เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1506

ตอนที่ 1506

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1506 ระเบิดวิญญาณ

แปลโดย iPAT

‘ผู้อมตะของตระกูลฟาง?’ หูของฟางหยวนกระตุกเมื่อได้ยินเสียงของฟางหยุน

แม้ฟางหยวนจะตรวจสอบแล้วว่าความสัมพันธ์ระหว่างฟางหยุน ฟางเล้ง และผีเฒ่าไป่จุนดูเหมือนจะตึงเครียด แต่เขาก็ไม่คาดหวังว่าคนเหล่านั้นจะเป็นศัตรู นอกจากนี้สองผู้อมตะตระกูลฟางยังตกเป็นเชลย

เหตุผลที่ฟางหยวนเคลื่อนไหวทันทีเพราะเขาจำผีเฒ่าไป่จุนได้

คนผู้นี้เป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ ด้วยการฆ่าเขา ฟางหยวจะสามารถกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์และเพิ่มรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของตน นอกจากนี้เขายังสามารถมอบร่างกายของผีเฒ่าไป่จุนให้กับอิงอู๋เซี่ย

อิงอู่เซี่ยเชี่ยวชาญทักษะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณแต่เทพธิดาซุ้ยป๋อบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งวารี ร่างของนางไม่เหมาะสมกับอิงอู๋เซี่ย

ฟางหยวนเข้าใจทุกสิ่งอย่างรวดเร็ว

‘ดูเหมือนเมฆมงคลจะนำทางข้ามาพบโชคลาภอย่างแท้จริง ข้าพึ่งคิดที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลฟาง แต่ผู้ใดจะคิดว่าโอกาสจะมาถึงอย่างรวดเร็ว’

‘แน่นอนว่ามันเป็นเพราะโชคของตัวข้าเองเช่นกัน’

ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะผลาญวิญญาณระเบิดโชคก่อนจะมาที่ทะเลทรายผีเขียว เขาไม่ได้ขอให้อิงอู๋เซี่ยใช้แต่เขากระตุ้นใช้งานมันด้วยตนเอง แม้มันจะกลืนกินรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเขาไปมาก แต่ฟางหยวนในปัจจุบันสามารถรับมือสิ่งนี้ได้อย่างสมบูรณ์

‘ช่วยผู้อมตะตระกูลฟางและจับผีเฒ่าไป่จุนเป็นเชลย!’ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น

เขาเคยคิดที่จะสังหารทุกคนและยึดครองฝูงอสูรวิญญาณของผีเฒ่าไป่จุน

แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนแผนแล้ว

“ตระกูลฟาง? แม้ข้าจะไม่เคยติดต่อกับตระกูลฟาง แต่พวกเขาก็มีส่วนช่วยในการบ่มเพาะของข้า เอาล่ะ ตั้งแต่พวกเจ้าพบข้า ข้าก็จะช่วยพวกเจ้าเพื่อตอบแทนความเมตตา” ฟางหยวนกล่าวเสียงเย็นแต่ฟางเล้งกับฟางหยุนยังรู้สึกมีความสุขมาก

ฟางหยุนเผยรอยยิ้มกว้างและยักคิ้วให้ฟางเล้งราวกับต้องการกล่าวว่า “ดู เขาเป็นผู้มีพระคุณจริงๆ!”

ฟางเล้งไม่สนใจ เขามองไปที่ฟางหยวนกับผีเฒ่าไป่จุนและขมวดคิ้ว

เขาคิด ‘ผู้อมตะผู้นี้มีต้นกำเนิดที่ลึกลับ ไม่มีบุคคลเช่นนี้อยู่ในความทรงจำของข้า หากเขาต้องการช่วยเราจริงๆ เขาควรซ่อนความตั้งใจเอาไว้และช่วยเราในภายหลัง แต่เขาจงใจกล่าวออกมา มันเป็นการดึงดูดความสนใจของผีเฒ่าไป่จุนหรือเขาต้องการช่วยพวกเราจริงๆ แต่เขาดูมั่นใจในตัวเองอย่างสมบูรณ์ เขามั่นใจว่าเขาสามารถช่วยพวกเราได้ ดังนั้นเขาจึงแจ้งเตือนศัตรูถึงเจตนาของตนเอง’

“ต้องการช่วยพวกเขาไปจากข้า มันจะไม่ง่าย!” ผีเฒ่าไป่จุนโกรธมาก กลิ่นอายที่ทรงพลังปะทุขึ้นจากร่างของเขา

“เป็นความกล้าหาญที่น่ายกย่อง แต่สายตายังสั้นนัก” ฟางหยวนเย้ยหยันขณะที่เขาบินขึ้นสู่ท้องฟ้าและชี้นิ้วออกไป

ในเสี้ยวพริบตาแสงประหลาดหลายสิบดวงก็ถูกยิ่งไปที่ผีเฒ่าไป่จุนและทำให้ร่างของเขากลายเป็นรูพรุนทันที

ผีเฒ่าไป่จุนพ่นเลือดออกมาขณะที่ร่างกายของเขาค่อยๆสูญสลายไป

“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าตกหลุมพรางของข้าแล้ว!” ร่างที่แท้จริงของผีเฒ่าไป่จุนปรากฏขึ้นอีกด้านหนึ่ง เขาใช้ภาพลวงตาดึงดูดความสนใจของฟางหยวนขณะที่ซ่อนร่างจริงเอาไว้

ผีเฒ่าไป่จุนไม่ได้ลอบโจมตีฟางหยวนแต่เขาเข้าไปหาฟางเล้งและฟางหยุน

ฟางหยวนไม่ได้บอกว่าเขาจะช่วยคนทั้งสองงั้นหรือ? เมื่อเป็นเช่นนั้น ผีเฒ่าไป่จุนจึงวางแผนที่จะใช้สองคนนี้เป็นโล่มนุษย์

นี่เป็นครั้งแรกที่ผีเฒ่าไป่จุนพบฟางหยวน แต่การแลกเปลี่ยนกระบวนท่าก่อนหน้ารวมถึงขนาดของกองทัพอสูรวิญญาณของฟางหยวน มันทำให้ผีเฒ่าไป่จุนตระหนักถึงความแข็งแกร่งของศัตรูและรู้ว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฟางหยวน

ดังนั้นเขาจึงต้องการใช้ฟางเล้งกับฟางหยุนเพื่อข่มขู่ฟางหยวนที่ต้องการช่วยพวกเขา

“อา…” เมื่อเห็นผีเฒ่าไป่จุนเคลื่อนที่เข้ามาอย่างรวดเร็ว ฟางหยุนอุทานออกมาด้วยความตกใจ

แต่ในจังหวะนี้ร่างหนึ่งกลับปรากฏขึ้นด้านหน้าคนทั้งสอง

“ผีเฒ่าไป่จุน ผู้ใดกันแน่ที่ตกหลุมพราง?” มุมปากของฟางหยวนยกตัวขึ้นเป็นรอยยิ้มปีศาจ

“โอ้ ไม่!” หัวใจของผีเฒ่าไป่จุนสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง

เมื่อเขาตระหนักว่าตนเองตกลงสู่หลุมพรางของศัตรู เขาพยายามหลบหนี

แต่มันสายไปแล้ว

อสูรวิญญาณประมาณสิบตัวปรากฏขึ้นและปิดล้อมผีเฒ่าไป่จุนเอาไว้

‘ระเบิด!’ ฟางหยวนออกคำสั่งด้วยความคิด

“บึม บึม บึม…”

อสูรวิญญาณที่ปิดล้อมผีเฒ่าไป่จุนระเบิดตัวเองด้วยพลังทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัว

ฟางเล้งและฟางหยุนตกตะลึง

คลื่นกระแทกระเบิดออกไปรอบๆและส่งฝุ่นทรายลอยคละคลุ้งขึ้นสู่อากาศ

ฟางหยวนเคยคิดที่จะใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาจับกุมผีเฒ่าไป่จุน

แต่วิธีดังกล่าวมีแนวโน้มที่บางคนจะค้นพบบางสิ่ง

ดังนั้นฟางหยวนจึงเปลี่ยนมาใช้วิธีบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ

วิธีบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเขาด้อยกว่าวิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาเล็กน้อย ท้ายที่สุดเขาก็มีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณไม่มาก

แต่เขามีวิธีการระเบิดวิญญาณที่มีพลังทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัว

ย้อนกลับไปเมื่อฉินไป่เฉิงต่อสู้กับฟงจิวเก้อเป็นครั้งแรก ในเวลานั้นฉินไป่เฉิงยังไม่ฟื้นความทรงจำ เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฟงจิวเก้อ แต่ฟงจิวเก้อยังต้องระวังการระเบิดวิญญาณของฉินไป่เฉิง สุดท้ายจึงต้องปล่อยฉินไป่เฉิงไป

กระทั่งฟงจิวเก้อยังต้องระวังตัว แน่นอนว่าฟางหยวนเข้าใจความน่ากลัวของวิธีนี้

แต่เขาจะไม่ระเบิดตัวเอง

อย่างไรก็ตามเขาสามารถใช้อสูรวิญญาณ การระเบิดวิญญาณของอสูรวิญญาณจะทำให้แก่นแท้อสูรวิญญาณถูกทำลายไปพร้อมกัน แต่ผลลัพธ์ของวิธีนี้ก็น่าประทับใจมาก

“แค่ก แค่ก”

เมื่อฝุ่นทรายจางหายไป ผีเฒ่าไป่จุนลอยอยู่กลางอากาศด้วยร่างกายที่ขาดหายไปมากกว่าครึ่ง แขนขาของเขาถูกทำลายและเหลือเพียงแขนซ้ายข้างเดียว

“เขายังมีชีวิตอยู่งั้นหรือ?” ฟางเล้งอุทานด้วยความประหลาดใจ

ฟางหยวนเย้ยหยัน มันเป็นเรื่องดีที่ผีเฒ่าไป่จุนยังมีชีวิตอยู่ หากฟางหยวนสามารถจับเป็นคนผู้นี้ เขาจะมอบร่างกายของเป้าหมายให้อิงอู๋เซี่ย

‘แต่ข้าไม่สามารถทำเช่นนั้นต่อหน้าผู้อมตะตระกูลฟาง’ ความคิดทุกประเภทผุดขึ้นในใจของฟางหยวน ด้วยร่างทารกอมตะและความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญา เขาสามารถคิดวิเคราะห์เรื่องต่างๆได้อย่างรวดเร็ว

ฟางหยวนกล่าว “เจ้ามีทักษะบางอย่างบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ เจ้ายังมีชีวิตอยู่หลังจากตกลงสู่หลุมพรางของข้า เอาล่ะ ลืมมันไปซะ ข้าซวนปู้จินมีกฎคืออย่าเคร่งครัดมากเกินไป ในเมื่อเจ้ายังมีชีวิตอยู่ เช่นนั้นก็ไปซะ วันนี้ข้าจะไม่ไล่ล่า ไสหัวไปเดี๋ยวนี้!”

ผีเฒ่าไป่จุนหอบหายใจอย่างหนักหน่วงด้วยใบหน้าซีดขาว เขาจ้องมองฟางหยวนด้วยสายตาดุร้าย

เขารู้สึกเสียใจ

ศัตรูปลดปล่อยกลิ่นอายของเส้นทางแห่งปัญญาออกมาอย่างชัดเจน แต่ผีเฒ่าไป่จุนกลับวางอุบายกับบุคคลเช่นนี้? แม้เขาจะต้องการวางแผน เขาก็ต้องวางแผนอย่างรอบคอย

การระเบิดตัวเองของอสูรวิญญาณเกินความคาดหมายของเขา

ในเวลานั้นความคิดเดียวที่อยู่ในใจของผีเฒ่าไป่จุนคือรักษาชีวิตรอด

หลังจากการระเบิดหยุดลง ผีเฒ่าไป่จุนรู้สึกมีความสุขมากที่เขายังมีชีวิตอยู่

แต่หลังจากความปิติ มันกลับกลายเป็นความหวาดกลัวและความโกรธ

เขาเกือบตาย!

หัวใจของเขาเต็มไปด้วยเพลิงแค้นเช่นเดียวกับความหวาดกลัวที่มีต่อฟางหยวน

‘ไม่ หากเจ้าไม่ตาย ข้าก็ต้องตาย!’ ขณะที่ผีเฒ่าไป่จุนคิดเช่นนี้และกำลังจะใช้วิญญาณอมตะป้ายคำสั่งอสูรวิญญาณ ฟางหยวนกลับต้องการปล่อยเขาไป

โดยธรรมชาติของฟางหยวน เขาจะถอนรากถอนโคนศัตรูทั้งหมด แต่สถานการณ์ในครั้งนี้ค่อนข้างพิเศษ ฟางหยวนต้องการร่างกายของผีเฒ่าไป่จุนและคำนึงถึงตระกูลฟาง ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะปล่อยผีเฒ่าไป่จุนไปเป็นการชั่วคราว

ผีเฒ่าไป่จุนไม่เคยคาดหวังว่าฟางหยวนจะไว้ชีวิตเขาจริงๆ

นั่นทำให้เขารู้สึกสับสนมาก

‘เขาพยายามหลอกให้ข้าลดการระวังตัวหรือไม่?’ ผีเฒ่าไป่จุนเคยถูกหลอกมาแล้ว ดังนั้นเขาจึงสงสัยทุกสิ่ง

ฟางหยวนเห็นการแสดงออกของฝ่ายตรงข้ามและเข้าใจความคิดของเขา “เจ้ายังอยู่ที่นี่อีกงั้นหรือ!? ข้าให้โอกาสเจ้าแล้ว แต่เจ้ากลับต้องการตายงั้นหรือ?”

ผีเฒ่าไป่จุนมองฟางหยวนและลืมความโกรธของตนเองไปแล้ว

กระทั่งฟางเล้งกับฟางหยุนก็มองไปที่ฟางหยวน

ฟางหยวนแสดงออกด้วยความมั่นใจ เขาปล่อยศัตรูไปโดยไม่กลัวว่าฝ่ายตรงข้ามจะย้อนกลับมาทำร้าย

ฟางเล้งคิด ‘คนผู้นี้ปลดปล่อยกลิ่นอายราวกับปีศาจร้าย เขามั่นใจและยโส แต่เขาก็มีหลักการของตนเอง มีเพียงบุคคลเช่นนี้ที่สามารถกล่าวว่าจะช่วยพวกเราได้อย่างเปิดเผย’

อย่างไรก็ตามฟางหยุนกำลังเฝ้ามองด้วยความมึนงง

ผีเฒ่าไป่จุนหรี่ตามองด้วยสายตามืดมน

แม้เขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่พลังการต่อสู้ของเขายังอยู่โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขายังมีวิญญาณอมตะป้ายคำสั่งอสูรวิญญาณระดับแปดเป็นไพ่ตาย

แต่ค่าใช้จ่ายสำหรับวิญญาณอมตะดวงนี้สูงมาก ผีเฒ่าไป่จุนไม่ต้องการใช้มันอย่างฟุ่มเฟือย เดิมทีเขาต้องการต่อสู้เป็นตายกับฟางหยวน แต่ฟางหยวนกลับจะปล่อยเขาไป

‘ไม่ว่าเขาจะปล่อยข้าจริงหรือไม่ข้าก็ต้องพยายามหลบหนีดูก่อน’

‘หากมันเป็นแผนการ ข้าจะหันกลับมาเดิมพันชีวิตกับเขา หากเขาปล่อยข้าไปจริงๆ ข้าก็จะหนีไปอย่างรวดเร็ว’

ผีเฒ่าไป่จุนระวังตัวมาก

แม้ผีเฒ่าไป่จุนจะมีวิญญาณอมตะระดับแปด แต่เขาก็ไม่มั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะฟางหยวนได้หรือไม่ นอกจากนั้นเขายังมีความกังวลอีกประการ นั่นคือหากเขาเปิดเผยการคงอยู่ของวิญญาณอมตะระดับแปด ฟางหยวนจะเปลี่ยนใจและโจมตีเขาเพื่อยึดครองวิญญาณอมตะระดับแปดหรือไม่?

ความคิดทุกประเภทผุดขึ้นในใจของผีเฒ่าไป่จุนก่อนที่เขาจะเย้ยหยันและจากไป

เขาค่อนข้างรวดเร็ว ร่างกายที่ขาดสะบั้นของเขาบินเข้าไปในเมฆสีดำและหายตัวไปทันที

“ผู้มีพระคุณ ท่านจะปล่อยเขาไปจริงๆงั้นหรือ? เขามีวิญญาณอมตะระดับแปด!” ฟางหยุนมึนงงอยู่ชั่วครู่ก่อนจะกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads แทงบอลออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน