บทที่ 331 แบบร่างที่คุ้นตา
ตั้งแต่นาราจากเมืองธิตกลมาจนถึงตอนนี้ นอกจากเห็นคณพศปรากฏตามหน้าหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ทุกครั้งด้วยท่าทีราวกับราชาแล้ว เธอก็ไม่รู้เลยว่าคณพศและมิราตอนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง
อย่างเช่นในคืนนี้ จะคิดถึงเธอบ้างไหมนะ
เรื่องในคืนนี้ทำให้นารารู้สึกลำบากใจ เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเคนโด้จะขอเธอแต่งงาน แต่ดีที่สุดท้ายแล้วเป็นเพียงแค่เรื่องล้อเล่นของเคนโด้ แต่นั่นทำให้เธอรู้สึกอึดอัดจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ใช่ทางที่ดี ว่าไปแล้ว เธอต้องระมัดระวังท่าทีของตัวเองซะแล้ว จะได้ไม่ทำให้เขาเข้าใจผิด ไม่งั้นจะเป็นการทำร้ายเขา เคนโด้เป็นคนสำคัญในชีวิตของเธอ เธอไม่อยากทำร้ายเขา
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว นาราที่กำลังคิดเรื่องวุ่นวายมากมาย ก็ค่อยๆ ผล็อยหลับไป
ในขณะเดียวกัน คณพศซึ่งอยู่ที่เมืองธิตกลกำลังวุ่นวายกับการทำงาน เขาทำตัวเองให้วุ่นวายมากที่สุด เพื่อที่จะลืมความเจ็บปวดที่ไม่มีนาราอยู่ข้างๆ
หนึ่งปีผ่านไป ยังคงไม่เห็นแม้แต่เงาของนารา
เขากับมิราผ่านแต่ละช่วงเวลาด้วยความคิดถึงนารา
บางครั้งเขาก็กลับบ้านน้อยมาก โดยทั่วไปแล้ววันๆ เขาขลุกอยู่แต่ในห้องทำงาน ร่องรอยที่นาราทิ้งเอาไว้มันช่างมากมายเหลือเกิน เขาอดไม่ได้ที่จะสัมผัสร่องรอยเหล่านั้น แค่เขาเห็นก็ทำให้ใจเขาเจ็บจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ จะทำไงได้ล่ะ ทำได้ดีที่สุดก็แค่ปิดหูปิดตาทำเป็นไม่สนใจ
“คณพศ นายพักผ่อนสักหน่อยเถอะ เอกสารเยอะขนาดนี้ นายดูไม่เหนื่อย แต่ฉันเหนื่อย จะว่าไป เอกสารพวกนี้ทำไมนายต้องมาทำเอง แล้วผู้จัดการแผนกพวกนั้นทำอะไรอยู่”
ยชญ์มาเมืองธิตกลเพื่อไม่ใช่เพื่อแวะมาเยี่ยมคณพศ แต่มารายงานผลเกี่ยวกับข่าวคราวของนาราให้คณพศตามปกติ แต่ก็เป็นเช่นเดิม ไม่มีข่าวคราวของนาราแม้แต่น้อย
ทุกครั้งที่เขามาหาคณพศก็จะเห็นเขาจมอยู่กับกองเอกสาร เขาแทบจะทนดูไม่ไหว อยากให้เขาพักสักหน่อย
คณพศแทบจะไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาจากกองเอกสาร “ไม่เป็นไร ชินแล้ว ใช่สิ มีข่าวอะไรไหม”
ยชญ์ส่ายหัว “ไม่มี ฉันส่งคนไปฝรั่งเศสกับอังกฤษ และอีกหลายๆ ประเทศ แต่ไม่มีข่าวคราวของภรรยานายแม้แต่น้อย”
“อืม หาต่อไป ขยายขอบเขตการตามหาให้ใหญ่ขึ้น” น้ำเสียงของคณพศเรียบนิ่ง ราวกับว่าเขาตายด้านกับเรื่องการตามหานาราไม่เจอเสียแล้ว
ยชญ์ถอนหายใจเบาๆ กลัวว่าคณพศจะได้ยิน
เห้อ นี่ก็ปีนึงแล้ว ยังไม่รู้ว่าภรรยาของคณพศอยู่ที่ไหน คิดไม่ถึงว่าเธอจะหลบเก่งขนาดนี้ หายังไงก็ไม่เจอเลย!
เขานึกขึ้นได้ว่าตอนนั้นเมษาก็ซ่อนจนพวกเขาหาไม่เจอ ผู้หญิงทำไมถึงหลบเก่งแบบนี้
“ยืนอึ้งอะไรอยู่” คณพศพลิกเอกสารพลาง เหลือบมองยชญ์แวบหนึ่ง เห็นว่ายชญ์ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับ เขาขมวดคิ้วและเร่งให้ยชญ์ไปหาที่อยู่ของนาราต่อ
ยชญ์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงรวบรวมความกล้าแล้วถามออกไป “คณพศ พวกเราตามหามาหนึ่งปีแล้ว ร่องรอยกระจายไปสิบกว่าประเทศ แต่สุดท้ายแล้วก็ยังไม่เจอที่ที่นาราอยู่ หรือว่า…”
“หรือว่าอะไร” คณพศเงยหน้าขึ้นอย่างฉับพลัน ตาเป็นประกายของคณพศจ้องไปยังตาของยชญ์ “นายอยากพูดอะไร”
เมื่อได้ปะทะกับสายตาเย็นชาของคณพศ ยชญ์ไม่ได้หลบตาเขา แต่รวบรวมความกล้าพูดออกไป “คณพศ หรือว่าจะเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดกับภรรยาของนาย”
“เป็นไปไม่ได้!” นัยน์ตาของคณพศเต็มไปด้วยความเจ็บปวด “หกปีก่อนเธอตกจากสะพานสูงลงมาในทะเลยังไม่เป็นอะไรเลย นายอย่าพูดอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า!”
คณพศมองไปยังแสงของพระอาทิตย์ตกที่นอกหน้าต่าง เขาเชื่อว่าภรรยาของเขาต้องเฝ้ามองเขาอยู่เงียบๆ จากที่ใดที่หนึ่งเป็นแน่ เพราะเธอทิ้งเขาและมิราไม่ได้
นารา…..
เขาค่อยๆ กุมอกตัวเอง อดทนรอให้ความรู้สึกเจ็บที่อกผ่านไป ความรู้สึกที่คุ้นเคย เดี๋ยวนี้ทุกครั้งเมื่อเขาคิดถึงนารา เขาก็จะรู้สึกเจ็บแบบนี้อยู่พักหนึ่ง
ยชญ์เมื่อเห็นว่าหน้าของคณพศอยู่ดีๆ ก็ซีดขึ้นมา จึงถามด้วยความกังวล “คณพศ นายเป็นอะไรไหม ไปหาหมอหน่อยไหม”
คณพศสูดหายใจลึก ความเจ็บที่หน้าอกไม่ได้เจ็บเหมือนเมื่อครู่แล้ว เขาส่ายหัวช้าๆ “ไม่ต้อง ลางสังหรณ์ของฉันบอกว่านารายังอยู่ดี เพียงแค่เรายังไม่เจอเธอเท่านั้นเอง”
ยชญ์ถอนหายใจอย่างจนปัญญา “โอเค ฉันเข้าใจแล้วว่านายอยากจะหาภรรยาของนายให้เจอโดยเร็ว นี่ฉันก็สั่งให้ลูกน้องหาอยู่เรื่อยๆ แต่นายช่วยปรับร่างกายของตัวเองให้ดีก่อนได้ไหม? ถ้านายยังทำงานหนักแบบนี้ต่อไป ร่างกายของนายจะทรุดเอา แถมครั้งก่อนที่นายโดนวางยา ร่างกายของนายก็ย่ำแย่แล้ว”
“ไม่เป็นไร ฉันชินแล้ว งานหนักนี่ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” คณพศพูดแล้วหันไปหยิบแผนปฏิบัติงานขึ้นมาอ่าน
ระหว่างที่เขากำลังอ่าน เขาก็ผุดลุกขึ้นยืน สายตาจ้องรูปที่อยู่ในแผนปฏิบัติงาน
ยชญ์งงกับท่าทีของคณพศ เขามองคณพศอย่างประหลาดใจ “คณพศ นายเป็นอะไร?”
คณพศรีบกวักมือเรียกยชญ์ “นายรีบมาดูแบบร่างนี่เร็ว”
ยชญ์เดินไปอย่างประหลาดใจ จ้องรูปบนกระดาษที่อยู่ในมือของคณพศ เห็นแต่แบบร่างเสื้อผ้าแฟชั่น ดูแล้วไม่เห็นมีอะไรแปลก
“คณพศ นี่ก็แค่แบบร่างเสื้อผ้าเท่านั้น แล้วมันมีอะไรแปลกตรงไหน?” ยชญ์ถามอย่างไม่รู้สาเหตุ
จากนั้นสีหน้าของคณพศเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาใช้นิ้วชี้ไปที่ดอกแม็กโนเลียอันงดงามอย่างน่าอัศจรรย์บนปกเสื้อด้านซ้ายบนรูป นั่นทำให้เสื้อผ้าแฟชั่นโดดเด่นยิ่งขึ้นไปอีก
“ตรงนี้ ยชญ์นายเห็นดอกแม็กโนเลียนี่ไหม?” คณพศถามอย่างตื่นเต้น
ยชญ์พยักหัว “เห็นแล้ว ว่าแต่ดอกแม็กโนเลียนี่มันทำไมหรอ”
“ต้องเป็นนารา แบบร่างนี่เป็นผลงานของนารา ฉันเคยเห็นนาราวาดภาพ เธอชอบดอกแม็กโนเลียสีขาวมาก เธอจะวาดดอกแม็กโนเลียไว้หนึ่งดอกบนผลงานของเธอเกือบทุกครั้ง รีบไป รีบไปเอาภาพที่ออกแบบจากบริษัทนี้มาที่นี่ทั้งหมด ฉันจะดูว่าภาพทั้งหมด
มีดอกแม็กโนเลียอยู่บนภาพไหม” คณพศตื่นเต้นพูดพลางโบกมือให้ยชญ์รีบไปนำภาพที่ออกแบบมา
ยชญ์ตั้งสติได้ ก็หมุนตัวออกไป สั่งให้เลขานำข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทนี้ส่งไปยังห้องประธาน
เลขาทำงานอย่างเต็มที่ ไม่นานก็ได้ข้อมูลมาทั้งหมด จากนั้นนำไปวางไว้บนโต๊ะทำงานของคณพศอย่างนอบน้อม
คณพศรีบเปิดอ่านดู บริษัทนี่เป็นบริษัทที่เพิ่งเข้าสู่ตลาดในอิตาลี พวกเขาอยากจะมาบุกเบิกตลาดเสื้อผ้าในประเทศจีน เมื่อเล็งเห็นว่าบริษัทตระกูลปัญญาพนต์มีอัตราทางการตลาดสูงที่สุด ดังนั้นพวกเขาจึงนำการออกแบบที่เยี่ยมที่สุดของบริษัท เพื่อที่จะได้ลงทุนกับบริษัทตระกูลปัญญาพนต์
คณพศดูแบบร่างพวกนั้นอย่างละเอียด มองยชญ์อย่างดีใจ “ยชญ์ นายดูนี่สิ ตรงนี้ แล้วก็ตรงนี้ แบบร่างพวกนี้ล้วนมีดอกแม็กโนเลียอยู่ ไม่ผิดแน่ๆ มันต้องมาจากลายเส้นของภรรยาฉันเป็นแน่”
ยชญ์ดูภาพเหล่านั้น เป็นตามที่คณพศพูดจริงๆ แบบร่างเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อแจ็คเก็ตแฟชั่น กางเกงสแล็ค กระโปรงสั้น กระโปรงยาว ล้วนมีดอกแม็กโนเลียสีขาวอยู่ “จริงๆ ด้วย คณพศ ดูเหมือนการคาดเดาของนายจะไม่ผิด ภาพเหล่านี้อาจจะเป็นฝีมือของภรรยาก็ได้”