บทที่ 156 มันเป็นหลักฐานยืนยันว่าเธออยู่ที่อังกฤษตอนห้าขวบ
พอคิดได้ดังนั้นเธอก็หน้าขึ้นมองหน้าเคลลี่ลั่ว “ฉันไม่ใช่เด็กผู้หญิงคนนั้นที่คุณตามหาจริงๆ แต่ฉันรู้ว่าเจ้าของที่แท้จริงคือใคร เพราะว่าจี้หยกนี่เธอเป็นคนให้ฉันมา”
“ให้เธอมา? เป็นไปได้ยังไง นี่เป็นของประจำตระกูลเลยนะ คนที่ได้ครอบครองต้องกลายเป็นคนในครอบครัวของฉัน หวาน ถ้าเธอไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร แต่ว่าฉันมารับเธอแล้ว ฉันจะพาเธอกลับอังกฤษ!” เคลลี่ลั่วพูดต่อหน้าพิมมี่ที่กำลังดูหวั่นๆ
“ฉันไม่ใช่เด็กผู้หญิงคนนั้นจริงๆ จี้หยกนี้ไม่ใช่ของฉัน เป็นเด็กผู้หญิงคนนึงให้ฉันมา ผู้หญิงที่คุณอยากพากลับไปตอนนี้อยู่ที่เมืองธิตกล ฉันพาคุณไปหาเธอได้นะ” พิมมี่แอบรู้สึกดีใจ
นารา แบบนี้ก็ดีแล้ว เธอจะได้ไสหัวกลับอังกฤษไปซะ!
ที่จริงเคลลี่ลั่วก็แอบสงสัยว่าพิมมี่จะไม่ใช่หวาน แต่ว่าเธอมีจี้หยกเป็นเครื่องพิสูจน์ ถึงแม้ดวงตาจะไม่ใช่สีฟ้า แต่ว่าเขาก็คิดว่าถ้าโตมาสีตาเปลี่ยนก็อาจจะเป็นเรื่องปกติ
แต่ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้มีความคล้ายหวานในตอนนั้นเลยแม้แต่น้อย
“ได้ ขอแค่พาฉันไปหาคนที่มอบจี้หยกนี้ให้เธอ ฉันก็จะไม่กวนใจเธออีก ไม่ยังงั้นฉันจะพาเธอกลับอังกฤษ” เคลลี่ลั่วพูดออกมา
พอพิมมี่ได้ยินที่เขาพูด ก็กลัวจนเหงื่อออกท่วมตัว “ถ้างั้นเราไปกันเถอะ ปะ!” เธอไม่ได้ไปตามนัดกับวิษณุส์แล้ว ได้แต่ส่งข้อความบอกเขาว่าเธอมีธุระไปไม่ได้แล้ว
พิมมี่พาเคลลี่ลั่วมาที่คฤหาสน์ เธอกดกริ่ง แล้วลุงบีมก็เปิดประตู ก็เห็นว่าเป็นพิมมี่แล้วก็ผู้ชายต่างชาติคนนึง
เขางงไปพักนึง ก็นึกขึ้นได้ว่าคุณชายเคยสั่งไว้แล้วว่า ถ้าไม่ใช่คนของตระกูลวรชัยลภัสห้ามเข้ามา
“คุณพิมมี่ มีธุระอะไรรึเปล่าครับ? คุณชายบอกว่าห้ามคุณเข้ามา” ลุงบีมกำลังจะปิดประตู
“ลุงบีมคะ ฉันมาหานารา เชิญนาราออกมาหน่อย ให้ผู้ชายคนนี้ได้เจอเธอ!” พิมมี่รีบขวางไม่ให้ลุงบีมปิดประตู
ลุงบีมสำรวจเคลลี่ลั่ว “คุณมาหาคุณผู้หญิงมีธุระอะไรรึเปล่าครับ?”
คุณผู้หญิง? ที่แท้หวานก็แต่งงานแล้วหรอ!
ไม่มีทาง เธอพึ่งจะอายุ20เอง จะแต่งงานได้ยังไง ที่แท้เขาก็มาช้าไปงั้นหรอ
“ลุงบีม ใครมาหรอคะ?”
ตอนที่เคลลี่ลั่วกำลังจะพูดนั้น ด้านในก็มีเสียงผู้หญิงคนนึงลอดออกมา
เพราะว่าวันนี้เป็นวันอาทิตย์ นาราก็เลยอ่านหนังสืออยู่ในห้องอ่านหนังสือที่บ้าน พอได้ยินว่ามีคนมาหาเธอ ก็เลยคิดว่าเป็นไลลา
นาราสวมชุดเดรสสีฟ้า เดินมาถึงประตูหน้าบ้าน
เมื่อเคอลี่ลั่วเห็นผู้หญิงที่เดินออกมา เลือดก็สูบฉีดไปทั่วร่างกาย
เธอนั่นเอง คนที่เจอที่ห้องสมุดคืนนั้น
เธอมองมาด้วยนัยต์ตาสีฟ้าเป็นประกาย เธอเหมือนนางฟ้าที่ตกลงมาจากสวรรค์ แล้วมาปรากฏตัวตรงหน้าเคลลี่ลั่วตอนนี้
ใช่ คนๆนี้คือหวานของเขาจริงๆด้วย! วันนั้นแค่เขามองเธอแวบเดียวก็จำเธอได้แล้ว มันเป็นความรู้สึกที่คุ้นเคย
ถึงแม้ว่าจะไม่มีจี้หยก แต่ตอนนั้นเขาก็สัมผัสได้ว่า ผู้หญิงคนนี้คือคนเดียวกับที่เขากำลังตามหาอยู่
ที่แท้ก็เป็นเธอจริงๆด้วย เธอเป็นคนเอาจี้หยกให้ผู้หญิงคนนี้งั้นหรอ?
“เธอมาทำอะไร?” พอนาราเห็นพิมมี่ก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นผู้ชายต่างชาติที่ยืนอยู่ข้างๆพิมมี่
เธอรู้สึกประหลาดใจ นี่มันเป็นคนเดียวกับที่เจอที่ห้องสมุดไม่ใช่หรอ?
ทำไมเขาถึงอยู่กับพิมมี่ได้
“นารา ผู้ชายคนนี้มาหาเธอ” พิมมี่รีบก้าวถอยหลัง เธอแทบอยากจะบินหนีออกไปจากที่นี่ ยังไงเธอก็ไม่มีวันมอบจี้หยกนี้คืนให้นาราเด็ดขาด
เคลลี่ลั่วจ้องนาราอยู่แบบนั้น เขาลืมไปหมดแล้วว่าจะพูดอะไรบ้าง ได้แต่มองเธออยู่แบบนั้น หวาน เธอโตขึ้นมากจริงๆ สวยขนาดนี้ ทำให้เขาช็อคไปเลย
“หวาน ฉันคือพี่ลั่ว เธอจำฉันได้มั้ย?” เคลลี่ลั่วที่ยืนอยู่ตรงนั้นดวงตาเริ่มสั่นไหว หัวใจของเขาเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาอยู่แล้ว เขาหาหวานเจอแล้ว เขาตื่นเต้นจนไม่รู้จะทำยังไงดี
เขาก้าวไปข้างหน้า อยากจะจับมือของนาราไว้ แต่ว่าโดนลุงบีมขวางไว้
“คุณครับ เชิญกลับไปเถอะครับ คุณผู้หญิงของเราไม่รู้จักคุณ”
ลุงบีมกันเขาอย่างไม่เกรงใจ
นาราดวงตาเบิกโพลงแล้วมองไปที่คนนั้น แล้วก็ฮีกยิ้มออกมา “คุณเคลลี่ใช่มั้ย พวกเราเคยเจอกัน” ลุงบีมมองหน้านาราอย่างประหลาดใจ
“แต่ว่าฉันไม่ใช่คนที่คุณตามหาหรอก คุณเคลลี่ยังตามหาเพื่อนเก่าไม่เจออีกหรอคะ” นาราจำได้ว่าวันนั้นผู้ชายคนนี้บอกว่าเขาชื่อเคลลี่ลั่ว มาเมืองธิตกลเพื่อตามหาเพื่อนเก่า
เคลลี่ลั่วรู้สึกตื่นเต้น “เธอยังจำฉันได้อยู่ใช่มั้ย? หวาน เพื่อนเก่าที่ฉันตามหาก็คือเธอ” เขามองนาราที่ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าเขา
เขาอยากบอกเธอมากว่า เขาคือคู่หมั้นของเธอ เธอคือภรรยาที่เขาจองไว้ตั้งแต่15ปีก่อน ตอนนี้เขามารับเธอแล้ว
แต่ว่านาราขมวดคิ้วแน่น “ฉันหรอคะ? จะเป็นไปได้ยังไง” เธอยิ้มอย่างสดใส เคลลี่ลั่วได้แต่มองอยู่ยังงั้น
เธอสวยจนทำให้คนยากหายใจเข้าออกยังลำบาก เธอคือหวานของเขา!
“ไม่ใช่นะ คุณเคลลี่ ฉันเกิดที่นี่ ตั้งแต่เด็กก็ไม่เคยไปที่อื่นมาก่อนเลยนะ” นารามองหน้าเขาเขม็ง
“คือเธอ ยังไงก็คือเธอ เมื่อก่อนตอนเธอ5ขวบเธออยู่ที่อังกฤษ มีจี้หยกพิสูจน์ได้” เขารีบหันกลับไปหาพิมมี่ แต่ว่าเธอไม่อยู่แล้ว
เขาเอามือกดไปที่ปุ่มในนาฬิกาข้อมือของเขา ผ่านไปไม่นานก็มีพวกชายชุดดำพาพิมมี่กลับมา
เคลลี่ลั่วไม่ได้มองหน้าพิมมี่ด้วยซ้ำ ได้แต่เดินไปดึงจี้หยกที่สร้อยคอเธอออกมา
แล้วจี้หยกที่นาราโดนพิมมี่แย่งไปตั้งแต่ตอนเด็กก็กลับมาอยู่ในมือเคลลี่ลั่วอีกครั้ง
“หวาน นี่คือของๆเธอ ของที่ฉันให้เธอไว้ นี่คือจี้หยกประจำตระกูลของฉัน หวานเธอบอกฉันสิ เธอให้เขาไปหรอ?” เคลลี่ลั่วกังวล
เขาแค่อยากบอกเธอว่า เธอคือหวานของเขา
นารามองหน้าเคลลี่อย่างตะลึง เธอรู้ว่าจี้หยกนี้พิมมี่เป็นคนแย่งเธอไป เขาบอกว่าเขาเป็นคนให้เธอ หรือว่าเขาเป็นคนฝั่งเดียวกับหม่ามี๊นะ
เธอก้าวไปข้างหน้า แล้วก็รับจี้หยกนั้นมา แล้วก็เอามือลูบมันเบาๆ
“นี่คือจี้หยกของฉัน ตอนเด็กๆเธอแย่งมันไป คุณเคลลี่ คุณรู้จักจี้หยกชิ้นนี้หรอคะ?” ถ้าเกิดว่าจี้หยกชิ้นนี้เป็นของที่แม่ของเธอทิ้งไว้ให้ ก็แสดงว่าเขาต้องรู้จักแม่ของเธองั้นสิ
“รู้จัก มันเป็นจี้ประจำตระกูลของฉัน ฉันเป็นคนมอบให้เธอเอง หวาน 15ปีก่อนฉันมอบจี้หยกนี้ให้กับเธอ วันนี้ฉันเลยจะมาพาเธอกลับไป” เคลลี่ลั่วมีความสุขมาก เขาไม่คิดว่าเขาจะหาหวานเจอได้เร็วขนาดนี้
ปัง! คำพูดของเขาทำให้สมองของนาราแตกเป็นเสี่ยงๆ เขารู้จักจี้หยกนี่ รู้จักเธอเมื่อ15ปีก่อน งั้นก็แสดงว่าเขาต้องรู้ว่าแม่ของเธออยู่ที่ไหนน่ะสิ?
นารามองหน้าเคลลี่ลั่ว มีแวบนึงที่เธอคิดว่าผู้ชายคนนี้อาจจะเป็นญาติเธอก็ได้
เธอมองใบหน้าที่มีความสุขมากของเคลลี่ที่ยืนอยู่ตรงข้ามเธอ นาราไม่พูดออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ “จี้หยกชิ้นนี้เป็นของคุณ? ถ้ายังงั้นแสดงว่าคุณรู้จักแม่ของฉันงั้นหรอ? ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?”
เคลลี่ลั่วส่ายหัว “ฉันขอโทษ หวาน ฉันไม่รู้จักแม่ของเธอ พวกเรารู้จักกันที่สถานสงเคราะห์”
ใบหน้าของนาราซีดลงทันที ใช่ เธอถูกพ่อรับมาเลี้ยงจากสถานสงเคราะห์ ตัวเองยังแทบจะจำลักษณะของแม่ไม่ได้แล้ว แล้วจะมาคาดหวังให้คนอื่นรู้ได้ยังไงกันล่ะ