ตอนที่ 125 แผนการของเธอ (1)
หรือเขาควรจะไปสืบเรื่องตอนอยู่ที่เมือง A เพื่อจะ มีเบาะแสอะไรบ้าง
คุณชายสามเยไปตามตำแหน่งที่คุณชายถังส่งมา จึงถึงบ้านไร่แห่งหนึ่ง เป็นบ้านหลังเล็กๆที่เงียบสงบ ร่มรื่น
ด้านนอกบ้านไม่มีคน สงบมาก เย่ซื่อเฉินเดิน
เข้าไปภายในบ้านเห็นมีคนงานดูแลมาเชิญเขาเข้าห้อง นอน
ในห้องนอน ถังหลินยืนอยู่ด้านหน้าของเตียงและ บนเตียงมีคนชราคนหนึ่งนอนอยู่
“มาสิ มาดูคุณปู่ผิงตอนเด็กน้องยังชอบไปเล่นที่ บ้านของคุณปู่ผิง”ถังหลินเงยหน้าขึ้นมองเขาแวบหนึ่ง ด้วยน้ำเสียงที่ต่ำระคนความเศร้าหมอง
เย่ซื้อเฉินเห็นชัดว่าคนชราในเตียงนั้นมีผมหงอก ขาว ซูบผอมจนหนังหุ้มกระดูก แต่สีหน้ายังคงเงียบ สงบ
“คุณปู่ผิง , เสี่ยวเฉินจื่อมาเยี่ยมท่านครับ”ถังหลิน เข้าใกล้คนชราเล็กน้อยพูดด้วยเสียงสูงหนึ่งคำ
“คุณปู่ผิง . “เย่ซื้อเฉินพูดเสียงเบาๆ เขาจำคุณปู่ ผิง ตอนยังวัยเยาว์พวกเขาเป็นเพื่อนบ้านกัน เขาจะไป เที่ยวเล่นที่บ้านของคุณปู่ผิงเสมอ
คนแก่ท่านนี้ไม่มีลูกหลาน โดดเดี่ยวเดียวดายอยู่ คนเดียว แต่ตอนนั้นเป็นคนที่ศักดิ์ศรีที่สูงส่ง
เยซื้อเฉินยังจำได้ว่าตอนนั้นแม่เกิดเรื่องขึ้นคุณปู่ ผิงก็เคยมาช่วยออกหน้าแทนด้วย
ตอนนั้นเขามีอายุเพียงแค่ 7 ขวบ เขาไม่รู้ว่ามัน เกิดอะไรขึ้น จำได้ว่าตอนนั้นคุณปู่เย่คิดจะบีบคั้นขับ ไล่แม่ จากนั้นเฉียวหยูหนานก็ไปพาคุณปู่ผิงมา แล้ว คุณปู่ผิงกับคุณปู่เย่ก็คุยกันที่ห้องหนังสือตั้งนาน จน ในที่สุดคุณปู่เย่ก็ให้อภัยคุณแม่
แต่ภายหลังคุณแม่ก็จากไป ตอนนั้นเป็นช่วงฤดู หนาว หนาวเย็นมาก หนาวสุดขั้ว เขายืนอยู่หน้ากอง หิมะจนเย็นแข็งไปทั้งตัว เขายืนอยู่ทั้งคืน เขาไม่รู้ตัว เดินไปที่ลำคลองได้อย่างไร ผิวน้ำในลำคลองที่กลาย เป็นน้ำแข็งมันบางเบาเกินรับน้ำหนักของเขาไม่ไหว ถ้า ไม่ใช่เฉียวหยูหนานเห็นเขา เขาอาจจะจมน้ำตายไป แล้วก็ได้
เรื่องราวของตอนนั้นคุณปู่เย่ปิดปากเสียสนิทไม่ พูดอะไรสักคำ หลังจากที่คุณแม่จากไปคุณพ่อก็ไม่พบ หน้าใครอีกเลย รวมทั้งเขาด้วย
เขาไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำให้พวกเขา กระทำเช่นนี้กับคุณแม่? ภายหลังเขาอยากจะไปถาม คุณปู่ผิงว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนั้นคุณปู่ผิงก็ไปต่าง ประเทศเสียแล้ว
จากนั้นเขาก็ไม่เคยได้เจอคุณปู่ผิงอีกเลย
คนชราเริ่มลืมตาขึ้นอย่างชัดๆ ถึงแม้จะเป็นแค่ การลืมตาแต่ก็ดูแล้วรู้สึกว่ายากเย็นแสนเข็ญเหลือเกิน
ในขณะที่คนชราลืมตาขึ้น แววตานั้นไม่มีชีวิตชีวา โศกเศร้าหมดหวัง แต่หลังจากที่เขาเหลือบตามองคนที่ กำลังเดินมาข้างเตียงอย่างเย่ซือเฉินดวงตาของเขาก็ กลายเป็นมีแสงประกายระยิบระยับ จากนั้นก็จางหาย ไปอีกกลับมาสิ้นหวังเหมือนเดิม
มันเป็นความรู้สึกที่ว่าคนชราได้รวบรวมแรง ทั้งหมดเพื่อมีแสงประกายระยิบระยับในดวงตา เขา ป่วยหนักในระยะสุดท้ายอยู่ได้อีกไม่นานนัก
ปากของคนชราขยับ เหมือนอยากจะพูดอะไรสัก อย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยอะไรสักคำออกมา ตอนนี้ แค่ลืมตาก็ต้องใช้แรงมหาศาลแล้ว จะไปมีแรงพูดได้ อย่างไรกันข
คนชราค่อยๆหลับตาลง
เยซื้อเฉินดูอาการของคุณปู่ผิงออก เขารู้สึกหดหู่ ถึงแม้จะมีเรื่องอยากจะถามมากมาย แต่เขาไม่อยาก เอ่ยปากถามในเวลาเช่นนี้แล้ว
“ไปกัน พวกเราออกไปคุยกันข้างนอก”ดวงตาของ ถังหลินทุกข์ใจ หมอบอกว่าคุณปู่ผิงอยู่ได้แค่วันสอง วันนี้เท่านั้น
ดวงตาของเย่ซื้อเฉินก็มีความทุกข์ใจอยู่ มองคุณ ปู่ผิงอีกครั้งแล้วเดินตามถังหลินออกจากห้อง
“นายรีบร้อนออกมาจะเจอฉัน มีเรื่องสำคัญอะไร กันหรือ? “ออกจากห้อง ถังหลินก็มองคุณชายสามเย่ ถึงจะเป็นคำพูดที่ธรรมดาแต่กลับแฝงความนัยอย่าง ลึกล้ำ
เพียงแค่ประโยคนี้ เย่ซือเฉินก็เข้าใจถังหลินรู้ เรื่องทุกอย่างแล้ว
ใช่ ไม่เคยมีอะไรปิดบังถังหลินได้เลย และคำพูดนี้ คุณชายสามเย่ก็รู้ดีว่าเขาไม่สามารถ ถามคำถามที่เขาอยากรู้จากถังหลินได้เหมือนเคย
ดังนั้น ตอนนี้เย่ซือเฉินไม่ได้ถามอะไร เพราะเขารู้ ว่าไม่ถามยังจะดีกว่าเสียอีก
“คุณปู่ผิงเป็นอย่างไงบ้าง? “เย่ซือเฉินเห็นว่า อาการของคุณปู่ผิงไม่ค่อยดีนัก
หางคิ้วของถังหลินยกขึ้นแต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก อะไร เมื่อพูดถึงเรื่องคุณปู่ผิงถังหลินก็กลับมามีสีหน้า ทุกข์ใจอีกครั้ง “เหลือเวลาไม่มากแล้ว อาจจะผ่านคืนนี้ ไปไม่ได้”
เยซื้อเฉินเห็นว่าอาการของคุณปู่ผิงไม่ค่อยดี แต่ คิดไม่ถึงว่าจะรุนแรงขนาดนี้ จึงไม่ได้พูดอะไรอีก เย่ซื่อเฉินไม่ได้กลับไป ถึงแม้คุณปู่ผิงจะพูดไม่ได้
แล้ว แต่เขาก็อยากจะอยู่ข้างกายคนชรา
เยซื้อเฉินกลับถึงบ้านก็ตีสามแล้ว
เป้ซือฉุนมองที่ห้องของเวินลั่วฉิง เขารู้ว่าเธอกลับ มานานแล้ว และเขาก็รู้ว่าตอนนี้เธอต้องนอนแล้ว แน่นอน เรื่องราวคืนนี้ทำให้เขาทุกข์ใจยิ่งนัก เขาจึง กลับห้องของตัวเอง
วันรุ่งขึ้น เป็นลั่วนิ่งตื่นนอนแต่เช้า เพราะได้นัดกับ คุณปู่เวินเอาไว้ว่าจะไปบริษัทด้วยกัน ตอนเธอออก จากห้องเห็นห้องนอนของเย่ซือเฉินปิดล็อคไว้ ห้องเขา เงียบมากไม่มีเสียงเคลื่อนไหวใดๆ เห็นได้ชัดว่ายังไม่ ได้ตื่น
ที่จริงแล้วตอนที่เขากลับมาเมื่อคืน เวินลั่วฉิงรู้อยู่ เธออยากจะเข้าไปพูดคุยกับเย่ซือเฉิน แต่เห็นว่ากลับ มาดีก คงยังไม่ได้พักผ่อน เธอกลัวจะไปรบกวนเขา
ดังนั้นเธอจึงเขียนโน้ตไว้ให้เขาหนึ่งแผ่นเสร็จก็ไป ที่บริษัทเวินชื่อกรุ๊ป
สถานการณ์ตอนนี้ของบริษัทเวินซื่อกรุ๊ปแย่กว่าที่ คิดไว้ นิงรุ่ยไม่เพียงแต่เอานักออกแบบของบริษัทเวิน ชื่อกรุ๊ปไป และแย่งลูกค้าของบริษัทเวินซื่อกรุ้ปไป เท่านั้น ยังมาซื้อหุ้นของบริษัทเวินชื่อกรุ้ปไปไม่น้อย
คุณปู่เปรู้เรื่องที่ฉิงรุ่ยได้มาเก็บซื้อหุ้นของบริ ษัทเวินชื่อกรุ๊ป แต่สถานการณ์ตอนนี้ของบริษัทเวินซี อกรุ๊ป เขาไม่สามารถหยุดยั้งได้
ดังนั้นเขาจึงรีบร้อนที่จะขายบริษัทเป็นชื่อกรุ๊ปทั้ง แต่เขาจะไม่มีทางขายให้กับสิ่งรุ่ยอย่างแน่นอน
ในมือของคุณปู่เวินมีหุ้นของบริษัทเวินซื่อกรุ้ปอยู่ ร้อยละสามสิบห้า เวินจีหยันมีร้อยละสิบสอง ในมือ ของเวินหรวนหรวนมีร้อยละ ห้า รวมกันทั้งหมดก็จะมี ร้อยละห้าสิบสอง
ดังนั้น ตระกูลเวินมีสิทธิ์การตัดสินใจในบริษัทเวิน ชื่อกรุ้ปอยู่
แต่ว่าสิ่งที่คุณปู่เวินไม่รู้ก็คือ เพราะเวินจีหยันเพื่อ จะช่วยหลี่หยุนกับเวินหรวนหรวน เขาจึงต้องหุ้นส่วน ในมือร้อยละสิบสองและหุ้นส่วนในมือของเวินหรวนห รวนร้อยละห้า ขายให้กับบริษัทฉิงรุ่ยกรุ๊ป
สองสามวันมานี้เวินจีหยันไม่ได้อยู่บ้าน ดังนั้นคุณ ปู่เวินจึงยังไม่รู้เรื่อง
ตอนที่เวินลั่วฉิงถึงบริษัทเวินซื่อกรุ๊ปคุณปู่เวินก็ถึง ก่อนแล้ว ยืนรอเธออยู่ด้านล่างของบริษัท
เมื่อคืนเวินลั่วฉิงไม่ได้กลับบ้าน แต่เธอโทรหาคุณ ปู่เวิน เธอบอกคุณปู่เวินว่าอยู่บ้านของเห่อถงถง เพ ราะเป็นลั่วนิ่งโทรตอนที่อยู่ที่บ้านของเห่อถงถง เห่อ ถงถงก็ได้คุยกับคุณปู่เวินด้วย ดังนั้นคุณปู่เวินจึงไม่ได้ ถามอะไรมากมาย
คุณปู่เวินได้แจ้งล่วงหน้าให้คณะผู้บริหารระดับสูง ของบริษัทเวินซื่อกรุ้๊ปมาประชุมแล้ว ดังนั้นเขาจึงพา เงินลั่วนิ่งไปที่ห้องประชุมโดยตรง