ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล – ตอนที่ 1818 ความแค้น

ตอนที่ 1818 ความแค้น

ตอนที่ 1818 ความแค้น
เพียงชั่วพริบตาเดียว จอมทิพย์งูหลามทองก็กลายเป็นเถ้าธุลีไม่เหลือซาก ทำให้ทั่วทั้งบริเวณเงียบสงัด ยิ่งท่าทีของจอมเทพเชียนจวินในเวลานี้แล้วเย็นยะเยือกดั่งน้ำแข็ง

เริ่มจากบุตรชายของเขาเสิ่นจินหลงตายอนาถภายใต้เงื้อมมือของหลี่ชิเย่ เวลานี้ ศิษย์โปรดของเขาก็ไม่อาจหลีกหนีจากเคราะห์กรรมนี้ไปได้ ในขณะนี้จะไม่ให้เสิ่นเชียนจวินโกรธก็คงยาก มันเป็นแค้นที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้

สำหรับบรรดาระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิอื่นๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างไม่กล้าพูดอะไรมาก ได้แต่นิ่งเงียบ อย่างมากก็แค่จ้องมองไปที่หลี่ชิเย่เท่านั้นเอง

ตั้งแต่ต้นจนจบ หลี่ชิเย่ไม่ได้กระดิกกระทั่งนิ้วด้วยซ้ำ เขายังคงนั่งอยู่ตรงนั้นเงียบๆ เท่านั้นเอง ขณะที่จอมทิพย์งูหลามทองกลับถูกไหม้จนเป็นจุน

“นี่มันคืออภินิหารใดกันแน่?” สุดท้าย แม้แต่จอมเทพหนานหยางก็อดที่จะเอ่ยถามขึ้นมา เดิมทีเขาต้องการหาเรื่องหลี่ชิเย่ ต้องการเอาชนะหลี่ชิเย่เพื่อกูหน้าของตนกลับคืนมา

แต่ว่า เวลานี้เมื่อได้เห็นอภินิหารลักษณะเช่นนี้แล้ว ทำให้ภายในใจของจอมเทพหนานหยางเต็มไปด้วยความฉงน ขณะเดียวกันก็เปี่ยมไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

ก่อนหน้านั้น จอมเทพหนานหยางเข้าใจว่าทั้งหมดที่เห็นเป็นเพียงการแสดงอภินิหารที่เป็นมายาของหลี่ชิเย่เท่านั้นเอง ทำให้ทุกอย่างดูเหมือนจริงเท่านั้น สุดท้ายแล้วมันยังคงเป็นเพียงภาพมายา

ขณะจอมทิพย์งูหลามทองถูกเผาผลาญจนกลายเป็นเถ้าธุลีนั้น ทำให้จอมเทพหนานหยางเข้าใจได้ว่า นี่มันไม่เพียงแค่มายาเท่านั้น ในนั้นเกี่ยวพันถึงสุดยอดอภินิหารสูงสุดอย่างหนึ่ง อีกทั้งเป็นสุดยอดอภินิหารสูงสุดที่พวกเขาไม่เคยรับรู้และไม่เคยเห็นมาก่อน

ควรจะทราบว่า ทั้งจอมเทพหนานหยางและจอมเทพเชียนจวินต่างก็เป็นผู้ที่มีอายุอยู่มาอย่างยาวนาน พวกเขาก้าวขึ้นสู่ระดับจอมเทพ เรียกได้ว่ามีความรู้ประสบการณ์ที่สูงมาก พวกเขากระทั่งเคยพบเจอ และเคยคบหากับจอมราชันเซียนหวังมาก่อน เรียกได้ว่าในโลกนี้เคล็ดวิชาใดๆ หรืออภินิหารใดๆ ที่พวกเขาไม่เคยพบเห็นมานั้นคงมีอยู่ไม่มาก

ต่อให้จอมเทพหนานหยางและจอมเทพเชียนจวินจะมีความรู้ประสบการณ์ที่กว้างขวางยิ่ง แต่พวกเขาก็ไม่เคยพบเห็นอภินิหารจากตำราระลึกมาก่อน การที่พวกเขาดูไม่ออกถึงความลึกซึ้งพิสดารก็ไม่นับเป็นเรื่องแปลก

ในโลกหล้า ยกเว้นหลี่ชิเย่ในขณะนี้แล้ว มีเพียงราชันเทพชิงมู่ที่เคยฝึกตำราระลึกมาก่อน แต่ว่า นับแต่อดีตกาลที่ผ่านมา ในสิบสามทวีปมีผู้ที่เคยพบเห็นราชันเทพชิงมู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น เล่าลือกันว่าผู้ที่เคยพบเจอราชันเทพชิงมูจริงๆ คงมีไม่เกินห้าคน ส่วนจะมีใครได้เคยเห็นราชันเทพชิงมู่สำแดงอภินิหารจากตำราระลึกนั้น คงไม่สามารถรู้ได้

ในโลกนี้นอกจากการสำแดงโดยหลี่ชิเย่ในเวลานี้แล้ว ก่อนหน้านั้นเกรงว่าคงไม่เคยมีใครได้เคยเห็นราชันเทพชิงมู่สำแดงอภินิหารจากตำราระลึกแล้ว

“ความคิดแวบหนึ่งบังเกิดหมื่นสัจธรรม ความคิดแวบหนึ่งสร้างสรรค์สรรพสิ่ง ความคิดแวบหนึ่งปกครองจักรวาล” สำหรับความฉงนของจอมเทพหนานหยางนั้น หลี่ชิเย่เพียงยิ้มกล่าวขึ้นมาตามอารมณ์เท่านั้น

“ความคิดแวบหนึ่งบังเกิดหมื่นสัจธรรม ความคิดแวบหนึ่งสร้างสรรค์สรรพสิ่ง ความคิดแวบหนึ่งปกครองจักรวาล!” จอมเทพหนานหยางพยายามทำความเข้าใจ และศึกษาอย่างละเอียดถึงความลึกซึ้งพิสดารที่อยู่ภายใน เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่แล้ว

สำหรับบรรดาระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิที่นั่งอยู่บริเวณบันไดหินนั้น พวกเขาต่างมองหน้ากันและกัน ความคิดแวบหนึ่งบังเกิดหมื่นสัจธรรม ความคิดแวบหนึ่งสร้างสรรค์สรรพสิ่ง ความคิดแวบหนึ่งปกครองจักรวาล พวกเขาต่างรู้สึกว่าคำพูดนี้ออกจะยโสเกินไปแล้ว เป็นที่ทราบกันดีว่า ในโลกนี้ผู้ที่สามารถทำได้ถึงขั้น “ความคิดแวบหนึ่งบังเกิดหมื่นสัจธรรม ความคิดแวบหนึ่งสร้างสรรค์สรรพสิ่ง ความคิดแวบหนึ่งปกครองจักรวาล” โดยแท้จริงนั้นไม่มีอยู่จริง เว้นแต่สวรรค์เท่านั้น!

ต่อให้เป็นจอมราชันเซียนหวัง ราชันเซียนเก้าแดนก็เป็นไปไม่ได้สามารถทำได้ถึงขนาดความคิดแวบหนึ่งบังเกิดหมื่นสัจธรรม ความคิดแวบหนึ่งสร้างสรรค์สรรพสิ่ง ความคิดแวบหนึ่งปกครองจักรวาลได้

“พูดให้คนอื่นเข้าใจผิด อาศัยเจ้าหน่ะหรือก็กล้ากล่าววาจะสามหาว ความคิดแวบหนึ่งบังเกิดหมื่นสัจธรรมไหนเลยเป็นสิ่งที่เจ้าสามารถทำได้” จอมเทพเชียนจวินส่งเสียงเย็นชาออกมา และกล่าวน่าครั่นคร้ามขึ้นมา

หลี่ชิเย่ไม่สนว่าจอมเทพเชียนจวินจะเชื่อหรือไม่ กล่าวท่าทีตามอารมณ์ไปว่า “ใช่หรือไม่เจ้ามาลองดูสักหน่อยก็รู้เองแล้ว”

“ฮึ” จอมเทพเชียนจวินส่งเสียงฮึเย็นชาออกมา เมื่อเผชิญกับการท้าทายของหลี่ชิเย่ แววตาดูน่ากลัว พลันเผยปณิธานการฆ่าออกมา ทุกๆ ประกายตาที่ปรากฎออกมาก็คล้ายดั่งเป็นประกายกระบี่ที่ทารุณโหดร้ายที่สุดในโลก สามารถสับผู้คนให้เป็นหมื่นๆ ชิ้นอย่างนั้น แม้จอมเทพเชียนจวินยังไม่ทันได้ลงมือ บรรดาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ก็รู้สึกได้แล้วว่าเนื้อหนังของตนเจ็บแปลบๆ ขึ้นมา ประกายตาของเขาเสมือนหนึ่งเป็นคมมีดที่เชือดเฉือนบนร่างกายแต่ละครั้งอย่างนั้น ทำให้พวกเขาอดที่จะสั่นเทิ้มไม่ได้

“ทุกท่าน” เวลานี้ ฉีหลินกว่านลี่ได้ลุกขึ้นยืนพูดไกล่เกลี่ยขึ้นมาว่า “เอาอย่างนี้ ทุกท่านต่างถอยกันคนละก้าวดีไหม?” มาคราวนี้ จอมเทพหนานหยางไม่พูดอะไรออกมากับการลุกขึ้นมาพูดจาไกล่เกลี่ยของฉีหลินกว่านลี่ในครั้งนี้ การมาหาเรื่องกับหลี่ชิเย่ของเขาในครั้งนี้ หลักใหญ่คือต้องการกู้หน้าของตนกลับมา เวลานี้เมื่อได้เห็นอภินิหารของหลี่ชิเย่แล้ว ทำให้เขาไม่อาจไม่คิดรอบคอบขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

ในใจของจอมเทพหนานหยางเวลานี้เกิดความลังเลขึ้นมา เป็นความจริงที่ครั้งก่อนหลี่ชิเย่ได้ทำลายปณิธานของเขา เขาจึงต้องการสั่งสอนหลี่ชิเย่สักครั้ง ให้เขาได้รู้ว่าจอมเทพอย่างเขาจะไม่ยอมให้ผู้ใดมาท้าทายได้

เวลานี้ความตั้งใจดังกล่าวได้เกิดหวั่นไหวขึ้นมา เนื่องจากเขาเองชักไม่แน่ใจแล้วว่าจะสามารถกู้หน้าคืนได้หรือไม่ ถ้าหากการสั่งสอนหลี่ชิเย่ไม่บังเกิดผลแล้วลากตัวเองเข้าไปพัวพันด้วย เท่ากับเป็นการนึกว่าตัวเองฉลาด กลับกลายเป็นปล่อยไก่เสียแล้ว

เมื่อจอมเทพหนานหยางไม่พูดไม่จา ทำให้จอมเทพหนานหยางมองออกถึงเส้นสนกลในบางอย่าง เขาจึงรีบกล่าวขึ้นมาว่า “วิถีทางยาวไกล บุญคุณความแค้นเข่นฆ่าล้างแค้นมีให้เห็นอยู่ทุกวัน การประลองกันระหว่างกลุ่มคนรุ่นใหม่ไม่เคยหยุดนิ่งมาก่อน เส้นทางมุ่งไปยังจอมราชันเซียนหวังปูลาดด้วยโครงกระดูกจำนวนนับไม่ถ้วน ทุกๆ วันก็ต้องมีดาวรุ่งที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ร่วงหล่นลงมา”

จอมเทพทั้งสองต้องการออกหน้าแทนผู้เยาว์ มันก็ไม่แน่ว่าจะเหมาะสม หากว่าจอมเทพยินดี ตระกูลราชันฉีหลินของพวกเรายินดีเป็นสื่อกลาง เหตุใดทุกคนไม่เปลี่ยนจากศัตรูมาเป็นมิตรกันเล่า” เวลานี้ ฉีหลินกว่านลี่พยายามอย่างยิ่งในการหว่านล้อม คำพูดของเขาเน้นหนักไปที่จอมเทพเชียนจวิน เนื่องจากเขาดูออกว่าตัวจอมเทพหนานหยางเกิดสั่นไหวขึ้นในใจแล้ว

เวลานี้ขอเพียงกล่อมจอมเทพเชียนจวินได้ บุญคุณความแค้นในครั้งนี้ก็สามารถเปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นมิตรได้แล้ว สำหรับหลี่ชิเย่นั้น ฉีหลินกว่านลี่ไม่ตั้งความหวังอีกแล้ว เนื่องจากเขารู้แล้วว่าเป็นเหมือนดั่งที่ธิดาราชันฉีหลินได้พูดเอาไว้อย่างนั้น หลี่ชิเย่ต้องเป็นผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะสูงสุดลงมายังโลกีย์มนุษย์ เฉกเช่นตัวเขาที่เป็นระดับสูงสุดเช่นนี้ การลงมายังโลกีย์มนุษย์เพียงเพื่อต้องการขัดเกลาตนเองเท่านั้น

แม้ว่าจอมเทพนั้นมีความแข็งแกร่งยิ่งนัก กระทั่งจอมเทพบางองค์ถึงกับเทียบเคียงกับจอมราชันเซียนหวังได้ แต่ จอมเทพเชียนจวินได้ถูกจัดให้เป็นจอมเทพที่อยู่ในระดับสูงสุดอย่างแน่นอน ดังนั้น หลี่ชิเย่จะไม่เกรงกลัวต่อจอมเทพเชียนจวินแน่นอน และไม่มองจอมเทพเชียนจวินอยู่ในสายตาอย่างเด็ดขาด!

เวลานี้ สิ่งเดียวที่ฉีหลินกว่านลี่สามารถทำได้ก็คือ กล่อมจอมเทพเชียนจวินให้ได้ ขอเพียงจอมเทพเชียนจวินยอมอ่อนข้อให้ จอมเทพหนานหยางก็จัดการได้ง่าย

“แค้นของความเป็นความตาย ไม่อาจอยู่ร่วมโลกได้ ไม่มีทางที่จะคุยกันได้!” จอมเทพเชียนจวินกล่าวน่าเกรงขามออกมา

เวลานี้ จอมเทพเชียนจวินไม่คิดที่จะเจรจาอยู่แล้ว บุตรชายโทนของเขาถูกสังหาร เวลานี้ศิษย์โปรดก็ถูกสังหารอีก เขาไม่สามารถกล้ำกลืนความอัปยศเช่นนี้ได้อยู่แล้ว ไม่ว่าหลี่ชิเย่จะมีอภินิหารที่ปราศจากผู้ต่อกรจริงหรือไม่ เขาก็ต้องแก้แค้นให้กับบุตรชายโทนและศิษย์โปรดที่ต้องตายไป เขาไม่สามารดทนดูบุตรชายโทนและศิษย์โปรดของตนต้องตายเปล่า!

เมื่อฉีหลินกว่านลี่เห็นว่าจอมเทพเชียนจวินไม่ยอมถอยแม้เพียงครึ่งก้าว เขาเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “จอมเทพ การแก้แค้นให้กับผู้เยาว์ ไม่ว่าจะเป็นเพราะรักลูกอย่างสุดซึ้ง หรือรักศิษย์อย่างสุดซึ้งล้วนแล้วแต่ควรค่าแก่การยกย่อง แต่ โลกกว้างใหญ่ยากจะหยั่งรู้ จอมเทพคือผู้มีปัญญาที่ยืนอยู่เหนือสุดยอด สมควรรู้ว่าทุกสิ่งในโลกไม่ง่ายนัก ตระกูลราชันฉีหลินเองก็ไม่ต้องการเห็นศิษย์ที่อยู่ภายใต้การปกครองของตระกูลราชันฉีหลินถูกสังหาร ขณะเดียวกันก็ไม่ต้องการเห็นการฆ่าฟันและสงครามมากมาย ระหว่างทั้งสองสิ่งก็ต้องเลือกสิ่งหนึ่ง”

การที่ฉีหลินกว่านลี่พูดออกมาเช่นนี้ ในคำพูดบ่งบอกความหมายชัดเจน ตระกูลราชันฉีหลินไม่สนับสนุนให้จอมเทพเชียนจวินแก้แค้น เป็นการแสดงอย่างชัดเจนว่าต้องการเป็นผู้ไกล่เกลี่ยระหว่างพวกเขากับหลี่ชิเย่แล้ว

แม้ว่าฉีหลินกว่านลี่ไม่ได้มีฐานะที่แข็งแกร่งมากไปกว่าจอมเทพเชียนจวิน แต่ว่า เมื่อฉีหลินกว่านลี่พูดออกมาเช่นนี้แม้แต่จอมเทพเชียนจวินก็ต้องเผชิญกับสิ่งนี้อย่างรอบคอบ จะอย่างไรเสีย ฉีหลินกว่านลี่คือตัวแทนของตระกูลราชันฉีหลิน ตระกูลราชันฉีหลินไม่เพียงมีเซียนหวาง ขณะเดียวกันยังมีจอมเทพที่อยู่ในระดับเดียวกันกับพวกเขา!

ขณะที่ฉีหลินกว่านลี่พูดคำๆ นี้ออกมา บรรดาระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิต่างมองหน้ากันและกัน ทุกคนต่างรู้สึกเย็นวาบภายในใจ เวลานี้ ท่าทีของตระกูลราชันฉีหลินนับว่าชัดเจนมากแล้ว

ในฐานะของตระกูลราชันฉีหลิน แน่นอนที่สุดจะต้องเข้าข้างแคว้นเจ้าลัทธิที่อยู่ภายใต้การปกครองของตน แต่ว่าเวลานี้ตระกูลราชันฉีหลินยินดีก้าวออกมาเป็นผู้ไกล่เกลี่ยให้กับทั้งสองฝ่าย มีคำอธิบายเพียงประการเดียวเท่านั้น นั่นก็คือศัตรูแข็งแกร่งเกินไป!

ในเวลานี้ บรรดาระดับบรรพบุรุษของสำนักเจ้าลัทธิที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างนิ่งเงียบ จุดจบของจอมทิพย์งูหลามทองเป็นสิ่งที่ทุกคนเห็นกับตาตนเอง หลี่ชิเย่ที่อยู่ตรงหน้ามีความแข็งแกร่งเพียงใดกันแน่นะ? ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างไม่มีความมั่นใจ

ผู้บำเพ็ญตนคนหนึ่งที่มีพลังขมุกขมัวเพียงไม่กี่พันลิตรกลับลึกล้ำยากจะหยั่งถึง มันช่างแปลกประหลาดมากเหลือเกิน เวลานี้ทุกคนต่างไม่มั่นใจว่าหากจอมเทพเชียนจวินลงมือด้วยตนเองจะเอาชนะหลี่ชิเย่ได้หรือไม่

ถ้าหากเป็นช่วงเวลาปรกติ การที่จอมเทพองค์หนึ่งต่อสู้ชี้ขาดกับผู้เยาว์คนหนึ่ง ไม่ว่าใครก็ต้องมั่นใจในตัวของจอมเทพเชียนจวิน แต่ว่า เวลานี้ทุกคนกลับไม่แน่ใจเสียแล้ว

“แค้นที่สังหารบุตรชายไม่อาจอยู่ร่วมโลกได้!” เวลานี้ จอมเทพเชียนจวินกล่าวน่าเกรงขามออกมาว่า “ฆ่าคนต้องชดใช้ด้วยชีวิต ไม่ใช่ข้าตายก็คือเขาม้วย!”

ขณะที่จอมเทพเชียนจวินพูดคำๆ นี้ออกมา ท่าทีของเขาดูมั่นคงยิ่งนัก เรียกได้ว่าเป็นคำพูดที่เฉียบขาด ไม่เหลือพื้นที่ที่จะคุยกันได้อีกเลย

หลังจากที่เสิ่นจินหลงบุตรโทนของเขาถูกหลี่ชิเย่สังหารไปแล้ว เขาก็ตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่าจะต้องแก้แค้นให้กับบุตรของตนให้ได้ เขาจะไม่นิ่งดูดายมองดูบุตรของตนถูกสังหารไปเช่นนี้เ!

“จอมเทพ” ฉีหลินกว่านลี่อ้าปากจะพูด ความจริงแล้วเขาไม่ได้ปกป้องหลี่ชิเย่ ตรงกันข้ามการที่เขาพยายามพูดก็เพื่อจอมเทพเชียนจวิน หากจอมเทพเชียนจวินยืนยันจะแก้แค้นให้ได้ เขาต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย แม้ว่ากำลังความสามารถของจอมเทพเชียนจวินจะสูงมาก แต่ เมื่อต้องเจอกับหลี่ชิเย่ที่เป็นประเภทอยู่ในฐานะสูงสุดแล้วลงมายังโลกโลกีย์มนุษย์เช่นนี้แล้ว ถึงเป็นระดับจอมเทพก็ช่วยอะไรไม่ได้

“ผู้เฒ่าฉี เรื่องนี้เป็นบุญคุณความแค้นส่วนตัวของข้าไม่เกี่ยวกับสำนัก” จอมเทพเชียนจวินพูดตัดบทฉีหลินกว่านลี่ กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ต่อให้ข้าต้องพ่ายแพ้และชีพวาย ช่วยแจ้งข่าวให้กับสำนักเจอเยื่อก็พอ ไม่จำเป็นต้องแก้แค้นให้กับข้า”

“รักษาตัว ระวังตัวด้วย” เมื่อจอมเทพเชียนจวินพูดเช่นนี้ ฉีหลินกว่านลี่ยังจะพูดอะไรได้อีก? ได้แต่เตือนสติเขานิดหนึ่ง

จอมเทพหนานหยางอ้าปากจะพูด แต่ สุดท้ายเขาได้แต่ทอดถอนใจออกมาเบาๆ

แม้ว่าต่างก็เป็นจอมเทพเหมือนกัน แต่ เขาก็ไม่ต้องการไปเกลี้ยกล่อมจอมเทพเชียนจวิน เนื่องจากพวกเขาทั้งสองแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง จอมเทพเชียนจวินจะต้องแก้แค้นให้กับบุตรชายของตนอยู่แล้ว นี่เป็นบุตรโทนของเขา ต่อให้บุตรของเขาเสินจินหลงไม่ยอมรับความเป็นบิดาของเขา แต่จอมเทพเชียนจวินยังคงยินดีทำทุกอย่างเพื่อบุตรคนนี้ของตน

จอมเทพหนานหยางมีลูกหลานมากมาย เขามีลูกหลานหลายร้อยคน เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะต้องแลกชีวิตกับใครเพื่อลูกหลานของตน ถ้าหากลูกหลานทุกคนที่ก้าวเดินบนเส้นทางผู้บำเพ็ญตนที่ยาวไกลต้องพ่ายแพ้หรือถูกสังหาร แล้วเขาจะต้องมาแก้แค้นให้ทุกคน เกรงว่าต่อให้เขาแยกร่างเป็นสิบก็ปลีกตัวไม่ไหว!

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

Status: Ongoing

สิบล้านปีก่อน หลี่ชีเย่ตัดไผ่เขียวขจีหนึ่งลำ   แปดล้านปีก่อน หลี่ชีเย่เลี้ยงปลาไนหนึ่งตัว ห้าล้านปีก่อน หลี่ชีเย่รับเลี้ยงเด็กสาวหนึ่งคน   วันนี้ ทันทีที่หลี่ชีเย่ตื่นขึ้น กิ่งไผ่เขียวบำเพ็ญตนจนกลายเป็นวิญญาณเทพ ปลาไนกลายร่างเป็นมังกรทอง เด็กสาวกลายเป็นจักรพรรดินีเก้าแดน  นี่คือเรื่องราวของการฝึกฝน เรื่องราวของเด็กหนุ่มปุถุชนที่มีชีวิตอมตะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads แทงบอลออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน