ตอนที่ 15 ผู้หญิงที่ฉันเคยใช้แกไม่สกปรกหรือไง
คณพสได้ยินคำพูดของเขาก็เงยหน้าขึ้นมองวิษณุส์แล้วเอ่ยตกลง “คุณปู่ ผมขอขอบคุณแทนพิมมี่ครับ”
“มันสมควรแล้ว ตราบใดที่แกกับเธอเข้ากันได้ดีก็พอแล้ว” กษาปณ์พูดจบก็ลุกขึ้นยืน โดยมีคนรับใช้พยุงไป “ปู่เหนื่อยแล้ว เจ้าสามอยู่ที่นี่รอทานข้าวเย็นก่อนนะ ปู่ขอตัวไปพักผ่อนสักครู่”
หลังจากที่กษาปณ์ไปแล้ว วิษณุส์ก็ลุกขึ้นยืน เดินมุ่งหน้าไปหาคณพศ “น้องสาม ฉันจะพาแกออกไปรับแสงแดดนะ” แววตาของเขาทอประกายน่ากลัว
คณพศมุมปากกระตุกเล็กน้อย “งั้นก็ต้องรบกวนพี่สองแล้ว” ลุงบีมเห็นอย่างนั้นก็ตามไปทันที
วิษณุส์เอ่ยห้าม “ฉันจะพาน้องสามไปรับแสงแดดข้างนอกเอง ลุงไม่ต้องตามมา”
“เอ่อ…” ลุงบีมมองไปที่คณพศ
ดวงตาลึกของชายหนุ่มเย็นชาไร้อุณหภูมิ “ลุงไปเก็บสตรอว์เบอร์รี่สดที่สนามเถอะครับ เดี๋ยวจะเอากลับไปให้พิมมี่”
“ได้ครับ คุณชาย” ลุงบีมหันตัวเดินจากไป
วิษณุส์เข็นคณพศไปที่ลานด้านขวาของวิลล่าท่ามกลางสายตาประหลาดใจของคนรับใช้
ตรงนั้นมีต้นแมกโนเลีย สภาพอากาศในเดือนเมษายนทำให้ดอกไม้สีขาวกำลังเบ่งบาน
วิษณุส์หยุดรถเข็นตรงใต้ต้นไม้ “ยังจำต้นไม้ต้นนี้ได้ไหม” เขานั่งลงบนเก้าอี้เอนกายใกล้ต้นไม้
มองดูแมกโนเลียสีขาวบนต้นเงียบๆ “ปีนั้นพี่ใหญ่กับฉันและยังมีแก ตอนนั้นแกเพิ่งอายุเจ็ดขวบ เราสามพี่น้องปลูกต้นไม้นี้ด้วยมือของเราเอง”
“คุณปู่มีความสุขมาก เขามองมาที่ฉันอย่างอ่อนโยน ปีต่อมาพี่ใหญ่เสียชีวิต เขาก็คิดว่าแกเป็นสมบัติล้ำค่าตั้งแต่นั้นมา”
“ดวงตาที่เคยมองมาที่ฉันกลับมอบให้แก เพราะอะไร ทั้งที่แกเป็นความหายนะของตระกูลนี้ แกทำให้พี่ใหญ่ต้องตาย แล้วเพราะอะไรคุณปู่ยังจะรักแกมาก แม้แต่มอบทุกอย่างทั้งตระกูลให้กับแก!”
“ฉันเป็นคุณชายสองของตระกูลนี้ พี่ใหญ่ไม่อยู่แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างควรเป็นฉันที่ได้ครอบครอง แล้วเพราะอะไรถึงเป็นแก” ดวงตาของวิษณุส์เต็มไปด้วยความเกลียดชัง เขามองคณพศด้วยสายตาเย็นชาและคับแค้น
คณพศเงยหน้าขึ้นช้าๆ เขาจ้องมองลึกในใบหน้าที่เหมือนกับพี่ใหญ่ และจู่ๆก็พูดออกมา “ดังนั้นตอนผมอายุสิบหกคุณเลยอยากเผาผมทั้งเป็น ก็เพื่อต้องการทุกอย่างของตระกูลปัญญาพนต์!”
วิษณุส์ชะงักไป “แกพูดไร้สาระอะไร แกอย่ามาพูดพล่อยๆใส่ร้ายคนอื่นนะ!” แววตาของเขาตระหนกตกใจอย่างคาดไม่ถึง เขาลุกขึ้นยืนและจ้องมองชายหนุ่มบนรถเข็น
“หรือว่าแกลืมไปแล้ว ตอนนั้นคุณปู่ให้หุ้นสี่สิบเปอร์เซ็นต์ของเขากับแก! แกเอาไปจะมีความหมายอะไร ต่อให้แกได้ไปมากกว่านั้นจะมีประโยชน์อะไรฮะ? ยังไงก็เป็นขยะที่ไม่สามารถใช้ชีวิตแยกออกจากรถเข็นนี่ได้!” วิษณุส์ที่ยืนอยู่ก้มมองคณพศที่อยู่ต่ำกว่า
แต่เดิมที่ชายหนุ่มมองต้นแมกโนเลียเงียบๆ ในตอนนี้มือใหญ่ของเขากำกระชับ เส้นเลือดสีเขียวบนหลังมือปูดโปน มีแสงมืดปัดผ่านแววตา
เงยหน้าขึ้นมองวิษณุส์ ดูเย็นชาเหมือนน้ำแข็ง “ถึงแม้ว่าผมจะเป็นขยะที่ไม่สามารถแยกออกจากรถเข็นนี่ได้ แต่พี่สอง คุณต้องรักษาทั้งหมดที่คุณมีอยู่ตอนนี้เอาไว้ให้ดีนะ ไม่อย่างนั้นจะสูญเสียทุกอย่าง! คุณจะไม่เหลืออะไรเลย!”
วิษณุส์ก้มลงและวางมือทั้งสองข้างลงบนรถเข็น “หึ ฉันจะดูว่าแกจะปล้นฉันไปยังไง ต่อให้คุณปู่จะให้หุ้นที่มีในบริษัทตระกูลปัญญาพนต์ทั้งหมดกับแก แกก็ไร้โชควาสนา!”
“งั้นเราจะได้เห็นดีกัน!” คณพศมองลึกเข้าไปในดวงตาที่โหดร้ายของเขา ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
วิษณุส์เห็นรอยยิ้มเยาะเย้ยของเขา ก็หวังอยากจะฉีกหน้าของเขาเป็นชิ้นๆ มือทั้งสองข้างจับที่เท้าแขนแน่น
ทันใดนั้นก็หัวเราะเสียงต่ำ “น้องสาม สิ่งที่แกได้รับไปตอนนี้ก็คือสิ่งที่ฉันช่วยให้แกได้ แม้แต่ภรรยาปัจจุบันของแกก็เป็นผู้หญิงที่ฉันเคยใช้มาแล้วหกปี เป็นไง ผู้หญิงที่ฉันเคยใช้แกไม่สกปรกหรือไง”
คณพศกำมือแน่น ในดวงตามีรอยแตก
“แกยังไม่รู้ พิมมี่ให้ครั้งแรกกับฉัน เธอร้องครวญครางอย่างเจ็บปวดใต้ร่างฉัน…แต่ในที่สุดก็มอบตัวเองให้กับฉัน แกรู้ไหมว่าเธอพูดว่าอะไร เธอบอกว่าชีวิตนี้จะเป็นเพียงผู้หญิงของวิษณุส์เท่านั้น เธอยินดีที่จะมีลูกกับฉัน…ตอนนี้เธอแค่ถูกบังคับให้ดูแลแก ขยะอย่างแกจะสามารถมีเธอได้ยังไง ในอีกสามเดือนเธอก็จะกลับมาหาฉัน! น้องสามช่วงนี้ก็รบกวนแกช่วยดูแลผู้หญิงของฉันให้ดีด้วยนะ!”
เลือดของคณพศเริ่มไหลย้อนกลับ สองมือที่อยู่ใต้รถเข็นสั่นเทา แต่บนใบหน้าเผยรอยยิ้มอ่อนโยน “หึ จริงเหรอ แต่จะทำยังไงล่ะ ตอนนี้พิมมี่เป็นภรรยาของผม เธอช่วยอาบน้ำให้ผมทุกวัน นวดให้ ไม่เพียงแต่ดูแลร่างกายของผมเป็นอย่างดี สำหรับเรื่องบนเตียง” เขายิ้มเหี้ยม “เธอก็ทำให้ผมประทับใจ ขอบคุณพี่สองที่สอนเธอมาเป็นอย่างดี ไม่อย่างนั้นผมก็คงไม่ได้รู้ว่าระหว่างชายหญิงจะมีเรื่องที่ทำให้สุขสันต์ขนาดนี้!”
ทันใดนั้นวิษณุส์ก็จ้องเขาอย่างรุนแรง “เป็นไปไม่ได้ แกพิการอย่างนี้เธอจะแลแกได้ยังไง”
คณพศกดยิ้มลึก “พี่สอง หรือว่าคุณลืมไปแล้ว ขาทั้งสองข้างของผมพิการ แต่ขาที่สามของผมเป็นปกติ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงในเรื่องที่ว่าเราเป็นคู่ที่ถูกต้องตามกฎหมาย! เรื่องที่คุณพูดมีหรือจะเป็นไปไม่ได้!”
มองดูชายหนุ่มที่หัวเราะอย่างปีศาจ หัวใจของวิษณุส์เหมือนถูกบางสิ่งบีบอัดจนหายใจไม่ออก
พิมมี่จะไม่เป็นแบบนั้นแน่ เธอรักเขา ถึงแม้ว่าคุณปู่จะให้เธอแต่งงานกับคณพศ เธอก็จะไม่เปลี่ยนไป มันต้องเป็นเพราะไอ้พิการนี่แน่ที่บังคับเธอ!
พิมมี่ คุณรอผมก่อน อีกไม่กี่เดือนเท่านั้น ผมจะไปรับคุณกลับมา เขาจ้องมองคณพศอย่างดุเดือด แล้วกระโดดเตะรถเข็น
คณพศกับรถเข็นลื่นไถลไปด้วยแรงส่ง ไถลออกไปนอกสนาม วิ่งตรงไปที่ไร่องุ่นข้างๆ หลังจากนั้นทั้งคนทั้งรถก็พลิกคว่ำลงบนพื้นดิน
ฉากนี้กษาปณ์ซึ่งกำลังยืนอยู่บนระเบียงชั้นสองเห็นมันอย่างชัดเจน เขามองอย่างเย็นชาไปยังวิษณุส์ที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ และหันไปมองยังรถเข็นที่พลิกคว่ำ
“ลุงบีม!” เขาตะโกนเสียงดัง ลุงบีมวิ่งออกมาทันที เห็นคณพศรถเข็นพลิกคว่ำอยู่ข้างเถาองุ่น
รู้สึกตกใจมาก “คุณชาย!” เขาวิ่งเข้าไป ประคองคณพศขึ้นบนรถเข็น หันมองกลับไปยังวิษณุส์ที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ และกษาปณ์ที่อยู่ข้างบนก็มองไปที่วิษณุส์เช่นกัน ด้วยดวงตาที่มีแสงเย็น
“คุณปู่ครับ ไม่ใช่ความผิดของพี่สองนะครับ ผมนั่งไม่ดีเอง ลุงบีมครับพวกเรากลับกันเถอะ” คณพศมองขึ้นไปหากษาปณ์ข้างบน มุมปากเผยรอยยิ้มออกมา
จากนั้นลุงบีมก็เข็นรถไป แล้วมองขึ้นไปบนชั้นสอง “คุณปู่ครับ ผมไปก่อนนะครับ!”
จนกระทั่งรถออกไปจากวิลล่า ชายชรายังคงมองวิษณุส์ที่อยู่ใต้ต้นไม้ “วิษณุส์ ขึ้นมา!”
วิษณุส์เริ่มรู้สึกสั่นสะท้าน เขาตั้งใจทำมัน เขาสามารถหยุดรถเข็นได้ แต่เขาจงใจให้คุณปู่เห็นสิ่งที่เขาทำกับเขา
คณพศ! ที่แท้ปกก็เป็นคนพิการที่เจ้าแผนการแบบนี้ ดีมาก!
เขาเดินขึ้นไปข้างบน เข้าไปในห้องหนังสือของกษาปณ์ ‘ผัวะ!’ กษาปณ์ใช้ไม้เท้ากระแทกหลังของวิษณุส์
“บัดซบ! น้องชายแกเป็นแบบนี้แล้วแกยังจะทำเขาได้ลง! ทำไมจิตใจของแกมันถึงได้เลวร้ายขนาดนี้! แกเป็นหลานของฉันกษาปณ์คนนี้จริงๆหรือเปล่า” กษาปณ์มองเขาอย่างโกรธจัด