Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล – ตอนที่ 299

ตอนที่ 299

ตอนที่ 299 แบตเตอรี่

หลังจากพักทานมื้อเที่ยงเสร็จแล้ว วาห์นก็เริ่มคิดเรื่องแผนการเพิ่มแต้ม OP ในอนาคตเผื่อเอาไว้ใช้ยามจำเป็น

ช่วงนี้รู้สึกว่าเขาจะใช้มันแบบไม่บันยะบันยังไปหน่อย แต่วาห์นคิดว่าทุกครั้งมันคุ้มค้าแล้ว

ถ้ากลับไปตีเหล็กอีกครั้ง วาห์นก็จะได้รับ OP วันละสองถึงสามพันแต้ม ปัญหาก็คือต่อไปเขาอยากจะสร้างอุปกรณ์ให้คนใกล้ตัวใช้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น

ถ้าจำเป็นจริงๆ มันก็ทำได้อยู่หรอก แต่ตอนนี้เขาอยากทำอย่างอื่นมากกว่าง่วนอยู่แต่ในโรงหลอมทั้งวัน

อีกเหตุผลก็คือการอยู่แต่ในห้องเดิมๆ นั้นมันดูคล้ายกับชีวิตก่อนของตัวเองไม่มีผิดเลย…

ตอนนี้ก็ไม่ต้องห่วงเรื่อง ‘คุ้มกัน’ ฮารุฮิเมะแบบที่ผ่านๆ มาแล้ว วาห์นก็เลยหันเหความสนใจอออกไปจากการสร้างไอเท็มเพื่อฟาร์มแต้ม

พอนึกถึงตอนได้สู้กับทีโอเน่และทัมมุซรวมถึงตอนที่เข้าไปในดันเจี้ยนใหม่ๆ วาห์นก็ฉุกคิดบางอย่าง

‘หรือว่าเราจะเป็นพวกบ้าต่อสู้หน่อยๆ?’

ช่วงนี้ผ่านมานั้นมีเหตุการณ์เกิดขึ้นต่อเนื่องจนขยับตัวไม่ค่อยสะดวก แต่ตอนนี้สยายปีกได้แล้วนี่นา…

ความรู้สึกเป็นอิสระถูกปลดปล่อยออกมาพร้อมกับความคิดเรื่อง ‘การต่อสู้ในครั้งต่อๆ ไป’

เขาไม่อยากจะเสวนากับเจ้าค่ากรรมเลยสักนิด แต่ยิ่งค่ากรรมดีเยอะมากเท่าไหร่ เรื่องบางอย่างก็จะเกิดขึ้นตามมาเสมอ นี่คือสิ่งที่ไม่อาจเลี่ยงได้

ยิ่งมันเยอะมากขึ้น อุปสรรคหรือศัตรูก็จะร้ายแรงตามไปด้วย

ด้วยเหตุนี้ วาห์นก็เลยต้องเพิ่มพลังให้กับคนรอบข้างโดยเร็วที่สุด

วาห์นตัดสินใจแล้วว่าจะช่วยฝึกเฟนเรียร์ตามแผนที่ตัวเองได้วางไว้กับริวและอาคิ

เฟนเรียร์คือเด็กสาวที่มีศักยภาพน่าเหลือเชื่อและไม่เคยกลัวเกรงอะไรทั้งสิ้น นับเป็นหนึ่งในสมาชิกคนสำคัญของการสำรวจดั้นเจี้ยนชั้นล่าง

จากนั้นก็ต่อด้วยคนที่มีศักยภาพรองลงมาอย่างฮารุฮิเมะ เพราะเวทมนตร์เพิ่มเลเวลกับสกิลแฝงของเธอนั้นเป็นอะไรที่จะขาดไปไม่ได้เลย

ตอนนี้เวทมนตร์ [อูจิเดะ โนะ โคซูจิ] ของเธออยู่ที่ระดับ B ซึ่งก็หมายความว่ามันยังมีโอกาสเติบโตได้มากกว่าเดิม

[โคโคโนเอะ] ที่อยู่ระดับ D เองก็เช่นเดียวกัน

วาห์นคิดว่าฮารุฮิเมะยังขาดสกิลเสริมอย่าง [จอมเวท] และ [นักล่า] แต่เรื่องนี้แก้ได้ไม่ยากเพราะเขาพอจะรู้วิธีพัฒนาพวกมัน

เขาคิดว่าเรนาร์ดสาวน่าจะสมัครใจฝึก แต่ยังไงก็ต้องถามกันให้แน่ชัดก่อน เพราะนี่เป็นเรื่องที่ยากพอควร

เงื่อนไขในการได้รับสกิล [นักล่า] ก็คือล่ามอนสเตอร์ 1000 ตัวภายในระยะเวลา 72 ชั่วโมง

ส่วนข้อจำกัดก็คือต้องทำตามเงื่อนไขในระหว่างที่เป็นเลเวล 1

หลังจากทำตามเงื่อนไขหมดแล้ว สกิลก็จะปรากฏออกมาเมื่อเลื่อนขั้นเป็นเลเวล 2

[นักล่า] คือสกิลที่เป็นที่ต้องการอย่างมาก พอๆ กันกับสกิลที่ช่วยลดความเสี่ยงอย่าง [โชคลาง] เลยทีเดียว (TL: [Luck])

อีกไม่นานฮารุฮิเมะก็จะได้ลงสนามจริงแล้ว วาห์นก็เลยเริ่มร่างแบบอุปกรณ์บางอย่างให้กับเธอ

ช่วงนี้หญิงสาวเริ่มหันมาสวมกิโมโนแบบสั้นคล้ายกับของมิโคโตะ วาห์นก็เลยอยากทำอุปกรณ์ที่ไม่จำกัดความเร็วจนเกินไปนัก

ของชิ้นแรกคงหนีไม่พ้นกางเกงขาสั้น เพราะเขาไม่อยากเห็นเธอโชว์ชั้นในในระหว่างที่เคลื่อนไหวไปมาในดันเจี้ยน

ตอนฝึกช่วงเช้านั้นวาห์นได้เห็นมันบ่อยมาก จะเรียกว่าดู ‘น่าสนใส’ ก็คงได้ แต่ถ้าให้คนนอกมาเห็นเข้าก็คงไม่ดี

เขาจะไปบอกให้เธอใส่ขาสั้นแบบริว หรือไม่ก็ขาสั้นรัดรูปแบบอาคิดีล่ะ…

หนึ่งชั่วโมงต่อมา วาห์นก็ร่างภาพฮารุฮิเมะที่อยู่ในความทรงจำออกมาเสร็จเรียบร้อย ต่อไปก็คือการออกแบบชุดต่อสู้ที่เหมาะกับเธอ

สำหรับตอนนี้ เขาจะวาดให้เธอใส่กิโมโนสีแดงที่มีโอบิสีดำและติดผ้าคลุมไว้ด้านหลัง

เพราะเธอชอบเคลื่อนไหวคล้ายกับการเต้นรำ วาห์นเลยนำชุดของ ‘มิโกะ’ จากทวีปตะวันออกมาใช้เป็นฐาน

ฮารุฮิเมะยังมีสกิลแฝงที่ชื่อ [ธิดาเทพแห่งจันทรา] ซ่อนอยู่ด้วย ถ้าสวมชุดที่ใกล้เคียงกัน โอกาสที่มันจะตื่นก็อาจมีมากขึ้นล่ะมั้ง?

สำหรับอาวุธนั้นวาห์นตัดสินใจร่างดาบไม้ให้เธอไปก่อน

ลักษณะของดาบไม้ดูคล้ายกับอาวุธของริวมาก แต่มันก็มีลวดลายและดูเป็นพิธีการมากกว่า

ถึงเจ้าตัวอยากจะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาค่าความคล่องแคล่ว แต่ค่าสถานะหลักของเธอยังไงก็คงหนีไม่พ้นค่าพลังเวท

วาห์นหวังว่าฮารุฮิเมะจะได้รับเวทมนตร์โจมตีเพิ่มอีกสักสองสามอย่างเพื่อที่จะได้เอามาควบคู่กับเวทมนต์สนับสนุนของเธอ

จากนั้นวาห์นก็ตบท้ายด้วยการออกแบบสนับแข้งและกำไลข้อมือให้กับฮารุฮิเมะ ส่วนสาเหตุที่เป็นสนับแข้งก็เพราะว่าเธอดูไม่ค่อยชอบสวมถุงน่องสักเท่าไหร่ นี่เขายังออกแบบสร้อยคอให้เธอเป็นของแถมด้วย

หลักๆ ก็คืออยากทำให้พวกมันเป็นชุดเซ็ตที่ช่วยเพิ่มพลังเวท พลังป้องกัน และมีความต้านทานต่อพลังธาตุ

ถึงท่อนขาของเรนาร์ดสาวจะยาวเรียวและดูงดงามมากแค่ไหน แต่ดันเจี้ยนชั้นล่างนั้นค่อนข้างหนาวเย็น เขาก็เลยกลัวว่าเธอจะเป็นหวัด

—————
ผลงาน.ถูกขโมยมาจาก: EP:IC Translation และ Thai Novel : https://bit.ly/34ApcTP

—————

หลังจากวาดแบบจนพอใจแล้ว จู่ๆ วาห์นก็นึกถึงเรื่องที่คุยกับไอส์และเลฟิย่า เขาจึงใช้เวลาอีกเล็กน้อยเพื่อออกแบบชุดชั้นในที่เหมาะกับฮารุฮิเมะ

ช่วงที่ผ่านมานั้นเธอมักจะลืมสวมยกทรงบ้างล่ะ กางเกงในบ้างล่ะ ทำให้มิโคโตะต้องคอยตามเช็คเกือบตลอด

วาห์นหวังว่าหลังจากได้รับของที่เขาออกแบบให้เธอโดยเฉพาะ ฮารุฮิเมะคงจะแก้นิสัยขี้หลงขี้ลืมนี่ไปได้บ้าง

อาจจะดูเหมือนว่าวาห์นกำลังเอาความรู้สึกที่เธอมีให้มาใช้ประโยชน์ แต่บางครั้งความเอ๋อก็เธอก็ทำให้เขารู้สึกกังวลแทนจริงๆ

หากไม่ได้ใช้ห้องร่วมกับมิโคโตะล่ะก็ รับรองว่าเธอคงนุ่งลมห่มฟ้าเกือบทุกวัน

เขาคิดว่าเธอคงติดนิสัยนี้มาจากการ ‘ฝึกงาน’ ตอนอยู่อิชทาร์แฟมิเลีย… นับเป็นการฝึกงานที่เปล่าประโยชน์และควรถูกลบออกจากสมองโดยเร็วที่สุด

เพราะยังเหลือเวลาว่างอีกหลายชั่วโมง วาห์นจึงตัดสินใจเริ่มทำเครื่องประดับตอนนี้เลย

การสร้างอุปกรณ์ชิ้นอื่นๆ อาจต้องใช้เวลาอีกหลายวัน แต่แค่ของเล็กๆ น้อยๆ คงไม่กินเวลามากเท่าไหร่ อันที่จริงเขาน่าจะสร้างของคล้ายๆ กันให้กับมิโคโตะด้วย

เพราะพวกเธอสนิทกันมาก วาห์นก็เลยอยากช่วยส่งเสริมมิตรภาพของทั้งสอง

ลำดับต่อไปก็คือการสร้าง ‘แบตเตอรี่พลังเวท’ ขึ้นมา

แบบนี้พวกที่ใช้เวทมนตร์หนักๆ จะได้มีแหล่งพลังงานสำรองไว้ใช้ยามฉุกเฉิน

ที่จริงมันดูคล้ายกับวิธีที่เวลฟ์ใช้ [สายเลือดครอซโซ่] มาก แต่วาห์นคิดว่าการใช้ ‘พลังงานต้นกำเนิด’ ของตัวเองน่าจะมีประสิทธิภาพมากกว่า

รูปแบบที่คิดไว้ก็เป็นพวกเครื่องประดับเล็กน้อย วาห์นจึงนำมิธริล โอริแคลคัม อะดาแมนไทน์มาผสานรวมกัน

งานที่ยากสุดๆ ก็คือการหาสิ่งที่สามารถบรรจุมานาได้ เพราะวัตถุดิบและอัญมณีส่วนใหญ่นั้นมีคุณสมบัติเป็นตัวกระตุ้นและเสริมพลังเวท ไม่ใช่ภาชนะบรรจุ

วาห์นลองใช้วิธีตามแบบของ [สายเลือดครอซโซ่] โดยเจาะภายในแกนของเครื่องประดับที่เป็นมิธริล จากนั้นเขาก็ซื้อเข็มฉีดยาจากระบบและเริ่มเจาะเลือดตัวเองออกมาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์

‘…วันนี้มีแต่เรื่องชวนให้คิดถึงตอนอยู่ในห้องทดลองแฮะ’

ช่องว่างที่เจาะไว้ในแกนกลางนั้นมีขนาดเล็กมาก แค่ใส่เลือดหยดเดียวก็เต็มแล้ว แต่วาห์นอยากรู้ว่าเลือดจะอยู่ในหลอดฉีดยาได้นานแค่ไหน เขาก็เลยดูดมันออกมาจนเต็มปริมาณ

เพราะในชีวิตก่อน เลือดของวาห์นจะอยู่นอกร่างกายได้ไม่เกิน 24 ชั่วโมงก่อนที่มันจะสลายกลายเป็นฝุ่น

วาห์นไม่ค่อยอยากวิจัยเรื่องเลือดของตัวเองเท่าไหร่นัก ต่อให้รู้อยู่แก่ใจว่ามันอาจเป็นวัตถุดิบที่มีค่าที่สุดในโลก โดยเฉพาะในแง่ของการเล่นแร่แปรธาตุ

หนึ่งในเหตุผลที่วาห์นลองใช้เลือดตัวเองก็เพราะว่า แม้จะดูเหมือนคนปกติ แต่จริงๆ แล้วร่างกายของเขาประกอบไปด้วย ‘พลังงานต้นกำเนิด’ แบบเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์

ที่จริงมันอาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะผู้คนหรือแม้แต่วัตถุในเรคคอร์ดนี้ก็ล้วนอัดแน่นไปด้วยมานาและพลังงานธาตุต่างๆ

อนุภาคของสสารที่อยู่รอบตัวของเขานั้นเกิดจากพันธะที่มีขนาดเล็กมากๆ จนแม้แต่ [ดวงตาแห่งการรู้แจ้ง] ยังมองไม่ออก

แต่ที่วาห์นรู้เยอะขนาดนี้ก็เพราะว่ามีครูดีนั่นเอง

เอวาได้เริ่มสอนความรู้พื้นฐานให้วาห์นมาบ้างแล้ว ทุกหัวข้อล้วนเป็นสิ่งที่น่าสนใจและมีประโยชน์กับเขามาก

วาห์นขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อพบว่าเวลาล่วงเลยมาถึงตอนห้าโมงเย็นแล้ว

แม้จะไม่ได้เข้าลูกแก้วมาพักใหญ่ๆ แต่กายและใจก็ยังไม่ชินสักที

ถึงจะดูสภาพของไอเท็มที่อยู่ในช่องเก็บของได้ วาห์นก็ไม่สนใจและนำลูกแก้วสีดำออกมาถือไว้ ก่อนจะถอนหายใจเศร้าๆ และเก็บมันกลับ

จากนั้นเขาก็กลับไปปิดรูของแกนเครื่องประดับและตรวจดูว่าของเหลวสีแดงในนั้นไม่มีการรั่วซึมออกมาด้านนอก

มีอยู่ช่วงหนึ่งที่วาห์นนึกอยากลองผสานสกิลที่เพิ่มเอ็กซีเลียเอาไว้ในนั้นด้วย แต่เขาก็เปลี่ยนใจเพราะมันอาจไปขัดแย้งกับความต้องการเดิม

หลังจากตั้งสมาธิอีก 2-3 นาที วาห์นก็ยกเครื่องประดับขึ้นมาไว้ในมือและตั้งจิตให้มั่นโดยนึกถึงกำไลข้อมือที่สามารถบรรจุมานา เพิ่มพลัง และทำงานร่วมกับไอเท็มชิ้นอื่นได้

ของชิ้นอื่นในชุดเซ็ตอาจยังไม่ได้ถูกสร้างขึ้น แต่วาห์นก็เริ่มจินตนาการภาพของฮารุฮิเมะที่ไม่ได้ใส่อะไรเลยนอกจากกำไลข้อมือ สนับแข้ง และสร้อยคอสีทอง ก่อนจะตั้งชื่อ [กำไลจิ้งจอกมิโกะ] ให้กับมัน

[กำไลจิ้งจอกมิโกะ]

ระดับ:B

พลังป้องกัน: 17

พลังป้องกันเวท: 404

คุณสมบัติ: ดูรันดัล(C), ขยายพลังเวทมนตร์(C), ภาชนะเวทมนตร์(B), ชุดเซ็ตจิ้งจอกมิโกะ(B)

กำไลข้อมือประดับที่ถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องผู้ถือครอง

สร้างอาณาเขตรอบๆ เพื่อต้านทานการโจมตีทางกายภาพและเวทมนตร์ แม้ดูอ่อนแอเมื่อใช้เพียงชิ้นเดียว แต่พลังของไอเท็มจะเพิ่มขึ้นเมื่อผู้ใช้สวมใส่ไอเท็มในชุดเซ็ตเดียวกัน

ข้อจำกัด: เผ่าพันธุ์เรนาร์ด (เพศหญิง)

“โอเค… เอ๋?”

วาห์นค่อนข้างพอใจกับผลงานที่ออกมามาก ทว่าเขากลับลืมคุณสมบัติ [ต้านทานพลังธาตุ] ไปเสียสนิท

เรื่องนี้คงต้องโทษตัวเองที่เผลอวอกแวกเพราะภาพของฮารุฮิเมะในหัว

อย่าว่าแต่ถอด [ต้านทานพลังธาตุ] ออกเลย นี่เขาเผลอไปถอดเสื้อผ้าของเธอจนรู้สึกเขินขึ้นมาหน่อยๆ

ดีนะที่ไม่มีใครรู้เรื่องนี้เข้า ไม่งั้นเขาคงโดนเหน็บแนมแน่นอน

เพื่อทดสอบคุณสมบัติ ‘ภาชนะเวทมนตร์’ วาห์นจึงลองใส่พลังของตัวเองเข้าไปดู แต่ผลปรากฏว่ากำไลกลับเด้งออกจากมือแทน

เขารู้สึกงงๆ ก่อนจะเก็บมันและส่งลงช่องเก็บของเพื่ออ่านรายละเอียดอีกครั้ง

“…อ่อ เกือบลืม”

เพราะไอเท็มชิ้นนี่มีข้อจำกัดการใช้งาน วาห์นที่เป็นเผ่ามนุษย์และเพศชายก็เลยใช้มันไม่ได้นั่นเอง

หลังจากนำมันออกมาอีกครั้ง เขาก็เริ่มตรวจสอบเพื่อดูว่าเลือดที่อยู่ภายในเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือเปล่า

ภาพที่เห็นนั้นสร้างความประหลาดใจให้กับวาห์นเป็นอย่างมาก เพราะของเหลวสีแดงได้จับตัวกันเป็นผลึกที่มีลวดลายแปลกๆ

ยิ่งเพ่งมองมันมากเท่าไหร่ สมาธิของวาห์นก็ยิ่งเลือนลางออกไป จนกระทั่งเจ้าตัวรู้สึกว่าเวลาผ่านไปแล้วกว่า 20 นาที

พอถามพี่สาวว่ามันเกิดอะไรขึ้น วาห์นก็ได้ยินเสียงอู้อี้ของเธอแทนคำอธิบายตามปกติ

หลังจากบอกเธอว่าฟังไม่รู้เรื่องเลย พี่สาวจึงตอบกลับสั้นๆ ว่าระดับดวงวิญญาณของเขานั้นต่ำเกินกว่าจะฟังคำอธิบาย…

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Status: Ongoing

เรื่องย่อโดยผู้แต่ง

วาห์นชายหนุ่มผู้ที่มีความผิดปกติ เนื่องจากการกลายพันธุ์ที่หายาก เลือดของเขาจึงมีความสามารถซ่อนเร้นที่ทำให้เป้าหมายและความเสียหายที่เกิดจากโรคร้ายที่อยู่ภายในร่างกายมนุษย์

ถูกขจัดออกไปในโดยการรักษาครอบจักรวาล เหล่าผู้คนจึงต่างเชิดชูบูชาสถานะของเด็กหนุ่มเหนือกว่าผู้ใดทั้งสิ้นและมอบชื่อให้เขาว่า “ยารักษาสารพัดโรค” ในข่าว

เขาได้รับการยกย่องเป็นเหมือนกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่จะนำพายุคสมัยแห่งใหม่หรือคุณภาพชีวิตมนุษย์ที่ดีมาถึง อย่างไรก็ตาม ฉากที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้สดใสเลย

เนื่องจากปัจจัยเฉพาะบางอย่าง วาห์นจึงใช้เวลาช่วงวัยรุ่นทั้งหมดถูกกักขังอยู่ในห้องทดลองกับนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย และทีมวิจัยที่ใช้ร่างกายและเลือดของเขาเพื่อทำการทดลองที่ไม่มีที่สิ้นสุด

สิ่งปลอบใจความทุกข์ทรมานเพียงอย่างเดียวของเขาคืออนิเมะทั้งหลายและหนังสือการ์ตูนที่มีให้เขาดูในระหว่างการทดลอง เขามักจะจินตนาการว่าตนเองเป็นตัวเองที่อยู่ในโลกของตนเอง

dและสุดท้ายเขาก็สามารถควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้ เป็นเวลาหลายปีที่เขาเก็บรักษาความปราถนานี้เอาไว้ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในวัย 14 ปีขณะที่มีองค์กรพยายามลักพาตัวเขาออกจากห้องทดลอง…

“ในที่สุด ผมก็ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้ว…”

นี่เป็นความคิดสุดท้ายของวาห์นในขณะที่เขาค่อยๆจางหายไปในห้วงแห่งความมืดอันไร้สิ้นสุด…

“ดวงวิญญาณที่น่าสงสาร”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท