บทที่ 38 ต่อหน้าพูดความจริง
คณพศมีสีหน้าดำเคร่งเครียด เขาคว้าข้อมือของเธอมาไว้ที่อก “อย่าไปสนใจเขา ที่รักนี่คือสิ่งที่เขาควรทำ เธอ…หิวไหม?”
นาราส่ายหัว “ไม่คะ พวกเรากำลังไปโรงแรมกันใช่ไหมคะ?”
“ไม่ เมื่อก่อนตอนรักษาขา ต้องอยู่ที่นี่นานหน่อย จึงตัดสินใจซื้อบ้านพักไว้ที่นี่” ชายหนุ่มกุมมือเธอเบาๆ
หลังจากนั้นไม่นานรถยนต์ก็ขับเข้าไปในบ้านพักสไตล์ตะวันตกหลังเล็กที่สวยงาม
บ้านตะวันตกหลังนี้มองจากด้านนอกเหมือนปราสาทหลังเล็กๆ หลังหนึ่ง นารามองเห็นกำแพงด้านนอกสีขาวและประตูใหญ่สีทอง ยังมีรถโรสรอยสองคันจอดอยู่ที่ลานกว้าง
คณพศลงจากรถแล้วนั่งวีลแชร์ ผลักประตูใหญ่สีทอง ภายในบ้านถูกซ่อมแซมจนเหมือนใหม่ เครื่องใช้ในบ้านก็ถูกจัดวางไว้เป็นระเบียบ
ลุงบีมวางข้าวของต่างๆ เรียบร้อยแล้วก็เดินเข้าไปในห้องครัวทำอาหารมื้อดึก ตรัญไปส่งคณพศแล้วจึงขอตัวกลับ “คณพศ ฉันไปก่อน พักผ่อนให้สบายพรุ่งนี้ฉันจะมากินข้าวด้วยนะ”
คณพศมองมาที่เขา “ที่บ้านนายไม่มีข้าวกินหรือไง? ฉันเพิ่งมาถึงนายก็จะแย่งฉันกิน”
“……..” ตรัญพูดไม่ออก ทำไมเขาถึงได้ขี้งกขนาดนี้ เขาเป็นคนไปรับพวกเขามานะ
เมื่อเห็นนาราขนของขึ้นข้างบน เขาจึงเดือนไปข้างๆ คณพศ “ผู้หญิงคนนี้ดีกว่าพิมมี่อีกนะ คณพศนายเนี่ยตาถึงจริงๆ นะ”
“ไร้สาระ” คณพศมองเขาด้วยความสงสัย “เธอเป็นเมียฉันนะ”
“ฮู้ คณพศ นายอย่าลืมซิ นายพาเธอมา ทุกอย่างที่นี่นายปิดบังเธอไม่ได้หรอก เธอไม่มีทางนอกใจนายหรอก อีกอย่างทะเบียนสมรสของนายก็เป็นชื่อพิมมี่” ตรัญส่งกุญแจให้คณพศ
สายตาของชายหนุ่มแสดงความกังวล เขาขมวดคิ้ว”ฉันจะจัดการทุกอย่างเอง”
ตรัญขับรถออกไปแล้วนาราเดินลงมายังชั้นล่าง เห็นชายหนุ่มนั่งนิ่งบนโซฟาจึงเดินเข้ามาเงียบๆ “ประธานตรัญไปแล้วหรือคะ?”
“อืม เรียกเขาว่าตรัญเฉยๆ ก็ได้ เขาเป็นผู้จัดการบริษัทในฝรั่งเศส” คณพศพูดเสียงเบา “ฉันรู้ว่าคุณคือพี่น้องกัน คุณเคยพูดกับฉัน แล้วยังมีคุณเด่นภูมิและคุณยชญ์ พวกเขาเป็นพี่น้องคุณ” จากนั้นเธอนั่งลงข้างๆเขา
“คุณคณพศ คุณอย่าเพิ่งมองโลกในแง่ร้ายนะคะ ยังไงขอของคุณก็ต้องหาย ข้างกายคุณมีเพื่อนมากมาย ทุกคนต่างก็หวังว่าคุณจะกลับมาเดินได้ พวกเราจะไปหาหมอที่รักษาคุณเมื่อไรดีคะ?”
ถ้าขาของเขาหายอย่างรวดเร็ว เธอก็ถือว่าประสบความสำเร็จ
คณพศไม่พูดอะไร เขาเอาแต่จ้องมองหญิงสาว ความห่วงใยของเธอมาจากใจจริงๆ เขามองใบหน้าที่อ่อนนุ่มของเธออย่างเงียบๆ
ที่รัก เธอห้ามทรยศฉันเด็ดขาด อยู่ข้างกายฉันแล้วฉันจะมอบความสุขและความรักให้ตลอดชีวิต
หลังจากกินข้าวเสร็จทั้งสองก็ขึ้นข้างบนอาบน้ำแล้วพักผ่อน
วันที่สองหลังจากที่นาราตื่นนอนแล้ว เธอเดินชมบ้านพร้อมกับคณพศ ในห้องหนังสือมีภาพการ์ตูนมากมาย นาราเดินเข้าไปด้วยความแปลกใจ “ภาพพวกนี้คุณวาดเองรึ? สวยจัง”
คณพศนึกถึงเมื่อสามปีก่อนตอนอยู่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ จึงได้วาดรูปการ์ตูนเล่นๆ ดูเหมือนหญิงสาวจะหยิบขึ้นมาดูด้วยความทะนุถนอม
เขาเดินเข้าไปหา “อืม ตอนนั้นอยู่ที่นี่รักษาขา รู้สึกเบื่อๆ ก็เลยวาด เธอชอบรึ?”
นาราพยักหน้ารับ “ชอบซิ คุณวาดได้ดีมาก ฉันเรียนออกแบบแต่ฉันชอบวาดรูป ฉันเคยเข้าร่วมงานนิทรรศการภาพวาดของโรงเรียน ได้รับรางวัลด้วยนะ”
ปีนั้น เธอและผิงผิง เคนโด้ พวกเขาออกไปเล่น แล้ววานภาพไว้ภาพหนึ่ง ตั้งชื่อว่า “ผักกาดเขียว” เป็นดอกไม้ที่อยู่บนภูเขาหิน แต่ไม่รู้ชื่ออะไร ตอนงานแสดงนิทรรศการภาพวาดของโรงเรียน เคนโด้นำภาพนั้นไปแขวน แล้วก็ได้รับรางวัลที่ 3 ตอนนั้นเธอดีใจมากเหมือนเด็กๆ ที่ได้รับรางวัล
ตอนนั้นเคนโด้มองเธอด้วยความหลงใหล “นารา..รอให้พวกเราได้ไปอเมริกาก่อน ฉันจะให้เธอได้เรียนวาดภาพ เธออาจจะสนใจการวาดภาพมากกว่านี้”
เธอนึกถึงตอนนี้ก็มีเสียงซีดจากจมูก น้ำตาเกือบไหลออกมา ชายหนุ่มที่นั่งบนรถวีลแชร์สังเกตเห็นเธอที่กำลังถือภาพ ดูเศร้าและเหงาใจ ไม่ใช่เพราะเธอดูภาพวาดแล้วเศร้าแต่เป็นเพราะเธอกำลังนึกถึงเรื่องในอดีต
เขาเดินเข้าไปแล้วคว้าภาพจากมือของเธอ “กำลังคิดอะไร?”
นารารู้สึกตัว หัวเราะกลบเกลื่อน “เปล่า…ไม่มีอะไรคะ”
คณพศขมวดคิ้ว “เธอต้องพูดความจริงต่อหน้าฉัน จำไว้ นับจากวันนี้เธอคือภรรยาของฉัน เป็นภรรยาของฉันจริงๆ ขอย้ำ เพียงแค่เธออยู่เคียงข้างฉัน เธออยากทำอะไร ฉันรับปากเธอหมด”
เขากุมมืออันเย็นเฉียบของเธอ แล้วก็ลูบที่ริมฝีปากของเธอ
ดวงตาของเขาดำลึกเหมือนหมึกดำ นาราจ้องมองเขา ในใจคิดว่า “ควรเชื่อใจเขาไหม?” หลังจากได้ใช้เวลาอยู่กับเขา เขาไม่ได้เย็นชา ไม่ได้แยแสเหมือนตอนแรก แต่นิสัยอารมณ์ของเขาก็ยังดูแปลกๆ สำหรับเธอ
ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขาคือพิมมี่ แต่ผู้หญิงที่เขาแต่งงานด้วยในคืนนั้นคือเธอ แม้สถานะจะยังคลุมเครือ แต่ปัจจุบันเธอต้องพึ่งเขา ชีวิตของเธอจึงจะมั่นคง ปลอดภัย
เธออ้าปากค้าง อยากพูดแต่ก็พูดไม่ได้
คณพศมองเธอที่หยุดพูด สีหน้าหม่นหมอง เธอไม่อยากพูดความจริงกับเขา ผู้หญิงคนนี้ยังรู้สึกไม่ปลอดภัย จึงไม่เชื่อใจเขา แต่ไม่เป็นไร นับจากนี้เขาจะค่อยๆ ทำให้เธอเชื่อใจ พึ่งพาเขาได้ อย่างช้าๆ
คืนนี้เธออยู่แต่ในห้องหนังสือจนดึก
ตอนห้าทุ่ม คณพศเข็นรถวีลแชร์เข้ามา การได้เห็นหญิงสาววาดภาพบนกระดานวาดภาพอย่างจริงจัง ทำให้ใจของเขาละลายกลายเป็นน้ำได้ทีเดียว
เขาเข้ามาเงียบๆ เห็นภาพวาดบ้านตะวันตก ที่แท้คือบ้านที่พวกเขาอาศัยอยู่นั่นเอง
วันนี้เพิ่งจะมาถึงที่นี่ เธอจดจำลักษณะบ้านได้ขนาดนี้ เธอวาดได้เหมือนมาก คณพศมองภาพวาดนั้นอย่างเงียบๆ “วาดได้ไม่เลว วันนี้พอแค่นี้เถอะแล้วไปนอนได้แล้ว”
“คะ” นาราลุกขึ้นเก็บพู่กัน เธอพอใจกับผลงานชิ้นเอกของเธอ
ล้างอุปกรณ์เสร็จแล้วนาราก็ขึ้นนอนด้วยความเหนื่อยล้า คณพศผลักประตูเห็นเธอในห้องนอน ก็ปิดประตู ลุกขึ้นแล้วเดินลงไปข้างล่าง ออกจากบ้านพักไป
บริษัท ML ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของลีลส์ เป็นบริษัทฝรั่งเศสของคณพศ ประกอบธุรกิจทางด้านอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจบันเทิงและเครื่องแต่งกาย
คณพศก่อตั้งบริษัทนี้เมื่อ 5 ปีก่อน โดยให้ตรัญเป็นผู้จัดการดูแลบริษัท
เมื่อ 3 ปีก่อน คณพศมาฝรั่งเศสเพื่อรักษาขา เมื่อเขาเดินได้ บริษัทเองก็ก้าวเข้าสู่ 1 ใน 500 บริษัทชั้นนำของโลก
ประตูบนชั้น 36 พร้อมเปิดออก คนในห้องต่างยืนเรียงเข้าแถวเป็นระเบียบ คณพศซึ่งสวมเสื้อเชิ้ตสีดำ กางเกงขายาว ทับด้วยเสื้อโค้ทสีน้ำเงิน
เขาผลักประตูเข้ามาในห้องพร้อมกับสายตาอันแหลมคม สายตาของทุกคนมองเขาประดุจเทพเจ้า
“สวัสดีครับ ท่านประธาน” ทุกคนต่างโค้งคำนับพร้อมเอ่ยคำทักทาย
ตรัญมองด้วยรอยยิ้ม “คณพศ…พวกเรารอคุณนานมาก คุณเพิ่งออกมาจากสถานที่อันอบอุ่น พวกเราที่นี่น่าสงสารไม่มีสาวสวยให้เชยชม คำคืนมันช่างเหงาเปล่าเปลี่ยวเหลือเกิน”
คณพศจ้องมองตรัญ “นายแน่ใจนะว่าต้องการผู้หญิง เดี๋ยวฉันจัดให้ นายต้องการสักกี่คน” ตรัญถึงกับตะลึง รีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธ “แค่ล้อเล่น ฉันไม่เอาหรอก” เขาอยากจะได้ผู้หญิงไปทำไมกัน นอกจากผู้หญิงคนนั้น เขาก็ไม่อยากได้ใคร แต่ผู้หญิงคนนั้นจากโลกของเขาไป 3 ปีแล้ว
การประชุมในตอนเที่ยงคืนดำเนินมาถึง 3 ชั่วโมง จึงเสร็จสิ้น ตอนที่ถนนในเมืองลีลส์ปราศจากแสงไฟและผู้คน คณพศถึงได้ให้พนักงานแยกย้ายกันไป
เดือนหน้าจะมีการแข่งขันต่อสู้ที่ดุเดือดเกิดขึ้น เขาต้องระวังอย่างมาก