The king of War – บทที่ 565 จุดประสงค์ที่มาเยี่ยนตู

บทที่ 565 จุดประสงค์ที่มาเยี่ยนตู

สำหรับเรื่องการแต่งงานของหม่าชาวกับอ้ายหลินนั้น หยางเฉินก็แต่ตกใจนิดหน่อย แต่มันก็ยังอยู่ในความคาดการณ์ของเขาอยู่ดี

เดิมทีตระกูลอ้ายก็ต้องการใช้อ้ายหลินไปแต่งงานเพื่อผลประโยชน์อยู่แล้ว ตอนนี้พอได้มาเห็นความยิ่งใหญ่ของหม่าชาวและยังได้รับรู้ถึงความน่ากลัวของหยางเฉิน ตระกูลอ้ายก็อยากให้ทั้งสองแต่งงานกันตั้งนานแล้ว

ถ้าไม่ใช่เพาะอ้ายหลินยังอยากรอต่อไป สองคนนี้ก็คงได้แต่งงานกันไปนานแล้ว

หลังจากที่ทั้งสี่เดินออกจากสนามบิน ก็พากันเดินทางจากไปทันที

ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น รถก็ได้มาจอดอยู่หน้าวิลล่าหลังเดี่ยวสุดหรูหลังหนึ่ง

“พี่เฉิน ผมช่วยพี่ซื้อไปแล้ว พี่ดูสิว่าถูกใจรึเปล่า?”

พอเข้าไปในวิลล่า หม่าชาวก็ได้ถามด้วยรอยยิ้ม

วิลล่าหลังเดี่ยวสองชั้น ชั้นบนกับชั้นล่างรวมกันน่าจะมีพื้นที่ประมาณพันตารางเมตร ด้านหลังของวิลล่ายังมีสระไหว้น้ำกลางแจ้งอยู่ด้วย รอบด้านมีภูเขามีแม่น้ำ ถือเป็นทำเลที่ดีเลยทีเดียว

การตกแต่งภายในก็ดูหรูมาก

หยางเฉินพยักหน้า “เยี่ยมมาก!”

ฉินซีก็พูดออกมาด้วยความตกใจว่า “นี่มันถอดแบบมาจากยอดเมฆาของเราที่เจียงโจวไม่ใช่เหรอคะ?”

หม่าชาวขำแล้วพูดไปว่า “พี่เฉินสั่งมาเป็นพิเศษว่า พี่สะใภ้นั้นชอบการออกแบบของยอดเมฆามาก การออกแบบของวิลล่าหลังนี้ได้ใช้บริษัทเดียวกันก่อสร้าง ดังนั้นรูกทรงเลยออกมาคล้ายกันครับ”

พอได้ยินอย่างนั้น ฉินซีก็หันมามองหยางเฉินด้วยสายตาที่ซาบซึ้ง

เธอแค่เคยพูดอย่างไม่ได้คิดอะไรต่อหน้าหยางเฉินว่าชอบการตกแต่งของยอดเมฆามากก็เท่านั้นไม่คิดว่าหยางเฉินจะจำได้ แล้วยังสั่งให้หม่าชาวตามหาทำเลแบบนี้ให้ด้วย

“ฉันเริ่มจะหึงแล้วนะ!”

อ้ายหลินทำเป็นโมโหแล้วปล่อยมือออกจากแขนของหม่าชาว เบ้ปากแล้วพูดไปว่า “ฉันรู้สึกว่า คุณกับพี่เฉินสิถึงเหมาะเป็นสามีภรรยากัน”

พูดจบ เธอก็หันไปจับมือของฉินซี แล้วพูเด้วยรอยยิ้มว่า “เสี่ยวซี เธอดูสิ สองพี่น้องนี่ดีต่อกันขนาดนี้ ปล่อยให้คนไม่เอาไหนสองคนนี้อยู่กินด้วยกันเถอะ แล้วเรามาอยู่ด้วยกันเองเนอะ”

ฉินซีหัวเราะคิกคิกออกมา “ได้ค่ะได้! ฉันเองก็ตั้งใจจะทำแบบนั้นอยู่แล้ว”

พอหยางเฉินได้ยินอย่างนั้น ก็รีบดึงตัวฉินซีกลับมา ถลึงตาใส่หม่าชาวอย่างแรงแล้วพูดไปว่า “คุมเมียของนายให้ดีหน่อย นี่ถึงขั้นมาคิดไม่ซื่อกับเมียฉันแล้วนะ!”

อ้ายหลินก็หันไปถลึงตาใส่หม่าชาวเหมือนกัน เหมือนต้องการจะสื่อว่า คุณลองคุมฉันดูสิ

หม่าชาวทำหน้าขมขื่น หันมามองหยางเฉินแล้วหันไปมองอ้ายหลิน พร้อมกับสีหน้าที่ลำบากใจ

“ผุ!”

