จินเก๋อบรรลุเป็นจอมราชัน สืบทอดชะตาฟ้าได้สี่สายในคราวเดียว ข่าวนี้เสมือนดั่งพายุที่โหมกระหน่ำไปทั่วทั้งชิงโจว ทุกคนเมื่อรับรู้ถึงข่าวนี้แล้ว หลายคนรู้สึกสะเทือนหวั่นไหว แต่ก็เป็นสิ่งที่อยู่ในความคาดคิดอยู่แล้ว
การก้าวขึ้นเป็นราชันของจินเก๋อไม่ได้อยู่เหนือความคาดคิดของผู้คนสักเท่าไร จะอย่างไรเสียด้วยกำลังความสามารถและพรสวรรค์ของเขา หากครั้งแรกไม่เป็นเพราะถูกพวกของเหรินเซิ่นลอบโจมตี จินเก๋อคงเป็นจอมราชันไปนานแล้ว
ที่ทำให้ทุกคนหวั่นไหวคือการสืบทอดชะตาฟ้าสี่สายในคราวเดียวของจินเก๋อ ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมายของทุกคน หากไม่เป็นเพราะถูกลอบโจมตีในการสืบทอดชะตาฟ้าครั้งแรกล่ะก็ จินเก๋อมีโอกาสได้เป็นจอมราชันที่มีสิบสองชะตาฟ้าในครอบครองได้จริงๆ
นอกจากนี้ สิ่งที่ทุกคนรู้สึกสะเทือนหวั่นไหวก็คือ การถือกำเนิดขึ้นมาของจอมราชันองค์ที่สองในยุคนี้ เช่นนั้นแล้ว จอมราชันเซียนหวังองค์ที่สามของยุคนี้ยังอีกไกลหรือไม่?
ในขณะนี้ ผู้ที่บรรลุเป็นจอมราชันเซียนหวังก่อนใครคือราชันสวรรค์เต้าหลง ซึ่งไม่ได้เป็นผู้ที่มีพรสวรรค์สูงสุด และไม่ใช่ผู้ที่มีความปราดเปรื่องน่าทึ่งที่สุด กระทั่งราชันสวรรค์เต้าหลงดูจะด้อยกว่าเมื่อเปรียบกับฉินไป่หลี่เสียด้วยซ้ำ
แต่ทว่า ราชันสวรรค์เต้าหลงกลับได้เป็นจอมราชันองค์แรกของยุคสมัยนี้ อีกทั้งยังสามารถสืบทอดชะตาฟ้าได้ถึงสองครั้ง ครอบครองชะตาฟ้าหกสาย
ราชันสวรรค์เต้าหลงคือราชันสวรรค์ของเผ่าสวรรค์ ขณะที่จินเก๋อก็เป็นราชันสวรรค์ของเผ่าสวรรค์เช่นกัน ย่อมไม่เป็นที่สงสัยว่า ชาตินี้เผ่าสวรรค์มีความแข็งแกร่ง และมีความปราดเปรื่องยิ่งนัก เปิดเกมด้วยการให้กำเนิดจอมราชันถึงสององค์
เวลานี้ผู้คนจำนวนมากต่างเฝ้ารอการถือกำเนิดของจอมราชันเซียนหวังองค์ที่สาม หลายคนต่างคาดเดากันว่าจอมราชันเซียนหวังองค์ที่สามจะถือกำเนิดมาจากเผ่าใดกันเล่า?
ในหมู่ดาวรุ่งยุคปัจจุบัน ที่ถูกผู้คนจำนวนมากจับตามองก็คือเหรินเซิ่นของทวีปเจียวเหิงโจวนั่นเอง
เพียงแต่การสืบทอดชะตาฟ้าครั้งแรกของเหรินเซิ่นนั้น จุดจบก็ลงเอยเช่นเดียวกับจินเก๋อ ถูกลอบโจมตีสำเร็จทำให้พลาดโอกาสได้สืบทอดชะตาฟ้าไป
แม้ว่าบรรดาจอมราชันเซียนหวังของสิบสามทวีปต่างมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ให้ปิดกั้นสิบสามทวีป ปิดกั้นฟ้าดินไม่ให้สิบสามทวีปเชื่อมถึงกันได้ แต่ว่า การสืบทอดชะตาฟ้าเป็นเรื่องใหญ่สะเทือนฟ้า พลังของฟ้าดินมีการกระเพื่อม และจำนวนชะตาฟ้าที่มีการเปลี่ยนแปลง สิ่งเหล่านี้ยังสามารถรับรู้กันได้อยู่แล้ว
ดังนั้น หลังจากที่จินเก๋อได้สืบทอดชะตาฟ้าบรรลุเป็นราชันสวรรค์แล้ว แม้ว่ายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนทั่วไปไม่รู้สึก แต่ว่าระดับจอมเทพ และจอมราชันเซียนหวัง ฐานะอย่างพวกเขาได้รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงในส่วนนี้อยู่แล้ว และรู้ว่ามีการถือกำเนิดขึ้นมาใหม่ของจอมราชันเซียนหวังแล้ว
หลังจากที่จินเก๋อได้เป็นราชันเซียนแล้วทุกคนถึงกับเกิดความรู้สึกมากมาย มีผู้คนจำนวนมากที่รู้สึกดีใจ แต่ก็มียอดฝีมือที่เป็นดาวรุ่งรู้สึกคึกคัก ให้กำลังใจตนเอง บางทีตนเองอาจคือผู้ที่จะเป็นราชันคนต่อไป
ธิดาราชันฉีหลิน และอู่ฟ่งหยิ่งผู้เป็นดาวรุ่งเช่นเดียวกันก็มีความคิดเช่นนี้ จะอย่างไรเสียการเป็นผู้สืบทอดของสายสำนักราชันเซียน ในฐานะดาวรุ่งกลุ่มคนรุ่นใหม่ หากจะบอกว่าไม่มีจิตทะเยอทะยานคิดอยากจะครอบครองชะตาฟ้าล่ะก็ เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
เพียงแต่ธิดาราชันฉีหลิน กับอู่ฟ่งหยิ่งเกิดผิดยุค พวกเขาไม่เพียงเข้าสู่ยุทธภพช้ากว่าฉินไป่หลี่ ซ้ำยังช้ากว่าจินเก๋ออีกด้วย เรียกว่าเวลาไม่รอท่า หากพวกนางต้องการไล่ตามให้ทันไปอยู่ในสภาพของจินเก๋อก่อนเป็นจอมราชันล่ะก็ เกรงว่าคงต้องอาศัยอีกระยะเวลาหนึ่ง
แต่ทว่า เมื่อถึงตอนนั้น เกรงว่าชะตาฟ้าคงถูกผู้คนเขาสืบทอดกันไปจนเกือบหมดแล้ว หากพวกนางคิดจะสืบทอดชะตาฟ้าโอกาสตรงนั้นก็จะริบหรี่ลง ดังนั้น หลังการสืบทอดชะตาฟ้าของจินเก๋อแล้ว เป็นการสร้างความกดดันที่สูงมากกับพวกของธิดาราชันฉีหลินที่เป็นดาวรุ่งและมีความทะเยอทะยานต้องการครอบครองชะตาฟ้า แน่นอน สิ่งนี้ก็ได้กลายเป็นพลังขับเคลื่อนให้พวกเขาพยายามก้าวไปข้างหน้า
“ตูม…” เสียงดังสนั่นดังขึ้น หลังจากที่จินเก๋อได้กลายเป็นจอมราชันไม่ทันได้สองวัน คนผู้หนึ่งได้เหินฟ้าเข้ามา เพียงก้าวเดียวก็ได้มายืนอยู่ด้านนอกเรือนิรันดรแล้ว
ทันใดนั้นอานุภาพจอมราชันตลบอบอวล สร้างความแตกตื่นให้กับผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วน
“เขาคือจินเก๋อ ไม่ คือจอมราชันจินเก๋อ” มีผู้ที่ร้องเสียงดังขึ้นมา เมื่อมองเห็นผู้ที่ยืนอยู่ด้านนอกเรือนิรันดร
ในขณะนี้ จินเก๋อได้ยืนอยู่ด้านนอกของเรือนิรันดร แม้ว่าชุดที่เขาสวมใส่ไม่ได้เปลี่ยนแปลง อีกทั้งยังได้เก็บงำเพลิงจอมราชันของตน แต่ จอมราชันย่อมเป็นจอมราชัน ขอเพียงเขาไปปรากฎตัวที่ใด ที่นั่นก็จะปรากฏอานุภาพราชันที่ยิ่งใหญ่ สยบจนผู้คนหายใจไม่สะดวก
“ฝ่าบาท…” ในเวลานี้ ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากที่อยู่บนเรือนิรันดรทยอยพากันคุกเข่าลงกับพื้น สยบอยู่ภายใต้อานุภาพจอมราชันของจินเก๋อ
จินเก๋อไม่ได้ตั้งใจเพื่อสยบผู้คนเป็นพิเศษ เขาแค่ยืนอยู่ตรงนั้นไปตามอารมณ์เท่านั้น เขาไม่วางมาดเพราะการได้เป็นจอมราชัน ด้วยการปล่อยให้อานุภาพจอมราชันปะทุออกมาสยบผู้คน
แต่ทว่า จอมราชันย่อมเป็นจอมราชัน โดยเฉพาะจอมราชันที่ได้สืบทอดชะตาฟ้าถึงสี่สาย ย่อมแตกต่างกัน ต่อให้จินเก๋อไม่ได้ปะทุอานุภาพราชันออกมา โดยสัญชาตญาณแล้วผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากไม่สามารถต้านทานอานุภาพจอมราชันได้ ต่างทยอยกันคุกเข่าก้มกราบอยู่ตรงนั้น
“พี่หลี่ จินเก๋อขอคารวะ” ในขณะนี้ จินเก๋อยืนอยู่ด้านนอกเรือนิรันดร เอ่ยปากขึ้นมาช้าๆ
เสียงของจินเก๋อไม่ดัง แต่ทุกถ้อยคำมีน้ำหนักมีพลังมาก มีเสน่ห์สูงสุด ทำให้ผู้ที่ได้ยินรู้สึกสบายหูเป็นที่สุด การเปิดปากพูดออกมาของเขา ก็คือโองการ ได้รับการขานรับของสัจธรรม
เรื่องแรกที่จินเก๋อกระทำหลังจากได้เป็นจอมราชันคือเข้าคารวะต่อหลี่ชิเย่ สิ่งนี้พลันทำให้ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนต้องเหลือบมอง ในเวลานี้สายตาจำนวนนับไม่ถ้วนมองไปที่เรือนิรันดร
“หรือว่าจินเก๋อต้องการแก้แค้นหลี่ชิเย่รึ?” มียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนถึงกับพึมพำออกมาเมื่อได้ยินคำพูดจากจินเก๋อ
แม้จะกล่าวว่าก่อนหน้านี้ไม่นาน องค์หญิงเทียนหวงได้ยกบุญคุณความแค้นกับหลี่ชิเย่ ให้บุญคุณความแค้นที่ผ่านมาจบสิ้นลง แต่ไม่ได้หมายความว่าจินเก๋อจะยอมรับความอัปยศนี้เอาไว้ได้ ยิ่งไปกว่านั้น เวลานี้จินเก๋อได้เป็นจอมราชันแล้ว ได้สืบทอดชะตาฟ้าถึงสี่สาย ไม่รู้ว่ามีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นกว่าเดิมกี่เท่า
“จะเปิดศึกกันแล้วรึ? หรือจะกลายเป็นศึกแรกของจินเก๋อหลังจากได้เป็นจอมราชันแล้ว” ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยต่างรู้สึกตื่นเต้น
ความโหดของคนโหดอันดับหนึ่งเป็นที่ประจักษ์ของทุกคน จับราชันสวรรค์ขวางเส้าฉีกเนื้อเป็นๆ ถ้าหากจินเก๋อที่มีชะตาฟ้าสี่สายสู้กับคนโหดอันดับหนึ่งไม่แน่อาจมีอะไรน่าดู เพราะจะเป็นการศึกที่เป็นระดับจอมราชันโดยแท้จริง รับรองว่าจะต้องสนุกยากจะเทียบเทียม
“เกรงว่าคงไม่ใช่” ระดับจอมเทพรุ่นอาวุโสที่มีความระมัดระวังและละเอียดอ่อน จับคำพูดทุกๆ คำพูดของจินเก๋อแล้วได้ข้อมูลมาว่า ดูจากท่าทีที่เกรงใจขนาดนี้ของจินเก๋อแล้ว ไม่เหมือนว่าจินเก๋อกำลังท้าสู้กับหลี่ชิเย่
เวลานี้ พวกธิดาราชันฉีหลินต่างมองหน้ากันและกัน ขณะจินเก๋อยืนอยู่ด้านหน้าเรือนิรันดรและขอเข้าพบกับหลี่ชิเย่ พวกเขาไม่สามารถตัดสินใจได้
พวกของธิดาราชันฉีหลินเองไม่รู้ว่าจินเก๋อมาด้วยจุดประสงค์อันใด เกิดจินเก๋อบุกเข้ามากะทันหัน เกรงว่าในบรรดาพวกเขาไม่มีใครสามารถต้านรับกับจินเก๋อได้สักคน ต่อให้เป็นซึหุนหลินก็ห่างชั้นกับคู่ต่อสู้อย่างจินเก๋อที่มีชะตาฟ้าสี่สายได้
“เอี๊ยด…” จังหวะที่พวกของธิดาราชันฉีหลินต่างลังเลกันอยู่นั้น ประตูไม้ถูกเปิดออก หลี่ชิเย่ที่กักตนอยู่ได้ออกมาจากด้านใน
เวลานี้ หลี่ชิเย่ที่มองไปด้านนอกทีหนึ่งและกล่าวเรียบเฉยออกมาว่า “เข้ามาเถอะ”
หลังจากที่จินเก๋อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่แล้ว แสดงคารวะแบบจีน และกล่าวว่า “รบกวนแล้ว” จากนั้นก้าวเท้าเพียงก้าวเดียวก็เข้าไปยังเรือนิรันดร และหายไปจากสายตาของผู้คนทั้งหลาย
“มีสิทธิ์สู้กันหรือไม่นะ?” ผู้คนจำนวนมากต่างกล่าวด้วยความสงสัย หลังจากที่ได้เห็นจินเก๋อเข้ามายังเรือนิรันดรแล้ว
“คนโหดอันดับหนึ่งนับว่าอหังการสุดๆ” ต่อให้ระดับบรรพบุรุษที่มีประสบการณ์มากกว่านี้ยังคงทอดถอนใจออกมาเมื่อมองเห็นภาพนี้ และกล่าวว่า “ขนาดจอมราชันมาด้วยตนเองยังขี้คร้านจะทักทายสักครั้ง”
ความจริงแล้ว ผู้คนจำนวนมากต้องรู้สึกหวั่นไหวในใจเมื่อมองเห็นภาพนี้ และรู้สึกใจหายใจคว่ำภายในใจ
การมาด้วยตนเองของจอมราชัน ถ้าหากผู้ที่เป็นศัตรูจะต้องตกใจสุดขีด เกรงว่าคงตัวสั่นงันงกและรีบออกมาคุกเข่ากราบกับพื้นยอมรับผิด ต่อให้คนที่มีความกล้าหาญต่อต้านกับจอมราชัน เกรงว่าคงต้องตั้งมั่นพร้อมรับมือ เหมือนพบศึกใหญ่
ขณะที่ผู้ที่ไม่ได้เป็นศัตรูกับจอมราชัน การที่จอมราชันมาเยือนด้วยตนเอง มันช่างเป็นเรื่องที่มีเกียรติเพียงใดที่สามารถได้รับการมาเยือนจากจอมราชันด้วยตนเอง เป็นคนอื่นคงรีบออกมาต้อนรับด้วยตนเอง กระทั่งจัดพิธียิ่งใหญ่มาให้การต้อนรับแล้ว
แต่ว่า หลี่ชิเย่กลับพูดขึ้นมาเอ้อระเหยไม่สะทกสะท้านคำหนึ่งว่า “เข้ามาเถอะ” ทั้งยังขี้คร้านจะกล่าวทักทายสักคำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการออกมาต้อนรับด้วยตนเอง
เหมือนว่าผู้ที่มาเยี่ยมคารวะไม่ใช่จอมราชันเซียนหวัง เป็นเพียงแขกคนหนึ่งที่ธรรมดาสุดๆ คนหนึ่งเท่านั้น กระทั่งเรียกได้ว่าเป็นไม่ได้กระทั่งแขกเสียด้วยซ้ำ จะอย่างไรเสียการที่แขกเดินทางมาเยี่ยมคารวะ ในฐานะเจ้าบ้านชั่วดีอย่างไรก็ต้องออกจากบ้านมาทักทายด้วยความเกรงใจกันบ้าง
หลี่ชิเย่แค่เอ่ยคำหนึ่งว่า “เข้ามาเถอะ” ถือเสียว่านี่คือการทักทายต่อจินเก๋อแล้ว ความอหังการเช่นนี้ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้เห็นต้องให้ความเลื่อมใส หากเทียบความอหังการแล้ว เกรงว่าคงไม่มีใครสามารถเทียบได้กับคนโหดอันดับหนึ่งได้อีกแล้ว จอมราชันเซียนหวังอะไรนั่นล้วนแล้วแต่ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาอีกแล้ว
หลังจากที่จินเก๋อก้าวเท้าเข้ามาถึงห้องโถงใหญ่แล้ว พวกของซึหุนหลินก็ล่าถอยออกไปอย่างรู้จักกาลเทศะ ไม่กล้าอยู่รบกวนพวกเขา จะอย่างไรเสียการพบปะของบุคคลระดับนี้หาใช่สิ่งที่พวกเขาสามารถเข้าไปร่วมได้อยู่แล้ว
หลังจากที่จินเก๋อเข้ามาแล้ว หลี่ชิเย่ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นไม่ได้เคลื่อนไหว เพียงมองดูจินเก๋อด้วยท่าทีเรียบเฉย และไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องเหนือความคาดคิดที่จินเก๋อได้สืบทอดชะตาฟ้าสี่สาย
หลังจากที่จินเก๋อพบกับหลี่ชิเย่แล้วก็ไม่ได้ยกฐานะของตนเอง เขาที่อยู่ในฐานะจอมราชันถึงกับคำนับต่อหลี่ชิเย่ และกล่าวว่า “การพบกันในวันนี้จินเก๋อต้องเปลี่ยนคำพูดใหม่แล้ว ไม่กล้าเรียกพี่หลี่อีกต่อไปแล้ว”
“นั่งเถอะ” หลี่ชิเย่อยู่ในท่าทีที่สงบมาก เพียงพยักหน้าเบาๆ
จินเก๋อเองก็ไม่ได้พูดไร้สาระอะไร นั่งลงด้วยท่าทีที่สงบมาก เนื่องจากเขารู้แล้วว่าผู้ที่นั่งอยู่ตรงหน้าตนเองนั้นคือใคร และรู้ว่าเมื่อต้องเทียบกับหลี่ชิเย่ที่อยู่ตรงหน้า ตัวเองนั้นเล็กน้อยมาก
“การมาวันนี้ของเจ้า คงไม่ใช่แค่ต้องการเปลี่ยนคำพูดเท่านั้นเองกระมัง” หลี่ชิเย่มองดูจินเก๋อและกล่าวน้ำเสียงจืดชืดออกมา
“การมาวันนี้ นอกจากคารวะต่อท่านปรมาจารย์แล้ว ข้าเองก็ต้องการแก้ไขความบาดหมางที่มีกับท่านปรมาจารย์” จินเก๋อกล่าวพร้อมกับแฝงด้วยรอยยิ้ม
จะอย่างไรเสีย การที่จินเก๋อสามารถเผชิญหน้ากับหลี่ชิเย่ได้อย่างไม่สะทกสะท้านนั้น เมื่อเทียบกับบรรพบุรุษเช่นราชันสวรรค์จ้านหวังพวกเขาแล้ว เขากับหลี่ชิเย่ไม่ได้มีความแค้นอะไรมากมาย อย่างน้อยเขาไม่ได้เหมือนกับบรรพบุรุษราชันสวรรค์จ้านหวังพวกเขาเหล่านั้นที่เคยสู้รบกันเอาเป็นเอาตายในการศึกครั้งนั้น
เรียกได้ว่าตัวจินเก๋อเองกับหลี่ชิเย่ไม่ได้มีบุญคุณความแค้นอะไรมากมาย ต่อให้ต้องมีก็เป็นเพราะพ่อตาและน้องชายของภรรยา
“ข้ากำลังฟังอยู่” หลี่ชิเย่ยิ้มจางๆ จิบน้ำชาคำหนึ่งและเอ่ยขึ้นมา
“ภรรยาสุดที่รักของข้ายินดียกบุญคุณความแค้นกับท่านปรมาจารย์ เรื่องราวที่ผ่านไปก็ให้มันลอยไปตามลม และข้าก็ไม่ติดใจกับเรื่องนี้” จินเก๋อได้เอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “ก่อนบรรลุเป็นจอมราชัน เป็นจินเก๋อเองที่มีตาแต่ไร้แวว เคยนัดต่อสู้กับท่านปรมาจารย์ ดังนั้น จินเก๋อจึงมาด้วยเรื่องนี้”
ในขณะนี้ จินเก๋อมีลักษณะที่สง่าผ่าเผยและเที่ยงธรรม เปี่ยมด้วยน้ำใจและจิตใจของความเป็นจอมราชัน ทั้งราชันสวรรค์ขวางเส้าและจินเก๋อต่างก็เป็นจอมราชันเหมือนกัน แต่ด้านนี้ราชันสวรรค์ขวางเส้าห่างชั้นมากเหลือเกิน
