The king of War – บทที่ 1297 ผู้แข็งแกร่งมาจู่โจม

บทที่ 1297 ผู้แข็งแกร่งมาจู่โจม

กษัตริย์โมโหขึ้นมาทันที แรงอาฆาตปกคลุมไปทั่วร่าง ตอนที่มองไปยังกษัตริย์หม่า แววตามีแต่จิตสังหาร

“กษัตริย์ไป๋ กษัตริย์หม่า ทั้งสองช่วยใจเย็นลงก่อน!”

พอเห็นกษัตริย์ไป๋กับกษัตริย์หม่ากำลังจะสู้กัน กษัตริย์เซวก็รีบเข้าไปห้าม

“กษัตริย์เซว คุณเองก็เห็นแล้วนี่ว่ากษัตริย์หม่านั้นยโสแค่ไหน พวกเราก็พูดอย่างชัดเจนแล้ว ว่าให้รอไปก่อน แต่เขากับดึงดันที่จะเปิดเผยตำแหน่งของหยางเฉิน ไม่เท่ากับว่าเขากำลังรนหาที่ตายอยู่รึไง?”

กษัตริย์ไป๋พูดออกมาด้วยความโมโห “ถ้าเขาอยากตาย ก็ไม่ควรดึงเราไปเกี่ยวด้วย! ตอนนี้ เหลือตระกูลเดอะคิงแค่เราสามตระกูลแล้ว พวกเรานั้นเป็นมดที่อยู่บนเชือกเส้นเดียวกันแล้ว”

กษัตริย์หม่าพูดด้วยอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ไม่ต้องพูดให้มันดูดีขนาดนั้น จะเป็นมดที่อยู่บนเชือกเส้นเดียวกันรึเปล่าผมไม่รู้ แต่ที่ผมรู้คือ หยางเฉินต้องตาย ถ้ามันไม่ตาย คนที่ต้องตายก็คือพวกเรา”

“พอได้แล้ว!”

กษัตริย์เซวตะคอกออกมาทีหนึ่ง แล้วพูดด้วยความโมโหว่า “พันธมิตรตระกูลเดอะคิงตกอยู่ในสภาพนี้แล้ว พวกคุณยังจะมาทะเลาะกันอีก นี่พวกคุณอยากให้พันธมิตรตระกูลเดอะคิงแยกกันแล้วใช่มั้ย?”

“ได้ ถ้าพวกคุณอยากแยกกันแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็แยกกันไปเลย ผมเองก็อยากรู้เหมือนกัน ถ้าไม่มีพันธมิตรตระกูลเดอะคิงแล้ว พวกคุณจะยันได้นานแค่ไหน”

ในตอนนี้ อำนาจของพันธมิตรตระกูลเดอะคิงลดลงไปมาก ถ้าไม่ใช่เพราะยังมีพันธมิตรนี้อยู่ เกรงว่าพวกตระกูลระดับสูงในเมืองของพวกเขาคงก่อเรื่องไปนานแล้ว

พอเห็นกษัตริย์เซวใส่อารมณ์ออกมาอย่างนั้น กษัตริย์ไป๋กับกษัตริย์หม่าถึงหยุดทะเลาะกัน ในรถก็ตกอยู่ในความเงียบทันที

ผ่านไปพักใหญ่ ทั้งสามก็ใจเย็นลงแล้ว กษัตริย์เซวถึงได้พูดขึ้นมาว่า “เมื่อกี้คำหนึ่งของกษัตริย์ไป๋พูดได้ดี ตอนนี้พวกเราเป็นมดที่อยู่บนเชือกเส้นเดียวกันแล้ว”

“ไม่ว่าจะเป็นเมืองคิงไป๋ เมืองคิงหม่า หรือแม้แต่เมืองคิงเซวของผม ตระกูลเดอะคิงทั้งสามของเราก็คือตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุด แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่า ลำพังแค่ตระกูลเดอะคิงเพียงตระกูลเดียว จะสามารถควบคุมตระกูลระดับสูงในเมืองของตัวเองได้อย่างง่ายดาย”

“เหตุผลเหล่าตระกูลที่จ้องจะเล่นงานเราพวกนั้นไม่ลงมือสักที ก็เพราะพวกเขารู้ดีว่าพวกเรามีพันธมิตรตระกูลเดอะคิงของตระกูลเดอะคิงทั้งสาม ถึงไม่กล้าร่วมมือกันเล่นงานพวกเรา”

ถ้าตอนนี้เกิดขัดแย้งกันภายใน แล้วทำให้พันธมิตรต้องแตกแยก ผมก็พูดได้อย่างมั่นใจเลยว่า เมืองคิงของเราทั้งสามจะต้องเกิดความวุ่นวายภายในขึ้นเป็นอันดับแรก การที่อาศัยเพียงกำลังของตระกูลเดอะคิงของเราเเค่ตระกูลเดียวแล้วอยากทำให้ความวุ่นวายภายในสงบลง มันก็เป็นไปไม่ได้เลย”

พอได้ฟังที่กษัตริย์เซวพูด กษัตริย์ไป๋กับกษัตริย์หม่าก็ทำหน้าละอายใจขึ้นมาทันที

“กษัตริย์เซวพูดถูก ผมขออภัยในความใจร้อนที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ กษัตริย์หม่า ผมขอโทษ!”

กษัตริย์ไป๋พูดขอโทษก่อน

เมื่อกษัตริย์ไป๋ขอโทษมาเอง กษัตริย์หม่าก็รู้สึกเกรงใจ จึงได้พูดไปว่า “กษัตริย์ไป๋ เมื่อกี้ผมเองก็ใจร้อนเกินไปเหมือนกัน ผมขอโทษ แล้วหวังว่ากษัตริย์ไป๋จะไม่ใส่ใจ”

“เมื่อพูดเคลียร์กันแล้วก็ดี ไม่มีใครผิดต่อใครทั้งนั้น ผมแค่หวังว่า พันธมิตรตระกูลเดอะคิงของเราจะคงอยู่ต่อไป อย่างน้อยก็ให้มันพ้นช่วงเวลาที่ไม่ธรรมดานี้ไปก่อน”

กษัตริย์เซวพูดต่อ “ในเมื่อทุกคนก็ใจเย็นลงแล้ว ถ้าอย่างนั้นเราก็มาคุยเรื่องเมื่อกี้กันต่อ”

“ไม่ต้องคุยอะไรกันแล้ว เมื่อกี้เป็นเพราะผมใส่อารมณ์ อยากให้หยางเฉินตาย ถึงดึงดันที่จะเปิดเผยที่อยู่ของหยางเฉินให้ได้”

กษัตริย์พูดต่อ “ในเมื่อกษัตริย์ไป๋กับกษัตริย์เซวคิดว่าควรรอดูไปก่อน ถ้าอยางนั้นเราก็รอดูสถานการณ์ต่อไปสักพักแล้วกัน ถ้าหยางเฉินยอมปล่อยพวกเราไว้จริง ต่อให้เราติดตามเขา มันก็ไม่มีอะไรที่แย่”

กษัตริย์ไป๋พยักหน้า “ถูกต้อง การที่ให้เราก้มหัวให้เด็กหนุ่มคนหนึ่งเราไม่มีทางเต็มใจอยู่แล้ว แต่ถ้าอีกฝ่ายเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือธรรมชาติคนหนึ่ง อย่าว่าแต่ก้มหัวเลย ต่อให้ต้องคุกเข่าแล้วเขายอมให้เราติดตาม ก็ไม่มีอะไรที่น่าขายหน้า”

สำหรับพวกกษัตริย์ไป่แล้ว ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือธรรมชาติคนหนึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับเทพองค์หนึ่งเลย

กษัตริย์เซวพูดไปยิ้มไป “โอเค เมื่อเป็นอย่างนี้ งั้นเราเป็นอันว่าตกลงตามนี้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราจะติดตามหยางเฉิน!”

“ตกลง!”

กษัตริย์ไป๋กับกษัตริย์หม่าพากันตอบรับ

แต่ว่า สิ่งที่กษัตริย์ไป๋กับกษัตริย์หม่าไม่ทันได้สังเกตก็คือ ส่วนลึกในแววตาของกษัตริย์เซวนั้น มีความโหดเหี้ยมปรากฏขึ้น

เป็นเวลาสามวันเต็มที่หยางเฉินพักอยู่ในบ้านหลังเล็กบนยอดเขาหนิง

ในทุกวัน เขาต้องทนรับกับความเจ็บปวด หาทางทำให้ความทรงจำกลับคืนมา

ส่วนพวกกษัตริย์ไป๋นั้น หลังจากที่หาที่พักให้หยางเฉินแล้ว ก็เฝ้ารอให้หยางเฉินลงจากเขา

และในวันที่เจ็ดที่หยางเฉินพักอยู่บนยอดเขาหมิง รังสีที่น่าสะพรึงกลัวหลายจุดก็ใกล้เข้ามาที่ภูเขาหนิง

ทันใดนั้น ทั่วทั้งภูเขาหนิงก็ถูกปกคลุมอยู่ท่ามกลางแรงกดดันของวิถีบู๊อันน่าสะพรึงกลัว

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

กษัตริย์ไป๋ที่อยู่ใต้ภูเขาหนิงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที และรีบออกมาจากบ้าน

กษัตริย์หม่ากับกษัตริย์เซวก็ออกมาเหมือนกัน จ้องมองไปยังยอดเขาหมิงด้วยสีหน้าที่ตกใจ ผู้แข็งแกร่งที่มีรังสีของวิถีบู๊อันนาสะพรึงกลัวนับสิบ ได้ล้อมบ้านหลังเล็กที่หยางเฉินพักอาศัยเอาไว้

บนยอดเขาหนิง ผู้แข็งแกร่งที่มีรังสีวิถีบู๊อันน่าสะพรึงกลัวสิบกว่าคนได้ล้อมบ้านหลังเล็กของหยางเฉินเอาไว้ ในแววตาของทุกคนเต็มเปี่ยมไปด้วยความอาฆาต

ในตอนนี้ ไม่ใช่เเค่ภูเขาหนิง ทั่วทั้งหนิงโจว ก็ถูกรังสีอันน่าสะพรึงกลัวนี้ปกคลุมไว้แล้ว

ตอนนี้ผู้แข็งแกร่งดั้งเดิมของหนิงโจวมากมายต่างก็พุ่งออกจากห้อง สายตาทอดมองไปยังภูเขาหนิง และพากันทำหน้าตกใจ

“ทางภูเขาหนิง มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

“นี่ท้องฟ้ากำลังจะถล่มลงมาแล้วเหรอ?”

….

ผู้แข็งแกร่งจำนวนนับไม่ถ้วนของหนิงโจวต่างทำหน้าตกใจ ในความตกใจ ส่วนลึกในใจยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกที่หวาดกลัว

ในตอนนี้ ผู้แข็งแกร่งแดนราชามากมาย สามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่า บนยอดเขาหนิง มีผู้แข็งแกร่งที่บรรลุเกินขั้นแดนราชาขั้นสูงสุดนับสิบรวมอยู่ตรงนั้น

“ถ้าฉันจำไม่ผิด หลังจากที่คุณหยางออกจากตระกูลลู่ ก็ไปที่ยอดเขาหนิงใช่มั้ย?”

บ้านตระกูลลู่ ลู่หยวนทงจ้องมองไปทางภูเขาหนิงด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม แล้วพึมพำออกมา

อาจารย์ยืนอยู่ข้างหลังเขา แววตาเปี่ยมด้วยความเคร่งขรึม แล้วพยักหน้า “ดูท่า น่าจะมีคนเปิดเผยที่อยู่ของคุณหยางแล้ว ผมได้ยินมาว่า ก่อนหน้านี้เขาตอนอยู่ที่เยี่ยนตู เขาเคยมีเรื่องกับกองกำลังระดับชั้นนำมากมาย”

“คุณปู่คะ หูนขอร้องล่ะ รีบส่งคนไปช่วยพี่เสี่ยวหน่อยนะคะ เขาอยู่บนยอดเขาหนิง ต้องกำลังถูกผู้แข็งแกร่งมากมายล้อมเอาไว้แน่เลย”

ในตอนนี้เอง ลู่ฉิงเสว่ก็พุ่งเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าที่ร้อนรน แล้วคุกเข่าลงกับพื้น พร้อมกับสีหน้าที่อ้อนวอน

มู่เชียนเชียนก็วิ่งเข้ามาเหมือนกัน มองไปยังลู่หยวนทงด้วยดวงตาที่แดงก่ำ “คุณปู่ลู่ ถ้าไม่ใช่เพราะพี่เสี่ยว ตระกูลลู่ก็ไม่มีทางได้กลายเป็นเจ้าแห่งหนิงโจว หนูขอร้องล่ะ ให้ช่วยส่งผู้แข็งแกร่งไปช่วยพี่เสี่ยวหน่อยนะคะ”

พอเห็นสองสาวที่กำลังคุกเข่าอ้อนวอนอยู่ตรงหน้า ลู่หยวนทงก็ทำหน้าหดหู่

“ฉิงเสว่ เชียนเชียน พวกแกรีบลุกขึ้นเร็ว!”

ลู่หยวนทงรีบพูดไปว่า “ไม่ใช่ว่าปู่ไม่อยากช่วย แต่เป็นเพราะต่อให้เราอยากช่วย ก็ช่วยอะไรไม่ได้ต่างหาก!”

“ถึงตระกูลลู่ของเราจะถูกคุณหยางช่วยให้กลายเป็นเจ้าแห่งหนิงโจว แต่อาจารย์ฉีที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลเรา ก็อยู่แค่แดนราชาขั้นกลางเท่านั้น”

“แต่ในตอนนี้ บนยอดเขาหนิง ได้มีผู้แข็งแกร่งแดนเทพอย่างน้อยสิบคนอยู่บนนั้น ฉันมีความรู้สึกว่า ในบรรดาผู้แข็งแกร่งแดนเทพเหล่านี้ยังมีแดนเทพชั้นยอดอยู่ด้วยจำนวนหนึ่ง”

พอพูดอย่างนั้นออกมา ลู่ฉิงเสว่กับมู่เชียนเชียนก็ทำหน้าสิ้นหวังขึ้นมาทันที

The king of War

The king of War

Status: Ongoing

ห้าปีก่อน หยางเฉินเพื่อให้ตัวเองคู่ควรกับฉินซี เขาจากไปโดยไม่ร่ำลา ห้าปีต่อมา เขาพกความสามารถอันน่าทึ่ง กลับมาอย่างรุ่งโรจน์ เพียงแต่ว่าพอมาถึง กลับพบว่าตนมีลูกสาวเพิ่มขึ้นมาอีกคน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads แทงบอลออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน