บทที่102 ไสหัวออกไปจากฉัน
ในที่สุดก็หันหน้ามา มองตรงมาที่พิมมี่ “เธอแค่คิดหาวิธีเก็บวิษณุส์เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองแค่นั้นก็พอ ฟอกเงินในนามบริษัท ทำเรื่องเสียหายให้บริษัท ก็พอแล้ว ”
“หลังจากนั้นเอาเรื่องที่เธอรู้มาเกี่ยวกับคลิปเสียงพวกนี้ เอาคลิปเสียงส่งกลับมาให้ถึงมือฉันอีกครั้ง ทำให้ฉันเห็นถึงความบริสุทธิ์ใจของเธอ บางทีฉันอาจจะพิจารณาได้จริงๆ หวนคืนตำแหน่งคุณยายคณพศ ”
“ถึงยังไงเธอเป็นคุณนายใหญ่ของตระกูลปัญญาพนต์ สำหรับผมแล้วยังมีประโยชน์อยู่ ถึงยังไงนาราเองก็ไม่ได้สนใจตำแหน่งภรรยาปัญญาพนต์นี้มากมายอยู่แล้ว ”
คณพศหมายความนี้อย่างชัดเจน การที่ให้เธอทำจุดนี้ ก็เพื่อทำคุณงามความดีให้กับบริษัท เพราะงั้นตำแหน่งภรรยาปัญญาพนต์ก็คือเธอ ที่เก็บรักษาเธอไว้ก็เพื่อตำแหน่งภรรยาประธานปัญญาพนต์กรุ๊ปนี้ และก็ไม่ต้องการให้นารานั้นรีบไป
แต่ก็รู้ว่าตัวเองได้กำหนดจุดประสงค์ของตัวเองไว้แล้ว พิมมี่ที่ใกล้ถึงเส้นชัยแล้ว จะมัวสนใจว่านาราจะไปหรือไม่ไปทำไม แค่เธอเข้าไปในเจหงส์ นาราจะกล้าแบกหน้าไปไหนมาไหนไหม?
คิดถึงเท่านี้ ก็รีบตอบคณพศ “เพียงแค่คุณไม่หย่ากับฉัน ไม่ว่าจะให้ฉันทำอะไร ฉันก็จะทำทุกอย่าง วางใจเถอะค่ะ ฉันจะช่วยคุณดึงวิษณุส์ลงเอง ”
เธอพูดได้ อาศัยการอยู่ในตำแหน่งภรรยาใหญ่ตระกูลปัญญาพัฒน์
นังนาราเด็กหน้าโง่คนนี้ ชาตินี้อย่าได้มาคิดที่จะมาแย่งตำแหน่งของเธอไป
ตอนนี้คณพศพูด เพียงแค่ให้เธอเก็ยรักษาตำแหน่งภรรยาประธานปัญญาพัฒน์กรุ๊ปไว้
แต่อนาคตยังอีกยาวไกล อีกทั้งคณพศยังหนุ่มแน่น เธอไม่เชื่อว่าเสน่ห์ของเธอพิมพี่คนนี้ จะไม่ทำให้เขาใจสั่น
จะต้องมีสักวันที่จะทำให้นาราเด็กโง่คนนั้น ไวหัวออกไปจากข้างกายของคณพศ!
“ดี ฉันจะรอฟังข่าวดีจากคุณนะคะ หวังแค่ว่าคุณไม่ทำให้ฉันผิดหวังก็พอค่ะ ”เห็นว่าพิมมี่ตอบรับอย่างอารมณ์ดีมีความสุข หัวคิ้วของคณพศ ก็ค่อยๆขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
ระดับความรังเกียจพิมมี่ของเขาอดกลั้นไว้ไม่อยู่อีกต่อไป ดังนั้นหลังจสกจบการสนทนา ไม่ลังเลแม้แต่นิด
รีบให้เลขาของตัวเอง พาพิมพี่ส่งกลับไป
รอจนหลังจากพิมมี่ออกไปแล้ว คณพศก็อดไม่ได้อีกครั้ง ยิ้มเย็นชาแล้วพูด “วิษณุส์นะวิษณุส์ ช่วงนี้นายสุขสบายใจดีไหม?”
“แต่ถึงต่อให้ไม่รู้ ถ้าหากสมมติว่านายรู้ ว่าผู้หญิงคนที่นายรักที่สุดเพียงเพราะว่ายังอยากจะอยู่ข้างกายของฉัน เลยทำร้ายนายเข้า นายจะมีรสชาติยังไงในใจกันนะ?”
ในทีแรกเขาไม่ได้คิดที่จะให้พิมมี่ทำเรื่องนี้ เพราะยังไงซะพิมพี่ก็เป็นผู้หญิงที่โง่เขลาคนนึง แต่เขาเพียงแค่อยากจะให้วิษณุได้รู้ว่าผู้หญิงของเขานั้นโง่เขลาปัญญาอ่อนยังไงบ้าง ตอกลงที่กลางใจของเขา
สองพี่น้องคู่นี้มีส่วนคล้ายกัน คือวืษณุส์ฆ่าคนให้เห็นเลือด แต่เขา ฆ่าคนไม่เห็นเลือด!
คณพศทางนั้น ได้เริ่มแผนกลางของตัวเองแล้ว
เลขาที่ตามคณพศอยู่นั้น พิมมี่ที่ออกจากชั้นห้องทำงานของประธาน ทันใดนั้นก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา
เพราะว่ารีบร้อน อยากจะรีบไปแสดงให้คณพศเห็น หัวใจที่ซื่อสัตย์ของตัวเองที่มีต่อเขา
ดังนั้นพิมพี่ที่ออกมาจากห้องทำงานของคณพศแล้ว ไม่ได้อยากออกมาจากตระกูลปัญญาพัฒน์ตั้งแต่ไหนแต่ไร
แต่เพราะความตั้งใจ แวะไปที่ทำงานของวิษณุส์
เพื่อการแสดงของตัวเองสมจริงขึ้นสักหน่อย เธอหลบอยู่ที่มุม ร้องไห้น้ำตาเป็นสาย ท่าทางน่าสงสาร
“ตกลงแล้วใครกันที่มาร้องไห้โหยหวนขนาดนี้ตั้งแต่เช้า?”ได้ยินเสียงร้องไห้ที่มาจากด้านนอกห้องทำงาน เพราะคณพศกลับบริษัทอย่างกระทันหัน คุณปู่จึงไม่เปลี่ยนตำแหน่งประธานอีก
วิษณุส์ที่อารมณ์ไม่ดีอย่างมาก อดไม่ได้ที่จะระบายความโกรธในห้องทำงาน
เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าคณพศหน้าโง่คนนั้น ถึงได้ดวงแข็งนัก
เขาคิดหามาหลากหลายวิธีขนาดนี้ ลงมือไปก็ตั้งหลายครั้งหลายหน แต่ก็ทำให้เด็กบ้านี่ไปเจอยมบาลได้สักที เพียงแค่คิดถึงเรื่องนี้ ในใจเขาก็อึดอัดลนลานขึ้นมาทันที
ครั้งนี้คณพศไปจสกบริษัทเป็นเวลาตั้งนาน เขากลับไม่มีความสามารถพอที่จะพูดโน้มน้าวใจคุณปู่ได้ มำให้คุณปู่จัดตั้งให้เขาเป็นประธานขึ้นมาใหม่ ทำลายคณพศคนพิการคนนี้ทิ้งผซะ
ตอนนี้คนพิการคนนี้กลับมาอีกครั้ง คุณปู่ก็ยิ่งเพิ่งความเป็นไปไม่ได้ เปลี่ยนใจแล้ว
เพียงแค่นึกถึงจุดนี้ วิษณุษ์ก็รู้สึกว่าที่ตรงกลางหน้าอกของตัวเอง ราวกับว่ามีหินก้อนใหญ่มากดทับอยู่
ดังวิษณุที่อารมณ์เสียอย่างมาก ระบายความโมโหไป เลยหยิบของบนโต๊ะทำงานตัวเอง โยนไปทั่วทักทิศทาง
“รองประธานวิษณุส์อย่าโกรธเลยนะคะ ฉันจะรีบขึ้นไปหาง” เพียงแค่วิษณุส์โกรธ เลขาของเขา ก็อกสั่นขวัญแขวน
เร่งรีบสุดขีด พูดจบก็หันไปดู ว่าตกลงแล้วเกิดอะไรขึ้น
เพียงแค่ตอนที่เขาหันไปดูนั้น คนที่ร้องไห้อยู่ด้านนอกห้องทำงาน เมื่อเห็นว่าเป็นพิมมี่อย่างไม่เขื่อสายตาตัวเอง
เลขาก็กลับเข้าไปที่ห้องทำงานของวิษณุส์อย่างระมัดระวัง รายงานเขา พูด “ท่านประธานคะเป็นคุณพิมมี่ตระกูลปัญญาพัฒน์ ที่ยืนร้องไห้อยู่ด้านนอกค่ะ ”
“พิมมี่?เธอจะมาร้องไห้อยู่ที่นี่ได้ยังไง?”ได้ยินเลขาพูดออกมาแบบนี้ วิษณุส์ก็ขมวดคิ้วพูดทันที
อยากรู้ว่าพิมพี่คนนี้ ตอนที่อยู่กับเขา เขากลับจับเธอไว้ในมือ กลัวที่จะสูญเสียเธอไป
ผลลัทธ์จากการที่เขาล้มเหลวจากแย่งชิงตำแหน่งประธาน เธอทิ้งเขา!
ทั้งกลับไปทำดีกับคณพศไอ้พิการคนนั้น คิดถึงแค่เรื่องนี้ วิษณุส์ก็รู้สึกโกรธเป็นไฟ!
ถ้าหากว่ารู้ตั้งนาน ว่าพิมพี่ผู้หญิงตายซากคนนี้ ต่ำช้าขนาดนี้ เธอก็คงจะไม่ชายตามองเธอตั้งแต่แรก เพราะว่าผู้หญิงคนนี้จริงๆแล้วน่ารังเกียจที่สุด!
ได้ยินวิษณุถามแบบนี้ เลขาคนนั้นแอบมองที่เขา
หลังจากนั้นถึงพูดออกอย่างช้าๆ “ตามท่บอกมาคือไปที่ห้องทำงานประธานแล้วเจอประธานปัญญาพัฒน์ แล้วถูกประธานปัญญาพัฒน์ไล่ออกมาค่ะ คาดว่าน่าจะน้อยใจ เลยมานั่งร้องไห้ตรงนี้ค่ะ ”
คณพศลงไม้ลงมือกับพิมมี่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรก
โดยเฉพาะครั้งที่แล้ว พิมมี่พ่อลูก ตอนที่ออกมาจากห้องประธานปัญญาพัฒน์นั้น พิมมี่ออกมาด้วยเลือดที่ไหลไม่หยุดและท่าทางที่เกือบตาย ภาพที่เห็นจากอดีต
จำได้ว่าตอนนั้นบุรินทร์ รีบร้อนไปทุกที่ให้พวกเขาโทรหารถกู้ภัย เรื่องนี้หายไปจากบริษัทเขานอนแล้ว
ดังนั้นครั้งนี้พิมพี่ไปแล้ว เพียงแค่ถูกคณพศด่าเพียงไม่กี่ประโยคเท่านั้นเอง งั้นก็ถือว่าเธอโชคดีแล้ว
“อะไรนะ?ผู้ตายด้านคนนี้กลับไปหาคณพศอีกแล้วเหรอ?”เพียงแค่ได้ยินเลขาพูดประโยคนี้ออกมา พิษณุส์ก็โกรธจัด
ทันใดหน้าตาเคร่งขรึมก็ลุกขึ้นมาทันที ไม่รอฟังประโยคถัดไปก็พุ่งออกมาด้านนอกห้องทำงาน
แล้วก็ไปนั่งยองๆลงตรงที่มุมนั้นโดยที่ไม่สนใจใคร พิมมี่ที่ร้องไห้อย่างเจ็บปวดใจ และจนตรอก
จับเข้าไปที่ข้อมือของเธอ แล้วจับพิมมี่ลากเข้าไปในห้องทำงานของเขาทันที
“รองประธาน รองประธานคะ……”การกระทำของวิษณุส์ ทำให้เลขาของเขาคนนั้นตกใจ ยืนขึ้นข้างๆเห็นถึงความโกรธที่วิษณุส์มี เขากลัวว่าพิมมี่จะถูกฆาตกรรมไปเสียแล้ว
แต่เธอยังไม่ทันได้พูดจบ วิษณุส์ที่โกรธจนตาแดงก่ำ ก็หันหน้ามาต่อ แล้วพูดตะคอกเธอด้วยความโกรธ “ไสหัวไปจากฉัน!”
ถูกวิษณุส์ตะคอกใส่แบบนี้ เลขาคนนี้ที่ต้องการจะช่วยพิมมี่ในตอนแรก กลัวว่าจะตกงาน จึงไม่กล้าเข้าไปยุ่งอีก