พอเห็นท่าทางมึนงงที่น่ารักของผู้ชายของเธอ อ้ายหลินก็ทนไม่ไหวจนหลุดหัวเราะออกมา

“ฮ่าฮ่า……”

แล้วทุกคนก็พากันหัวเราะออกมา

“พี่เฉิน คืนนี้มีงานนิทรรศการที่ตระกูลอ้ายจัดขึ้น นี่คือบัตรเชิญค่ะ ตาแก่ที่บ้านบอกว่าต้องให้ฉันเชิญคุณไปร่วมงานให้ได้”

หลังพูดคุยกันไปสักพัก อ้ายหลินก็ได้หยิบบัตรเชิญสองใบออกมาจากกระเป๋า แล้วยื่นมันให้หยางเฉิน จากนั้นก็พูดต่อว่า “ฉันก็แค่ทำตามที่ตาแก่ต้องการเท่านั้น ส่วนจะไปไม่ไปก็แล้วแต่คุณเลย”

อ้ายหลินก็เป็นคนที่ตรงไปตรงมาแบบนี้แหละ และเพราะเหตุนี้ ความสัมพันธ์ของเธอกับหยางเฉินและหม่าชาวถึงได้ดีขนาดนี้

“ไปสิ! ต้องไปอยู่แล้วค่ะ!”

หยางเฉินยังไม่ทันได้ตอบ ฉินซีรีบตอบมาก่อนแล้ว “การที่ฉันมาในครั้งนี้ ก็มาเพื่อเปิดตลาดของซานเหอกรุ๊ปในเมืองเยี่ยนตูนี่แหละ นิทรรศการที่ตระกูลอ้ายจัดขึ้น จะต้องมีคนใหญ่คนโตมาร่วมงานเยอะมากใช่มั้ย? ไม่แน่อาจจะใช้โอกาสนี้ได้ทำความรู้จักกับคนใหญ่คนโตบ้างก็ได้”

อ้ายหลินพูดอะไรไม่ออก มองบนไปทีหนึ่งแล้วพูดไปว่า “ด้วยฐานะของสามีเธอ ยังมีใครกล้าเรียกตัวเองว่าคนใหญ่คนโตต่อหน้าเขาอีกเหรอ?”

หลังจากที่ทั้งสี่คนกินข้าวเที่ยงเสร็จ ก็พากันไปเดินเล่นในศูนย์การค้า หญิงสาวทั้งสองคุยกันไม่ยอมหยุด แถมยังซื้อของอีกมากมาย

หยางเฉินกับหม่าชาวนั้นเดินตามหลังพวกเธอ พร้อมกับถุงที่เต็มไม้เต็มมือ

“พี่เฉิน การที่พี่มาเยี่ยนตูอย่างกะทันหันแบบนี้ ไม่ได้มาเพราะอยากขยายอิทธิพลของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปหรอกใช่มั้ย?”

จู่ๆ หม่าชาวก็ถามขึ้น

หยางเฉินพยักหน้า แววตาได้ปรากฏความจริงจังขึ้นมาแวบหนึ่ง “ประมาณเดือนก่อน อวี๋เหวินปิงไปที่เจียงโจว แล้วจับตัวพ่อตากับน้องเมียของฉันไป ถ้าไม่ได้เฉียนเปียวแอบปกป้องเสี่ยวซีอย่างลับๆ คิดว่าเสี่ยวซีก็น่าจะตกไปอยู่ในกำมือของเขาแล้วเหมือนกัน”

“อะไรนะครับ?”

สีหน้าของหม่าชาวเปลี่ยนไปทันที เขาที่ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน พอได้ยินว่าอวี๋เหวินปิงไปลักพาตัวฉินต้าหย่งกับฉินยีไปแม้แต่ฉินซียังเกือบถูกจับตัวไปด้วย เขาก็รู้สึกโกรธเกรี้ยวขึ้นมาทันที

“ตระกูลอวี๋เหวินนี้มันรนหาที่ตายจริงๆ!”

หม่าชาวสบถออกมา จากนั้นก็ถามต่อว่า “ไอ้ชาติชั่วนั่น คุณลุงกับเสี่ยวยีไม่เป็นอะไรใช่มั้ยครับ?”

หยางเฉินพยักหน้า “มีพ่อตาที่ซี่โครงหักหนึ่งซี่กับแผลภายนอก ตอนนี้ก็แทบจะหายกลับมาเป็นปกติแล้ว”

“แล้วอวี๋เหวินปิงล่ะครับ? ไอ้ชาติชั่วนั่นคงได้ตายอย่างทุกข์ทรมานเลยใช่มั้ยครับ?” หม่าชาวถามต่อ

หยางเฉินส่ายหน้า แสดงแววตาที่ดุร้ายออกมา แล้วพูดไปว่า “เขาถูกคนช่วยไปได้!”

ครั้งนี้ หม่าชาวถึงกับช็อกไปเลย

หยางเฉินนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน คนที่เป็นถึงสหายร่วมรบที่ใกล้ชิดที่สุดและเป็นทั้งพี่น้องนั้นรู้ดีที่สุดแล้ว

คนที่สามารถชิงตัวอวี๋เหวินปิงจากหยางเฉินไปได้ จะต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งมากแน่ๆ อย่างน้อยก็ต้องอยู่ในระดับเดียวกับหยางเฉินแล้ว

“พี่เฉิน ตกลงคนคนนั้นเป็นใครกันแน่? ถึงขั้นสามารถช่วยคนไปจะเงื้อมมือของพี่ได้?”

ผ่านไปพักใหญ่ หม่าชาวถึงได้ถามออกมาด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด

“การที่ฉันมาเยี่ยนตูในครั้งนี้ ก็เพื่อต้องการที่จะมาตรวจสอบเรื่องนี้ นายช่วยไปตรวจสอบเรื่องของอวี๋เหวินปิงให้ละเอียดที” หยางเฉินบอก

เขาไม่รู้เลยจริงๆ ว่าคนที่ช่วยอวี๋เหวินปิงไปนั้นเป็นใครกันแน่

ดังนั้นจึงต้องตรวจสอบข้อมูลทุกอย่างของอวี๋เหวินปิงให้ละเอียด แม้แต่ตอนเด็กอวี๋เหวินปิงเคยฉี่รดที่นอนไปกี่ครั้งก็ต้องรู้ให้ได้”

หยางเฉินพยักหน้า แล้วพูดต่อว่า “ตอนบ่าย ฉันจะไปที่ตระกูลอวี๋เหวินสักรอบ”

“พี่เฉิน เดี๋ยวผมไปกับพี่!” หม่าชาวพูดขึ้น

หยางเฉินส่ายหน้า “เดี๋ยวฉันไปคนเดียว นายช่วยฉันตรวจสอบข้อมูลของอวี๋เหวินปิงให้ก็พอแล้ว!”

“ครับ!”

หม่าชาวตอบรับ

“ที่รักคะ รีบมาทางนี้เร็ว!”

ทันใดนั้นเอ ฉินซีก็ได้ตะโกนมา

หยางเฉินกับหม่าชาวถึงได้ยุติการหารือกัน แล้วเดินตามสาวๆ ทั้งสองไป

“ที่รัก คุณลองเสื้อกันลมตัวนี้ดูหน่อย ฉันว่ามันเหมาะกับคุณมากเลยนะคะ”

หยางเฉินกับหม่าชาวเดินเข้าไปในร้านเสื้อผ้า ถึงได้รู้ว่าที่นี่คือร้านเสื้อผ้าผู้ชาย ฉินซีกำลังถือเสื้อโค้ชกันลมสีดำอยู่ในมือ เป็นแบบที่เท่มากๆ

อ้ายหลินก็ได้เลือกชุดสูทสีกรมให้หม่าชาวชุดหนึ่งเหมือนกัน และได้เอามันให้หม่าชาวลองใส่ดู

“ชุดนี้มันดูหนุ่มเกินไป ไม่เหมาะกับผมหรอกครับ”

หยางเฉินพูดไปด้วยความจนใจ

ฉินซีมองบนไปทีหนึ่ง “คุณเพิ่งอายุยี่สิบเจ็ดเอง พูดอย่างกับว่าตัวเองอายุสี่ห้าสิบแล้วอย่างนั้นแหละ ต่อให้คนที่อายุสามสิบกว่าใส่เสื้อโค้ชตัวนี้ก็ยังเหมาะมากอยู่ดี”

ระหว่างที่พูด ฉินซีก็เอาเสื้อใส่ให้หยางเฉินไปแล้ว

หยางเฉินนั้นหน้าตาหล่อเหลา ประสบการณ์ห้าปีในสนามรบยิ่งทำให้เขาดูแตกต่างไปจากคนทั่วไป

ความสูงร้อยแปดสิบ ร่างกายที่เรียวยาว เสื้อกันล้มสีดำที่สวมใส่ ดูมีสไตล์มาก

ฉินซีมองจนตาค้าง แววตาของพวกพนักงานผู้หญิงที่อยู่ในร้าน ต่างก็เป็นประกายระยิบระยับ

“ยังมีกางเกงตัวนี้อีก คุณลองใส่ดูค่ะ”

แล้วฉินซีก็เลือกกางเกงกระบอกเล็กสีดำตัวหนึ่งให้หยางเฉินไป

ไม่นาน หยางเฉินก็ได้เดินออกมาจากห้องลองชุด กางเกงกระบอกเล็ก รองเท้าหนังสีดำ พอมาอยู่บนตัวของหยางเฉินแล้ว มันช่างหล่อเหลาซะเหลือเกิน นี่มันนายแบบเสื้อผ้าตัวเป็นๆ เลยนี่

The king of War

The king of War

Status: Ongoing

ห้าปีก่อน หยางเฉินเพื่อให้ตัวเองคู่ควรกับฉินซี เขาจากไปโดยไม่ร่ำลา ห้าปีต่อมา เขาพกความสามารถอันน่าทึ่ง กลับมาอย่างรุ่งโรจน์ เพียงแต่ว่าพอมาถึง กลับพบว่าตนมีลูกสาวเพิ่มขึ้นมาอีกคน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท