บทที่ 336 ดอกแม็กโนเลียสีขาว
นารา ครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไร ฉันจะไม่ยอมให้คณพศพรากเธอไปอีก จะไม่ยอมให้เธอโดนคณพศจูงจมูกอีกเด็ดขาด ฉันจะไม่ยอมเด็ดขาด!
เคนโด้สาบานกับตัวเองในใจ สีหน้าของเขายังสดใส พูดกับนาราด้วยเสียงอ่อนโยน
“ไปกันเถอะ ข้าวเช้าจะเย็นหมดแล้ว รีบไปทานกัน”
แต่นาราในตอนนี้ยังจะกินอะไรลงอีก? แต่เมื่อเคนโด้พูดมาอย่างนี้แล้ว เธอทำได้เพียงพยักหน้าและตามเขาไป กินอะไรไม่ลงเลย
“นี่ กินเยอะๆ หน่อย ช่วงนี้เธอซูบไปเยอะเลย” เคนโด้หยิบน้ำส้มให้นาราด้วยความกระตือรือร้น สีหน้าประดับด้วยรอยยิ้มเอาใจ ในใจเขารู้สึกไม่สงบเอาเสียเลย เมื่อเห็นท่าทีกระวนกระวายใจของนารา ใจของเขารู้สึกเปล่าเปลี่ยวขึ้นมาทันที
นาราดื่มน้ำส้มที่เคนโด้ส่งให้ แววตาของเธอทอดมองไปยังนอกหน้าต่าง ความคิดของเธอล่องลอยไปพร้อมกับตำแหน่งของรถวิลเลียมไปที่สนามบินแล้ว
เห็นท่าทีของนาราตอนนี้ที่วิญญาณหลุดออกไปจากร่างแล้ว เคนโด้กัดขนมปังคำใหญ่ ครั้งนี้เขาจะไม่อ่อนแอเหมือนเมื่อหกปีก่อนเด็ดขาดและจะไม่ยอมให้คณพศกลั่นแกล้งนาราอีก
หลังจากผ่านการเดินทางอันยาวนาน เครื่องบินของคณพศเกิดแรงสั่นสะเทือนเล็กน้อยจากนั้นก็ค่อยๆ ลงจอดที่สนามบินในกรุงโรม
คณพศเดินออกมาจากเครื่องบินอย่างช้าๆ ดวงตาเขามองไปรอบๆ เพื่อมองหาร่างที่คุ้นเคยอย่างนาราจากเมืองที่ไม่คุ้นตาแห่งนี้
แต่เขาก็ต้องหมดหวังเสียแล้ว แม้จะเห็นคนยืนเรียงแถวอยู่ไม่ไกลถือป้ายที่มีตัวหนังสือภาษาจีนบิดๆ เบี้ยวๆ “ยินดีต้อนรับประธานคณพศที่มาบริษัทTMด้วยตัวเอง” แต่ในคนพวกนั้นไม่มีแม้แต่เงาของนารา
ยชญ์เพ่งดูอย่างละเอียดจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีนาราอยู่ในนั้น ก็อดผิดหวังไม่ได้ “คณพศ หรือว่าพวกเราจะเดาผิดแล้ว ในคนกลุ่มนี้ไม่มีภรรยาของนายเลย”
คณพศไม่ได้พูดอะไรยังคงเดินไปข้างหน้า “ไม่ ฉันแน่ใจว่าเธออยู่ที่นี่แน่นอน”
เห็นความมั่นใจของคณพศแล้ว ยชญ์ก็ไม่พูดอะไรออกไป ฝืนใจเดินตามเขาไปยังกลุ่มคนอิตาลีนั่น ถ้าหาภรรยาของคณพศไม่เจอจริงๆ ก็ถือว่าพาเขามาผ่อนคลายก็แล้วกัน
“โอ้ คุณคณพศ เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับกระโจมบังแดด” วิลเลียมพูดภาษาจีนแบบคนภาษาไม่แข็งแรง โบกมือให้ลูกน้องที่เขาพามาด้วยปรบมือ เสียงปรบมือดังขึ้นเกรียวกราว
ดีที่สีหน้าของคณพศยังคงนิ่งอยู่ แต่ยชญ์กลับไม่เป็นเช่นนั้นเขาหัวเราะร่า จนท้องแข็ง เขานับถือชื่นชมชาวต่างชาติพวกนี้จนอยากจะก้มตัวลงกราบเลยทีเดียว
เขานับถือชาวต่างชาติพวกนี้จริงๆ เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับกระโจมบังแดดอะไรเนี่ย จริงๆ แล้วต้องเป็น ‘เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาต้อนรับคุณ’ สิ อย่าเอาสุภาษิตจีนที่เส็งเคร็งพวกนี้มาพูดโม้เลย พูดผิดจนกลัวบรรพบุรุษจะฟื้นขึ้นมาบีบคออะสิ
วิลเลียมเห็นว่ายชญ์กลั้นขำไม่อยู่ ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงมองอย่างสงสัย “คุณคนนี้คือคุณยชญ์ใช่ไหมครับ? ไม่ทราบว่าคุณคิดถึงเรื่องสนุกอะไรอยู่หรอครับ?”
ยชญ์โบกไม้โบกมือ “ไม่มีอะไรครับ ไม่มีอะไรครับ ผมแค่เห็นสาวงามแห่งอิตาลี เลยรู้สึกสุขใจจนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาน่ะครับ”
วิลเลียม รู้ทันทีว่าคำพูดของยชญ์มีอะไรแอบแฝงอยู่ จึงพูดออกไปทันทีว่า “ไม่มีปัญหาเลยครับ หลังจากที่ประธานคณพศและคุณยชญ์ไปเยี่ยมชมบริษัทTMเรียบร้อยแล้ว ผมจะจัดหาสาวสวยให้ คุณจะได้รู้ถึงความอ่อนโยนของสาวอิตาลี”
ยชญ์พยักหน้าทันที “ได้เลย ได้เลย งั้นพวกเราไปกันเถอะ”
คณพศมองยชญ์ตาขวาง จากนั้นจึงหันไปถามวิลเลียม “บริษัทของคุณมีคนแค่นี้หรอ?”
วิลเลียมนึกว่าคณพศกำลังสงสัยเกี่ยวกับขนาดของบริษัทตัวเอง จึงรีบอธิบายไป “ไม่ใช่ครับ ที่มานี่คือพนักงานแถวหน้าของบริษัทเรา ได้ยินว่าประธานคณพศจะมาพวกเขาจึงต้องตามมาด้วยน่ะครับ ส่วนคนอื่นๆ อยู่ที่บริษัทครับ”
สีหน้าของคณพศดูดีขึ้นเล็กน้อย “งั้นจะรออะไรล่ะ เรารีบไปที่บริษัทกันเถอะ”
เขาไม่ได้เจอภรรยามาปีกว่าแล้ว เขารอแทบจะไม่ไหวที่จะได้เจอเธอ ไม่อยากจะรอแม้แต่วินาทีเดียว
ปฏิกิริยาของคณพศอยู่ในสายตาของวิลเลียม ทำให้เขายิ่งนับถือคณพศขึ้นมาทันที “ประธานเดินทางมาอย่างเหน็ดเหนื่อย นึกไม่ถึงว่าจะไม่พักผ่อนก่อนแต่กลับไปที่บริษัทเลย นี่ทำให้วิลเลียมนับถือจริงๆ ครับ”
“คุณก็พูดเกิน เรารีบไปกันเถอะ” คณพศขี้เกียจจะอธิบายให้ยืดยาว รีบไปที่บริษัทโดยเร็ว
วิลเลียมแสดงความปีติดีใจออกมาทางสีหน้า คิดไม่ถึงว่าประธานที่น่าเกรงขามของบริษัทข้ามประเทศ เวลาทำงานจะเฉียบขาด รวดเร็วแบบนี้ ดูๆ แล้วบริษัทของเขาช่างน่าสนใจจริงๆ ต้องมีโอกาสในการร่วมงานกันแน่นอน!
ไม่นานกลุ่มคนก็มาถึงบริษัทTM คณพศก้าวเร็วๆ ไปข้างนอก ใช้สายตามองหาสิ่งที่เกี่ยวกับนาราทั้งหมดอย่างรีบร้อน
แต่เขากวาดตามองไปทั่วบริษัทแล้ว ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของนารา นัยน์ตาอดไม่ได้ที่จะฉายแววผิดหวัง แต่ยังไงเขาก็ยังมีความหนักแน่นอยู่ นี่ยังไม่ได้เรียกมาดูเรียงคนเลย เขาเลยแสดงท่าทีพออกพอใจกับภาพตรงหน้า พยักหน้า “อืม บริษัทของคุณดูมีชีวิตชีวามาก ในอนาคตต้องมีการพัฒนาที่ดีแน่นอน”
“แน่นอนครับ พนักงานในบริษัททำงานที่นี่เหมือนบ้านของตัวเอง ต่อสู้เพื่อกิจการของบริษัทเหมือนกิจการของตัวเอง” วิลเลียมพูดโม้ จากนั้นก็ค่อยๆ ถามเกี่ยวกับการร่วมงานกัน “แต่ไม่รู้ว่าประธานคณพศคิดเรื่องที่จะลงทุนกับบริษัทของเราอย่างไร?”
“อ้อ เป็นเรื่องที่ดี” คณพศพยักหน้า ความมั่นใจในตัวเองฉายออกมาทางแววตาของเขา
“ผมได้ดูแบบร่างที่พวกคุณส่งมาให้ผมครั้งก่อนแล้ว ผลงานดูมีจิตวิญญาณมาก อีกทั้งยังมีความสมัยใหม่ ผมว่าถ้าสามารถวิจัยและพัฒนา ผมเชื่อว่าในอนาคตจะได้รับโอกาสทางการตลาดที่ดีอย่างแน่นอน”
วิลเลียมได้ฟังดังนั้นตาของเขาก็เบิกกว้าง เขารอมานาน รอคำนี้มานาน เขามองคณพศอย่างตื้นตันและรอให้เขาพูดต่อ
“หลังจากที่ผ่านการวิจัยจากคณะกรรมการของเรา เราตัดสินใจรวบแบบร่างที่คุณส่งไปครั้งก่อนเป็นเล่ม จากนั้นทำเป็นแบรนด์ขึ้นมา ขนาดการผลิตคุณภาพสูงและส่งเสริมให้ขยายการผลิตเพิ่มขึ้น เราสามารถช่วยนำผลิตภัณฑ์ของคุณเข้าสู่ตลาดต่างประเทศได้แบบสบายๆ แต่เราต้องมีสิทธิ์ในการควบคุมที่แน่นอนและสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ของแบรนด์” คณพศพูดอย่างชาญฉลาดและตัดสินใจอย่างแม่นยำ สายตาฉายแววดื้อรั้นไม่ยอมใคร
วิลเลียมพยักหน้าหงึกๆ “นี่เป็นเรื่องปรกติที่ต้องทำอยู่แล้วครับ ว่าแต่ประธานคณพศได้คิดชื่อให้กับแบรนด์นี่แล้วหรือยังครับ?”
“อ้อ เรื่องชื่อพวกเราคิดไว้แล้ว ชื่อว่า BYLbai yu lan (Yulan แมกโนเลีย) ดอกแม็กโนเลียสีขาว เป็นชื่อที่จำง่ายและทันสมัย เหมาะกับกระแสและสไตล์ของผลิตภัณฑ์”
คณพศพูดด้วยความมั่นใจ สาเหตุที่เขาตั้งชื่อแบรนด์ผลิตภัณฑ์ว่า BYL ยังมีความหมายที่ลึกซึ้งกว่านั้นเพราะคณพศอยากนำดอกแม็กโนเลียมาเป็นสัญลักษณ์แทนความรักที่มั่นคงไม่มีวันเปลี่ยนแปลงของเขาที่มีต่อนาราเพียงผู้เดียว
เขาเคยได้ยินนาราพูดว่า ดอกแม็กโนเลียสีขาวเป็นสัญลักษณ์ของความรักที่มั่นคงไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
วิลเลียมไม่มีท่าทางลังเลกับสิ่งที่คณพศเสนอมารีบตอบตกลงทันที เขารอที่จะบุกตลาดจีน ตอนนี้ที่ประเทศจีนเป็นแหล่งทำเงินเลยล่ะ