ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล – ตอนที่ 2547 ออกไป

ตอนที่ 2547 ออกไป

ตอนที่ 2547 ออกไป

หลี่ชิเย่มองดูพวกของปิ้งจวินแวบหนึ่ง จากนั้นกล่าวเรียบเฉยขึ้นมาว่า  ย่อมต้องอยู่ในจิต จิตของเจ้าไปทางไหน ทางนั้นก็คือที่ตั้งของประตู ปณิธานแน่วแน่ แม้แต่สิ่งที่แกร่งดั่งเหล็กและหินยังหลีกทางให้ 

 อยู่ในใจ?  คำพูดนี้ทำให้คนอย่างมังกรทองแปดแขน วัวคลั่งถึงกับงุนงงไปนิดหนึ่ง พวกเขาต่างไม่เข้าใจเหตุผลของคำพูดคำนี้

 ในใจ  ปิ้งจวินกลับมีความละเอียด และมีความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งกว่า อดที่พึมพำและพิจารณาคำพูดคำนี้ของหลี่ชิเย่อย่างละเอียด

 เปิดประตูออกแล้ว พวกเราก็สมควรออกไปได้แล้ว เกรงว่าข้างนอกคงมีคนเขารอจนรนไปหมดแล้ว  หลี่ชิเย่มองไปบนท้องฟ้า อดที่จะเผยรอยยิ้มจางๆ ออกมา

ในเวลานี้ ดวงตาทั้งสองของหลี่ชิเย่เพ่งไปข้างหน้า ได้ยินเสียงแว้งค์ดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ในพริบตาเดียวนั่นเอง ทั่วทั้งตัวของหลี่ชิเย่ปรากฏประกายที่แวบวับ พริบตาเดียวกันนี้ บนตัวของหลี่ชิเย่ไม่มีพลังที่สะเทือนเลื่อนลั่น ไม่มีอนุภาพที่ปราศจากผู้ต่อกร แต่ว่า ขณะเขายืนอยู่ที่ตรงนั้น ได้ให้ความรู้สึกผู้คนที่ไม่สามารถก้าวข้ามอย่างหนึ่ง

หลี่ชิเย่ยืนยืนอยู่ที่ตรงนั้นนั่นแหละ แต่ให้ความรู้สึกที่สูงตระหง่านปลอดภัย เหมือนว่าเขาคือผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะไม่สามารถสั่นคลอนได้ตลอดกาล การยืนอยู่ที่ตรงนั้นของเขาเสมือนดั่งเป็นป้ายบอกกาลเวลาอย่างนั้น ต่อให้กาลเวลาได้ไหลรินไปนานนับล้านล้านปี ต่อให้สายน้ำแห่งกาลเวลาที่พลุ่งพล่านทำการพุ่งเข้าปะทะและกัดกร่อนตัวเขาครั้งแล้วครั้งเล่า เขาก็ยังคงสูงตระหง่านไม่หวั่นไหว ทุกอย่างมีเพียงตัวเขาที่สูงตระหง่านไม่เคลื่อนไหว ทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของเขาเป็นได้เพียงผู้ที่เดินผ่านไปผ่านมาเท่านั้นเอง

แกร่งดังหินผา ยืนหยัดตั้งสูงตระหง่าน ในเวลานี้ความรู้สึกที่หลี่ชิเย่ให้กับพวกของปิ้งจวินคือเช่นนี้ สิ่งที่หลี่ชิเย่ให้กับพวกเขาในขณะนี้หาใช่ความแข็งแกร่ง แต่เป็นสิ่งที่ไม่สามารถสั่นคลอนได้

สิ่งนี้หาใช่อยู่ในขอบเขตของพลังอีกต่อไปแล้ว มันได้หลุดพ้นจากพลังและความลึกซึ้งยอดเยี่ยมทุกอย่าง สิ่งนี้คือสิ่งที่ไม่ซับซ้อนแต่ก็เป็นสิ่งที่ยากที่สุด นั่นก็คือจิตแห่งการบำเพ็ญเพียร!

จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่ดั่งหินผาไม่ขยับเขยื้อน เป็นจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่ต่อให้กาลเวลาเคลื่อนผ่านไปก็ไม่อาจสั่นคลอนได้ และไม่สามารถลบเลือนไปได้

พวกปิ้งจวินต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำเมื่อได้มองเห็นภาพนี้แล้ว รู้สึกหวั่นไหวในใจยิ่งนัก พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นเทพแท้จริงขั้นอมตะ ผ่านอุปสรรคมานับไม่ถ้วน เมื่อก้าวมาถึงระดับเช่นพวกเขาแล้ว จึงค่อยๆ ตระหนักถึงความล้ำค่าของจิตแห่งการบำเพ็ญเพียร

แต่ทว่า ยามเมื่อผู้คนจำนวนมากแข็งแกร่งจนถึงระดับนี้แล้ว และค่อยๆ ตระหนักถึงความล้ำค่าของจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรแล้วนั้น แต่ว่าเวลาไม่คอยท่าพวกเขาอีกแล้ว พวกเขาคิดจะสร้างจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่แข็งแกร่งไม่หวั่นไหวสักดวงหนึ่ง ทุกอย่างก็สายไปเสียแล้ว

เมื่อถึงวันนั้น ไม่ก็พวกเขาได้อยู่ในระยะบั้นปลายของชีวิต เหลือเวลาอีกไม่มาก ไม่ก็มีความปมด้อยอยู่ในใจ ไม่สามารถที่จะควบคุมจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของตนได้อีกแล้ว

ในพริบตาเดียวนั่นเอง สิ่งที่พวกปิ้งจวินรับรู้ได้หาใช่ความแข็งแกร่งของหลี่ชิเย่ แต่เป็นจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรดวงนั้นที่ไม่สามารถสั่นคลอนได้ของหลี่ชิเย่ เป็นจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรดวงหนึ่งที่แกร่งดั่งหินผา จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรลักษณะเช่นนี้ปราศจากพลังใดๆ สามารถสั่นคลอนมันได้ แม้แต่กาลเวลาที่น่ากลัวที่สุดก็ไม่สามารถลบเลือนมันได้ มันเสมือนดั่งคงอยู่เป็นนิรันดร์อย่างนั้น เหมือนดั่งคงอยู่ไม่เป็นนิรันดร์ไม่มีล่มสลาย

นี่แหละจึงจะเป็นความแข็งแกร่งที่แท้จริง ความแข็งแกร่งประเภทนี้หาใช่ราชันแท้จริง หรือปฐมบรรพบุรุษสามารถเอื้อมถึงได้ ความแข็งแกร่งลักษณะเช่นนี้เป็นการแซงล้ำหน้าทุกสิ่ง ยามที่เขายืนอยู่ท่ามกลางสายน้ำแห่งกาลเวลานั้น สิ่งมีชีวิตจำนวนเท่าไร ระดับปราศจากผู้ต่อกรจำนวนเท่าไร ท้ายที่สุดแล้วก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย แต่ว่า เขายังคงยืนหยัดอยู่ตรงนั้น ก้าวข้ามกาลเวลาเป็นล้านล้านปี

นาทีนี้ พวกปิ้งจวินต่างรู้สึกหวั่นไหวสุดเทียบเทียม รู้สึกหวั่นไหวในใจจนยากจะได้สติคืนกลับมา เปรียบกับหลี่ชิเย่แล้วพวกเขาก็แค่มดปลวกเท่านั้นเอง

ในเวลานี้ พวกเขาจึงตระหนักอย่างแท้จริงว่าตนเองนั้นห่างชั้นกับหลี่ชิเย่ตรงไหน ไม่ใช่ช่วงห่างระหว่างพลัง แต่เป็นจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรดวงหนึ่งที่ไม่อาจสั่นคลอนได้

แว้งค์…เสียงหนึ่งดังขึ้น หลังจากผ่านไปชั่วครู่ใหญ่ ขณะปิ้งจวินได้สติกลับมานั้น มองเห็นบนท้องฟ้าปรากฏแสงสว่างแวบวับขึ้นมาทีหนึ่ง ท่ามกลางเสียงช่องว่างที่กระเพื่อมดังแว้งค์ แว้งค์ แวงค์ดัง่ขึ้นเป็นระลอก มองเห็นบนท้องฟ้าค่อยๆ ปรากฏประตูบานหนึ่งเปิดออกมา

 ดูนั่น นั่นก็คือประตู  พวกของมังกรทองแปดแขนไม่สามารถควบคุมตนเองได้ขณะมองเห็นประตูลักษณะเช่นนี้ค่อยๆ เปิดออก อดที่จะร้องเสียงดังขึ้นมาว่า  นี่ก็คือทางออก 

อย่าว่าแต่พวกของมังกรทองแปดแขนเลย แม้แต่ปิ้งจวินก็มีสีหน้าที่เผยให้เห็นถึงความดีใจ ท่าทางก็ไม่สามารถสะกดความดีใจเอาไว้ได้เช่นกัน อดที่จะพึมพำขึ้นมาว่า  ในที่สุดก็จะได้ออกไปแล้ว 

 นึกไม่ถึงเลยว่าช่วงชีวิตที่ยังเหลืออยู่สามารถไปจากสถานที่บ้าๆ นี้ได้  เทพไฉไลหงส์พิษก็อดที่จะพึมพำออกมา น้ำเสียงเปี่ยมด้วยความดีใจที่ไม่สิ้นสุด

 ฮ่า ฮ่า ฮ่าได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีกแล้ว ผีเฒ่าไท่ชิง อย่างน้อยที่สุดพวกเรามีชีวิตยืนยาวมากกว่าเจ้า ชาตินี้รอวันที่จะส่งเจ้าลงนรกได้แล้ว  วัวคลั่งอดที่จะร้องออกมาด้วยความดีใจ เมื่อมองเห็นประตูที่ปรากฏขึ้นมา

 แบบ แบบนี้ก็เปิดประตูได้แล้ว  อวี่เหยียนเซินมองดูประตูที่ถูกเปิดออกมา อดพูดเสียงร้องไห้สะอื้นเบาๆ เต็มไปด้วยการทอดถอนใจที่บอกไม่ถูก

ก่อนหน้านั้น เพื่อให้สามารถหนีออกไปจากคุกหลวงดึกดำบรรพ์ พวกเขาเรียกได้ว่าคิดหาวิธีมาแล้วทุกวิธี ขอเพียงเป็นวิธีที่สามารถคิดได้ พวกเขาล้วนแล้วแต่ลองมาแล้วทั้งสิ้น แต่ ยังคงไม่สามารถค้นหาประตูของคุกหลวงดึกดำบรรพ์จนพบได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงจะเปิดประตูของคุกหลวงดึกดำบรรพ์แล้ว

ไม่นึกไม่ฝันเลยว่า เวลานี้การเปิดประตูของหลี่ชิเย่ถึงกับง่ายดายเพียงนี้ เป็นการเปิดแบบตรงๆ ไม่ได้สลับซับซ้อนอะไร เป็นเรื่องที่พวกเขาฝันไม่ถึง

 การเปิดประตูแบบนี้ ดูจะง่ายเกินไปแล้ว  วัวคลั่งเกาหัว จัดการจัดผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงทีหนึ่ง ยังคงไม่เข้าใจมากเป็นพิเศษ

 ง่าย เจ้ารู้รึอะไรที่เรียกว่ายาก?  ปิ้งจวินมองหน้าวัวคลั่งด้วยท่าทีเหยียดหยาม เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า  นี่แหละคือประตูที่เปิดออกได้ยากที่สุด หากว่าเป็นประตูที่มีรูปมีร่าง ต่อให้สมบูรณ์แบบแค่ไหนก็ต้องมีตำหนิ แต่ว่า ประตูที่อยู่ในใจนั่นแหละจึงเป็นประตูที่ไม่มีช่องโหว่ใดๆ ที่แท้จริง คิดจะเปิดมันออกมา อันดับแรกจะต้องสามารถยืนหยัดรักษาจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของตนเอาไว้ให้ได้อย่างมั่นคง ไม่สามารถสั่นคลอนได้ จึงสามารถเปิดมันออกมาได้! 

 นี่คือคุกใจ  หลี่ชิเย่กล่าวท่าทีเรียบเฉยว่า  หากแข็งแกร่งจนถึงระดับนั้นแล้ว ไหนเลยแค่พันธนาการกายเนื้อก็สามารถพันธนาการเขาเอาไว้ได้? มีเพียงพันธนาการจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรเอาไว้ นั่นแหละจึงสามารถพันธนาการเขาได้อย่างแท้จริง มิฉะนั้นล่ะก็ ต่อให้กายเนื้อ ชะตาแท้ถูกพันธนาการก็ยังมีความเป็นไปได้ที่จะหลุดไปได้ จิตไม่ตาย ศีลธรรมจรรยาไม่ดับสลาย 

 มิน่าเล่าพวกเราออกไปไม่ได้  ในที่สุดอวี่เหยียนเซินก็เข้าใจถึงความลึกซึ้งยอดเยี่ยมที่อยู่ภายในได้แล้ว หัวเราะเจื่อนๆ และกล่าวว่า  ที่นี่แต่เดิมก็ใช้เป็นสถานที่เพื่อพันธนาการผู้ยิ่งใหญ่อยู่แล้ว คุกใจลักษณะเช่นนี้ อาศัยจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของพวกเรา ไม่สามารถเปิดมันออกมาได้อยู่แล้ว 

 ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง  วัวคลั่งที่ฉาบฉวยไม่ละเอียดจึงค่อยๆ เข้าใจถึงความลึกซึ้งยอดเยี่ยมที่อยู่ข้างใน หลังจากฟังคำบอกเล่าเช่นนี้แล้ว และเข้าใจได้ว่าเพราะอะไรพวกเขาได้อาศัยพลังทั้งหมดที่มีจึงยังคงไม่สามารถเปิดประตูคุกหลวงดึกดำบรรพ์ออกมาได้

 ไปเถอะ  หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมย และเหินฟ้าขึ้นไป พวกปิ้งจวินได้สติคืนกลับมาจึงรีบติดตามอยู่ข้างกายของหลี่ชิเย่

ด้านนอกของคุกหลวงดึกดำบรรพ์ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ตั้งตาคอย การที่หลี่ชิเย่กระโดดลงไปในคุกหลวงดึกดำบรรพ์อย่างกะทันหัน เรียกได้ว่าทำเอาทุกคนเซ่อไปหมด ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่รู้สึกว่าเขานี่เสียสติไปแล้วชัดๆ มีเพียงคนที่เสียสติเท่านั้นที่กระโดดลงไปในคุกหลวงดึกดำบรรพ์ นี่มันเป็นการฆ่าตัวตายชัดๆ

แรกทีเดียว ทุกคนยังคงมีความหวังในตัวของหลี่ชิเย่ จะอย่างไรเสียผู้คนจำนวนมากมองว่าฮ่องเต้องค์ใหม่ลึกล้ำยากจะหยั่งถึง ไม่แน่นักเขาอาจสามารถสร้างปาฏิหาริย์ สามารถรอดชีวิตออกมาจากคุกหลวงดึกดำบรรพ์ได้

แต่ทว่า เวลานี้ผ่านไปวันแล้ววันเล่า คุกหลวงดึกดำบรรพ์ยังคงมืดมิดไม่มีซุ่มเสียงอยู่แล้ว จาการที่เวลาเคลื่อนผ่านไปเรื่อยๆ จึงมีผู้ที่รู้สึกผิดหวังเพิ่ม่ขึ้นเรื่อยๆ ต่อให้เป็นฮ่องเต้องค์ใหม่ที่ลึกล้ำยากจะหยั่งถึงก็ไม่สามารถสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมาได้

แม้จะกล่าวว่ามีผู้คนที่เข้าใจว่า เป็นไปไม่ได้ที่ฮ่องเต้องค์ใหม่สามารถรอดชีวิตออกมาจากคุกหลวงดึกดำบรรพ์ได้อีกแล้ว แต่ทว่า ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดของตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ แคว้นว่านเจิ้น และวัดจิ้งเหลียนกวาน และคณะมนตรีศักดิ์สิทธิ์ยังคงไม่ยอมแพ้ พวกเขาปักหลักเฝ้าอยู่ที่เขาจิ่วเหลียนซาน รอคอยอยู่ด้วยความอดทน!

 ฮ่องเต้องค์ใหม่วู่วามเกินไปแล้ว นี่มันคุกหลวงดึกดำบรรพ์นะเนี่ย  ยอดฝีมือรุ่นอาวุโสที่มองดูปากถ้ำที่มือตึดตื๋ออดที่จะรู้สึกเสียใจ พึมพำขึ้นมาว่า  นับแต่อดีตถึงปัจจุบัน ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่เคยจับคนโฉดและอัปลักษณ์จำนวนเท่าไรเข้าไปในนั้น ล้วนแล้วแต่ไม่เคยมีชีวิตรอดกลับออกมาสักคน การที่เขากระโดดลงไปแบบนี้ เกรงว่าคงตายอย่างไม่ต้องสงสัย เป็นการเสียดายความเป็นหนุ่มเป็นสาวไป ทั้งๆ ที่เขาสามารถเป็นผู้บุกเบิกยุคสมัยที่ไม่เคยมีมาก่อนของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ สามารถบุกเบิกยุคสมัยที่เจิดจรัสยิ่งขึ้นมา เวลานี้ทุกอย่างจบแล้ว 

 ฮ่องเต้องค์ใหม่ตายแล้ว เวลานี้ใครจะมาเป็นฮ่องเต้นะเนี่ย?  มีผู้ที่พูดเสียงแผ่วเบาขึ้นมาคำหนึ่ง

พลันที่คำพูดเช่นนี้โผล่โพล่งออกมา พลันทำให้ผู้คนจำนวนมากงงงัน ผู้คนจำนวนมากต่างตอบไม่ถูก

แม้จะกล่าวว่าฮ่องเต้องค์ใหม่เคยถูกไล่ลงจากบัลลังก์ แต่ว่า เมื่อฮ่องเต้องค์ใหม่ผงาดขึ้นมาอีกครั้ง ทุกคนต่างเห็นว่าเขาคือฮ่องเต้ได้อย่างสมเหตุสมผล แม้ว่าเขายังไม่ทันได้นั่งบัลลังก์ ขณะนี้เขาก็คือฮ่องเต้ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ควบครองอำนาจของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่อย่างสมเหตุสมผล

ถ้าหากว่าเวลานี้ฮ่องเต้องค์ใหม่ตายไป ใครควรจะขึ้นมาเป็นฮ่องเต้กันล่ะ เวลานี้ผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกงงงัน

ก่อนหน้านั้น ผู้ที่ได้รับการสนับสนุนสูงสุดย่อมเป็นทังเฮ่อเสียงและราชันแท้จริงปาเจิ้นแล้ว แต่ว่า เวลานี้ทั้งสองคนก็ตายไปแล้ว ผู้ที่เป็นว่าที่ฮ่องเต้โดยรวมแล้วแทบจะไม่เหลือใครเลย

 บางทีอาจเป็นดาบอริยะกวานไห่กระมัง กลุ่มคนรุ่นใหม่ในเวลานี้ยังจะมีใครสามารถเทียบเคียงเขาได้?  มีผู้เอ่ยเสียงแผ่วเบาว่า  อีกอย่าง พระนางฮองเฮาก็กำเนิดมาจากหอหลินไห่เก๋อ ไม่ว่าจะด้านความผูกพัน หรือด้านเหตุผล ดาบอาริยะกวานไห่เหมาะสมที่สุด 

ผู้คนจำนวนมากต่างมองหน้าซึ่งกันและกันสำหรับคำพูดเช่นนี้ แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่า หากฮ่องเต้องค์ใหม่ตายแล้วจริงๆ เป็นความจริงที่ดาบอริยะกวานไห่นั้นเป็นตัวเลือกที่ดีมาก

ณ เขาหงฮวงซาน หลิ่วชูฉิงจ้องมองดูปากทางเข้าถ้ำที่มืดตึดตื๋อวันแล้ววันเล่า แรกทีเดียวหลิ่วชูฉิงยังคงมีความมั่นใจมากทีเดียว เชื่อว่าคนรักของตนจะต้องไม่เป็นอะไร แต่ทว่า เมื่อเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า หลิ่วชูฉิงอดที่จะร้อนรนขึ้นมา

 พระนางโปรดวางพระทัย ฝ่าบาทจะต้องกลับมาอย่างปลอดภัย  กลับเป็นปิงฉือหานยวี่ที่มีความมั่นใจเต็มเปี่ยมในหลี่ชิเย่ หลังจากถูกหลี่ชิเย่สยบแล้ว นางเทใจให้กับหลี่ชิเย่สุดจิตสุดใจอย่างสิ้นเชิง ภายในใจของนางหลี่ชิเย่คือผู้ที่อยู่ในตำแหน่งสูงสุด ขอเพียงมีหลี่ชิเย่อยู่ไม่มีสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้

ดังนั้น ในสายตาของปิงฉือหานยวี่มองว่า ต่อให้เป็นคุกหลวงดึกดำบรรพ์ก็ขังหลี่ชิเย่เอาไว้ไม่ได้ เขาเขาไปได้ย่อมสามารถออกมาได้ ดังนั้นภายในใจของปิงฉือหานยวี่จึงมั่นใจมาก เชื่อว่าหลี่ชิเย่ต้องสามารถสร้างปรากฎการณ์อัศจรรย์อย่างแน่นอน ต้องกลับออกมาได้อย่างแน่นอน

ด้วยเหตุนี้เอง ปิงฉือหานยวี่จึงอยู่เป็นเพื่อนหลิ่วชูฉิง รอคอยการกลับมาของหลี่ชิเย่ โดยอยู่ข้างกายหลิ่วชูฉิงทุกวัน นางเองกลับสามารถสงบนิ่งและคอยปลอบหลิ่วชูฉิงได้ยิ่งกว่า

………………………………………………..

 

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

Status: Ongoing

สิบล้านปีก่อน หลี่ชีเย่ตัดไผ่เขียวขจีหนึ่งลำ   แปดล้านปีก่อน หลี่ชีเย่เลี้ยงปลาไนหนึ่งตัว ห้าล้านปีก่อน หลี่ชีเย่รับเลี้ยงเด็กสาวหนึ่งคน   วันนี้ ทันทีที่หลี่ชีเย่ตื่นขึ้น กิ่งไผ่เขียวบำเพ็ญตนจนกลายเป็นวิญญาณเทพ ปลาไนกลายร่างเป็นมังกรทอง เด็กสาวกลายเป็นจักรพรรดินีเก้าแดน  นี่คือเรื่องราวของการฝึกฝน เรื่องราวของเด็กหนุ่มปุถุชนที่มีชีวิตอมตะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads แทงบอลออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน