ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 1256 : ฉันมีสิ่งที่นายไม่มี

ราชันเร้นลับ 1256 : ฉันมีสิ่งที่นายไม่มี

‘ทะเล’ ลึกกลืนกินวงกลมแสงสว่าง เปลี่ยนให้บรรยากาศภายในเขตแดนเจิดจรัสมืดลงจากเดิมมาก

สายฟ้าสีเงินทยอยระเบิดออกจากภายในทีละหนึ่ง เปลี่ยนให้จุดที่เอ็นยูนและโคลินกำลังสู้กันกลายเป็นผืนป่าอสนี

ท่ามกลางเสียงฉ่า อสรพิษสายฟ้าจำนวนมหาศาลแทรกซึมเข้าไปช่องว่างชุดเกราะของโคลินรวมถึงกะบังหน้า

อัศวินสีเงินผู้เผยร่างสัตว์ในตำนานไม่สมบูรณ์พลันชะงักราวกับถูกสายฟ้าทำให้เป็นอัมพาต ทางด้านเอ็นยูน เกราะสีดำที่คล้ายกับสร้างจากพลัง ‘เสื่อมทราม’ ของมันมีคุณสมบัติดูดกลืนสายฟ้า ช่วยให้ร่างกายไม่ได้รับผลกระทบมากนัก

ฉวยโอกาสตรงหน้า เอ็นยูนที่เกราะสีดำเริ่มร่วงกราวหลุดจากผิวหนัง ทำการเหวี่ยงดาบใหญ่สีดำด้วยสองมือเพื่อฟันในแนวเฉียง โดยที่โคลินหมดสิทธิ์หลบโดยสิ้นเชิงเนื่องจากกำลังอยู่ในอาการอัมพาต

ท่ามกลางเสียงผิวหนังถูกเชือดเฉือน รอยแยกเป็นทางยาวปรากฏขึ้นบนไหล่ซ้าย ราวกับชุดเกราะสีเงินที่ถูกฟันขาดสูญเสียคุณสมบัติในการป้องกันไปโดยสิ้นเชิง

นี่คือ ‘ดาบเนื้อวิญญาณ’ ของอัศวินมืด ไม่เพียงจะมีคุณสมบัติกัดกร่อนเลือดเนื้อ ทำลายวิญญาณ และฟันผ่านสิ่งกีดขวาง แต่ยังสามารถมองข้ามพลังป้องกันของสิ่งมีชีวิตที่มีความคิดด้านลบ ถือเป็นพลังหลักของอัศวินมืดที่อยู่ในขอบเขต ‘ความเสื่อมทราม’

เมื่อเห็นว่า ‘ดาบเนื้อวิญญาณ’ สามารถเฉือนเกราะบนไหล่ซ้ายโคลินสำเร็จ แถมรอยแผลก็ยังกว้างขึ้นอย่างต่อเนื่องประหนึ่งจะฉีกไปถึงหัวใจ เดอร์ริคเผยสีหน้าตึงเครียดทันที มันรีบควบแน่นหอกพลังแสงอาทิตย์และขว้างใส่เอ็นยูนหลังจากง้างไปด้านหลังเล็กน้อย

หอกเจิดจรัส!

เอ็นยูนไม่หยุดโจมตีหรือหลบหลีก เพียงสยายปีกมายาออกมาป้องกันตัวเองประหนึ่งโล่

บึ้ม!

หอกเจิดจรัสทะลวงผ่านปีกมายาสีดำได้สองชั้น จากนั้นก็ระเบิดแสงสีขาวไปทุกทิศคล้ายกับดวงอาทิตย์ขนาดย่อม

ในเวลาเดียวกัน ร่างกายทุกส่วนของโคลินเริ่มละลายกลายเป็นแอ่งโลหะเหลวสีเงิน

ของเหลวดังกล่าวไหลด้วยความเร็วสูงก่อนจะจัดระเบียบใหม่กลายเป็นร่างกายโคลินในจุดห่างออกไป มันยังคงอยู่ในรูปลักษณ์คนยักษ์ที่สวมเกราะสีเงินตามเดิม เพียงแต่ไหล่และแขนซ้ายของเจ้าเมืองเงินพิสุทธิ์หลุดร่วงหล่นพื้น รอยตัดบนบาดแผลเรียบเนียนโดยไม่มีเลือดแม้แต่หยดเดียว

โคลินที่ใช้พลัง ‘จำแลงปรอท’ หลบหนี ยอมสละแขนซ้ายเพื่อแลกกับบาดแผลที่อาจร้ายแรงถึงชีวิต

สายตาด้านหลังกะบังหมวกของโคลินมิได้สั่นคลอนแม้แต่น้อย มันรีบกำดาบสนธยาอีกข้างแน่นกระชับก่อนจะวิ่งปรี่เข้าใส่ศัตรูด้วยบรรยากาศคุกคามประหนึ่งหัวรถจักรที่แล่นด้วยความเร็วเกิดขีดจำกัด

เดอร์ริครีบควบแน่นหอกแสงอาทิตย์อีกครั้งจากด้านข้าง ตามด้วยการปาหอกแห่งแสงเข้าใส่เอ็นยูน

ระหว่างนั้นก็เปิดปากเปล่งเสียงเคร่งขรึม:

“พระองค์ทรงตรัสว่า การชำระล้างจะสัมฤทธิผล”

นี่คือพลังของ ‘ผู้รับรอง’ ที่ถูกยกระดับเมื่อก้าวมาถึงผู้เจิดจรัส

พลังดังกล่าวสอดประสานเข้ากับเขตแดนเจิดจรัสของนักบุญสุริยันจนทำให้บรรยากาศโดยรอบสว่างขึ้น ออร่าความเสื่อมทรามของเอ็นยูนและโลเฟียร์อ่อนแอลงถนัดตา

“พระองค์ทรงตรัสว่า มันไม่ได้ผล!” นักบุญสุริยันรีบปฏิเสธ ‘การรับรอง’ ของเดอร์ริคเพื่อเปลี่ยนให้คุณสมบัติ ‘ชำระล้าง’ กลับไปเป็นปรกติ

ท่ามกลางเสียงแหวกอากาศ หอกเจิดจรัสพุ่งเข้าใกล้เอ็นยูนทุกขณะ โดยที่ปีกมายาสีดำของอัศวินมืดปัจจุบันเหลือเพียงครึ่งเดียวจากของเดิมเพราะถูกการโจมตีล่าสุดทำลายไปหลายคู่

เอ็นยูนหลบหลีกหอกแสงบริสุทธิ์ได้ไม่ถนัดนักเนื่องจากอีกฝ่ายขว้างมาในระยะใกล้ แถมตนยังต้องการต้านรับการโจมตีจากโคลินที่พุ่งเข้าหาอย่างต่อเนื่อง จึงตัดสินใจสยายปีกมายาสีดำคู่หนึ่งออกจนสุดและปล่อยให้พวกมันแตกกระจัดกระจายกลายเป็นชิ้นส่วน ‘ความมืด’

เมื่อหอกเจิดจรัสสัมผัสกับ ‘ความมืด’ บางส่วนของหอกปนเปื้อนด้วยของเหลวสีดำเหนียวหนืด บางส่วนถูกกัดกร่อนและแตกหักลงไปกระแทกใส่บันไดหิน บางส่วนกระเด็นกลับมาหาเดอร์ริค·เบเกอร์

ทุกส่วนเกิดความเสื่อมทรามในพริบตา

ได้เห็นฉากตรงหน้า เดอร์ริครีบเคลื่อนไหวตามสัญชาตญาณที่ถูกขัดเกลามานานหลายปีจากการฝึก จากหน่วยลาดตระเวน และจากหน่วยสำรวจแห่งเมืองเงินพิสุทธิ์ เด็กหนุ่มกระโดดไปข้างหน้าและกลิ้งม้วนตัว

ฉ่า!

เศษหอกสีดำพุ่งปะทะพื้นด้านหลังเดอร์ริคและกัดกร่อนบันไดหินเป็นวงกว้าง

ในเวลาเดียวกัน นักบุญสุริยันทำการซัดหอกเจิดจรัสบ้าง เกิดเป็นลำแสงสีขาวแหวกผ่านอากาศจนโลเฟียร์ต้องรีบสลับหนึ่งในดวงวิญญาณเพื่อ ‘บลิงค์’ เข้าไปประชิดตัวศัตรู

เรื่องน่าเสียดายก็คือ ในสภาพปัจจุบันเธอสามารถใช้ดวงวิญญาณได้พร้อมกันเพียงทีละหนึ่ง มิอาจใช้ ‘บลิงค์’ ควบคู่กับ ‘เรเพียร์เงิน’ เพื่อสะบั้นร่างนักบุญสุริยันจากระยะไกลได้เหมือนทุกที

ในอีกด้านหนึ่ง ศึกระหว่างไคลน์และ ‘เงา’ กำลังดุเดือดจนเหนือความคาดหมาย ท่ามกลางเสียงระเบิดของปืนใหญ่อัดอากาศและแสงสีแดงจากเปลวไฟที่ลุกท่วม เศษกระดาษจำนวนมากโปรยปรายเต็มสนามรบ ภาพลวงตากลายเป็นฟองอากาศหลังจากถูกทำลาย

หุ่นเชิดอัศวินสีเงินกำลังถูกส่งไปรับมือนักบุญผู้ชม เพราะไม่ว่ากายามังกรจิตจะทนทานสักเพียงใด แต่ย่อมไม่ใช่คู่มือของครึ่งเทพเส้นทางคนยักษ์ที่เชี่ยวชาญการรบระยะประชิด

แต่แน่นอน ฝ่ายนักบุญผู้ชมเองก็ไม่ได้รับบาดเจ็บสักเท่าไร เพราะท้ายที่สุด มันสามารถเผยร่างสัตว์ในตำนานได้อย่างปลอดภัย หากไม่ใช่เพราะศัตรูในคราวนี้เป็นเพียงหุ่นเชิด และไคลน์ยังเป็นถึงผู้วิเศษลำดับ 3 ที่ย่อยโอสถสมบูรณ์ แถมยังเคยเห็นร่างสัตว์ในตำนานมาแล้วมากมาย การแปลงมังกรของผู้ชมครึ่งเทพจะแผ่ออร่าที่สามารถแทรกแซงความคิดศัตรูจนค่อยๆ เปลี่ยนให้กลายเป็นบ้า

เมื่อไม่มีข้อได้เปรียบจากการเผยร่างสัตว์ในตำนาน นักบุญผู้ชมย่อมทำได้เพียงใช้พลังของนักสะกดจิตอย่าง ‘สะกดจิตต่อสู้’ เพื่อก่อกวนจิตใจเป้าหมายจนเกิดอาการ ‘รวน’ และโจมตีพลาดเป้าเป็นครั้งคราว จากนั้นก็จะฉวยโอกาสหลบหนีจากศึกระยะประชิดและเข้าสู่สถานะ ‘ล่องหนทางใจ’ เพื่อเตรียมลอบโจมตีไคลน์ทีเผลอ

จริงอยู่ที่นักสะกดจิตสามารถบังคับใช้ ‘สะกดจิตต่อสู้’ โดยไม่มีเงื่อนไขและทำให้ศัตรูเกิดอาการรวน แต่นั่นไม่ได้สร้างความเสียหายกับร่างกายศัตรูโดยตรงหรือทำลายจิตใจในระยะยาว และผลลัพธ์ก็จะคงอยู่ได้เพียงครู่เดียวเท่านั้น

แน่นอนว่าเป้าหมายการ ‘สะกดจิตต่อสู้’ ของนักบุญผู้ชมย่อมไม่ใช่หุ่นเชิดอัศวินสีเงินโดยตรง เพราะอีกฝ่ายไม่ต่างอะไรกับคนตายที่สามารถต้านทานพลังในขอบเขตจิตใจได้ทุกชนิด เป้าหมายที่แท้จริงคือการแทรกแซงความคิดไคลน์ ‘ที่ส่งมาถึงหุ่นเชิด’ ผ่านด้ายวิญญาณ ทำให้ข้อมูลที่หุ่นเชิดได้รับเกิดอาการ ‘รวน’ เป็นพักๆ จนมันเคลื่อนไหวผิดพลาด

อันที่จริง พลังชนิดนี้มีคุณสมบัติในเชิงแทรกแซงความคิดมากกว่าสะกดจิต ผลลัพธ์จึงไม่รุนแรงเท่าการสะกดจิตโดยตรง ครึ่งเทพเส้นทางผู้ชมหลายคนไม่สามารถใช้พลังนี้ได้เต็มประสิทธิภาพเพราะยังขาดประสบการณ์ที่เกี่ยวข้อง หรือไม่ก็ไม่ยอมศึกษาพลังพิเศษของตัวเองให้ถ่องแท้

สำหรับนักบุญผู้ชม มันทำมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว เพราะไม่ว่าจะเป็นพลัง ‘ช่วงชิงจิตใจ’ ‘พายุจิต’ หรือ ‘ลมหายใจจิต’ ล้วนไม่มีสิ่งใดส่งผลกับหุ่นเชิดทั้งสิ้น

แน่นอนว่ามังกรสีเทาที่ใบหน้าเป็นเงาดำพยายามเข้าประชิดตัวไคลน์หลายครั้ง หรือไม่ก็พยายามใช้พลังพิเศษพิสัยไกลเพื่อเล่นงานจิตใจ แต่ทุกครั้งก็จะถูกขัดขวางไว้โดยหุ่นเชิดอัศวินสีเงินเสมอ เพราะอีกฝ่ายมีท่าโจมตีที่สะดวกสบายอย่าง ‘เรเพียร์เงิน’ ที่สามารถบังคับให้ต้องหลบหนีไม่อาจนั้นอาจร่างระเบิด

ขณะไคลน์บังคับหุ่นเชิดก็คอยทิ้งระยะห่างจากนักบุญผู้ชมพลางพยายามจัดการกับ ‘เงา’ ไปพร้อมกัน แม้จะไม่ใช่งานที่ง่ายดาย แต่ก็มิได้หนักหนาสาหัสอะไร

ทันใดนั้นเอง สัมผัสวิญญาณไคลน์ถูกกระตุ้นจนเข้าสู่ภาวะตื่นตัวแบบพิเศษ สิ่งนี้จะเกิดขึ้นเฉพาะในยามถูกบุกรุกความฝันหรือจิตใจ

ด้วยสติกระจ่างชัด ไคลน์สั่งให้จิตใต้สำนึกบางส่วนของตนลอยสูงขึ้นฟ้าเพื่อคอยเฝ้ามองเกาะแห่งจิตเบื้องล่าง

จากนั้นก็เห็นเอ็นยูนที่ดูแก่ชราเจ้าของใบหน้าถูกคลุมด้วยเงาดำ เดินมาจากทะเลจิตใต้สำนึกรวมและพยายามเปิดประตูกายปัญญาของตน

นักบุญผู้ชมรายนี้ไม่พยายามแก้ไขจิตใต้สำนึกของไคลน์ สิ่งที่มันทำมีเพียงการสร้างลูกบอลแสงสีดำซึ่งมีหนวดรยางค์ยื่นออกมา ตามด้วยการเปลี่ยนลูกบอลดังกล่าวให้กลายเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ยากจะหาพบและทิ้งลงบน ‘พื้น’

เมล็ดพันธุ์ของโรคระบาดทางจิต!

โดยไม่รีรอ ไคลน์รีบสลับตำแหน่งกับหุ่นเชิดอัศวินสีเงินเพื่อป้องกันมิให้เมล็ดพันธุ์ฝังตัวลงบนเกาะแห่งจิตของตน

นักบุญผู้ชมย่อมค้นพบการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น แต่ไม่เพียงจะไม่ผิดหวัง มันยังเผยรอยยิ้มชั่วร้าย

นั่นเพราะมันแอบใช้ ‘บุคลิกเสมือน’ ของตัวเองหว่านเมล็ดพันธุ์ลงในเกาะแห่งจิตของหุ่นเชิดอัศวินสีเงินไว้นานแล้ว แม้สิ่งนี้จะไม่มีผลกับหุ่นเชิดโดยตรง แต่จะแอบกัดกร่อนเมื่อร่างต้นสลับตำแหน่งกับหุ่นเชิด

นี่เป็นเทคนิคการเล็งกัดกร่อนและแพร่เชื้อใส่เกาะแห่งจิต ไม่ใช่การโจมตีด้วยอาการทางจิตโดยตรง ส่งผลให้แม้แต่ ‘บุคลิกเสมือน’ ก็ยากจะตรวจพบหรือลบล้างโดยอัตโนมัติได้

เมื่อถึงตอนนั้น ปัญหาที่ไคลน์ปกปิดไว้ชั่วคราวด้วย ‘บุคลิกเสมือน’ จะปะทุออกอย่างหนักหน่วงไปยังบริเวณใกล้เคียง จิตใจและร่างกายจะเข้าสู่ภาวะใกล้คลุ้มคลั่งเต็มรูปแบบชนิดที่ไม่วันย้อนกลับไปได้อีก!

‘เงา’ ย่อมทราบเทคนิคนี้เป็นอย่างดี เพราะเฮอร์วิน·แรมบิสเคยทำสิ่งที่คล้ายกันมาก่อน

ขณะมันเผยรอยยิ้มพลางเย้ยหยันว่าไคลน์กำลังจะกลายเป็นคนบ้า หุนหัน หยิ่งผยอง มีบุคลิกเยี่ยงตัวตลก และหลงลืมบทเรียนในอดีต ‘เงา’ ทำการดีดนิ้วเพื่อเสกเปลวไฟสีแดงและกระโจนเข้าไปประจัญบานกับไคลน์

เศษกระดาษปลิวกระจัดกระจายอีกครั้งพร้อมกับฟองภาพลวงตาที่ทยอยแตกออก

แต่ผ่านไปไม่นาน ไคลน์ชะงักความเคลื่อนไหวกะทันหันก่อนจะเลื่อนแขนซ้ายที่ปกคลุมด้วยหนอนโปร่งใสขึ้นมาปิดใบหน้าฝั่งซ้าย

“ฮะฮะฮะ… ฮะฮ่าฮ่า!” มันหัวเราะอย่างบ้าคลั่งพลางควบคุมด้ายวิญญาณรอบตัวส่งเดชโดยไม่สนมิตรหรือศัตรู

บนแก้มฝั่งขวา ตุ่มเนื้อสีใสนูนออกมาคล้ายกันหนอนวิญญาณที่พยายามชอนไช

เมื่อ ‘เงา’ เห็นไคลน์เสียสติและใกล้คลุ้มคลั่งเต็มที ตัวมันที่กลัวว่าจะติดเชื้อจากโรคระบาดรีบเสกเปลวไฟสีแดงขึ้นมาห่อหุ้มร่าง

ในจุดที่ห่างออกไป ร่างของมันโผล่ขึ้นจากเปลวไฟที่ยังไม่มอด

ขณะเดียวกัน หุ่นเชิดอัศวินสีเงินที่กำลังโจมตีใส่นักบุญผู้ชมเกิดชักกระตุก เห็นได้ชัดว่ากำลังถูกควบคุมอย่างผิดปรกติ

หุ่นเชิดตัวดังกล่าวไม่แข็งแกร่งพอที่จะหยุดนักบุญผู้ชมในร่างมังกรสีเทาสีได้อีก ทำได้เพียงปล่อยให้เป้าหมายสยายปีกและบินขึ้นฟ้าไปยังทิศทางของไคลน์และเตรียมพ่น ‘ลมหายใจจิต’

นักบุญผู้ชมไม่คิดจะปล่อยให้ศัตรูที่ถูกเล่นงานด้วยโรคระบาดทางจิตได้พักหายใจนาน มันต้องการทำให้ไคลน์คลุ้มคลั่งเดี๋ยวนี้!

แต่ทันใดนั้นเอง การเคลื่อนไหวของมังกรจิตพลันเฉื่อยชาประหนึ่งข้อต่อถูกทาด้วยกาวเหนียว

วินาทีถัดมา แสงสว่างสีเงินพลันระเบิดออกจากร่างเนื้อของมันพร้อมกับทำลายร่างวิญญาณจนแหลกละเอียด

ไคลน์ที่กุมท้องหัวเราะอย่างบ้าคลั่งพลันเปลี่ยนท่าทีกลับมาเยือกเย็น ตามด้วยการลดมือซ้ายลงจากใบหน้าและยิ้มให้ ‘เงา’ ในจุดห่างไกล

ด้านหลังชายหนุ่ม คลื่นแสงสีเงินระลอกแล้วระลอกเล่ากระหน่ำฉีกทำลายร่างมังกรจิตอย่างโหดเหี้ยมจนกลายเป็นเศษเนื้อสีดำ จนกระทั่งซากศพเหล่านั้นเริ่มตกถึงพื้น หุ่นเชิดอัศวินสีเงินที่ถือดาบใหญ่ถอนสายตากลับไปจดจ้อง ‘เงา’ อย่างเย็นชา

มอง ‘เงา’ ที่เผยท่าทีสับสนอยู่สักพัก หนอนวิญญาณสีใสฝั่งซ้ายของใบหน้าไคลน์พยายามเรียงตัวกันเป็นมุมปากและยกขึ้น

“ดูเหมือนว่าจะไม่สังเกตสินะ… ฉันมีในสิ่งที่นายไม่”

……………………………………….

ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

       เป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป
ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่
     แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา
ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง
ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น
    ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว
หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’
หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม
ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด
หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด
แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป
พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง
แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย
    เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads แทงบอลออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน