ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 1169 : แผนของไคลน์

ราชันเร้นลับ 1169 : แผนของไคลน์

แสงสีแดงระยิบระยับทำให้ไคลน์รู้สึกอบอุ่นหัวใจ มันพบว่าตนมิได้อยู่ตามลำพัง ยังมีอีกหลายคนที่ยังจดจำได้

เมื่อเสียงสวดวิงวอนมายาซ้อนทับกันจนทวีความคมชัด ไคลน์สัมผัสได้ว่าปราสาทต้นกำเนิดกำลังเรียกหาตน โดยเสียงของทั้งสองสิ่งสอดประสานกันจนกลายเป็นพลังงานที่เข้มแข็ง

หลังจากสมาชิกทุกคนของชุมนุมทาโรต์สวดวิงวอน ไคลน์เกิดความรู้สึกคลุมเครือว่าตนสามารถเข้าสู่ปราสาทต้นกำเนิดได้ทุกเมื่อพร้อมกับจิตใต้สำนึก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังติดอุปสรรคในขั้นตอนสุดท้าย

อุปสรรคดังกล่าวได้รับการแก้ไขหลังจากชายหนุ่มย่อยโอสถปราชญ์โบราณสมบูรณ์

ด้วยเหตุนี้ไคลน์จึงสามารถกลับเข้าปราสาทต้นกำเนิดได้ก่อนอามุนด์ซึ่งถูกกีดขวางไว้โดยฝ่ามือของเทพแห่งเกียรติยศ บลาเดล

ภายในระยะเวลาเพียงสองวัน สมาชิกชุมนุมทาโรต์กลับสวดวิงวอนกันครบทุกคน ตามปรกติแล้วไม่ควรจะบังเอิญขนาดนี้…บางคนวิงวอนด้วยสาเหตุที่เข้าใจได้ แต่บางคนได้รับอิทธิพลจากเทพธิดาและวิลล์…เรากำลังโชคดีก็เลยเกิด ‘เรื่องดี ๆ ติดต่อกัน…หลังจากไตร่ตรองสักพัก ไคลน์พบว่าเหตุผลในการสวดวิงวอนของบางคงดูผิดหลักธรรมชาติ แต่ก็ยังอยู่ในขอบเขตที่รับได้ และไม่ต้องกังวลมากเกินไป

หลังจากเปลี่ยนท่านั่ง ดวงตาไคลน์กลายเป็นสีเข้ม

แม้ในตอนที่ได้เห็นรังไหมและบานประตูแห่งแสง ไคลน์จะทำใจยอมรับว่าตนคงกลับบ้านไม่ได้อีกแล้ว แต่หลังจากได้ทราบความจริงว่าดาวเคราะห์ดวงนี้คือโลกในอนาคต นั่นยิ่งทำให้ชายหนุ่มรู้สึกฝันสลายโดยสมบูรณ์ แสงแห่งความหวังอันริบหรี่ถูกความมืดมิดกลืนกินจนดำมืด

ในตอนแรกที่เราเลือกใช้คำว่า เดอะฟูลจากต่างยุคสมัย มาเป็นนามเต็มอันมีเกียรติ นั่นคงเกิดจากการดลใจทางวิญญาณ…ส่วนลึกของจิตใต้สำนึกเราอาจสัมผัสถึงบางสิ่งได้…จริงสิเราจำได้ว่าตอนเดินทางข้ามโลก เรากำลังนอนอยู่ แล้วทำไมตัวเราที่ห้อยอยู่ในรังไหมถึงสวมเสื้อยืดกับกางเกงสแล็ค? ไคลน์ขมวดคิ้ว ก่อนจะจ้องไปทางสายหมอกสีเทาด้านล่างปราสาทต้นกำเนิด

ขณะค้นหาข้อมูลจากสายหมอกแห่งประวัติศาสตร์ ชายหนุ่มพยายามอย่างหนักเพื่อนึกทบทวนรายละเอียดในค่ำคืนดังกล่าว

จนกระทั่งไคลน์พบชิ้นส่วนทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง

โจวหมิงรุ่ยที่สวมเสื้อยืดกางเกงสแล็ค กำลังประกอบพิธีกรรม ‘เปลี่ยนดวงชะตา’ ในช่วงก่อนอาหารค่ำ เดินถอยหลังสี่ก้าวและท่อง ‘เซียนราชันฟ้าดินประทานโชค’ พร้อมกับคาถาบทอื่น

ในความทรงจำของไคลน์ ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว แต่ฉากในประวัติศาสตร์กลับไม่ใช่แบบนั้น

หลังจากโจวหมิงรุ่ยเดินถอยหลังสี่ก้าวและประกอบพิธีกรรมจนเสร็จ ใบหน้าของมันซีดเซียวทันที ดวงตากลายเป็นหม่นหมอง

ถัดมามันเดินไปกินอาหาร อ่านหนังสือ ดูละคร และเล่นโทรศัพท์มือถือด้วยสีหน้าเหม่อลอย ราวกับหุ่นยนต์ที่ทำตามโปรแกรม

ท้ายที่สุดโจวหมิงรุ่ยเดินมายังอ่างล้างหน้า จ้องหน้าตัวเองในกระจก แปรงฟัน บ้วนปาก และเข้านอน

ตลอดทุกกิจกรรม มันไม่เคยถอดเสื้อยืดและกางเกงสแล็คที่สวมในตอนที่ออกนอกบ้าน เพียงห่มผ้าและหลับตาลงทั้งอย่างนั้น

ผ่านไปไม่นานฉากประวัติศาสตร์เริ่มสั่นสะเทือนและถูกปกคลุมด้วยแสงสว่างอันเจิดจ้า

ไคลน์อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นลูบหน้าผาก หัวเราะจิกกัดตัวเอง

กลับกลายเป็น…เราคิดไปเองว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นหลังจากพิธีกรรมเปลี่ยนดวงชะตา ทุกอย่างยังคงปรกติ…แต่ในความเป็นจริง ชะตากรรมของเราถูกเปลี่ยนแปลงไปนับแต่นั้น…

หากเปลี่ยนเป็นเมื่อก่อน ไคลน์คงหวาดผวากับความจริงข้อนี้มาก แต่ปัจจุบันเหตุการณ์ดังกล่าวได้ผ่านมานานแล้ว และตนมีโอกาสได้ลิ้มรสในสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่า ได้ทราบความจริงอันน่าตกตะลึงยิ่งกว่า ‘เรื่องเล็ก ๆ เช่นนี้จึงแทบไม่สร้างแรงกระเพื่อมภายในจิตใจ

อย่างไรก็ตามหลังจากค้นพบความจริง ไคลน์เริ่มฉุกคิดในประเด็นใหม่ นั่นคือเรื่องที่จักรพรรดิโรซายล์ ‘เดินทางข้ามเวลา’ ด้วยถาดเงินลึกลับ และภายในรังไหมโปร่งใสเหนือประตูแสงก็ยังมีคนที่พก ‘โทรศัพท์มือถือ’ ติดตัวมาด้วย

คงเป็นฝีมือของเจ้าของปราสาทต้นกำเนิดคนก่อน…บุคคลดังกล่าวสร้างอิทธิพลบางอย่างกับโลกความจริง ทำให้โทรศัพท์มือถือ ถาดเงิน และหนังสือพิธีกรรมโบราณของราชวงศ์ฉินและฮั่นมีความผิดปรกติ หากใครมีพฤติกรรมที่เข้าเงื่อนไขก็จะถูกดึงมาเก็บไว้ในรังไหมเหนือประตูแห่งแสงทันที…

นี่เป็นการคัดเลือกแบบสุ่ม ไม่ได้พุ่งเป้าไปที่ใครหรือวัตถุใดโดยเฉพาะ…ไม่รู้จะเรียกโชคดีหรือโชคร้ายดี…

แต่ทำไมหนังสือถึงชื่อว่า ‘พิธีกรรมโบราณของราชวงศ์ฉินและฮั่น’ ? เป็นการสุ่มเลือกที่อิงจากกลุ่มเหยื่อ หรือเพราะนั่นคือพิธีกรรมที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฉินและฮั่นจริง?

ฟังดูเป็นไปได้…หากคำพยากรณ์เกี่ยวกับการเรียงตัวของดวงดาวเป็นเรื่องจริง และนั่นสอดคล้องกับพระผู้สร้างต้นกำเนิด หมายความว่าพระองค์หลับใหลอยู่ใต้โลกมาตลอดนับตั้งแต่อดีตกาล…หรืออาจจะเก่ากว่านั้น…กล่าวกันว่า หนึ่งในชิ้นส่วนร่างกายของพระองค์กลายมาเป็นปราสาทต้นกำเนิด…หมายความว่าที่นี่ไม่ใช่อาณาจักรทวยเทพหรือสถานที่สำหรับคืนชีพของพระองค์…

แต่น่าแปลกพระผู้สร้างต้นกำเนิดที่เตรียมลืมตาตื่นขึ้นมาทำลายโลก เหตุใดถึงต้องเสียเวลาแผ่อิทธิพลเล็กน้อยบนโลกอย่างการสุ่มดึงมนุษย์มาเก็บไว้ในรังไหม? ไม่ฟังดูขัดแย้งไปหน่อยหรือ?

คำพยากรณ์ดังกล่าวคงถูกสร้างขึ้นโดยมนุษย์ที่ได้รับอิทธิพลจากพระองค์…

ไคลน์เหยียดมือขวาออกไปเคาะโต๊ะทองแดงยาว พบว่าคำถามดังกล่าวยังไม่มีคำตอบในเวลานี้

ในไม่ช้าชายหนุ่มฉุกคิดถึงบางประโยคและบางเหตุการณ์

ประโยคดังกล่าวก็คือ

“สิ่งใดที่แยกจาก ย่อมมีวันกลับมาบรรจบ และสิ่งใดที่บรรจบ ก็ย่อมมีวันแยกจาก”

และบางเหตุการณ์ที่ว่าก็คือ

เทพสุริยันบรรพกาล บิดาของอามุนด์และอาดัม จงใจแยกตะกอนพลังของตัวเองออกจากกัน

ผู้วิเศษที่อยู่ใกล้ใต้ดินหรือเผชิญการกัดกร่อนบางอย่าง จะค่อย ๆ สร้างตัวตนใหม่ขึ้นมาในร่างกาย

หลังจากไปดวงจันทร์ อุปนิสัยของโรซายล์เปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัว

จากทั้งยี่สิบสอง มีบางเส้นทางที่ขัดแย้งกัน เช่นแม่มดกับนักล่า

บางทีพระผู้สร้างต้นกำเนิดอาจสั่งสมความขัดแย้งมากมายไว้ภายในร่าง และทางเดียวที่จะบรรเทาได้ก็คือการหลับใหล…ไคลน์ผุดสมมติฐาน แต่ก็ไม่มีวิธียืนยันให้แน่ใจ

มันยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าคำพยากรณ์ของ ‘มหาต้นกำเนิด’ ที่จะลืมตาตื่นขึ้นเมื่อดวงดาวเรียงตัวในตำแหน่งที่เหมาะสม เป็นคนเดียวกับพระผู้สร้างต้นกำเนิดที่แบ่งแยกทุกสรรพสิ่งออกจากร่างกายตามตำนานของยุคสมัยปัจจุบัน

ข้อเท็จจริงนี้ต้องใช้หลักฐานในการพิสูจน์ ไม่สามารถสรุปและตกตะกอนได้ด้วยจินตนาการเพียงอย่างเดียว

“เราไม่ใช่นักสร้างฝันสักหน่อย…” ไคลน์พึมพำกับตัวเอง แหงนมองขึ้นด้านบนและพบเพียงความว่างเปล่าสีเทาที่มีมวลเมฆปะปนประปราย “ยังมีหลายสิ่งให้เราต้องตรวจสอบและยืนยัน เช่น สถานที่ที่ชื่อเชอร์โนบิล แท้จริงแล้วอาจเป็นจุดหลบภัยของมนุษย์หลังจาก ‘มหาต้นกำเนิด’ ลืมตาตื่น…และตะกอนพลังของทั้งยี่สิบสองเส้นทางถูกแบ่งออกจากร่าง ‘มหาต้นกำเนิด’ จริงหรือ…รวมถึงตำแหน่งของดวงดาว ในปัจจุบันคือตำแหน่งที่ผิดปรกติหรือถูกต้อง? ถ้าผิดปรกติหมายความว่าในวันสิ้นโลกปี หนึ่งพันสามร้อยหกสิบแปด พวกมันจะกลับมาอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง? ต้นกำเนิดของศิลาเย้ยเทพคืออะไร และมีสิ่งใดอยู่บนดวงจันทร์…”

คิดถึงตรงนี้ นิ้วที่ไคลน์ใช้เคาะโต๊ะหยุดขยับ ตามด้วยส่งเสียงพึมพำ

…ทวีปตะวันตกในตำนานซึ่งเป็นบ้านเกิดของเอลฟ์…ปัจจุบันยังมีตัวตนอยู่หรือไม่ และเหตุใดถึงไม่มีใครเข้าไปได้…

คำตอบของไคลน์คือความเงียบงันเป็นเวลานาน จนกระทั่งชายหนุ่มเอนหลังพร้อมกับวางแขนลงบนที่พักแขน

หลายนาทีผ่านไป ไคลน์หลับตาลงพลางตัดสินใจบางสิ่ง

หลังจากคืนชีพสำเร็จ มันจะอยู่บนดินแดนเทพทอดทิ้งไปอีกสักพัก เพื่อค้นหาคำตอบของชุดคำถามเมื่อครู่

ดังคำของจักรพรรดิโรซายล์ คำตอบของเรื่องราวมากมายซ่อนอยู่ในดินแดนเทพทอดทิ้ง และผู้เย้ยเทพอามุนด์ก็เตร็ดเตร่อยู่ที่นี่มานานกว่าพันปีเพื่อสืบหาความจริงของประวัติศาสตร์เหนือยุคสมัยที่หนึ่ง…

ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเดินไปทางทิศตะวันออกของดินแดนเทพทอดทิ้งเรื่อย ๆ มีโอกาสที่เราจะได้พบกับทวีปตะวันตกในตำนาน…ไคลน์มองออกไปนอกวังโบราณ จ้องมองเข้าไปในความมืดที่มองไม่เห็นระยะทาง

สำหรับชายหนุ่ม การหมกตัวอยู่ในดินแดนอันรกร้างแห่งนี้ยังถือเป็นกลยุทธ์สำหรับดึงดูดความสนใจทั้งหมดของอามุนด์ อีกฝ่ายจะไม่ได้ต้องส่งร่างโคลนแทรกซึมเข้าไปในเบ็คลันด์เพื่อตามหาเกอร์มันสแปร์โรว์และสร้างอันตรายกับคนใกล้ตัว

โชคดีที่ร่างโคลนอามุนด์ตัวที่รู้ว่าเราเป็นคนใจอ่อนถูกกำจัดไปแล้ว และข้อมูลไม่มีทางรั่วไหลออกไปเพราะถูกปกปิดด้วยโลกพิเศษ…หากไม่แล้ว อามุนด์คงใช้เบ็นสัน เมลิสซ่า เลียวนาร์ด และมิสจัสติสเป็นเครื่องมือในการต่อรอง และผลลัพธ์จะเลวร้ายชนิดที่ไม่มีทางจินตนาการได้…หึหึ ในที่สุดราชาเหลืองดำผู้ครองพลังโชคลาภก็สำแดงฤทธิ์เดช…เฮ้อ…แต่ถึงเราอยากจะออกไปจากดินแดนเทพทอดทิ้ง นั่นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ดูเหมือนว่าวิธีเดียวคือการบุกเข้าไปในสถานที่หลับใหลของเทวทูตมืด…ไคลน์ส่ายหน้าพลางยิ้มขื่นขม ตระหนักว่าแม้ตนจะคืนชีพสำเร็จ แต่ก็ยังอยู่ท่ามกลางวังวนแห่งอันตราย

ไม่ว่าจะขบคิดในมุมใด ปราชญ์โบราณที่ถูกราชาเทวทูตไล่ล่าก็ไม่น่าจะเอาตัวรอดได้นานนัก!

จุดที่สำคัญที่สุดก็คือ เทพธิดารัตติกาลยังคงย่อยเอกลักษณ์ของเส้นทางยมทูตไม่เสร็จ พลังที่พระองค์สามารถส่งมายังดินแดนเทพทอดทิ้งได้นั้นมีจำกัด หากเทวทูตกาลเวลาอยู่ในสถานะเตรียมพร้อม ไม่มีทางเลยที่เหตุการณ์ในวันนี้จะเกิดขึ้นซ้ำรอย

หลังจากคืนชีพคงต้องหาทางขอความช่วยเหลือจากตัวจนลึกลับอื่น เช่นการท่องพระนามเต็มอันทรงเกียรติของวายุสลาตัน สุริยันเจิดจรัส และปัญญาความรู้ เพื่อตรวจสอบว่าพวกท่านส่งพลังเข้ามาในดินแดนเทพทอดทิ้งได้หรือไม่…พวกท่านที่เคยแบ่งกันกินร่างของเทพสุริยันเจิดจรัส คงไม่อยากเห็นอามุนด์ได้ครอบครองปราสาทต้นกำเนิดแน่…

ในทำนองเดียวกับ เนื่องจากโอสถปราชญ์โบราณถูกย่อยสมบูรณ์แล้ว ก็ต้องพิจารณาถึงการเลื่อนลำดับเป็นผู้ชี้นำปาฏิหาริย์…เมื่อใดที่เรากลายเป็นเทวทูตและมีร่างสัตว์ในตำนานที่สมบูรณ์ หลายสิ่งจะง่ายขึ้นมาก…อย่างน้อยในยามที่เผชิญหน้ากับร่างต้นของอามุนด์ เราจะไม่ถูกเล่นงานด้วยเสียงเพรียกในหัว…ไคลน์ตัดสินใจรอให้ร่างวิญญาณของตนฟื้นฟูกลับมา จากนั้นก็หาสื่อกลางมาทำนายถึงกลุ่มก้อนหนอนแมลงโปร่งใสบนยอดเขาหลักของเทือกเขาโฮนาซิส เพื่อ ‘รับความรู้’ ที่เกี่ยวกับผู้ชี้นำปาฏิหาริย์

มีโอกาสเป็นไปได้สูงว่านั่นคือ ‘ฮาล์ฟฟูล’ แห่งตระกูลอันทีโกนัส!

หลังจากวางแผนอนาคต ไคลน์มองไปรอบตัวและเริ่มตอบสนองดาวแดง

“ชุมนุมทาโรต์จะถูกจัดขึ้นตามปรกติในวันนี้”

มันอยากได้ยินไอเดียจากเฮอร์มิท แฮงแมน และคนที่เหลือ สำหรับแนวคิดในการคืนชีพและเอาตัวรอดจากอามุนด์

แน่นอนว่าต้องมีข้ออ้างที่สมเหตุสมผล และไคลน์ก็คิดเตรียมไว้แล้ว

หลังจากตอบสนองครบ ชายหนุ่มกลับมานั่งนิ่งบนมิติหมอกอีกครั้งโดยไม่มีที่ไป

ผ่านไปสักพักมันเอียงตัวเล็กน้อย ใช้มือขวายันศีรษะพลางเอียงคอมองตรงไปข้างหน้า

บนโต๊ะทองแดงยาวลวดลายโบราณ จานอาหารรสเลิศจำนวนมากปรากฏขึ้นพร้อมกับเทียนไข เก้าอี้พนักสูงด้านนอกถูกเปลี่ยนให้มีรูปลักษณ์ใกล้เคียงกับยุคสมัยปัจจุบันมากขึ้น

ร่างของมนุษย์ทยอยปรากฏขึ้นทีละหนึ่ง บ้างเป็นชายวัยกลางคนที่ชอบพูดเสียงดัง ผมสีดำมีหงอกสีเงินแซม บ้างเป็นสตรีที่มีใบหน้าแบบชาวตะวันออก ผมสั้นติ่งหู อายุเกือบครึ่งร้อย บ้างเป็นเด็กหนุ่มที่กำลังเล่นโทรศัพท์อย่างสนุกนาน บ้างเป็นเด็กสาวร่างเล็กที่ชอบเล่าเรื่องตลก

ด้านหลังพวกมัน ร่างใหม่ถูกวาดเพิ่มเติม มีทั้งดันน์เจ้าของศีรษะเถิก ดวงตาสีเทาลุ่มลึก และดาลีย์ที่ทาปัดแก้มกับรอบดวงตาด้วยสีฟ้า

ท่ามกลางสายหมอกสีเทา ทุกคนหัวเราะและยิ้มแย้มอย่างมีความสุขใต้แสงเทียน รับประทานอาหารเป็นครั้งคราว

ไคลน์ยังคงค้างอยู่ในท่าเดิมเป็นเวลานาน เฝ้ามองฉากตรงหน้าโดยไม่ขยับเขยื้อน

ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

       เป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป
ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่
     แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา
ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง
ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น
    ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว
หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’
หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม
ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด
หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด
แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป
พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง
แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย
    เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads แทงบอลออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน