ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล – ตอนที่ 1999 เย่ซินเสวี่ย

ตอนที่ 1999 เย่ซินเสวี่ย

ตำหนักหลักของเรือนตำราเป็นสิ่งปลูกสร้างที่มีขนาดใหญ่มาก มองเห็นบริเวณนี้ที่ติดกันเป็นพืดเสมือนดั่งเกล็ดบนตัวปลา เมื่อเข้าไปยังสิ่งปลูกสร้างที่ติดกันเป็นพืดเป็นแนวเช่นนี้แล้ว เหมือนหนึ่งรู้สึกว่าได้เดินเข้าไปยังเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่งอย่างนั้น

แม้ว่าตึกรามบ้านช่องของที่นี้จะสร้างเป็นแถวเป็นแนวหนาแน่นดั่งเกล็ดปลา แต่ว่าไม่ได้ดูยิ่งใหญ่อลังการมาก ภาพรวมของสิ่งปลูกสร้างดูจะประณีตมาก เมื่อเดินเข้าไปภายในอาคารบ้านเรือนเหล่านี้แล้ว จะมีกลิ่นอายที่เป็นกลิ่นหอมของตำราอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะสายหนึ่งลอยเข้ามา

ถ้าหากจะกล่าวว่า การเดินเข้าไปยังเรือนตำราแล้วสิ่งที่สามารถมองเห็นได้มากที่สุดคืออะไร ย่อมต้องเป็นตำราอย่างไม่ต้องกังขาเลย นับแต่วินาทีที่เหยียบย่างเข้าไปภายในเรือนตำรา สิ่งที่ปรากฎอยู่ตรงหน้าก็คือตำราที่มีอยู่มากมายหลายหลากจนลานตา มีทั้งตำราดึกดำบรรพ์ ฉบับที่ทำจากไม้ ทำจากแผ่นหยก…

ที่ตรงนี้มีตำราอยู่ทุกประเภท เคยมีคนบอกว่า ถ้าหากจะถามว่าสถานที่แห่งใดเก็บตำราเอาไว้มากที่สุดล่ะก็ เกรงว่าคงไม่พ้นเรือนตำราแน่นอน

แต่ทว่า ต่อให้ภายในเรือนตำรามีตำรามากกว่าสิบล้านเล่ม แต่ส่วนใหญ่แล้วก็ไม่ได้เกี่ยวกับการฝึกบำเพ็ญเพียร เรียกได้ว่าท่ามกลางทะเลตำราสุดลูกหูลูกตายากจะค้นพบเคล็ดวิชาหรือเคล็ดลับสักเล่ม แน่นอนที่สุดอาจมีหลุดรอดสายตามาบ้าง และบางส่วนผู้ยิ่งใหญ่จงใจซ่อนเคล็ดวิชาหรือเคล็ดลับอะไรเอาไว้ เพียงแต่เคล็ดวิชาเหล่านี้หาได้ยากมาก บางทีชั่วชีวิตยังหาไม่พบก็เป็นได้ รอผู้ที่มีวาสนาเท่านั้น

เรือนตำราเป็นที่เก็บตำราจำนวนนับไม่ถ้วน ซึ่งนอกจากมาจากการเก็บรวบรวมโดยสถาบันศึกษาเทพเจ้าเองแล้วยังมีจำนวนไม่น้อยที่รับมอบมาจากทั่วหล้า และหรือจอมเทพ หรือราชันเซียนมอบมาให้

เนื่องจากภายในเรือนตำราได้เก็บรวบรวมตำราด้านประวัติศาสตร์และขนบธรรมเนียมประเพณีทั่วหล้าเอาไว้เป็นจำนวนมาก ดังนั้น แคว้นเจ้าลัทธิทั่วหล้าจำนวนมากต่างยินดีอย่างยิ่งที่จะมอบหนังสือประเภทนี้ของตนเขามาเก็บรวบรวมเอาไว้ในเรือนตำรา เนื่องจากสามารถทำให้ผลงานยอดเยี่ยมที่ได้มีการจดบันทึกเอาไว้ของบรรพบุรุษ สถานที่ที่มีชื่อเสียง ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในแคว้นของตนเองต่างๆ เป็นต้น ให้ผู้มีปัญญาทั่วหล้าได้อ่าน ทำให้สำนัก และราชวงศ์ของตนสามารถเผยแพร่ต่อไปเป็นนิรันดร์ แม้ว่าสักวันสำนักหรือแคว้นของตนถูกทำลายล้างไป ก็ยังคงสามารถสืบค้นเรื่องราวที่ถูกบันทึกเอาไว้ได้ในเรือนตำราของสถาบันศึกษาเทพเจ้า

แม้จะกล่าวว่า ตำราจำนวนนับสิบล้านเล่มที่ถูกเก็บรวบรวมเอาไว้ในเรือนตำราจะเป็นตำราจิปาถะในสายตาของผู้บำเพ็ญตน แต่ว่า ที่ตรงนี้ยังคงซ่อนเคล็ดวิชาบางอย่างเอาไว้ โดยที่เคล็ดวิชาเหล่านี้บางส่วนราชันเซียนหรือจอมเทพจงใจนำมาเก็บซ่อนเอาไว้ที่นี่ และมีบางส่วนขณะที่แคว้นเจ้าลัทธิในสิบสามทวีปนำมามอบให้แล้วหลงติดมาด้วย อีกทั้งเคล็ดวิชาที่ซ่อนอยู่ท่ามกลางตำราจิปาถะเหล่านี้ก็มีเคล็ดวิชาที่ลือลั่นอยู่เหมือนกัน

ในครั้งนั้น เทพโบราณกุยฝานก็ได้ค้นพบต้นฉบับตำรา ‘เคล็ดวิชาคืนสู่ปุถุชน’ ฉบับสมบูรณ์จากเรือนตำรานั่นเอง!

ขณะที่อวี่เชียนเสวียนพาหลี่ชิเย่มาถึงเรือนตำรานั้น หญิงสาวผู้หนึ่งที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ภายในเรือนตำรารีบวางหนังสือลง และเดินเข้ามาต้อนรับ

หญิงสาวผู้นี้สวมใส่ชุดสีขาว แลดูเรียบง่ายยิ่งนัก ดวงหน้าเล็กๆ ที่สดใสไม่ได้มีการเสริมแต่ง เส้นผมอ่อนนุ่มที่ยาวประบ่า มีคู่ดวงตาที่แวววาวสดใส ดูเป็นประกายแวววาวมากเป็นพิเศษ แต่ว่าดวงตาคู่นี้ไม่ได้มีความมั่นใจในตนเองเป็นพิเศษ มีความสวยงามขลาดกลัวอยู่สามส่วน มีความโอนอ่อนผ่อนตามอยู่เจ็ดส่วน เหมือนว่านางคือหญิงสาวที่จัดอยู่ในประเภทมองเห็นเพียงแวบเดียวก็รู้สึกว่าเป็นหญิงสาวที่ต้องการให้ผู้คนรักและเอ็นดูนางอย่างนั้น

ขณะที่หญิงสาวก้าวเดินออกมาพลันมองเห็นผู้ที่เข้ามาถึงกับเป็นอวี่เชียนเสวียน นางพลันมีอาการตื่นเต้นขึ้นมาทันที ท่าทางเหมือนทำอะไรไม่ถูก เนื่องจากชื่อเสียงของอวี่เชียนเสวียนในสถาบันศึกษาเทพเจ้าสูงส่งยิ่งนัก ไม่เพียงมีรูปโฉมที่งดงามทั้งยังมีทักษะยุทธที่ล้ำลึกยากจะหยั่งถึง ขณะเดียวกันยังมีชาติกำเนิดที่สูงส่งไร้ผู้ทัดเทียม ไม่ว่าใครก็ตามหากได้พบกับนางล้วนแล้วแต่รู้สึกว่าเอื้อมไปไม่ถึง ได้แต่แหงนหน้ามองเท่านั้น

เวลานี้อวี่เชียนเสวียนกลับมาปรากฏตัวขึ้นที่เรือนตำราอย่างกะทันหัน ทำให้หญิงสาวผู้นี้ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี เนื่องจากปรกติแล้วเรือนตำราของพวกเขาน้อยคนนักที่จะมา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอาจารย์แล้ว

อา อาจารย์…หลังจากที่ได้พบเห็นอวี่เชียนเสวียนแล้ว หญิงสาวดูจะมีอาการตื่นเต้น รีบเรียกออกมาคำหนึ่ง และต่อจากนั้น นางไม่รู้ว่าจะเอามือคู่นั้นไปวางไว้ตรงไหนดี

“เจ้ามีชื่อว่าเย่ซินเสวี่ยน่ะสิ” อวี่เชียนเสวียนเอ่ยขึ้นเมื่อมองเห็นหญิงสาวผู้นี้ ยังคงจดจำชื่อของนางได้

หญิงสาวรู้สึกตื่นเต้นเมื่ออยู่ต่อหน้าอวี่เชียนเสวียน มีความรู้สึกกดดันยิ่ง จะอย่างไรเสียอวี่เชียนเสวียนนั้นมีความสูงส่งเหลือเกิน เกรงว่าคงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ไม่รู้สึกถึงความกดดันเมื่อต้องอยู่ตรงหน้ากับนาง แต่เมื่อได้ยินอวี่เชียนเสวียนเรียกชื่อตนเอง นางก็ให้รู้สึกตื่นเต้นระคนดีใจเล็กๆ ที่นางถึงกับรู้จักชื่อของตน

“ใช่ ใช่ ใช่แล้ว อาจารย์” เย่ซินเสวี่ยถึงกับรู้สึกตื่นเต้นระคนดีใจอยู่สามส่วน พยักหน้าด้วยความตื่นเต้นจนพูดติดอ่าง แต่ความตื่นเต้นดีใจน้อยๆ นั้นดูแล้วก็น่ารักดี

“นับแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณชายหลี่ท่านนี้ก็คืออาจารย์ของพวกเจ้า ท่านจะเป็นผู้ดูแลเรือนตำราด้วยตนเอง” อวี่เชียนเสวียนกล่าวแนะนำให้กับเย่ซินเสวี่ย

เย่ซินเสวี่ยที่กำลังรู้สึกตื่นเต้นดีใจน้อยๆ ถึงกับตะลึงนิดหนึ่งเมื่อได้ยินคำพูดของอวี่เชียนเสวียน ตลอดเวลาที่ผ่านมาเรือนตำราของพวกเขาไม่เคยมีอาจารย์ เนื่องจากนักศึกษาของเรือนตำรามีจำนวนน้อยเกินไป อาจารย์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้าล้วนแล้วแต่ไม่ต้องการเปิดชั้นเรียนขึ้นมาเพียงเพื่อพวกเขาสามคนเท่านั้น เป็นการสิ้นเปลืองพลังงานเกินไป ดังนั้น นักศึกษาของเรือนตำราล้วนแล้วแต่ไปฟังบรรยายที่ศตาคารทั้งสิ้น แน่นอน พวกเขาจะไปเข้าฟังบรรยายหรือไม่นั้นก็ไม่มีใครให้ความใส่ใจ จะอย่างไรเสียเรือนตำราของพวกเขาไม่ได้อาศัยการฝึกปรือเป็นหลัก

เวลานี้ เรือนตำราพวกเขากลับมีอาจารย์โผล่ขึ้นมากะทันหัน ทำให้เย่ซินเสวี่ยตะลึงนิดหนึ่ง นางไม่นึกไม่ฝันเลยว่าจะมีอาจารย์ยินดีมาสอนที่เรือนตำราให้กับพวกเขาสามคน

“อา อาจารย์ สวัสดี” เมื่อเย่ซินเสวี่ยได้สติกลับมาจึงรีบโค้งคำนับและเอ่ยทักทายขึ้นมา

“แค่นี้ก็ได้แล้วหละ” ในขณะนี้หลี่ชิเย่ได้ละสายตากลับมาจากตำราที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก และกล่าวต่ออวี่เชียนเสวียนว่า “ต่อไปนี้ข้าก็จะอยู่ที่นี่”

“ทำตามเจตนารมณ์ของคุณชายก็แล้วกัน” อวี่เชียนเสวียนรีบพยักหน้ากล่าว ความจริงแล้ว ผู้ที่เป็นอาจารย์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้าจะมีที่พักแยกจากกันต่างหาก ได้รับการปฏิบัติที่ดีและมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากกว่า เรียกได้ว่าไม่มีอาจารย์ท่านใดยินดีพักร่วมกับนักศึกษาอยู่แล้ว เพียงแต่หลี่ชิเย่ต้องการขลุกอยู่ในเรือนตำรา อวี่เชียนเสวียนก็ไม่กล้าพูดอะไร

“ไม่ทราบว่าคุณชายยังต้องการสิ่งใดหรือไม่?” แม้ว่าหลี่ชิเย่ต้องการขลุกอยู่ในเรือนตำรา แต่อวี่เชียนเสวียนก็ไม่กล้าเมินเฉย รีบเอ่ยถามขึ้นมา

“ไม่ต้องแล้ว อย่าได้มารบกวนข้าเป็นพอ ช่วงนี้ข้าต้องการบรรลุอะไรบางอย่าง” หลี่ชิเย่โบกมือไปตามอารมณ์ กล่าวเรียบเฉยขึ้นมา

“ข้าจะนำคำพูดของคุณชายเรียนต่อบรรดาผู้เฒ่าแน่นอน” อวี่เชียนเสวียนกล่าวด้วยท่าทีเคารพนอบน้อม การที่หลี่ชิเย่ผู้อยู่ในฐานะที่สะเทือนฟ้าขนาดนี้ต้องการขลุกอยู่ในเรือนตำรา ย่อมต้องการบรรลุในสิ่งที่สุดยอดปราศจากสิ่งเทียบเทียมในหล้าอยู่แล้ว

“ไปเถอะ” หลี่ชิเย่โบกมือกล่าวเรียบเฉยขึ้นมา

อวี่เชียนเสวียนไม่กล้าอยู่รบกวน หลังจากสั่งการกับเย่ซินเสวี่ยหลายคำแล้วก็ล่องลอยจากไปด้วยท่วงท่าเซียนที่พริ้วไหว

หลังจากที่อวี่เชียนเสวียนจากไปแล้ว เย่ซินเสวี่ยยังคงยืนตะลึงอยู่ตรงนั้นเวลานี้ นางยืนตะลึงแข็งทื่อไม่ได้สติอยู่นาน

ยังไม่ต้องพูดถึงรูปโฉมของอวี่เชียนเสวียนว่าเป็นที่รักใคร่ชื่นชมของบุรุษจำนวนนับไม่ถ้วน ไม่ว่านางก้าวเดินไปถึงที่ใดก็จะมีลักษณะของดาวล้อมเดือนเสมอ ไม่รู้ว่ามีบุรุษจำนวนเท่าไรทำดีต่อหน้านาง ยิ่งไปกว่านั้น นางมีชาติกำเนิดมาจากจวนกู่ สูงส่งสุดจะเอ่ยถึง ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนล้วนแล้วแต่ยินดีประจบนางทั้งสิ้น

อาศัยศักยภาพของนางที่ลึกล้ำยากจะหยั่งถึงย่อมต้องอยู่ในระดับจอมเทพแน่นอน ดังนั้น ไม่รู้ว่าผู้คนจำนวนเท่าไรที่ให้ความเคารพนบนอบเมื่ออยู่ต่อหน้านาง แม้แต่บรรดาอาจารย์ในสถาบันศึกษาเทพเจ้าบางส่วนก็ให้ความเคารพนับถือต่ออวี่เชียนเสวียนอยู่สามส่วน

แต่แล้ว เวลานี้คนที่ดูเป็นคนทั่วไปตรงหน้า ไม่ใช่ เป็นอาจารย์ที่ดูธรรมดามากกลับแสดงท่าทีเช่นนี้กับอวี่เชียนเสวียน เสมือนหนึ่งกวักมือนางก็เข้ามาหา สะบัดมือนางก็จากไปทันที ต่อให้เป็นอวี่เชียนเสวียนที่มีฐานะเหมือนดั่งเทพธิดาเขาก็ไม่ได้ใส่ใจ

สิ่งนี้ทำให้เย่ซินเสวี่ยรับไม่ทัน ไม่เคยมีบุรุษคนไหนกล้าวางมาดขนาดนี้ต่อหน้าอวี่เชียนเสวียน แต่อาจารย์ผู้นี้ที่อยู่ตรงหน้ากล้าทำ

“นังหนูน้อย เจ้าเหม่อลอยอะไรรึ?” ขณะที่เย่ซินเสวี่ยกำลังมีจิตที่ล่องลอยตะลึงอยู่นั้น หลี่ชิเย่ได้ใช้นิ้วดีดที่หน้าผากนางทีหนึ่ง

เย่ซินเสวี่ยได้สติกลับมาทันที พลันทำให้นางมีใบหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันทีเมื่อเสียมารยาทต่อหน้าอาจารย์เช่นนี้ เมื่อได้สติกลับมาจึงรีบเอ่ยเสียงแผ่วเบาว่า “อาจารย์ ท่าน ท่านเชิญทางนี้ ที่พักของอาจารย์อยู่ด้านนี้” กล่าวพลางได้ออกเดินนำทางให้กับหลี่ชิเย่

ห้องว่างภายในเรือนตำรามีมากมายเกินไปแล้ว เรียกได้ว่า หากเรือนตำราจะรับนักศึกษาสักกสามถึงห้าหมื่นคนก็ไม่เป็นปัญหา สถานที่ที่ใหญ่โตเช่นนี้กลับจะมีพวกเขาเพียงสามคนเท่านั้น ดังนั้น การพักอาศัยของหลี่ชิเย่จึงไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด

แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม เย่ซินเสวี่ยยังคงจัดให้หลี่ชิเย่ได้พักอาศัยอยู่ในหอโบราณที่ดีที่สุดของเรือนตำรา สถานที่แห่งนี้อยู่โดดเดี่ยวบนยอดเขาแห่งหนึ่ง ซึ่งสามารถมองเห็นภาพของเรือนตำราได้ทั้งหมด หอโดดเดี่ยวหลังนี้สูงเสียดเมฆา เมื่อยืนอยู่บนหอเสมือนหนึ่งแค่เอื้อมมือออกไปก็สามารถคว้าดวงดาวมาได้

เย่ซินเสวี่ยนั้นเสมือนหนึ่งเป็นลูกข่างที่หมุนไปตลอดไม่หยุดนิ่ง นางจัดการเก็บกวาดทำความสะอาดหอพักดังกล่าวจนสะอาดหมดจด โดยไม่ต้องรอให้หลี่ชิเย่สั่งการ

หลี่ชิเย่รอจนเย่ซินเสวี่ยเก็บกวาดจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงได้นั่งลงด้วยท่าทางที่ไม่เกรงใจใคร มองดูนางที่ยังมีเม็ดเหงื่อผุดออกมาบริเวณหน้าผากอยู่

“ทำไมถึงเลือกที่จะอยู่ในเรือนตำราหละ?” หลังจากพินิจพิจารณาเย่ซินเสวี่ยอย่างละเอียดแล้ว หลี่ชิเย่ได้เอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “คนส่วนใหญ่เลือกที่จะอยู่ศตาคารหรืออื่นๆ มากกว่า”

ขณะถูกหลี่ชิเย่มองตั้งแต่หัวจรดเท้านั้น พลันทำให้เย่ซินเสวี่ยรู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก แม้ว่าอาจารย์ที่อยู่ตรงหน้าแลดูธรรมดายิ่งนัก แต่ เมื่อถูกสายตาคู่นั้นของเขาจับจ้องเอาไว้ นางรู้สึกเหมือนไม่มีสิ่งใดสามารถปิดบังเขาได้ เหมือนว่าตนเองนั้นเปลือยกายล่อนจ้อนยืนอยู่ตรงหน้าเขาอย่างนั้น

“ข้า ข้า ข้า…” เวลานี้ เย่ซินเสวี่ยตื่นเต้นจนพูดอะไรไม่ออก หลังจากผ่านไปครึ่งค่อนวันนางจึงพูดเสียงอ่อยๆ ว่า “ข้า ข้า ข้ายากจน ไม่สามารถจ่ายค่าเล่าเรียนชั้นศตาคารได้” เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้ นางถึงกับก้มหน้าต่ำ

หลี่ชิเย่เพียงยิ้มนิดหนึ่งกับคำพูดเช่นนี้ของเย่ซินเสวี่ยเท่านั้น

“เจ้าชอบตำราเล่มไหนมากที่สุดในเรือนตำรา?” หลี่ชิเย่จ้องมองดูเย่ซินเสวี่ยยิ้มจางๆ แม้ว่าในเวลานี้หลี่ชิเย่ไม่มีท่าทีที่ข่มขวัญ และพลังอำนาจที่สยบผู้คน แต่ยามที่แววตาเรียบเฉยมองตรงเข้ามานั้น ทำให้ผู้คนพลันบังเกิดความไม่มั่นใจทันที

เวลานี้เย่ซินเสวี่ยก็เป็นดังนี้ เมื่อถูกจ้องมองโดยหลี่ชิเย่เช่นนี้ นางรู้สึกว่าไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดนางก็ซ่อนเอาไว้ไม่อยู่ นางไม่กล้ากล่าวคำโกหกต่อหลี่ชิเย่ ยืนก้มหน้า พูดเสียงแผ่วเบาว่า “ข้า ข้าชอบอ่านตำราของที่นี่”

“อืมม เป็นความจริงที่ตำราซึ่งมีอยู่ในเรือนตำรามีเป็นพันๆ หมื่นๆ และมีตำราที่น่าสนใจเป็นจำนวนมาก แม้ว่าจะไม่เหมือนเช่นพวกเคล็ดวิชา หรือวิชาลับอะไรที่สามารถเพิ่มพูนทักษะยุทธขึ้นมาได้ แต่ตำราจำนวนมากที่อยู่ในนี้กลับทำให้ผู้คนได้ประโยชน์ชั่วชีวิต สามารถเปิดวิสัยทัศน์ ทำให้ผู้อื่นใฝ่ฝันไปให้ถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบันทึกจากเหล่าราชันเซียน หรือเซียนหวัง ยิ่งสามารถทำให้ผู้คนได้รับการชี้แนะได้เป็นอย่างดี” หลี่ชิเย่ก็กล่าวท่าทีจริงจังออกมา

คำพูดของหลี่ชิเย่ พลันทำให้เย่ซินเสวี่ยเกิดอารมณ์ร่วม นัยน์ตาทั้งสองของนางส่งประกายแวววาว นางถึงกับกล่าวขึ้นว่า “อาจารย์พูดถูก ตำราที่อยู่ในเรือนตำรามีมากมายเหลือเกิน เรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวกับราชันเซียนไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อนจากภายนอก กระทั่งตำราบางส่วนถึงกับบันทึกเรื่องบางเรื่องที่เกี่ยวกับเก้าแดน ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้อาวุโสจำนวนมากไม่มีการพูดถึงเลย”

เย่ซินเสวี่ยชื่นชอบการอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็ก แน่นอน ตำราที่นางอ่านหาใช่ตำราประเภทเคล็ดวิชาอะไร แต่เป็นหนังสือจิปาถะในสายตาของผู้บำเพ็ญตน เช่นประวัติศาสตร์ ธรรมเนียมประเพณีอะไรทำนองนั้น

อีกทั้งเย่ซินเสวี่ยถือเอาตำราจิปาถะเหล่านี้เป็นของรักของหวง อ่านอย่างออกรสออกชาติ

……………………………

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

Status: Ongoing

สิบล้านปีก่อน หลี่ชีเย่ตัดไผ่เขียวขจีหนึ่งลำ   แปดล้านปีก่อน หลี่ชีเย่เลี้ยงปลาไนหนึ่งตัว ห้าล้านปีก่อน หลี่ชีเย่รับเลี้ยงเด็กสาวหนึ่งคน   วันนี้ ทันทีที่หลี่ชีเย่ตื่นขึ้น กิ่งไผ่เขียวบำเพ็ญตนจนกลายเป็นวิญญาณเทพ ปลาไนกลายร่างเป็นมังกรทอง เด็กสาวกลายเป็นจักรพรรดินีเก้าแดน  นี่คือเรื่องราวของการฝึกฝน เรื่องราวของเด็กหนุ่มปุถุชนที่มีชีวิตอมตะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads แทงบอลออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน