เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1249

ตอนที่ 1249

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1249 การกลับมาของใบหน้าภูตผี

แปลโดย iPAT

อิงอู๋เซี่ยรู้สึกถึงโชคที่สั่นสะเทือนขึ้น

ก่อนหน้านี้ฟางหยวนพัฒนาท่าไม้ตายอมตะสัมผัสแห่งโชคถึงระดับที่น่ากลัว แม้อิงอู๋เซี่ยจะซ่อนตัวอยู่ในมิติช่องว่าง เขาก็ยังไม่สามารถหลบหนีจากการตรวจจับของฟางหยวน

แต่อิงอู๋เซี่ยไม่ใช่คนที่จะนั่งนิ่งเพื่อรอคอยความตาย เขาคิดและตัดสินใจใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้

อิงอู๋เซี่ยรู้ว่าเขาไม่สามารถหลบหนีจากการตรวจสอบ ดังนั้นเขาจึงใช้วิธีเสริมความแข็งแกร่งให้กับการตรวจสอบของฟางหยวน

พวกเขามีโชคที่เชื่อมโยงถึงกัน ฟางหยวนสามารถใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้เพื่อตามหาอิงอู๋เซี่ย ดังนั้นอิงอู๋เซี่ยก็จะใช้ประโยชน์จากสิ่งเดียวกันแต่ทำในสิ่งตรงข้าม

อิงอู๋เซี่ยใช้วิญญาณบางดวงทำให้การสั่นสะเทือนของโชครุนแรงขึ้นเพื่อล่อลวงให้ฟางหยวนติดตามมา

ด้วยวิธีนี้ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยของฟางหยวนจะไม่สามารถหลอกลวงอิงอู๋เซี่ย

อิงอู๋เซี่ยเป็นร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ แม้เขาจะสูญเสียความทรงจำมากมาย แต่เขาก็ไม่ขาดแคลนความสำเร็จ

ระดับความสำเร็จเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

สิ่งนี้ทำให้อิงอู๋เซี่ยคิดวิธีการใหม่ๆได้ตลอดเวลา

“รวมกลุ่ม! เราจะใช้กลยุทธ์ที่เคยคุยกันไว้เพื่อขับไล่ฟางหยวน” เมื่อตระหนักถึงการคงอยู่ของฟางหยวน อิงอู๋เซี่ยออกคำสั่งทันที

คนทั้งห้าหยุดเคลื่อนไหวและเริ่มจัดขบวนทัพ

หลังจากประสบความสำเร็จในการโน้มน้าวไป่หนิงปิงให้เข้าร่วมกองกำลังพันธมิตร มรดกในถ้ำสวรรค์ไป่เซียงยังทำให้กลุ่มของอิงอู๋เซี่ยแข็งแกร่งขึ้นอีกมาก

“เขามาแล้ว!” ไป่หนิงปิงกล่าว

ด้วยค่ายกลวิญญาณที่มีประสิทธิภาพ พวกนางสามารถตรวจสอบการเคลื่อนไหวของฟางหยวนได้อย่างแม่นยำ

ผู้อมตะอีกสี่คนมองนาง

เป็นเพียงเวลานี้ที่มังกรดาบบรรพกาลทะยานร่างขึ้นจากมหาสมุทรและบินผ่านท้องฟ้า

กลุ่มของอิงอู๋เซี่ยกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง

ไป่หนิงปิงก้าวออกมา “เจ้ากล้าเข้าสู่ค่ายกลวิญญาณของเราหรือไม่?”

แม้ร่างกายของไป่หนิงปิงจะเปลี่ยนแปลงไป แต่รูปลักษณ์โดยรวมของนางยังคล้ายกับก่อนหน้า ฟางหยวนตะลึงเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าจะได้พบไป่หนิงปิงอีกครั้งในสถานการณ์นี้

ในความเป็นจริงฟางหยวนกับไป่หนิงปิงไม่ได้พบกันมานานแล้ว กระทั่งการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน ไป่หนิงปิงก็ไม่ได้เข้าร่วม

ไป่หนิงปิงทรยศฟางหยวนที่แดนศักดิ์สิทธิ์สามกษัตริย์ พวกเขาแยกทางกันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาและนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขากลับมาพบกันอีกครั้ง

แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว ผู้ใช้วิญญาณวัยเยาว์สองคนจากภูเขาชิงเหมากลายเป็นผู้อมตะสองคนไปแล้ว

ไป่หนิงปิงเป็นอัจฉริยะที่มีอนาคตมืดมนด้วยร่างสุดยอดกายาน้ำแข็งแห่งความมืด แต่ตอนนี้นางกลายเป็นผู้อมตะระดับหกและยังเป็นเจ้าของถ้ำสวรรค์ไป่เซียง

ขณะเดียวกันประสบการณ์ของฟางหยวนยิ่งมากกว่าเดิม แรกเริ่มเขากลายเป็นเจ้าของแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู หลังจากนั้นเขาทำลายวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงของภาคเหนือ เขาเดินทางไปทั่วทั้งห้าภูมิภาค สุดท้ายเขาปรากฏตัวขึ้นระหว่างการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียนและฉกชิงร่างทารกอมตะไปจากนิกายเงา

ด้วยร่างทารกอมตะ การบ่มเพาะของฟางหยวนพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและกลายเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดไปแล้ว ด้วยการคลี่คลายอาณาจักรแห่งความฝัน เขากลายเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางหกสาย

ทั้งสองได้รับฉายาว่าปีศาจดำขาวในช่วงเวลาที่พวกเขาอยู่ที่ภาคใต้ในฐานะผู้ใช้วิญญาณ พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดแต่ครั้งนี้พวกเขากลับพบกันในฐานะศัตรู

“ได้ เช่นนั้นข้าก็จะสังหารเจ้าอีกคน” ฟางหยวนเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร เขาคำรามและส่งลมหายใจมังกรออกไป

ลมหายใจมังกรพุ่งเข้าโจมตีไป่หนิงปิง

แต่ไป่หนิงปิงกลับเผยรอยยิ้มบางและไม่หลบ

ในเวลาต่อมาลมหายใจมังกรก็ปะทะกับกำแพงพลังงานที่มองไม่เห็น มันไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับนางได้แม้แต่น้อย

ค่ายกลวิญญาณของพวกนางไม่ใช่เรื่องง่าย

‘ค่ายกลวิญญาณ?’ ฟางหยวนคิด

ฟางหยวนมีความรู้เกี่ยวกับค่ายกลวิญญาณไม่มากนัก มันเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่ชีวิตแรกของเขา

เพื่อทำลายค่ายกลวิญญาณ เขาจำเป็นต้องมีความสำเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลหรือใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญา

ฟางหยวนเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปัญญาแต่เขาขาดวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่มีประโยชน์ การอนุมานจุดอ่อนของค่ายกลวิญญาณไม่ใช่เรื่องง่าย

มังกรดาบบรรพกาลบินขึ้นสู่ท้องฟ้า

อิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆอยู่ในค่ายกลวิญญาณเพื่อรอการโจมตีของฟางหยวน

ในใจของฟางหยวนเต็มไปด้วยความคิดมากมาย

‘อีกฝ่ายใช้ค่ายกลวิญญาณ พวกเขารู้ว่าไม่สามารถซ่อนตัวจากข้า ดังนั้นพวกเขาจึงเป็นฝ่ายตรวจสอบการเคลื่อนไหวของข้าและเตรียมตัวรับมือ’

‘เรือที่แตกยังดีกว่าไม้กระดาน ในช่วงเวลาสั้นๆอิงอู๋เซี่ยกลับสามารถคิดค้นวิธีการนี้’

ฟางหยวนยังไม่โจมตี

เขาไม่สามารถถอดรหัสค่ายกลวิญญาณนี้ หากเขาโจมตีโดยประมาท มันอาจไม่เป็นผลดี

ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องตรวจสอบเป็นอันดับแรก

ขณะที่ฟางหยวนและกลุ่มของอิงอู๋เซี่ยกำลังต่อสู้กัน เหตุการณ์ในอุโมงค์มิติที่สวรรค์สีดำ คฤหาสน์วิญญาณอมตะสามหลังกำลังเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างช้าๆ

นักรบหมื่นมังกรตื่นขึ้นแล้ว เขามองอุโมงค์มิติและถอนหายใจ “วิธีการของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ช่างลึกลับนัก เขาจากไปนานแล้วแต่สิ่งนี้ยังอยู่มานานหลายแสนปีและสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากข้าไม่เห็นกับตาของตนเอง ข้าจะไม่เชื่อเรื่องนี้”

เว่ยหลิงหยางยิ้ม “เมื่อเจ้าตื่นแล้ว เราจะไม่รั้งรอต่อไปอีก ไปกันเถอะ”

ปรากฏว่าผู้อมตะภาคกลางสามารถออกจากอุโมงค์มิตินานแล้วแต่พวกเขารอให้นักรบหมื่นมังกรตื่นขึ้น

นักรบหมื่นมังกรใช้ท่าไม้ตายอมตะสายเคลื่อนไหวเพื่อหลบหนีจากอุปสรรคก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทรา

เมื่อเขาตื่นขึ้น กองกำลังผู้อมตะภาคกลางจึงกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งด้วยพลังอำนาจของผู้อมตะระดับแปดสามคน!

คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามระเบิดความเร็วและพุ่งไปข้างหน้า

ที่นี่คือส่วนสุดท้ายของอุโมงค์มิติ

ผู้อมตะภาคกลางกำลังรอคอยการต่อสู้ในอนาคตอย่างกระตือรือร้น

‘หงหยุน อดทนไว้ ข้ามาแล้ว!’ ดวงตาของจ้าวเหลียนหยุนส่องประกายขึ้นด้วยความมุ่งมั่นขณะที่นางเตรียมความพร้อมทางจิตใจ

แต่ที่ปลายอุโมงค์มิติกลับเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น

ทันใดนั้นใบหน้าภูตผีขนาดใหญ่พลันปรากฏขึ้นและกีดขวางเส้นทางของคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามหลังเอาไว้

“เกิดสิ่งใดขึ้น?”

“นี่คือเทพปีศาจจิตวิญญาณ…”

ผู้อมตะระดับแปดทั้งสามตกใจมากเมื่อเห็นใบหน้าภูตผีอ้าปากคำรามโดยไรีเสียง

เมื่อมันคำราม อุโมงค์มิติทั้งหมดก็เริ่มพังทลายลง ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจำนวนนับไม่ถ้วนกระจัดกระจายออกไปทุกหนทุกแห่ง อุโมงค์มิติเกิดรอยแตกร้ายราวกับใยแมงมุม

“เพล้ง!”

ด้วยเสียงราวกับกระจกแตก อุโมงค์มิติระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

“ป้องกัน!” นักรบหมื่นมังกรตะโกน

“อดทนไว้!” ไป่เฉินเทียนและเว่ยหลิงหยางกระตุ้นใช้งานคฤหาสน์วิญญาณอมตะของพวกเขาจนถึงขีดสุด

อย่างไรก็ตามคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามกลับเปราะบางราวกับไม้กระดานที่เผชิญหน้ากับคลื่นยักษ์ พวกมันไม่สามารถทำสิ่งใด

คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามหลังถูกแยกออกจากกันในครั้งเดียว

ช่องว่างขนาดใหญ่กลืนกินทุกสิ่งเข้าไปราวกับปากของอสูรกาย

ศาลานกขมิ้นที่อยู่ภายใต้การควบคุมของนักรบหมื่นมังกรไม่สามารถต่อต้าน มันถูกช่องว่างของห้วงมิติกลืนกินและหายไปอย่างไร้ร่องรอย

หอคอยวายุและค่ายนักรบตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง พวกมันค่อยๆพังทลายลง

ผู้อมตะภาคกลางไม่คาดหวังว่าพวกเขาจะพบสถานการณ์นี้ในอุโมงค์มิติ

หลายแสนปีก่อน เทพปีศาจปล้นสวรรค์เดินทางท่องเที่ยวไปในสวรรค์สีดำ

ต่อมาเทพอมตะตะวันเดือดพ่ายแพ้ต่อการปรับแต่งวิญญาณแห่งความรักและทิ้งวิธีการมากมายเอาไว้เบื้องหลัง

จากนั้นเทพปีศาจจิตวิญญาณได้วางแผนบางอย่างและทิ้งท่าไม้ตายอมตะเอาไว้ที่นี่

ราชันมังกรไม่รู้ความลับเหล่านี้ กระทั่งเทพธิดาจื่อเว่ยก็ไม่สามารถอนุมานสิ่งใด

ดังนั้นตอนนี้ผู้อมตะภาคกลางจึงต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่

‘ข้ากำลังจะตายงั้นหรือ? ข้าจะตายที่นี่ไม่ได้! ไม่ ข้าต้องช่วยหงหยุน ข้าจะตายอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? ช่วยข้าด้วย วิญญาณแห่งความรัก!’

จ้าวเหลียนหยุนกรีดร้องอยู่ในใจ

ราวกับสัมผัสได้ถึงความรักและความมุ่งมั่นของนาง วิญญาณแห่งความรักเริ่มส่องแสงอันเจิดจ้าออกมา

“บึม!”

หอคอยวายุระเบิดและพังทลายลงอย่างสมบูรณ์ กลุ่มผู้อมตะกรีดร้องและกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะสายป้องกันของพวกเขา

แต่หลายคนไม่แม้แต่จะสามารถอดทนได้ถึงสองลมหายใจก่อนที่ร่างกายของพวกเขาจะถูกแยกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย มีเพียงจ้าวเหลียนหยุนเท่านั้นที่ปลอดภัยภายใต้ชั้นแสงบางๆที่ปกคลุมอยู่บนร่างกาย

ไม่เพียงเท่านั้น ชั้นแสงนี้ยังขยายไปถึงผู้อมตะสี่คนที่อยู่รอบตัวนาง

ช่องว่างของห้วงมิติปรากฏขึ้นต่อหน้าจ้าวเหลียนหยุน

ในเวลาต่อมาวิญญาณแห่งความรักก็นำจ้าวเหลียนหยุนกับผู้อมตะอีกสี่คนพุ่งเข้าไปในช่องว่างของห้วงมิติดังกล่าว

วิสัยทัศน์ของพวกนางเปลี่ยนแปลงไป

“ที่นี่ที่ใด?” จ้าวเหลียนหยุนตระหนักว่านางกำลังยืนอยู่บนพื้นที่มั่นคง

“แน่นอนว่านี่คือแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ” เสียงหนึ่งดังขึ้น

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads แทงบอลออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน