เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1061

ตอนที่ 1061

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1061 แม่น้ำเลือด

แปลโดย iPAT

ที่ราบภาคเหนือ

ภายในมิติช่องว่างจักรพรรดิ ฟางหยวนเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างช้าๆ

‘ข้าใช้เวลาหลายวันในการอนุมานแต่ข้าจะใช้ชื่อเดิมของมันว่าแม่น้ำเลือด’ เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ วิญญาณจำนวนมากก็บินออกไปรอบๆ

วิญญาณอมตะสมบัติเลือดพุ่งออกจากหน้าอกของฟางหยวนและกลายเป็นแม่น้ำเลือดนำฟางหยวนพุ่งทะยานขึ้นสู่อากาศ

แม่น้ำเลือดทิ้งเส้นสายสีแดงเป็นแนวยาวไว้บนท้องฟ้า ทุกที่ที่มันเคลื่อนผ่าน กลิ่นคาวเลือดจะแผ่กระจายออกไปรอบๆ

ด้วยแม่น้ำเลือด ร่างของฟางหยวนถูกเก็บซ่อนเอาไว้อย่างมิดชิด มันเป็นเรื่องดีที่เขาสามารถซ่อนตัว แม้ศัตรูจะต้องการโจมตี พวกเขาก็ไม่รู้ว่าควรโจมตีส่วนใดของแม่น้ำสายนี้

หลังจากบินไปสักพัก ฟางหยวนก็หยุดเคลื่อนไหว

แม่น้ำเลือดหายไปและเผยให้เห็นร่างของฟางหยวน

‘แม่น้ำเลือดจะเร็วกว่านี้หากข้าเพิ่มวิญญาณระดับมนุษย์เข้าไป’ ฟางหยวนคิด

‘แต่ไม่ว่าข้าจะเพิ่มวิญญาณระดับมนุษย์เข้าไปมากเท่าใด ความเร็วในการเคลื่อนที่เป็นเส้นตรงของมันก็ยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ’

วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติเป็นวิญญาณระดับเจ็ดสายเคลื่อนไหว แต่ท่าไม้ตายนี้ใช้วิญญาณบนเส้นทางแห่งเลือดระดับหกเป็นแกนกลาง ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ความเร็วของมันจะด้วยกว่าวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ

แต่ในฐานะผู้อมตะระดับหกที่ใช้วิญญาณอมตะระดับเจ็ด เขาต้องยอมรับว่ามันเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงเกินไปและไม่คุ้มค่า

‘ความเร็วในการเคลื่อนที่เป็นเส้นตรงของท่าไม้ตายนี้ด้อยกว่าการใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติแต่มันไม่ใช่ปัญหา ข้าคิดค้นท่าไม้ตายนี้เพราะหวังผลในการเปลี่ยนทิศทางเพื่อชดเชยข้อบกพร่องของวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ หากข้าใช้ท่าไม้ตายอมตะแม่น้ำเลือดสลับกับวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ บางทีข้าอาจสามารถรับมือชูตู๋’ ฟางหยวนคาดเดา

ท่าไม้ตายอมตะแม่น้ำเลือดเป็นท่าไม้ตายสายเคลื่อนไหวบนเส้นทางแห่งเลือดขณะที่วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติเป็นวิญญาณบนเส้นทางแห่งดาบ ทั้งสองไม่เกี่ยวข้องกัน หากผู้อมตะทั่วไปใช้งานทั้งสองสิ่งพร้อมกัน พวกเขาจะพบกับความสูญเสีย

แต่ฟางหยวนเป็นข้อยกเว้น

ร่างกายของเขามีความสามารถพิเศษ มันถูกสร้างขึ้นจากวิญญาณทารกอมตะระดับเก้าและมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าทุกเส้นทางอยู่บนร่างกาย สิ่งสำคัญก็คือพวกมันไม่ต่อต้านกัน

ฟางหยวนสามารถใช้แม่น้ำเลือดและดาบทะลวงมิติสลับกันโดยไม่ทำให้พลังอำนาจของพวกมันลดลง

วิญญญาณอมตะดาบทะลวงมิติช่วยให้เขาบินเป็นเส้นตรงด้วยความเร็วสูง อย่างไรก็ตามมันไม่สามารถเปลี่ยนทิศทาง

หากผู้ใช้งานหยุดเพื่อเปลี่ยนทิศทาง มันจะกลายเป็นการเผยจุดอ่อนให้ศัตรูโจมตี

ดังนั้นฟางหยวนจึงคิดค้นท่าไม้ตายอมตะแม่น้ำเลือดเพื่อปิดจุดอ่อนนี้

ชูตู๋เป็นผู้อมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งที่มุ่งเน้นการโจมตีและการป้องกัน แต่โดยทั่วไปผู้คนบนเส้นทางสายนี้มักจะขาดความเร็ว

แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการคาดเดาของฟางหยวนเท่านั้น

สำหรับข้อเท็จจริง ฟางหยวนต้องทดสอบด้วยตนเอง

หลังจากทั้งหมดจักรพรรดิอมตะชูตู๋ต่อสู้อย่างเปิดเผยเป็นครั้งสุดท้ายตั้งแต่หนึ่งร้อยปีก่อน

เขาเก็บตัวบ่มเพาะอย่างสันโดษมานาน ไม่มีผู้ใดรู้ว่าพลังอำนาจที่แท้จริงในปัจจุบันของเขาบรรลุถึงระดับใด

ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ฟางหยวนไม่เพียงคิดค้นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งเลือด เขายังรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับชูตู๋ด้วยทุกวิถีทาง

แต่ข้อมูลส่วนใหญ่มาจากหนึ่งร้อยปีก่อนหน้า

นี่ทำให้ฟางหยวนเริ่มคิดถึงเทพธิดาหลี่ซาน นางมีเครือข่ายขนาดใหญ่และติดต่อกับผู้คนมากมายทั้งฝ่ายธรรมะและฝ่ายปีศาจ หากนางยังมีชีวิตอยู่ เขาอาจได้รับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับชูตู๋

‘นิกายหลางหยาอาจใหญ่โต แต่มันแยกตัวสัญโดษมานานหลายปี ในแง่มุมของการรวบรวมข่าวสาร มันยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับเทพธิดาหลี่ซาน เรื่องนี้เป็นจุดอ่อนที่ข้าต้องแก้ไข’

ความคิดของฟางหยวนเริ่มล่องลอยออกไป

เขาคิดถึงการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน

มันเป็นกับดักขนาดใหญ่!

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ช่วยไม่ได้ที่หัวใจของฟางหยวนจะสั่นสะท้านขึ้น

เขารอดมาได้เพราะยักษ์สองตัวกำลังต่อสู้กัน เขาไม่ต่างจากมดที่ไร้คุณค่า เขาแทบไม่สามารถรักษาชีวิต เหตุที่เขารอดมาได้ส่วนใหญ่เป็นเพราะโชค

หากไตร่ตรองเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันอาจเป็นเพราะความสำเร็จบนเส้นทางแห่งข้อมูลของเขาที่ต่ำเกินไป เขายังขาดความรู้ เขาไม่รู้รายละเอียดที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน หากเขารู้ เขาจะสามารถเปลี่ยนแผนการได้ทันเวลา

‘อย่างไรก็ตามแม้ข้าจะมีทักษะบนเส้นทางแห่งข้อมูลของเทพธิดาหลี่ซาน แต่ข้าก็ยังไม่สามารถสืบหาข้อมูลใดๆเกี่ยวกับเหตุการณ์บนภูเขาอี้เทียน หลังจากทั้งหมดมันเป็นแผนการที่ยิ่งใหญ่เกินไป’

ฟางหยวนปัดเป่าความคิดฟุ้งซ่านออกไป

หลังจากได้รับร่างใหม่ ความคิดของเขารวดเร็วมาก มันต่างจากร่างผีดิบอมตะของเขาอย่างสิ้นเชิง

นอกจากนั้นด้วยความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาระดับปรมาจารย์ มันยิ่งสนับสนุนให้เขาคิดได้เร็วและมีแรงบันดาลใจใหม่ๆมากมาย กล่าวได้ว่าเขาฉลาดขึ้นอีกมาก

สำหรับท่าไม้ตายอมตะแม่น้ำเลือด แม้เขาจะสามารถคิดค้นแต่เขายังต้องฝึกฝนและแก้ไขปรับปรุงเพื่อประสิทธิภาพในการใช้งานจริง

ย้อนกลับไปตงฟางชางฟานก็ต้องปรับปรุงท่าไม้ตายหมื่นหิ่งห้อยดาราของเขาหลายต่อหลายครั้งก่อนที่เขาจะรู้สึกพอใจ

ท่าไม้ตายอมตะเป็นสิ่งที่ผู้อมตะจะปรับปรุงแก้ไขตลอดชีวิต กระทั่งผู้รับสืบทอดก็ต้องปรับปรุงพวกมันต่อไป

ตัวอย่างเช่นท่าไม้ตายอมตะดาบวงจันทร์ที่มีชื่อเสียงของนิกายเหนือสวรรค์ก็ถูกแก้ไขนับครั้งไม่ถ้วน ดังนั้นมันจึงมีชื่อเสียงและไม่สามารถมองข้าม

ท่าไม้ตายอมตะของฟางหยวนพึ่งถูกคิดค้นขึ้น มันยังห่างไกลจากท่าไม้ตายอมตะดาบวงจันทร์

ในวันต่อมาฟางหยวนฝึกฝนการใช้ท่าไม้ตายอมตะแม่น้ำเลือดร่วมกับวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ

การฝึกฝนโดยไม่หยุดทำให้ประสบการณ์ของเขาเพิ่มขึ้น เขาได้รับข้อมูลในเชิงลึกมากมายและสามารถพัฒนาท่าไม้ตายอมตะแม่น้ำเลือด

‘ข้าใช้ท่าไม้ตายแม่น้ำเลือดร่วมกับวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติเพราะข้าต้องการเปลี่ยนทิศทาง หลังจากดาบทะลวงมิติหยุดลง ข้าต้องใช้ท่าไม้ตายแม่น้ำเลือดต่อทันทีโดยไม่ปล่อยให้เกิดช่องว่าง การใช้วิญญาณระดับมนุษย์มากเกินไป นอกจากจะเพิ่มความยากลำบาก มันยังทำให้เสียเวลา ขณะที่ความเร็วเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย’

‘เกือบแล้ว ข้าควรทดสอบในมิติช่องว่างของข้าก่อนจะออกไปพบชูตู๋’

แม้ฟางหยวนจะสามารถคิดค้นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดได้มากกว่านี้แต่เขาไม่จำเป็นต้องทำ

หลังจากทั้งหมดเขามีวิญญาณอมตะสมบัติเลือดเพียงดวงเดียว แม้เขาจะมีท่าไม้ตายอมตะอื่นๆ เขาก็ไม่สามารถใช้ได้ในเวลาเดียวกัน

ในแง่มุมอื่น ฟางหยวนสามารถใช้วิญญาณอมตะดวงอื่นทดแทน

หลังการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน เขาสูญเสียวิญญาณที่สะสมมาเกือบทั้งหมด ปัจจุบันเขาใช้วิธีการบนเส้นทางที่หลากหลาย พวกมันยังไม่ได้รับการจัดระเบียบให้ครอบคลุมในทุกด้าน แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นและต้องใช้สิ่งที่มีอยู่เท่านั้น

‘แต่หากข้ามีโอกาสอีกครั้ง ข้าก็ยังเลือกรับวิญญาณทารกอมตะ!’ ฟางหยวนไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้

ฟางหยวนอยู่ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ มันยากที่จะบุกโจมตี แต่เขาต้องระวังกรณีที่ชูตู๋ขอความช่วยเหลือจากคนนอกหรือจัดตั้งกับดักไว้ในแดนน้ำแข็ง

ยิ่งฟางหยวนอยู่ที่นี่นานเท่าใด สถานการณ์ของเขาก็ยิ่งแย่ลงเท่านั้น

หลังจากตัดสินใจ ฟางหยวนไม่ลังเลอีกต่อไป

ด้วยความตั้งใจของเขา มิติช่องว่างจักรพรรดิเริ่มสั่นสะเทือนก่อนจะหดเล็กลงด้วยความเร็วสูง

เมื่อฟางหยวนเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง เขาก็มาอยู่ที่แดนน้ำแข็งเรียบร้อยแล้ว

ไม่มีพายุ ไม่มีหิมะ

แสงแดดสีขาวส่องลงมาบนแดนน้ำแข็งที่เย็นยะเยือก

ฟางหยวนมองไปรอบๆและพบชูตู๋อย่างรวดเร็ว

จักรพรรดิอมตะชูตู๋!

ดังคาด เขายังอยู่ที่นี่และไม่ได้จากไป

แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดคือท่าทีของชูตู๋

‘เดี๋ยว! โปรดรอก่อน!’ ชูตู๋ไม่ได้โจมตีแต่เผยรอยยิ้มอบอุ่นและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนโดยปราศจากเจตนาสังหารอย่างสิ้นเชิง

ฟางหยวนตะโกน “ใช้ถ้อยคำที่สุภาพหลังจากใช้ความรุนแรงงั้นหรือ?”

“ข้ารู้สึกละอายใจนัก” ชูตู๋ยอมรับความผิดพลาดและขอโทษ “ก่อนหน้านี้ข้าบุ่มบ่ามเกินไป แต่หลังจากเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ข้าสูญเสียเหตุผลไปชั่วขณะ ตอนนี้ข้าคิดเกี่ยวกับมันและรู้สึกอับอายนัก”

ฟางหยวนมองชูตู๋อย่างระมัดระวัง เขาใช้หลายวิธีเพื่อตรวจสอบพื้นที่รอบๆ

เมื่อเห็นฟางหยวนเงียบ ชูตู๋จึงกล่าวต่อ “สหาย ข้าไม่ต้องการเป็นศัตรูกับเจ้า ข้าแค่ต้องการวิธีการดึงความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งออกมา ข้าหวังว่าเราจะสามารถสร้างความร่วมมือ”

“สร้างความร่วมมือ?” ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น “มันไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ ตราบเท่าที่ท่านทำให้ข้ารู้สึกสนใจข้อเสนอของท่าน”

ใบหน้าของชูตู๋เต็มไปด้วยความสุข

ฟางหยวนกล่าวต่อ “แต่ก่อนที่จะทำธุรกรรม เราต้องชำระบัญชีสำหรับการโจมตีก่อนหน้าของท่านเป็นอันดับแรก!”

“ข้ายินดี” ชูตู๋กล่าวอย่างจริงจัง

กระทั่งฟางหยวนก็ยังตกใจ เขายังใช่จักรพรรดิอมตะชูตู๋อยู่หรือไม่?

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฟางหยวนยิ่งระวังตัวมากขึ้น

คนผู้นี้สามารถก้มศีรษะ เขาเป็นคนที่ไม่สามารถดูแคลน มีเพียงคนโง่เท่านั้นที่กล้าดูถูกบุคคลเช่นนี้

“หากท่านต้องการชดเชยให้ข้า ส่งวิญญาณอมตะดาบบินของข้าคืนมาเพื่อแสดงความจริงใจของท่าน” ฟางหยวนกล่าว

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads แทงบอลออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน