Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล – ตอนที่ 193

ตอนที่ 193

วาห์นสงบสติลงเล็กน้อยขณะมุ่งหน้าลงไปชั้นล่าง

แม้ว่าร่างเต่าจะมีประสิทธิภาพในการโจมตีและป้องกันที่สูงมาก แต่ตอนนี้เขาจำเป็นต้องใช้ร่างพยัคฆ์ขาวมีเน้นความว่องไวและประสาทสัมผัสพิเศษเพื่อตามล่าศัตรูที่กำลังหลบหนี

เมื่อร่างกลับไปเป็นรูปแบบแรกแล้ว วาห์นก็เริ่มจับกลิ่นของพวกที่วิ่งหนีออกไปเมื่อกี้นี้ได้

มันเป็นกลิ่นเหม็นของเหงื่อและความหวาดกลัวที่รุนแรงมากจนเขารู้ทันทีว่าต้องไปทางไหน

แม้จะสัมผัสได้ถึงพวกมันหลายคนขากพลังเขตแดน แต่วาห์นก็ไม่มีเวลามานั่งไล่จับกุมทีละคนและได้แต่ใช้ [เอ็นคิดู] เพื่อจัดการกับพวกที่พยายามซ่อนตัวตามทาง

เขาไม่ได้โจมตีใครถึงตาย แต่ก็ทำให้หลายคนบาดเจ็บหนักด้วยการเล็งโซ่ไปที่ต้นขาแทน

วาห์นสันนิษฐานว่าไม่ใช่ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการลักพาตัวในครั้งนี้ ดังนั้นเขาจึงปล่อยพวกมันไว้แบบนี้ไปก่อน

ในที่สุดวาห์นก็ลงไปถึงชั้นใต้ดินชั้นที่ 6

แม้ว่าจะมีห้องอยู่จำนวนหนึ่ง แต่พื้นที่ส่วนใหญ่ในชั้นนี้นั้นประกอบไปด้วยทางเดินตามยาวที่นำไปสู่ห้องขนาดใหญ่ซึ่งเป็นสถานที่ที่ออร่าทั้งสี่จุดเคยอยู่ก่อนหน้านี่

วาห์นสังเกตเห็นว่ามีเตียงขนาดใหญ่, เครื่องมือและเครื่องพันธนาการมากมาย, เก้าอี้คล้ายบัลลังก์ที่อยู่ตรงกลาง, เก้าอี้หรูหรารอบๆ และโต๊ะยาวที่มีอาหารกับเครื่องดื่มวางทิ้งไว้เกลื่อนกลาด

ตรงด้านหลังบัลลังก์นั้นมีทางลับซ่อนอยู่ซึ่งวาห์นก็รีบทำลายผนังทิ้งอย่างรวดเร็วก่อนจะเดินเข้าไปช่องทางที่ดูคล้ายอุโมงค์หลบหนี

เขาเดินตามกลิ่นต่อไปเรื่อยๆ ขณะหลบกับดักตามทางโดยใช้เคลื่อนย้ายในพริบตาซึ่งก็ว่องไวมากซะจนกับดักเพิ่งจะทำงานหลังเขาผ่านไปแล้ว

หนึ่งในคุณสมบัติที่ดีที่สุดของมันก็คือ ‘การเคลื่อนที่แบบทันที’ ระหว่างจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งด้วยความเร็วสูงสุด

ถ้าเขาสามารถฝึกวิชานี้จนสมบูรณ์ กับดักก็คงไม่ทันจะได้ทำงานด้วยซ้ำ

ในที่สุดวาห์นก็มาถึงตรงแยกที่มีทางเดินกระจายออกไปหลายสายและสัมผัสได้ว่ากลิ่นนั้นกระจัดกระจายกันออกไป

รู้สึกพื้นตรงนี้ยังมีกลไกขจัดกลิ่นด้วย แต่วาห์นก็รู้ว่าพวกมันไปทางไหนกันบ้างโดยดูจากการไหลเวียนของอากาศ

ทางที่มีคนผ่านไปเมื่อเร็วๆ นี้นั้นจะมีการไหลเวียนที่ผิดปกติ ดังนั้นต่อให้วาห์น ‘ดมกลิ่น’ ต่อไปไม่ได้ เขาก็ยัง ‘สัมผัส’ พวกมันได้อยู่ดี

แม้อยากจะลองเลือกทางที่คิดว่าใช่มากที่สุด แต่ก็มีอยู่เส้นทางหนึ่งซึ่งมีการไหลเวียนของอากาศที่แปลกจนผิดสังเกต

วาห์นเดาว่านี่คือเส้นทางที่ถูกต้องเนื่องจากความผิดปกตินั้นอาจเป็นผลมาจากออร่าขนาดใหญ่ของเทพหรือเทพธิดา

เขาสังเกตเห็นว่าจากออร่าทั้งสี่จุดนั้น มีอยู่จุดหนึ่งที่ใหญ่กว่าเพื่อนซึ่งบ่งบอกว่าน่าจะเป็นตัวหัวหน้าหรือก็คือเทพของแฟมิเลียที่อยู่เบื้องหลังการลักพาตัวครั้งนี้นั่นเอง

และถึงไม่ใช่ทุกคนที่จะมีมัน แต่เมื่อวาห์นตรวจสอบร่างของบางคนแล้วก็พบว่าส่วนใหญ่มีตราสัญลักษณ์แบบเดียวกันที่แผ่นหลังและน่าจะอยู่แฟมิเลียอาชญากรรมเดียวกันแม้ว่าแม็คเกอร์จะไม่ยอมบอกชื่อออกมาก็ตาม

สัญลักษณ์ที่เขาพบนั้นเป็นรูปหน้ากากเกลี้ยงซึ่งมีช่องที่ตาและมีดสองเล่มไขว้อยู่ด้านหลัง

ถึงไม่อยากจะตัดสินอะไรจากรูปร่างภายนอก แต่วาห์นก็อดคิดไม่ได้ว่านี่ต้องเป็นตราของเทพชั่วร้ายแน่นอน (TL: ฟาฟเนียร์ของเอ็งนี่ดูมีคุณธรรมสุดๆ อ่ะ)

เนื่องจากวาห์นรู้เรื่องอิทธิพลของพลังศักดิ์สิทธิ์มาแล้ว เด็กหนุ่มจึงไม่คิดว่าเทพองค์นี้จะแย่โดยสันดาน แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะปล่อยให้ลอยนวลไปเฉยๆ

หากเขาไม่ได้คำตอบที่น่าพอใจล่ะก็… จะทำให้เรื่องมันวุ่นวายกว่านี้ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่วาห์นคิดเผื่อไว้แล้ว

ไม่กี่นาทีหลังเดินเข้ามาในเส้นทางขนาดเล็ก วาห์นก็ไม่พบกับดักอะไรอีกเลย

เขาเริ่มเร่งความเร็วขึ้นจนสัมผัสได้ถึงออร่าสองจุดในระยะ 311 เมตรทางด้านหน้า

ข้างๆ ทางนั้นไร้ซึ่งแสงสว่าง แต่สายตาจากร่างพยัคฆ์ขาวก็ทำให้วาห์นมองเห็นทั้งคู่ได้อย่างชัดเจน

คนแรกเป็นชายรูปร่างกำยำ ส่วนอีกคนนั้นมีรูปร่างบอบบางและตัวเล็กมาก

แม้ว่าวาห์นจะใช้สกิลอำพรางตัวอยู่ แต่ชายคนนั้นกลับหันมามองและเผยให้เห็นดวงตาที่กำลังเปล่งแสงสีเหลืองซึ่งบ่งชี้ว่าเขาเองก็มองเห็นในที่มืดได้เช่นกัน

ไม่นานร่างเล็กที่อยู่ถัดจากชายคนนั้นก็หันกลับมาก่อนจะจ้องมาทางวาห์นด้วยดวงตาสองสี

ข้างหนึ่งส่องประกายราวกับพลอยสีม่วง ในขณะที่อีกข้างมีสีฟ้าที่ดูเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง

ดวงตาทั้งสองข้างกำลังเรืองแสงอยู่ในความมืดไม่ต่างกับชายที่ยืนอยู่ข้างๆ

วาห์นตั้งท่าต่อสู้แบบลดตัวลงต่ำก่อนจะเคลื่อนตัวเข้าไปหาทั้งคู่ที่ดูจะไม่ค่อยสนใจท่าทางของเขาเท่าไหร่

เมื่อวาห์นเข้ามาในระยะ 50 เมตร ร่างเล็กๆ ก็เปิดปากก่อนจะตามมาด้วยเสียงแหลมสูง

“นายก็คือวัลแคน วาห์น เมสันสินะ”

ดูเหมือนว่าเธอจะรู้สึกสนุกไปกับการที่เขาตามรอยมาถูกและเริ่มหัวเราะอย่างร่าเริงก่อนจะพูดต่อ

“คูจิ จับหมอนั่นให้หน่อยสิ~!”

เมื่อสิ้นคำพูดของเธอ ชายผู้ที่วาห์นเพิ่งตระหนักว่าเป็นเผ่ามนุษย์เสือที่ชื่อคูจิก็พุ่งเข้าหาเขาด้วยท่าร่างที่ใกล้เคียงกับตน

เขาดูคล่องแคล่วอย่างไม่น่าเชื่อ แต่วาห์นก็ยังไวกว่าด้วยการใช้เคลื่อนย้ายในพริบตา

คูจิดูประหลาดใจกับความเร็วของวาห์นและถามขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มลึก

“สกิลงั้นเหรอ? หรือว่าเป็นเวทมนตร์บางอย่าง?”

วาห์นปรากฏตัวห่างจากเขาไป 20 เมตรและไม่ได้ตอบคำถามก่อนจะติดตั้งชุดเซ็ตเต่าทมิฬและพุ่งเข้าใส่คูจิด้วยความเร็วที่ทำให้อากาศใกล้ตัวระเบิดออก

ในฐานะที่เป็นนักผจญภัยเลเวล 4 คูจิจึงไม่รู้สึกกลัวพลังหมัดของวาห์นมากเท่าไหร่นัก

ถึงจะดูออกว่าวาห์นคงพอรู้ศิลปะการต่อสู้อยู่บ้าง แต่คูจิก็ไม่คิดว่าเด็กหนุ่มจะสามารถเอาชนะเขาแบบชนกันตรงๆ ได้

คูจิไม่คิดจะหลบการโจมตีแถมยังพุ่งไปข้างหน้าและใช้กรงเล็บอันแหลมคมของตนเพื่อเข้ารับหมัดของวาห์นไว้

สีหน้าของวาห์นไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อยหลังจากที่ชายเผ่าเสือเข้ามารับการโจมตี

แม้จะรู้ว่าชายผู้นี้น่าจะแข็งแกร่งกว่าตนเองมากเมื่อพิจารณาจากเผ่าพันธุ์และขนาดตัวที่แตกต่างกัน แต่วาห์นก็มีข้อได้เปรียบอย่างหนึ่งที่คูจิคาดไม่ถึงแน่นอน

ทันทีที่หมัดชนกับกรงเล็บของคูจิ เกราะแขนของวาห์นก็ส่องแสงสีเขียวและยับยั้งไม่ให้พลังโจมตีถูกอีกฝ่ายสลายออก

วาห์นเริ่มเพ่งการโจมตีไปที่จุดเดียวโดยใช้ [เพลงหมัดโจมตี] และเล็งตรงสุดปลายแขนของคูจิซึ่งทำให้เกิดแรงระเบิดขนาดย่อมๆ

ชายเผ่าเสือเผยสีหน้าตกใจสุดขีดก่อนที่แขนของเขาจะระเบิดจากข้างในและกลายเป็นเศษเนื้อห้อยต่องแต่ง

แม้ว่าแขนข้างนั้นจะยังไม่ขาดออกเป็นสองท่อน แต่เขาก็คงใช้มันไม่ได้ไปอีกนานแสนนาน

น่าประหลาดใจที่คูจิดูไม่สะทกสะท้านจากอาการบาดเจ็บเท่าไหร่นัก ก่อนที่เขาหมุนตัวไปรอบๆ และเตะวาห์นเข้าที่ช่องท้องด้วยแรงมหาศาลจนเด็กหนุ่มกระเด็นไปติดกำแพง

วาห์นรู้สึกมึนงงหน่อยๆ แต่เขาก็สามารถยกแขนขึ้นมากันลูกเตะดอกที่สองได้ทันเวลา

เขาสังเกตเห็นว่าคูจินั้นมีสายตาที่บ้าคลั่งและกระหายเลือดมากจนผิดปกติ ก่อนจะเข้าใจทันทีว่าชายหนุ่มคงใช้สกิลหรือไม่ก็ตัวยาบางอย่างเพื่อเพิ่มความสามารถในการต่อสู้

คูจิยังบ้าบิ่นถึงขนาดใช้แขนข้างที่ขาดวิ่นโจมตีเข้ามาด้วย ดังนั้นวาห์นจึงคิดว่าน่าจะเป็นการใช้ยาแน่นอน

เขาถีบตัวออกจากกำแพงก่อนจะใช้เคลื่อนย้ายในพริบตาเพื่อเข้าใกล้เทพธิดาที่เฝ้าดูการต่อสู้ด้วยท่าทางตื่นเต้น

เธอสังเกตเห็นว่าวาห์นกำลังพยายามทำอะไรก่อนจะส่งเสียงไม่พอใจ

“เฮ้อ~! ไปสู้กับคูจินู่นไป ไม่ต้องมาทางนี้!”

หลังจากที่เธอพูดจบ วาห์นก็เห็นดวงตาสองสีเริ่มเปล่งประกายมากกว่าเดิมก่อนจะมีแสงมาเข้าปกคลุมร่างของเธอไว้จนทางเดินเริ่มสั่นสะเทือน

เธอพยายามใช้พลังศักดิ์สิทธิ์เพื่อทำให้เขากลัว แต่วาห์นแค่ขมวดคิ้วและพุ่งเข้าไปต่อซึ่งก็อยู่เหนือคาดหมายของเทพสาว

เทพลึกลับถอนหายใจก่อนจะยกมือของเธอขึ้นและส่งคลื่นแรงกดดันไปทางวาห์นเพื่อหยุดเขาไว้

เธอไม่ชอบคนที่เพิกเฉยคำสั่งของตนเหนือสิ่งอื่นใด และอยากจะสอนบทเรียนเล็กๆ น้อยๆ ให้ก่อนจะเล่นกับเด็กหนุ่มต่ออีกหน่อย

แต่ก็เป็นอีกครั้งที่พลังศักดิ์สิทธิ์เคลื่อนผ่านร่างของวาห์นไปโดยไม่มีผลกระทบใดๆ ทั้งสิ้นจนเทพสาวเริ่มรู้สึกเหงื่อตกเป็นครั้งแรก

วาห์นพุ่งต่อไปก่อนจะใช้เคลื่อนย้ายในพริบตาเพื่อเข้ามาที่ด้านหลังและจ่อดาบ [007] เข้าที่คอของเธอและถามขึ้น

“ทำไมถึงจับมิลานกับทีน่ามา? ทั้งหมดนี่มันเพื่ออะไรกัน!?”

แม้พลังศักดิ์สิทธิ์จะส่งผลอย่างรุนแรงกับคนส่วนใหญ่ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเทพจะเป็นนักสู้ที่เก่งกาจ

เว้นแต่ว่าเทพธิดาที่อยู่ตรงหน้าเขาจะยอมแหกกฎและใช้อาร์คานั่มออกมา เธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีกนอกเสียจากว่าจะยอมไปฝึกฝนตัวเองจนแข็งแกร่งแบบมนุษย์ทั่วไป

พอได้ยินคำถามของวาห์น เทพธิดาก็เริ่มหัวเราะพร้อมกับตะโกนอย่างไม่สนใจ

“คูจิ โจมตีต่อสิ~! ดูเหมือนหมอนี่จะเป็นประเภทที่ไม่ทำร้ายผู้หญิงล่ะ~”

วาห์นได้ยินแบบนั้นแล้วก็ต้องถอยออกไปก่อนที่กริชสีดำที่มีกลิ่นเหม็นฉุนจะแทงเข้าตรงที่ๆ ศีรษะของเขาเคยอยู่

ที่จริงแล้ววาห์นไม่ได้มีปัญหากับเรื่องที่ศัตรูเป็นผู้หญิง แต่เขาแค่อยากได้คำตอบก่อนจะลงมือทำอะไรลงไปก็เท่านั้นเอง

แม้ว่าเทพหรือเทพธิดาจะทำเรื่องเลวร้าย แต่การที่มนุษย์อาจเอื้อมไปทำร้ายเทพนั้นก็เป็นสิ่งที่ไม่น่าให้อภัยเป็นอย่างยิ่ง

แม้ว่าเขาจะเป็นฝ่ายถูกกระทำก่อน แต่เหล่าทวยเทพคงจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ และวาห์นอาจจบลงด้วยการถูกคุมขังหรือไม่ก็เนรเทศหลังจากเหตุการณ์นี้จบลง

แม้เด็กหนุ่มจะไม่ได้ประสงค์ร้ายกับเทพองค์อื่นแต่พวกเขาก็จะเกิดความกลัวว่าวาห์นอาจทำอะไรที่ดูอาจหาญกว่าเดิม เพราะขนาดฆ่าเทพเขายังทำมาแล้วเลย

ตามข้อปฏิบัติของแฟมิเลียนั้น เด็กๆ จะสู้กับเด็กๆ คนอื่น ส่วนเรื่องเทพนั้นก็ต้องปล่อยให้เทพองค์อื่นเป็นคนจัดการแทน

เนื่องจากเธอไม่เต็มใจที่จะตอบคำถามของเขาแม้จะโดนดาบจ่อคอ วาห์นจึงต้องกลับไปจัดการกับคูจิเสียก่อน

แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีออร่าสีดำเหมือนกับคนอื่นๆ แต่ถ้าทุกอย่างยังเป็นแบบนี้ต่อไปล่ะก็… วาห์นก็จะไม่ลังเลเช่นกัน

ซึ่งความอดทนของเขานั้นได้หมดลงทันทีที่คูจิพุ่งเข้ามาและพยายามโจมตีด้วยมีดแทนการสู้ด้วยมือเปล่า

วาห์นดึง [เลวาไทน์] ออกมาและแทงไปตรงช่องท้องของคูจิก่อนจะเริ่มใช้คุณสมบัติพิเศษในการเผาไหม้เพื่อย่างสดชายหนุ่มทันที

แม้ว่าจะโดน [เลวาไทน์] จนลำไส้เริ่มไหม้เกรียม คูจิก็ขว้างมีดไปข้างหน้าและปักลงตรงหน้าอกด้านขวาของวาห์น

ทั้งคูจิและเทพธิดาลึกลับเริ่มหัวเราะเมื่อเห็นแบบนั้น แต่วาห์นก็ดึงมันออกด้วยมือซ้ายพร้อมกับยันร่างของคูจิด้วยมือขวา

บาดแผลของเด็กหนุ่มเริ่มฟื้นฟูอย่างช้าๆ จนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ก่อนที่วาห์นจะส่งพลังงานเข้าไปใน [เลวาไทน์] และระเบิดช่องท้องของคูจิ

ชายหนุ่มอาเจียนออกมาเป็นเลือดก่อนจะทรุดลงจากอาการบาดเจ็บสาหัส

วาห์นปล่อยให้ร่างของเขาหลุดจาก [เลวาไทน์] ขณะที่เทพธิดาตัวเล็กเริ่มปรบมืออย่างตื่นเต้น

“ยอดมาก~! ทำได้ดี~!”

จากนั้นเธอก็เดินมาข้างหน้าด้วยท่าทางร่าเริงแต่ก็อยู่ห่างระยะอาวุธของวาห์นขณะเริ่มพูดต่อ

“แต่แย่หน่อยนะที่หยุดมีดไม่ทัน~! ดูเหมือนว่าสุดท้ายแล้วฉันก็ยังชนะอยู่ดี!”

เธอเริ่มหัวเราะอีกครั้งก่อนจะเตะร่างของคูจิบนพื้น

“โห หมอนี่ยังไม่ตายนี่นา~? นายนี่มันใจอ่อนจังเลยนะ~”

เมื่อเห็นสีหน้าที่ดูไม่เปลี่ยนแปลงของวาห์น เธอก็คิดว่าเขาคงกำลังเล่นละครว่าไม่เป็นไรก่อนจะเริ่มอธิบายอย่างภูมิใจ

“กริชนั่นถูกเคลือบด้วยพิษร้ายแรงซึ่งมีแต่ฉันเท่านั้นที่รู้สูตรยาถอนพิษ

ถ้ายังอยากอยู่ต่อล่ะก็จงวางอาวุธและทำตัวดีๆ ด้วย”

จากนั้นเธอก็เริ่มหัวเราะขณะยื่นขวดแก้วเล็กๆ ออกมาข้างหน้า

“แล้วจะเอายังไงต่อดีล่ะ คุณวัลแคน~?

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Status: Ongoing

เรื่องย่อโดยผู้แต่ง

วาห์นชายหนุ่มผู้ที่มีความผิดปกติ เนื่องจากการกลายพันธุ์ที่หายาก เลือดของเขาจึงมีความสามารถซ่อนเร้นที่ทำให้เป้าหมายและความเสียหายที่เกิดจากโรคร้ายที่อยู่ภายในร่างกายมนุษย์

ถูกขจัดออกไปในโดยการรักษาครอบจักรวาล เหล่าผู้คนจึงต่างเชิดชูบูชาสถานะของเด็กหนุ่มเหนือกว่าผู้ใดทั้งสิ้นและมอบชื่อให้เขาว่า “ยารักษาสารพัดโรค” ในข่าว

เขาได้รับการยกย่องเป็นเหมือนกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่จะนำพายุคสมัยแห่งใหม่หรือคุณภาพชีวิตมนุษย์ที่ดีมาถึง อย่างไรก็ตาม ฉากที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้สดใสเลย

เนื่องจากปัจจัยเฉพาะบางอย่าง วาห์นจึงใช้เวลาช่วงวัยรุ่นทั้งหมดถูกกักขังอยู่ในห้องทดลองกับนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย และทีมวิจัยที่ใช้ร่างกายและเลือดของเขาเพื่อทำการทดลองที่ไม่มีที่สิ้นสุด

สิ่งปลอบใจความทุกข์ทรมานเพียงอย่างเดียวของเขาคืออนิเมะทั้งหลายและหนังสือการ์ตูนที่มีให้เขาดูในระหว่างการทดลอง เขามักจะจินตนาการว่าตนเองเป็นตัวเองที่อยู่ในโลกของตนเอง

dและสุดท้ายเขาก็สามารถควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้ เป็นเวลาหลายปีที่เขาเก็บรักษาความปราถนานี้เอาไว้ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในวัย 14 ปีขณะที่มีองค์กรพยายามลักพาตัวเขาออกจากห้องทดลอง…

“ในที่สุด ผมก็ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้ว…”

นี่เป็นความคิดสุดท้ายของวาห์นในขณะที่เขาค่อยๆจางหายไปในห้วงแห่งความมืดอันไร้สิ้นสุด…

“ดวงวิญญาณที่น่าสงสาร”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads แทงบอลออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน