อสงสัย คุณจะอยู่หรือจะไป ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับผม ทําไมต้องบอกให้ผมฟังด้วย?”

“ฉันนึกว่านายจะจับใจความสําคัญจากคําพูดของฉันได้ซะอีก” นัยน์ตาของบักหยุนกิวหรี่เล็กลง ขณะจ้องมองซูฮยอนด้วยท่าที่จริงจัง

ในที่สุดเขาก็ยอมพูดเหตุผลที่เรียกซูฮยอนออกมาพบ “ฉันอยากปะมือกับนายสักครั้ง”

นึกแล้วเชียว

ซูฮยอนถอนหายใจออกมาอย่างปลงตก

บักหยุนกิวไม่ฝักใฝ่การต่อสู้ มีเพียงเหตุผลเดียวที่เขากล้าเอ่ยปากท้าประลองกับซูฮยอนตรงๆ

<<เพราะบักหยุนกิวมัวพะวงเกี่ยวกับอนาคตของประเทศเกาหลีใต้>>

ปฏิเสธไม่ได้ว่าซูฮยอนในตอนนี้เป็นผู้ตื่นขึ้นที่หลายฝ่ายต่างให้การจับตามอง ไม่ใช่แค่นั้นก่อนที่ฮักจุนจะไต่เต้ามาถึงแรงค์ S ซูฮยอนเคยเป็นอดีตแรงค์ S ที่มีอายุน้อยที่สุดเท่าที่เคยมีมา

และนั่นเป็นเหตุผลที่บักหยุนกิวเชื่อมั่นว่าอนาคตข้างหน้าของประเทศเกาหลีฝากไว้บนบ่าของซูฮยอน เขาจึงอยากทดสอบความแข็งแกร่งของ ซูฮยอน” เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าซูฮยอนเหมาะสมกับเป็นอนาคตของเกาหลีหรือไม่

ถ้าเป็นตามปกติซูฮยอนคงปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย การต่อสู้ระหว่างเขากับบักหยุนกิวไม่ก่อให้เกิดผลประโยชน์ใด

แต่ว่า…

“ถ้าคุณอยากลองภูมิ ผมไม่ขัดข้องอยู่แล้ว ไปที่สนามแข่งขันกันเถอะ” ซูฮยอนเอ่ยชวน

ซูฮยอนมีเป้าหมายซ่อนไว้ในใจ เขาต้องการยืนยันช่องว่างระหว่างตัวเองและบักหยุนกิวกว้างแค่ไหน

เนื่องจากสงครามแก่งแย่งอันดับหยุดพักแข่งชั่วคราว บรรยากาศในสนามแข่งขันชั้นใต้ดินจึงเงียบเหงาผิดตา

ซูฮยอนและบักหยูนกิวเดินไปใจกลางของสนามแข่งขัน

ระหว่างทางพวกเขาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันและกัน หัวข้อสนทนาส่วนใหญ่มักเกี่ยวกับผู้อํานวยการที่มีอํานาจล้นมือ แต่บริหารจัดการไม่ได้ความ มักชอบออกคําสั่งที่ฟังดูไร้สาระเป็นประจํา

“ชายคนนั้นบางครั้งก็รูวามเกินไป จนเกิดความสะเพร่า นายเคยได้ยินคําว่า “ความปลอดภัยคือทุกอย่าง” ไหม? จริงๆมันเป็นคําที่มีความหมายดีมาก แต่พอออกมาจากปากของผู้อํานวยการ มันให้ความรู้สึกเหมือนเป็นคําพูดของคนเห็นแก่ตัว แก้ต่างเวลาเข้าตาจน แทนการยอมรับความจริง อะไรทํานองนั้น”

บักหยูนกิวทราบถึงตัวตนที่แท้จริงของผู้อํานวยการพอๆกับซูฮยอน ตั้งแต่พวกเขาตัดสินใจลงเรือลําเดียวกัน ทํางานภายใต้องค์กรเดียวกัน ไม่แปลกที่พวกเขาจะรู้สึกไปเนื้อแท้ นิสัยใจคอของกันและกัน

“[ทีม] เป็นยังไงบ้าง?”ซูฮยอนถาม

“ทีม?”

“ใช่ครับ ผมได้ยินมาจากผู้อํานวยการว่าเขากําลัง [ยกระดับ] ทีมให้เข้มแข็งมากขึ้น ผมได้ยินเขาพูดเมื่อ 1 ปีที่แล้วนั้น”

ทีมผู้ตื่นขึ้นที่สร้างมาจากน้ำมือของผู้อํานวยการ มีบักหยุนกิวเป็นสมาชิกคนสําคัญ ซึ่งเขาได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ตื่นขึ้นที่แข็งแกร่งที่สุดในเกาหลีใต้ นอกจากบักหยุนกิวจะเป็นหัวหอกหลักสมาชิกผู้ตื่นขึ้นคนอื่นภายในทีมก็มีความสามารถไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าบักหยูนกิวมากนัก พวกเขาแต่ละคนสามารถครอบครองตําแหน่งสูงๆในกิลด์ขนาดใหญ่ได้สบายๆ

การดํารงอยู่ของทีมที่ผู้อํานวยการจัดตั้งขึ้น ยังไม่ประกาศต่อสาธารณะ แต่ผู้ที่อยู่อันดับสูงๆ ส่วนใหญ่ รู้เรื่องนั้นอยู่แล้ว

“จะบอกว่าไงดี สภาพทีมปัจจุบันไม่แย่อะไรมาก เรียกสมดุลจะเหมาะสมกว่า ฉันเป็นผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S เพียงคนเดียวในทีมก็จริง แต่ค่าเฉลี่ยของคนในทีมสูงกว่าเมื่อก่อนหลายเท่า”

“แม้คุณจะเป็นแรงค์ S เพียงคนเดียว แต่คุณก็สามารถสะสางภารกิจที่ต้องใช้แรงค์ S หลายคนได้สบายๆเลยไม่ใช่เหรอครับ?”

ซูฮยอนตระหนักถึงความแข็งแกร่งของบักหยุนกิวดี แม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาจะไม่เป็นที่รู้จักมากนัก เพราะทํางานอยู่เบื้องหลังผู้อํานวยการ ทว่าซูฮยอนเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าบักหยุนกิวคือกอร์ดอนโรฮันประจําประเทศเกาหลีใต้

แน่นอนว่าหากวัดระดับความแข็งแกร่ง กอร์ดอนโรฮันอาจเหนือกว่า แต่ถึงกระนั้นการเปรียบเทียบของซูฮยอนใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากสุด

บักหยุนกิวครุ่นคิดและเอ่ยตอบ “ที่นายพูดมาก็ถูก ทว่าความแตกต่างระหว่างมือหนึ่งคู่กับมือหลายคู่จะเด่นชัดมากขึ้น เมื่อต้องลงมือทําอะไรตัวคนเดียว ฉันแข็งแกร่งก็จริง แต่ก็ไม่สามารถบุกทะลวงดันเจี้ยนหลายแห่งพร้อมกันได้ การกระทําอะไรก็แล้วแต่เพียงคนเดียวล้วนมีขีดจํากัดเสมอ”

ซูฮยอนพยักหน้าเห็นด้วยกับแนวคิดของบักหยูนกิว

มือหนึ่งคู่ไม่สามารถเอาชนะมือหลายคู่ได้ – คําตอบของบักหยุนกิวเป็นคําพูดที่ได้ยินมาช้านาน ซูฮยอนในตอนนี้มีพลังมากพอต่อกรกับผู้ตื่นขึ้นหลายพันคนพร้อมกัน แต่ก็มีเรื่องบางเรื่องที่ไม่สามารถทําด้วยตัวเอง เพราะมีขีดจํากัดเป็นอุปสรรค

ด้วยเหตุนี้เขาจึงตั้งตารอคอยอย่างใจจดใจจ่อ หวังให้ฮักจุนยกระดับความแข็งแกร่งให้ไวๆ

“ฉันคิดว่าแค่นี้ก็น่าจะลึกพอแล้วนะ” บักหยุนกิวที่เดินเตาะแตะน้ำหน้า หยุดยืนอยู่กลางสนามแข่งขันแล้วหมุนตัวมาประจันหน้าซูฮยอน

ซูฮยอนเงยหน้าขึ้นและกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เหมือนการต่อสู้ของเราจะมีผู้ชมด้วย”

“ในเวลาแบบนี้ ยังมีผู้ชมอยู่อีกเรอะ?”

บักหยุนกิวเงยหน้าขึ้นตามซูฮยอน สายตาของเขามองเห็นใครบางคนยืนอยู่ด้านบน

เหนือหัวของพวกเขาขึ้นไป เพดานสนามแข่งขันที่เคยว่างเปล่ามีคน 2 คน กําลังยืนสังเกตการกระทําของพวกเขาอยู่เงียบๆ

“เราถูกเจอตัวแล้ว”

“เขาพบพวกเราเร็วเหมือนกันแฮะ”

คนที่ยืนอยู่ด้านบนเพดานสนามแข่งขันคือกอร์ดอนโรฮันและจอห์นนี่ แบรด เมื่อรู้ว่าซูฮยอนพบตัวพวกเขา ทั้ง 2 คนพึมพําออกมาอย่างประหลาดใจ

“พวกคุณ 2 คนทําบ้าอะไรอยู่ อย่าบอกนะว่าคิดถ้ำมองพวกเราเงียบๆ?”ซูฮยอนถาม

“อย่ากล่าวหากันมั่วชั่ว ที่นี่ก็เหมือนกับบ้านของฉัน จะไปไหนมาไหนหรือทําอะไรก็เรื่องของฉัน” กอร์ดอนโรฮันตอบกลับ

เป็นอย่างที่เจ้าตัวพูด

การปรากฏตัวของทั้ง 2 คน ไม่ก่อให้ซูฮยอนเกิดความรู้สึกรําคาญหรือกลุ้มอกกลุ้มใจ เขาปล่อยเลยตามเลยแล้วยักไหล่กล่าวตอบเนิบๆ “จะทําอะไรก็ตามใจนายเถอะ”

“ฉลาดเลือก รู้ไหมหากนายกล้าพูดว่าฉันหุ้นจ้านไม่เข้าเรื่อง ฉันจะโยนพวกนาย 2 คนออกจากสนามซะ แต่ถ้าทําแบบนั้นไปฉันคงเสียมารยาทแย่ เพราะวันพรุ่งนี้นายอาจกลายเป็น คู่มือให้ฉันก็ได้จริงไหม?”

คําพูดหมายมั่นปั้นมือของกอร์ดอนโรฮันทําให้ซูฮยอนเผยรอยยิ้มเยาะเย้ย

“มีโอกาสเป็นไปได้ แต่เสี้ยนหนามอย่างนาย ฉันสยบได้สบายๆหายห่วง”

การกลับมาของฮีโร่

การกลับมาของฮีโร่

คิมซองอิน ฮีโร่ ที่แข็งแกร่งที่สุดของมวลมนุษยชาติ

เขาเดิมพันด้วยพลังทั้งหมดของเขา ในการต่อสู้กับเหล่ามอนสเตอร์ที่กำลังรุกรานโลก

ทว่า…ความตั้งใจของเขาก็ไม่สำเร็จ โลกมนุย์ถูกทำลาย

แต่ตำนานยังไม่ตาย เมื่อเขาได้มีโอกาสย้อนกลับไปในอดีต เมื่อ 20 ปีที่แล้ว

การเดินทางครั้งใหม่ของเขาได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท