เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1140

ตอนที่ 1140

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1140 ร่องรอยแห่งความหวัง

แปลโดย iPAT

กลุ่มเมฆหมอกสีเทาลอยวนเวียนอยู่รอบตัวฟางหยวน

แม้ฟางหยวนจะไม่รู้สึกถึงสายลมแต่เมฆหมอกเหล่านี้ยังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วราวกับฉลามหรือหมาป่าที่หิวโหย

‘นี่คือท่าไม้ตายเขตแดนอมตะ! เมฆหมอกเหล่านี้ดูเหมือนจะเกิดจากวิธีเส้นทางแห่งเมฆา…’

หลังจากตกใจ ฟางหยวนเริ่มวิเคราะห์สถานการณ์อย่างรวดเร็ว

‘ลืมท่าไม้ตายเขตแดนอมตะไปก่อน สิ่งสำคัญที่สุดคือมีผู้อมตะเก้าคนและสัตว์อสูรแรกกำเนิดรูปแบบมังกร!’ ฟางหยวนตระหนักถึงการคงอยู่ของพวกเขา

ผู้อมตะลึกลับซ่อนตัวอยู่ในชั้นเมฆหมอกสีเทาและเผยให้เห็นเพียงดวงตาเท่านั้น

สำหรับกลิ่นอายของผู้อมตะ กลุ่มเมฆหมอกไม่สามารถเก็บซ่อน

สัตว์อสูรประเภทมังกรลอยอยู่ด้านหน้าฟางหยวน มันปลดปล่อยกลิ่นอายที่น่าตกตะลึงออกมา ฟางหยวนรู้สึกราวกับอยู่ต่อหน้าภูเขาที่ยิ่งใหญ่ขณะที่เขาเป็นเพียงมดตัวหนึ่ง

ศัตรูแข็งแกร่งเกินไป ฟางหยวนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา!

‘แปลก เหตุใดจึงมีคนซ่อนตัวอยู่มากมายถึงเพียงนี้?’ นอกจากความตกใจ ฟางหยวนยังรู้สึกสงสัยมาก

แดนน้ำแข็งแทบไม่มีมนุาย์เพราะมันไม่มีทรัพยากรใดๆอยู่เลย

แดนน้ำแข็งถูกสร้างขึ้นโดยเทพปีศาจคลั่ง ผลประโยชน์เพียงอย่างเดียวของที่นี่คือความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง

ยิ่งไปกว่านั้นก่อนที่จะเผชิญหน้ากับภัยพิบัติทุกครั้ง ฟางหยวนจะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวทั้งหมดของกองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคเหนือผ่านสวรรค์สีเหลือง นิกายหลางหยา รวมถึงชูตู๋

ไม่มีการเคลื่อนไหวพิเศษใดๆจากกองกำลังเหล่านี้

หลังจากทำลายล้างเผ่าไห่ ตอนนี้ทุกฝ่ายกำลังดูดซับผลประโยชน์ของตนและปรับตัวกับโครงสร้างอำนาจใหม่ของภาคเหนือ

ในความเป็นจริงกระทั่งเผ่าฮวงจินก็เป็นเรื่องยากที่จะระดมผู้อมตะสามหรือสี่คนพร้อมกัน เว้นเพียงจะเกิดเรื่องใหม่

สำหรับปีศาจอมตะและผู้บ่มเพาะสันโดษ พวกเขามักเคลื่อนไหวเพียงลำพัง แล้วพวกเขาจะรวมกลุ่มกันได้อย่างไร?

‘ข้าอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยามาตลอดเพื่อหลีกเลี่ยงการอนุมานของผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา นอกจากนี้ข้ายังได้รับการคุ้มครองจากวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดและวิธีอื่นๆ มันแทบเป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะถูกอนุมานได้อย่างชัดเจน ผู้อมตะเหล่านี้มาจากที่ใด? พวกเขามาจากภาคกลางหรือไม่?’

ก่อนหน้านี้เพื่อตรวจสอบความจริงเบื้องหลังการล่มสลายของวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง ภาคกลางได้สร้างความร่วมมือและส่งกลุ่มผู้อมตะมายังภาคเหนือ

ปัจจุบันวังสวรรค์พยายามกำจัดนิกายเงาและฟางหยวน มันไม่แปลกหากพวกเขาจะส่งผู้อมตะบางคนออกมา

อย่างไรก็ตาม…

ผู้อมตะภาคกลางโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากสิบนิกายโบราณหรือวังสวรรค์มักจะทำเรื่องต่างๆอย่างเปิดเผย แล้วพวกเขาจะทำตัวหลบๆซ่อนๆเช่นนี้ได้อย่างไร?

ผู้อมตะกลุ่มนี้ซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มเมฆหมอก กระทั่งสัตว์อสูรแรกกำเนิดก็ปรากฏตัวเพียงร่างที่คลุมเครือเท่านั้น

‘บางทีนี่อาจเป็นเพียงภาพลวงตาที่สร้างขึ้นโดยท่าไม้ตายเขตแดน?’ ฟางหยวนคาดเดา

เพียงเมื่อเขาออกมาจากมิติช่องว่าง เขาก็ตกลงสู่กับดักของศัตรูทันที การวิเคราะห์ของเขาเกิดขึ้นในเวลาไม่กี่ลมหายใจ

ร่างทารกอมตะมีศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ เมื่อผสานกับความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาของฟางหยวน เขาจึงสามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว

หากมันเป็นท่าไม้ตายเขตอมตะที่น่ากลัว ฟางหยวนจะไม่เหลือความหวังใดๆ

แต่!

เขารู้สึกว่ามีโอกาสที่มันจะเป็นภาพลวงตาค่อนข้างสูงเพราะต้นกำเนิดของผู้อมตะเหล่านี้ไม่สามารถอธิบาย

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นก่อนที่เขาจะใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติพุ่งตรงไปยังกลุ่มผู้อมตะ

ผู้อมตะทั้งเก้าไม่ตอบสนองราวกับว่าพวกเขากำลังมึนงง

ภาพอนาคตสามลมหายใจและอาภรณ์โลหิตถูกกระตุ้นการทำงานอย่างรวดเร็ว

แสงดาบพุ่งออกไป

ท่าไม้ตายอมตะ ดาบประหารชีวิต!

ผู้อมตะระดับหกผู้หนึ่งเคลื่อนไหวทันที

แต่ผู้อมตะระดับเจ็ดที่อยู่ด้านข้างคว้าไหล่ของเขาเอาไว้ “อย่ารับท่านี้ ให้ข้าเอง”

นางชี้นิ้วออกไปและสร้างกำแพงน้ำแข็งขึ้นกลางอากาศ

แสงดาบปะทะกำแพงน้ำแข็งและสะท้อนออกไป

‘นางสามารถเปลี่ยนทิศทางการโจมตีด้วยท่าไม้ตายอมตะของข้า!’ หัวใจของฟางหยวนสั่นสะท้านขึ้นขณะที่เขารีบบังคับแสงดาบให้พุ่งกลับไปยังทิศทางเดิม

ดาบประหารชีวิตสามารถควบคุมได้ด้วยความคิดของฟางหยวน

แต่ท่าไม้ตายนี้รวดเร็วมาก มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการ

อย่างไรก็ตามกำแพงน้ำแข็งยังปรากฏขึ้นอีกครั้ง

ฟางหยวนทำได้เพียงมองแสงดาบเปลี่ยนทิศทางไป

หลังจากนั้นกำแพงน้ำแข็งที่สามและที่สี่ก็เปลี่ยนทิศทางแสงดาบไปรอบๆ

‘บัดซบ! วิธีการของผู้อมตะคนนี้สามารถตอบโต้ท่าไม้ตายอมตะดาบประหารชีวิตของข้า!’ หัวใจของฟางหยวนจมดิ่งลง

ในจังหวะนี้ผู้อมตะระดับเจ็ดคนที่สองก็ก้าวออกมาด้านหน้า เขาสร้างธนูน้ำแข็งขึ้นมาในมือก่อนจะยิงศรน้ำแข็งไปที่ฟางหยวน

ศรน้ำแข็งทิ้งมวลอากาศเย็นเอาไว้เบื้องหลัง ท่ามกลางฉากที่งดงาม มันกลับมีเจตนาสังหารที่รุนแรงซ่อนอยู่

‘มันคือท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ด!’ ฟางหยวนรีบกระโดดหลบ

แต่ศรน้ำแข็งกลับสามารถไล่ล่าเช่นเดียวกับดาบประหารชีวิต

ฟางหยวนไม่สามารถหลบได้ เขารู้ว่าอาภรณ์โลหิตไม่สามารถรับมือการโจมตีนี้ ดังนั้นเขาจึงส่งกำปั้นยักษ์หมื่นตัวตนออกมา

กำปั้นยักษ์กลายเป็นกำแพงป้องกันอยู่ด้านหน้าฟางหยวน

ศรน้ำเข็งเจาะทะลวงกำปั้นยักษ์และพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนโดยตรง

ฟางหยวนถูกส่งลอยกลับหลัง ร่างกายของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นน้ำแข็ง กระทั่งเลือดยังกลายเป็นลิ่มเลือดน้ำแข็ง วิญญาณอมตะสมบัติเลือกได้รับความเสียหายเช่นกัน

หากเขายังกระตุ้นใช้งานมันต่อไป มันอาจได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือถูกทำลาย

แต่ในสถานการณ์คับขัน ฟางหยวนจะสนใจเรื่องนี้ได้อย่างไร?

เขาทำได้เพียงใช้วิญญาณอมตะสมบัติเลือดต่อไปอย่างบ้าคลั่งเพื่อรักษาอาภรณ์โลหิตเอาไว้เท่านั้น

‘ผู้อมตะระดับเจ็ดคนที่สองไม่ใช่ภาพลวงตา แล้วคนอื่นๆ?’ ฟางหยวนกลืนเลือดกลับลงคอและใช้ท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตน

ทันใดนั้นภูตมนุษย์บนเส้นทางความแข็งแกร่งจำนวนมากก็พุ่งออกมาและปิดบังวิสัยทัศน์ของทุกคนเอาไว้

กลุ่มผู้อมตะลึกลับตกตะลึง

ผู้อมตะระดับเจ็ดคนที่สามเผยรอยยิ้มและตะโกน “ปล่อยข้า!”

เขายกมือทั้งสองข้างสัมผัสแก้มก่อนจะพ่นเกลียวสายลมออกมาจากปาก

ในพริบตามันก็กลายเป็นพายุหมุนขนาดใหญ่

พายุหมุนสูงสามสิบเมตรกลืนกินภูตมนุษย์และฉีกกระชากร่างกายของพวกมันออกเป็นชิ้นๆ

กองทัพภูตมนุษย์ลดจำนวนลงอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาสั้นๆ

ฟางหยวนเติมเต็มพวกมันอีกครั้ง

“พี่ใหญ่ ข้าจะช่วยท่าน” ผู้อมตะระดับเจ็ดคนที่สี่กล่าวเสียงเบา

เขาชี้นิ้วออกไปทำให้พายุหมุนแยกออกเป็นสี่ พลังอำนาจของมันเพิ่มขึ้นเป็นสี่เท่า!

‘นี่!’ หัวใจของฟางหยวนสั่นสะท้านขึ้นและรู้สึกว่าสถานการณ์ยังไกลจากคำว่าดี

ตั้งแต่การต่อสู้เริ่มต้นขึ้นเขาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยขณะที่วิญญาณอมตะสมบัติเลือดอยู่ในสถานการณ์อันตราย

อีกด้านหนึ่งสัตว์อสูรแรกกำเนิดของฝ่ายตรงข้ามยังไม่ได้เคลื่อนไหว ผู้อมตะระดับเจ็ดสี่คนกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะลึกลับที่น่ากลัวและทรงพลัง

‘เป็นไปได้หรือไม่ว่านี่ไม่ใช่ภาพลวงตา?’ คิดถึงเรื่องนี้หัวใจของฟางหยวนจมดิ่งลงอีกครั้ง

“ครืน…ครืน…”

พายุอันบ้าคลั่งทำลายกองทัพภูตมนุษย์ลงอย่างสมบูรณ์แม้ฟางหยวนจะพยายามเติมเต็มพวกมันก็ตาม

คุณภาพของภูตมนุษย์บนเส้นทางความแข็งแกร่งต่ำเกินไป จำนวนของพวกมันไร้ประโยชน์ต่อหน้าท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ด

ท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนที่เคยประสบความสำเร็จมาตลอดตอนนี้กลับตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจและไม่สามารถเปลี่ยนสถานการณ์ให้กับฟางหยวน

‘ไม่ ท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนยังทำให้ข้ามีความได้เปรียบเล็กน้อย มันสามารถลดพลังงานอมตะของศัตรู นี่คือจุดแข็งของมัน แต่ฝ่ายตรงข้ามมีจำนวนมากขณะที่ข้าอยู่เพียงลำพัง ข้อได้เปรียบนี้จึงถูกลบออกไป ไม่มีสิ่งใดที่ข้าทำได้แล้วงั้นหรือ?’

ความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันมากกระทั่งกลยุทธ์ใดๆก็กลายเป็นไร้ประโยชน์

ในความเป็นจริงผู้อมตะลึกลับกลุ่มนี้ไม่ได้ร่วมมือกันตลอดเวลา ทุกครั้งที่พวกเขาลงมือ พวกเขาจะเคลื่อนไหวทีละคน หากไม่ใช่เพราะท่าไม้ตายเขตแดนอมตะเหนี่ยวรั้งฟางหยวนเอาไว้ เขาอาจหลบหนีได้สำเร็จแล้ว

น่าเสียดายที่ศัตรูได้เตรียมการมาเป็นอย่างดี ฟางหยวนขาดวิธีบนเส้นทางแห่งห้วงมิติสำหรับการหลบหนีโดยยังไม่ต้องกล่าวถึงการเผชิญหน้ากับผู้อมตะระดับเจ็ดถึงสี่คน ผู้อมตะระดับหกอีกห้าคน และสัตว์อสูรแรกกำเนิด

สถานการณ์เลวร้ายอย่างที่สุด

หากเปรียบเทียบกับชีวิตแรกของฟางหยวนเมื่อเขาถูกปิดล้อมโดยกลุ่มผู้อมตะฝ่ายธรรมะ สถานการณ์ปัจจุบันยังถือว่าอันตรายกว่ามาก

ท้ายที่สุดในเวลานั้นก็ไม่มีสัตว์อสูรแรกกำเนิดคอยควบคุมสถานกาณณ์

ฟางหยวนตรวจสอบผู้อมตะเหล่านี้แต่ยังไม่ได้ตรวจสอบสัตว์อสูรแรกกำเนิด

เขาต้องกระตุ้นตนเองอย่างต่อเนื่องเพื่อความอยู่รอด

เมื่อถึงจุดนี้ฟางหยวนก็ไม่สามารถสร้างกองทัพขนาดใหญ่ได้อีกต่อไป

‘ข้าจะตายที่นี่ในวันนี้งั้นหรือ?’ กลิ่นอายแห่งความตายพุ่งเข้าปกคลุมหัวใจของฟางหยวน

ภายใต้เขตแดนอมตะการขอกำลังเสริมจากภายนอกไม่สามารถทำได้ ฟางหยวนไม่แม้แต่จะสามารถเชื่อมต่อกับสวรรค์สีเหลือง

อย่างไรก็ตามเขายังไม่ยอมแพ้

ความคิดของเขาเคลื่อนไหวราวกับสายฟ้าและทันใดนั้นเขาก็จำได้ว่า ‘ไม่ ข้ายังมีโอกาสรอด!’

โอกาสนี้ไม่ใช่วิญญาณกาลเวลา

วิญญาณกาลเวลาเต็มไปด้วยเจตจำนงสวรรค์ขณะที่เจตจำนงสวรรค์พยายามทุกวิถีทางเพื่อกำจัดเขา หากเขาใช้วิญญาณกาลเวลา มันก็เป็นเพียงการรนหาที่ตายเท่านั้น

โอกาสนี้อยู่ที่อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด

หากเป็นก่อนที่ฟางหยวนจะได้รับมรดกของไห่ฟาน เขาต้องตายอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน แต่เวลานี้แตกต่างออกไป ตอนนี้เขายังมีความหวังเหลืออยู่

อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเป็นสัตว์อสูรแรกกำเนิดเช่นกัน แต่มันยังไม่โตเต็มที่และมีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับสัตว์อสูรเดียวดายเท่านั้น

อย่างไรก็ตามมรดกที่แท้จริงของไห่ฟานมีท่าไม้ตายที่สามารถเร่งอายุของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดและทำให้มันเติบโตขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ

ด้วยสิ่งนี้ฟางหยวนจะได้ครอบครองความแข็งแกร่งระดับแปด!

สิ่งสำคัญก็คืออินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเป็นสัตว์อสูรบนเส้นทางแห่งห้วงมิติที่สามารถเข้าออกถ้ำสวรรค์หรือสวรรค์ทั้งเก้าได้อย่างง่ายดาย มันสามารถทะลวงออกจากเขตแดนนี้!

‘อดทน! ข้าต้องอดทนจนกว่าอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดจะบรรลุระดับแปด!’ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ฟางหยวนก็เปลี่ยนกลยุทธ์ในการต่อสู้ทันที

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads แทงบอลออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน