หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1557 ดวงตาที่สิบ

บทที่ 1557 ดวงตาที่สิบ

มหาเพลิง มหาจักรวาลและมหาดาราตั้งแนวสามเหลี่ยมพุ่งใส่เทพปีศาจ

แม้ว่าจะไม่ได้มีความเร็วสูง แต่ก็เล็งเป้าบนร่างศัตรูราวกับว่าถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า

ในเส้นทางไม่มีความผันผวนหรือความปั่นป่วนใดๆ แต่ฉากที่สงบนี้เองที่ทำให้ใบหน้าของเทพปีศาจเปลี่ยนไปพร้อมกับความกลัวพล่านอยู่ในส่วนลึกของดวงตา

เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คาดคิดว่าทั้งสามจะมาถึงระดับนี้

หลังจากมู่เฉินออกกระบวนท่า สีหน้าก็ซีดลงไปเล็กน้อย ทว่าเขาก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว นั่นเพราะเขาครอบครองร่างมหาปราชญ์วิญญาณซึ่งสามารถให้พลังงานหลิงแก่เขาในการฟื้นฟูอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ดังนั้นแม้ว่าเขาจะใช้ทักษะทรงพลังใดก็รักษาเสถียรภาพพลังในร่างกายได้ทันท่วงที

เขามองเทพปีศาจที่ถูกล้อมโดยการโจมตีทั้งสาม หลังจากไตร่ตรองชั่วครู่มู่เฉินก็กระทืบเท้ารอยแตกขนาดใหญ่เปิดขึ้น

โลกปรากฏขึ้นอย่างคลุมเครือผ่านรอยแตก นี่คือพิภพเขตล่างที่พังพินาศไม่มีชีวิตใดๆ

รอยแตกคล้ายกับปากมหึมาขณะที่กลืนกินบริเวณที่มู่เฉิน เซียวเหยียน หลินต้งและเทพปีศาจอยู่

มู่เฉินรู้ดีว่าหากพลังทำลายล้างเล็ดลอดออกไป ไม่เพียงแต่ทวีปหลิงหมัวจะถูกทำลาย แม้แต่ทวีปโดยรอบก็จะสลายกลายเป็นเถ้าถ่าน

เผชิญหน้ากับการห่อหุ้มของพิภพเขตล่าง เทพปีศาจก็เพียงหลือบมองไปแต่ไม่ได้ใส่ใจอะไร นั่นเป็นเพราะกองทัพจักรวรรดิปีศาจอยู่ที่นี่เช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกลูกหลง การปะทะกันในพิภพเขตล่างถือเป็นสิ่งที่ดี

ด้วยเหตุนี้มู่เฉิน หลินต้ง เซียวเหยียนและเทพปีศาจจึงลงไปในพิภพเขตล่าง แต่ฉากภายในยังคงฉายให้ผู้คนได้เห็นต่อไปผ่านรอยแตก

ทุกคนมองไปที่เทพปีศาจที่การโจมตีสามสายพุ่งเข้าไปหา

ใบหน้าเทพปีศาจเกร็งขึ้นขณะมองดูการโจมตีทั้งสาม จากนั้นมือก็ค่อยๆ ประสานเข้าหากัน

รัศมีปีศาจโหมกระหน่ำอยู่ข้างหลัง ก่อตัวเป็นดอกบัวปีศาจใต้ฝ่าเท้า

ยามนี้เทพปีศาจผู้ชั่วร้ายไม่เผยสีหน้าใดๆ รัศมีปีศาจพวยพุ่งขึ้นรอบตัว เขาคล้ายกับรูปปั้นปีศาจพร้อมกับมีเสียงทำนองน่ากลัวสะท้อนออกมา

ดวงตาทั้งเก้าบนร่างค่อยๆ ปิดลงโดยมีแสงสีดำเก้าสายไหลเวียนจากร่างก่อนจะพุ่งไปที่ลิ้น

ลิ้นทั้งหมดเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำซึ่งดูผิดประหลาดยิ่งนยัก

ตอนนี้เองที่การโจมตีทั้งสามเข้ามา

ร่างมหาเพลิงพุ่งลงพร้อมกับทิ้งรอยแผดเผาไว้ทั่วทั้งโลก อุณหภูมิของพิภพเขตล่างแห่งนี้สูงขึ้นและเริ่มละลายตัวลง

เมื่อมองไปที่ร่างมหาเพลิง เสียงของเทพปีศาจดังก้อง “เก้าเนตร คำสาปทำลายล้างโลก”

เขาเงยหน้าขึ้นทันใดก็เปิดปาก “โฮก!”

เมื่อทำนองปีศาจปรับเปลี่ยนเป็นคำสาปก็พุ่งออกมาจากเทพปีศาจ ซึ่งบรรจุด้วยพลังและการทำลายล้างน่ากลัวไร้ขอบเขต เสมือนปีศาจที่ชั่วร้ายที่สามารถกลืนกินสวรรค์และโลกได้

ตึง!

เมื่ออักขระปีศาจปะทะกับร่างมหาเพลิงก็ไม่ได้สร้างความปั่นป่วนขนาดใหญ่ เนื่องจากคลื่นเสียงทั้งหมดถูกทำลายภายใต้คลื่นกระแทก

ทุกคนเห็นเพียงพิภพเขตล่างถล่มลงมาอย่างรวดเร็ว

ขณะนี้มหาจักรวาลที่แผ่ซ่านด้วยความลึกซึ้งก็ซัดเข้ามา หากถูกโจมตีนี้แม้แต่เทพปีศาจก็ต้องได้รับบาดเจ็บหนัก ดังนั้นเขาจึงอ้าปากพ่นคำสาปปีศาจอีกครั้ง

“โฮก!”

เมื่ออักขระบินออกไปก็ปะทะกับมหาจักรวาล

หลังจากอักขระปีศาจทั้งสองปะทะกับมหาเพลิงเทวะและมหาจักรวาลแล้ว เทพปีศาจก็มองไปที่ลูกแก้วมหาดารา พ่นคำสาปออกมาอีกครั้ง “โฮก!”

อักขระปีศาจพุ่งออกไปหาลูกแก้วมหาดารา

ฮึ่ม!

สัมผัสได้ถึงอักขระปีศาจ ลูกแก้วก็วาวแสงขึ้นเล็กน้อยก่อนที่จะระเบิดออกมาพร้อมกับแสงปะทะกับอักขระปีศาจเพื่อต่อต้าน ในเวลาเดียวกันแสงโบราณอีกสายก็ทะยานออกมาจากลูกแก้วยิงเข้าใส่เทพปีศาจ

ลูกแก้วมหาดาราบรรจุพลังของร่างมหาเทพปฐมกาลสามร่าง ชั้นแรกใช้พลังของร่างมหารัศมีอนันต์เพื่อปกป้อง ใช้พลังร่างมหาเทพนิรันดร์เพื่อทำการโจมตี สุดท้ายก็ใช้ร่างมหาปราชญ์วิญญาณเป็นตัวสนับสนุนเพื่อจัดหาพลังงานที่ไม่มีที่สิ้นสุด

ดังนั้นเมื่อเทพปีศาจเห็นลำแสงแววตาก็เย็นเยือกลง เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพ่นอักขระปีศาจอีกตัวเพื่อปะทะกับลำแสงนั่น

ฮึ่ม ฮึ่ม!

ขณะที่การโจมตีทรงพลังปะทะกันในพิภพเขตล่าง แม้จะไม่มีเสียงดังสนั่น แต่ทุกคนก็สัมผัสได้ถึงความผันผวนของการทำลายล้าง เนื่องจากพิภพเขตล่างกำลังพังทลายลงเรื่อยๆ จากแรงกระแทก

โฮก โฮก!

คำสาปปีศาจทั้งหมดเก้าตัวบินออกมา ปะทะกับมหาเพลิงเทวะ มหาจักรวาลและลูกแก้วมหาดารา

ระลอกคลื่นขนาดใหญ่กระจายออกไปไม่ว่างเว้น ทำให้มิติแตกเป็นเสี่ยงๆ ก่อนจะก่อตัวเป็นพายุมิติปกคลุมพิภพเขตล่างทั้งหมดไว้

ในทวีปหลิงหมัวรวมทั้งมหาพันภพทุกคนมองไปที่หน้าจออย่างกังวล แม้ว่าพายุอวกาศได้ปิดกั้นการมองเห็นของพวกเขา ทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้ชัด แต่พวกเขาก็ไม่กล้าเลื่อนสายตาไปไหน

นั่นเป็นเพราะพวกเขารู้ว่าผลลัพธ์ในสนามรบนั้น จะส่งผลกระทบต่อชะตากรรมของพวกเขา

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ในที่สุดพายุก็เริ่มสลายลง ทุกคนรีบจ้องมองไป

ภูมิประเทศของพิภพเขตล่างค่อยๆ กระจ่างขึ้น

เมื่อเห็นสถานการณ์ก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจลึกสุดปอด ดินแดนทั้งหมดเหลือเพียงเถ้าถ่าน

ที่นั่นว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย

มีเพียงเงาร่างหกร่างยืนประจันหน้ากันบนท้องฟ้า

ชัดว่าพิภพนี้ถูกทำลายด้วยน้ำมือของพวกเขาแล้ว

ทุกคนตกตะลึงกับพลังทำลายล้าง แต่สายตาก็พุ่งไปที่เทพปีศาจทันที เขายืนอยู่บนดอกบัวปีศาจพร้อมกับคำสาปปีศาจเก้าตัวหมุนรอบตัว

ที่เบื้องหน้าเทพปีศาจ ร่างมหาเพลิงค่อยๆ จางลงก่อนที่จะหายไป มหาจักรวาลแตกเป็นเสี่ยงๆ พร้อมกับลูกแก้วมหาดารา…

เมื่อผู้คนในมหาพันภพเห็นภาพนี้ความรู้สึกหนาวสั่นก็พวยพุ่งขึ้นมาในหัวใจ หรือว่าแม้แต่มู่เฉิน เซียวเหยียนและหลินต้งที่ใช้การโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดยังไม่สามารถเอาชนะเทพปีศาจได้?

หากเป็นเช่นนั้นพวกเขาจะสร้างภัยคุกคามให้อีกฝ่ายได้อย่างไร?

ตรงข้ามความสุขเพิ่มขึ้นบนใบหน้าของเหล่าปีศาจ

แกร็ก!

แต่เมื่อมีบางคนกังวลและมีบางคนชื่นชม เสียงแตกละเอียดก็ดังมาจากพิภพเขตล่าง ทุกคนเห็นรอยแตกบนอักขระปีศาจเก้าตัวที่อยู่รอบๆ เทพปีศาจสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น ก่อนที่จะแตกออกในที่สุด…

ร่างเทพปีศาจก็สั่นเทิ้ม ดอกบัวปีศาจที่อยู่ใต้เท้าลุกไหม้ ขณะเลือดสีดำไหลออกจากริมฝีปาก

ทั่วจักรวาลตกอยู่ในความเงียบ

ความสุขบนใบหน้าของนักรบปีศาจแข็งค้างก่อนจะเปลี่ยนเป็นหวาดผวา พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าเทพปีศาจที่อยู่ยงคงกระพันจะได้รับบาดเจ็บ…

ฝั่งมหาพันภพก็ตกอยู่ในความเงียบงันเช่นกัน ทุกคนสาดสีหน้าไม่เชื่อ เทพปีศาจได้รับบาดเจ็บ

ใบหน้าของเทพปีศาจเคร่งขรึมลงขณะปาดรอยเลือดออกจากมุมปากก่อนจะพูดเสียงเรียบเฉย “ข้าไม่คิดมาก่อนว่าจะได้รับบาดเจ็บจากน้ำมือพวกเจ้า”

เมื่อครู่เขาใช้กระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดแล้ว แต่ก็ยังประเมินทั้งสามคนต่ำไป ดังนั้นแม้ว่าเขาจะสามารถต้านทานการโจมตีเหล่านั้นได้ แต่ก็ต้องจ่ายราคาด้วยอาการบาดเจ็บ

แม้ว่าอาการบาดเจ็บเหล่านี้จะไม่ส่งผลต่อเขา แต่ก็พิสูจน์ได้ว่าทั้งสามคนทำร้ายเขาได้

ความอยู่ยงคงกระพันของเขาถูกทำลาย

มู่เฉิน หลินต้งและเซียวเหยียนแลกเปลี่ยนสายตากัน ไม่มีใครฉายความสุขบนใบหน้า พวกเขามีความภาคภูมิใจเช่นกัน ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วพวกเขาไม่รู้สึกยินดีที่ศัตรูได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น

“เรารวมพลังกันยังทำร้ายเจ้าได้เพียงเล็กน้อย…” เซียวเหยียนยิ้ม “เทพปีศาจ เจ้าสมควรกับชื่อเสียงอย่างแท้จริง”

หลินต้งมองไปยังเทพปีศาจ แม้ว่าจะไม่ได้เป็นพวกเดียวกัน แต่เขาก็รู้สึกเคารพศัตรูที่ทรงพลังเช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงกล่าวว่า “แต่ดูเหมือนว่าความทะเยอทะยานของเจ้าที่อยากลบล้างมหาพันภพจะต้องทุ่มแรงมากกว่านี้นะ”

จากการแลกกระบวนท่าเมื่อครู่ พวกเขาพิสูจน์แล้วว่าสามารถต่อสู้กับเทพปีศาจได้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถชนะ แต่เทพปีศาจก็บดขยี้พวกเขาไม่ได้เช่นกัน

จักรวรรดิปีศาจต้องการอาศัยเทพปีศาจในการปกครองมหาพันภพ ในเมื่อเทพปีศาจถูกยับยั้งโดยพวกเขา เผ่าปีศาจต่างๆ ก็จะไม่สามารถทำลายจักรวาลนี้ได้

ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงทำได้เพียงชักกะเย่อกันไปมาในศึกแห่งความเหนื่อยล้า

แสงวูบไหวในดวงตามู่เฉิน เขากล่าวว่า “แต่เมื่อเวลาผ่านไปข้อได้เปรียบของแกก็จะลดลง”

จริงที่มหาพันภพจะจ่ายราคาไม่น้อยหากพวกเขาห้ำหั่นกับจักรวรรดิปีศาจในช่วงเวลายาวนาน แต่อย่างน้อยก็สามารถซื้อเวลาได้ เพียงรออีกไม่กี่สิบปีเซียวเหยียนและหลินต้งก็จะสามารถจารึกชื่อเต็มไว้บนทำเนียบเหนือภพได้

ในเวลานั้นไม่ต้องพูดถึงสามคน เพียงแค่หนึ่งเดียวก็สามารถเอาชนะเทพปีศาจได้…

ดังนั้นตอนนี้เทพปีศาจจึงตกอยู่ในสถานกาณ์น่าอึดอัด

เขาถูกมู่เฉิน หลินต้งและเซียวเหยียนหยุดยั้งไว้ ถ้าเขาไม่สามารถทำลายการหยุดชะงักนี้ได้ก็จะเป็นการให้เวลากับเทพจอมยุทธ์แห่งมหาพันภพ

เทพปีศาจไม่มีการแสดงออกบนใบหน้า แต่สายตามืดครึ้มลง

“เทพปีศาจจงออกจากมหาพันภพกลับไปยังที่ที่เจ้ามา มหาพันภพไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าจะมากร่างได้” มู่เฉินกล่าว

ดวงตาของเทพปีศาจสวรรค์กะพริบ รอยยิ้มผิดแผกเพิ่มขึ้นเมื่อมองไปที่ทั้งสาม “ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่าจักรวาลเล็กๆ นี้จะสามารถบังคับข้าเทพปีศาจจักรพรรดิให้อยู่ในตำแหน่งที่น่าสมเพชเช่นนี้…”

จากนั้นก็ส่ายหัวตอบว่า “แต่พวกเจ้าคิดเหรอว่าไม่มีอะไรที่ข้าจะทำได้เพื่อพลิกสถานการณ์แล้ว?”

ทันใดนั้นดวงตาของมู่เฉิน หลินต้งและเซียวเหยียนก็หดลง

เทพปีศาจจ้องมองไปที่ทั้งสามพลางพูดขึ้นต่อ “ที่ข้าพูดไปก่อนหน้าก็ยังมีผลนะ ตราบเท่าที่พวกเจ้ายอมสวามิภักดิ์ ข้าก็จะรับประกันความปลอดภัยของครอบครัวและสหายของเจ้าได้ นี่เป็นการถามครั้งสุดท้าย ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะคว้าโอกาสนี้”

ใบหน้าของเซียวเหยียนค่อยๆ มืดครึ้มลงกล่าวว่า “ไม่จำเป็นต้องพูดแบบนั้นอีกแล้ว อย่างมากพวกข้าก็จ่ายด้วยชีวิต ซัดกระบวนท่าที่มีออกมาเลย”

ร่างกายของมู่เฉินและหลินต้งตึงเครียดขึ้นพร้อมกับคลื่นหลิงพลุ่งพล่านอยู่รอบตัว ขณะที่สายตาจดจ้องไปที่เทพปีศาจ ด้วยความเข้มแข็งของศัตรูเช่นนี้ เขาต้องมีความมั่นใจถึงจะพูดคำเหล่านี้ออกมา

แต่พวกเขาไม่รู้ว่ามีพลังอำนาจอื่นใดที่เทพปีศาจยังมี ในเมื่อเขามาถึงจุดสุดยอดในการเปิดดวงตาทั้งเก้าแล้ว

เทพปีศาจลูบดวงตาจากนั้นก็หลุบตาลง “วิธีนี้จะทำให้ข้าสูญเสียมาก แต่ดูเหมือนว่าคงจะต้องใช้แล้ว”

ขณะที่พูดเขาก็ยิ้มบาง “แต่เอาเถอะ ตราบเท่าที่ข้าได้ครอบครองมหาพันภพ ราคาใดๆ ก็คุ้มค่า”

เขาเหยียดนิ้วเข้าไปในปากแล้วกัดเต็มแรง

เลือดสีดำไหลออกมาจากปลายนิ้ว จากนั้นเขาก็กวาดไปที่ดวงตาทั้งสามบนใบหน้าก่อนที่จะเคลื่อนลงไปที่ฝ่ามือ หัวใจและสะดือ

ในขณะนี้ดวงตาทั้งเก้าถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกันด้วยเส้นโลหิตสีดำ สร้างฉากที่ประหลาดตา

เมื่อเสร็จกระบวนการนี้ มือของเทพปีศาจก็ประสานเข้าด้วยกันสร้างตราประทับแปลกประหลาดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มบ้าคลั่งโค้งบนริมฝีปาก

“หวังว่าพวกเจ้าจะไม่ตกใจกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป…”

“เสียสละปีศาจ เก้าเนตร!”

ฟู่ ฟู่!

ขณะนั้นเองดวงตาทั้งเก้าก็ลุกโชนด้วยเปลวไฟปีศาจพร้อมกับเสียงกรีดร้องเจาะหูดังลั่นมาจากเทพปีศาจ

“ฮ่าๆๆๆ! สละ!”

ดวงตาชั่วร้ายทั้งเก้าลุกโชนอย่างรวดเร็วก่อนที่จะลดลงเหลือเพียงเถ้าถ่าน

ยามนี้เทพปีศาจสูญเสียดวงตาทั้งหมดแล้ว แม้แต่ดวงตาสองข้างก็ยังถูกแทนที่ด้วยโพรงที่ดูน่ากลัวอย่างไม่น่าเชื่อ

ทว่าลำแสงสีดำเก้าเส้นก็เดินทางผ่านผิวหนังเข้ามาก่อนที่จะรวมกันที่หว่างคิ้วของเขา

ที่จุดนั้นผิวหนังของเขาเริ่มฉีกออกจากกัน

มู่เฉิน หลินต้งและเซียวเหยียนสีหน้าเปลี่ยนไปรุนแรง เมื่อพวกเขาเห็นดวงตาชั่วร้ายที่สามารถเปลี่ยนทุกคนให้กลายเป็นปีศาจได้ปรากฏขึ้นตรงหว่างคิ้ว

ขณะนี้เสียงเยือกเย็นของเทพปีศาจที่ทำให้ทั้งมหาพันภพสั่นสะเทือนได้ก็ดังก้อง

“นี่คือไพ่ตายของข้า…”

“สละเก้าเนตร”

“สร้างเนตรที่สิบ!”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท