ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – บทที่ 70 มาหาเรื่องถึงที่

บทที่ 70 มาหาเรื่องถึงที่

บทที่ 70 มาหาเรื่องถึงที่

“จดหมายจากทนายหรอ” หลินอิ่งยื่นมือหยิบเอกสารใบนั้นขึ้นมาดู

นี่เป็นจดหมายจากทนายของทนายบริษัทหวางซื่อกรุ๊ป มีเนื้อหาว่า หลินอิ่งตั้งใจทำลายเครื่องเคลือบลานครามโบราณที่มีราคาหกสิบล้านของหวางจื่อเหวิน ซึ่งผลิตตั้งแต่ยุคสมัยหมิงโบราณ จึงเรียนต่อหลินอิ่งว่า ต้องจ่ายเงินค่าเสียหายเป็นจำนวนเงินหกสิบล้าน ค่าชื่อเสียงเสียหายเป็นจำนวนสิบล้าน และค่าดำเนินการเป็นจำนวนเงินอีกสิบล้านด้วย…..

เมื่อรวบรวมค่าเสียหายทั้งหมดแล้วเป็นจำนวนเงินหนึ่งพันล้าน!

ในเอกสารกองนี้ไม่เพียงมีจดหมายจากทนาย ยังมีใบสมาคมเก็บสะสมเครื่องกระเบื้องเคลือบของเมืองชิงหยูน รวมถึงใบยืนยันสินค้าเป็นของจริง โดยได้รับการยืนยันจากนักเชี่ยวชาญวิเคราะห์ของโบราณที่มีชื่อเสียงอีกด้วย…..

หลินอิ่งรู้สึกอยากหัวเราะ ขณะเดียวกันก็ส่ายหน้าเล็กน้อย…..

หวางจื่อเหวินยังกล้ากลับตาลปัตรความจริงอีกหรอ ของโบราณปลอมที่ซื้อมาในราคาสามสิบล้านกลับต้องการเรียกร้องค่าเสียหายกับตัวเองสองเท่าเป็นจำนวนเงินหกสิบล้านเลยหรอ? แถมยังเรียกร้องค่าชื่อเสียงเสียหายด้วย?

เขามีชื่อเสียงในเมืองชิงหยูนด้วยหรอ?

“ไอ้ขยะไร้ประโยชน์อย่างนายจะไปเข้าใจอะไรหรอ? จดหมายทนายฉบับนี้ถูกกระจายไปทั่วทุกที่ตั้งแต่เช้าแล้ว” จางหงจูนพูดต่อว่า “เมื่อวานนายตั้งใจทำลายทรัพย์สินส่วนตัวของคุณชายหวางที่หมิงเป่าซวน ซึ่งการกระทำแบบนี้ถือเป็นการทำลายชื่อเสียงของคุณชายหวางแห่งตระกูลหวาง และสร้างความอับอายต่อคนตระกูลจางของเราด้วย!”

“ไม่เพียงสร้างความน่าอับอาย แต่เขายังเป็นตัวซวยของตระกูลด้วย!” จางหงซวนพูดอย่างไม่ใยดีขึ้น “ตอนนี้คุณชายหวางแห่งตระกูลหวางเตรียมเรียกเหล่านักข่าวมางานต้อนรับแล้ว เขาต้องการประกาศทุกช่องทาง ซึ่งนี่เป็นการสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงบริษัทของเราอย่างมาก”

หลินอิ่งพูดขึ้นว่า : “อย่าเพิ่งพูดถึงความจริงของเรื่องนี้เลย ใครต่างก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของผม เกี่ยวอะไรกับพวกคุณด้วยหรอ?”

“บังอาจมาก เกี่ยวอะไรกับพวกฉันอย่างนั้นหรอ?” จางหงจูนหัวเราะด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง

เขาคิดไม่ถึงเลยว่า ไอ้ลูกเขยขยะไร้ประโยชน์ของตระกูลจางอย่างหลินอิ่งจะกล้ากำเริบสืบสานต่อหน้าผู้ใหญ่ของตระกูลจางอย่างเขา!”

หรือว่าเขาต้องปฏิบัติตัวอย่างนอบน้อม และพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอย่างนั้นหรอ?

“เห้อเห้อ คิดไม่ถึงว่าคนอย่างหลินอิ่งยังสามารถเข้าทำงานเป็นผู้ช่วยระดับสูง ขนาดถูกจดหมายจากทนายฟ้องร้องยังไม่รู้สึกรู้สาอีก”

“ฉันเห็นจดหมายจากทนายฉบับนั้นแล้ว ทางนั้นต้องการเรียกร้องค่าเสียหายหนึ่งพันล้านเลย ด้วยความสามารถของคุณชายหวางแห่งตระกูลหวางสามารถเอาชนะเขาในศาลได้อยู่แล้ว!”

“ฉันคิดว่า หลินอิ่งคงแย่แล้วแน่เลย อย่าว่าแต่เงินหนึ่งพันล้านเลย แค่สิบล้านไม่รู้จะสามารถหามาได้หรือเปล่า ดีไม่ดีคงถูกไล่ออกจากบริษัทตอนนี้”

“อย่าว่าแต่ถูกไล่ออกจากบริษัทเลย ไม่ได้ยินมาหรอ? เมื่อคืนเขาถูกไล่ออกจากบ้านด้วย ไม่นานคงนอนริมถนนแล้วล่ะ”

เหล่าพนักงานระดับสูงของบริษัทที่อยู่ฝ่ายของจางหงซวนต่างพากันหัวเราะเยาะ

“คุณลุง คุณลุงสอง นี่เกิดอะไรขึ้นหรอค่ะ?”

ในเวลานี้ข้างนอกมีเสียงเอะอะเสียงดังมาก จนทำให้จางฉีโม่ได้รับการรบกวน เธอเดินออกมาจากห้องทำงานอย่างรวดเร็ว พร้อมกับจ้องมองหลินอิ่งด้วยสีหน้ากังวล

“ฉีโม่ เธอมาได้เวลาพอดีเลย ฉันกำลังคิดอยากเรียกเธอมาด้วย” จางหงจูนพูดด้วยสีหน้าจริงจังขึ้น “เธอดูสิ ไอ้ขยะหลินอิ่งก่อเรื่องอะไรมาบ้าง คุณชายหวางแห่งตระกูลหวางจะฟ้องร้องเขาเรียกค่าเสียหายหนึ่งพันล้าน ตอนนี้ทั้งบริษัทของเราต่างรู้สึกอับอายกับการกระทำของเขาหมดแล้ว”

จางฉีโม่เดินมาเบื้องหน้าหลินอิ่งด้วยสีหน้าสงสัย แล้วหยิบจดหมายทนายและใบยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญขึ้นมาดู จากนั้นสีหน้าก็ขาวซีดขึ้น แล้วเปลี่ยนเป็นสีหน้าขุ่นเคืองขึ้น

“คุณลุงใหญ่ คุณลุงสามค่ะ นี่เป็นการใส่ร้ายป้ายสีที่แทบไม่มีหลักฐานเลยนะค่ะ ตอนที่เกิดเรื่องที่หมิงเป่าติง ฉันก็อยู่ในเหตุการณ์เหมือนกัน” จางฉีโม่พูดด้วยท่าทางไม่ยินยอม “เรื่องโกหกแบบนี้พวกคุณก็เชื่อหรอค่ะ? ทั้งที่มันเป็นของปลอมตั้งแต่แรก”

“โธ่ ฉีโม่ ทำไมเธอยังถึงช่วยพูดแทนไอ้ขยะนั้นด้วย?” จางหงซวนถอนหายใจและพูดต่อว่า “หลักฐานทั้งหมดอยู่ที่นี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นใบเก็บสะสมของโบราณ ใบยืนยันเป็นสินค้าจริงจากผู้เชี่ยวชาญหลายท่าน หรือว่าคำพูดเพียงคนเดียวของหลินอิ่งจะมีอำนาจและน่าเชื่อถือกว่าเอกสารเหล่านี้หรอ?”

“อีกอย่างหลินอิ่งคนยากจนอย่างเขาจะมีปัญญาขึ้นศาลสูคดีหรอ?” จางหงซวนเผยสีหน้าดูถูกขึ้น และพูดว่า “ถึงยังไงคุณชายหวางแห่งตระกูลหวางก็ชนะอยู่แล้ว และเขาก็ต้องจ่ายเงินค่าเสียดายด้วย หากจ่ายไม่ได้ พฤติกรรมทำลายทรัพย์สินของคนอื่น และตั้งใจทำลายรถยนต์ของคนอื่นด้วยอาจจะต้องตัดสินลงโทษ แต่การทำลายของโบราณราคาหกสิบล้านคงต้องเข้าคุกตลอดชีวิตแน่!”

“ไม่ค่ะ ทำแบบนี้มันไม่สกปรกเกินไปหรอค่ะ?” จางฉีโม่เผยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ วิธีการของหวางจื่อเหวินคนนี้ช่างเลวทรามจริงๆ

“สกปรกหรอ? ไม่เห็นจะเสกปรกตรงไหนเลย นี่เป็นเรื่องที่จริงจังมาก” จางหงจูนพูดด้วยสีหน้าจริงจังขึ้น “ฉีโม่ ในฐานะลุง ฉันขอเตือนให้เธออยู่ไกลจากไอ้ขยะคนนี้ ไม่เช่นนั้นสักวันเธอจะถูกเขาทำร้าย”

“ฉีโม่ ลุงสามขอสั่งสอนเธอเรื่องนี้หน่อย เธออาจจะมีประสบการณ์ทางสังคมน้อย แต่ทำไมเธอไม่ลองคิดดูหน่อยล่ะ บุคคลที่มีอิทธิพลอย่างคุณชายหวางแห่งตระกูลหวาง หากต้องการกลั่นแกล้งหลินอิ่งจริง เขาไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้ เพราะเขามีวิธีการมากมาย” จางหงซวนพูดขึ้นในฐานะผู้ใหญ่ “หลินอิ่งคนนี้คิดว่าตัวเองเป็นคนฉลาด เลยไปประลองระดับการวิเคราะห์ของโบราณ แต่เจ้าโง่คนนี้กลับไม่เข้าใจบางอย่าง มีความสามารถวิเคราะห์ของโบราณใช้ทำอะไรได้? คนเขามีเงินมีอำนาจ สามารถทำผิดให้เป็นถูกได้ อย่างเช่นเหมือนตอนนี้ ใครกล้าบอกบ้างว่า การวิเคราะห์ของหลินอิ่งก่อนหน้านี้ถูกต้องบ้าง?”

พูดจบ จางหงซวนก็หัวเราะขึ้นมา และพูดว่า : “ฉีโม่ สำหรับผู้ชายตอนนี้แล้ว อำนาจและฐานะถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก หากเปรียบเทียบไอ้ขยะหลินอิ่งกับคุณชายหวางแห่งตระกูลหวางแล้ว ฮ่าฮ่า ห่างไกลลิบลิ่วเลย เธอต้องไตร่ตรองคำแนะนำของป้าสองให้ดีๆ”

“ฮ่า พวกคุณคิดว่ามีเงินมีอำนาจแล้วจะสามารถฝ่าฝืนกฎหมายได้หรอ?” หลินอิ่งหัวเราะและส่ายหน้าขึ้น

“ใช่! ฉันจะบอกกับนายให้ชัดเจนเลยว่า ฉันมีเงิน ฉันจะทำอะไรก็ได้ แม้แต่ฝ่าฝืนกฎหมายก็ตาม ส่วนคนธรรมดาอย่างพวกแกเข้าใจกฎหมายอะไรด้วยหรอ?’

ทันใดนั้นน้ำเสียงกำเริบสืบสานก็ดังขึ้นมาจากข้างหน้าประตู

หวางจื่อเหวินสวมชุดคลุมใหญ่ พร้อมกับพาสุนัขรับใช้อย่างพวกฉินเฟยมาด้วย จากนั้นพวกเขาก็เดินเข้ามาในบริษัทจางซื่อกรุ๊ปด้วยท่าทางโอ้อวดขึ้น

คุณชายหวางมาแล้ว เชิญนั่ง ดื่มชาก่อนครับ” จางหงซวนพูดประจบสอพลอขึ้น พร้อมกับยื่นชาร้อนให้หวางจื่อเหวินด้วย

จางหงจูนพยักหน้าเล็กน้อยต่อหวางจื่อเหวินเล็กน้อย

“ไอ้ขยะ ครั้งก่อนเสแสร้งแกล้งทำว่าของปลอม ฉันให้นักเชี่ยวชาญวิเคราะห์แล้ว พวกเขาต่างบอกว่าเป็นของจริง” หวางจื่อเหวินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น แล้วเหลือบมองจางฉีโม่ “ฉีโม่ คุณดูให้ดี หลินอิ่งคนนี้ไม่เพียงไม่มีความสามารถ แถมเป็นคนเลวทรามต่ำช้าด้วย”

“คณะกรรมการทั้งสองคนครับ การที่บริษัทเก็บคนประเภทนี้ถือเป็นภัยพิบัติมากเลยนะครับ เพราะอาจจะได้รับผลกระทบด้านลบต่อบริษัท ผมแนะนำว่า ตอนนี้พวกคุณสามารถไล่หลินอิ่งคนนี้ออกได้แล้ว” หวางจื่อเหวินพูดด้วยท่าทางสะใจขึ้น

“คุณชายรองพูดถูก ผมเห็นด้วยเป็นอย่างมาก บริษัทของเราไม่ควรเก็บตัวซวยแบบนี้” จางหงจูนพยักหน้าเล็กน้อย

“ฉันเองก็ยอมรับโดยไม่มีข้อโต้แย้งครับ หลินอิ่ง นายฟังให้ดี ตอนนี้ฉันขอประกาศต่อนายในฐานะคณะกรรมการว่า นายถูกไล่ออก รีบไสหัวออกไปจากบริษัทเดียวนี้” จางหงจูนเผยสีหน้าดูถูกขึ้น และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ไม่ต้องถามฉันว่าทำไม เหตุผลง่ายดายมาก นายถูกฟ้องร้อง และอาจจะถูกกฎหมาลงโทษ ทางบริษัทของเราไม่ต้องการเก็บนักโทษไว้ในบริษัท”

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

Status: Ongoing

บทที่ 1 ชีวิตที่สงบสุขถูกทำลาย

“คุณชายฉี คุณจะปฏิเสธการเชื้อเชิญของ นายท่าน จริงๆหรอค่ะ?’

“ฉันไม่ได้มีแซ่ฉี สักหน่อย ฉันแซ่หลิน”

“แต่คุณก็มีสายเลือดของตระกูลฉี อยู่นะ”

“นับตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาขับไล่พวกเราสองแม่ลูกออกจากบ้านตระกูลฉี ฉันกับคนของตระกูลฉี ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”

ตอนบ่าย ณ เมืองชิงหยูนถนนเย็ยเจียง ในเมืองที่ชลมุ่นวุ่นวายมีรถยนต์เบนท์ลี่ย์ มูซานสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ ซึ่งรถยนต์สวยหรูโดดเด่นมากจนทำให้ผู้คนต่างพากันสนใจ

ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังจัดเก็บอุปกรณ์ย่างบนรถเข็นอยู่

โดยมีชายอาวุโสสวมชุดสูทสีดำคนหนึ่งกำลังก้มโค้งคำนับอยู่ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของ ซึ่งเหมือนกับเขากำลังขอร้องชายหนุ่มอยู่

“คุณชายครับ คุณเองก็รู้ว่า เรื่องในตอนนั้นนายท่านเองก็ถูกสถานการณ์บีบคั้นเหมือนกัน ถึงแม้จะปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อคุณแม่ของคุณ แต่ไม่เคยขับไล่คุณเลยนะครับ….”

“เมื่อหนึ่งปีก่อน คุณท่านป่วยอาการหนักมาก นายท่านเลยให้พวกผมตามหาคุณมาหนึ่งปีเต็ม ใช้ทั้งอำนาจและเส้นสายตามหาคุณเกือบครึ่งประเทศหลุง จนตามหาคุณพบอย่างยากเย็น”

“หรือว่าคุณยอมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง ที่ไม่มีความสูงศักดิ์ แถมยอมถูกตราหน้าแต่ไม่ยอมกลับตระกูลฉี หรอครับ? แต่ตอนนี้คุณเป็นถึงสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลฉี นะ…..”

หลินอิ่ง ค่อยๆพูดว่า “เรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลฉี มายุ่ง และเรื่องของตระกูลฉี ฉันก็ไม่อยากได้ยินด้วย ฉันหวังว่าต่อไปคุณคงไม่มารบกวนชีวิตของผมอีก”

หลังจากเก็บของเรียบร้อย เขาก็หันหลังเดินจากถนนเย็ยเจียง ไป Quick Cash Loans

ชายอาวุโสจ้องมองร่างเงาที่เดินจากไปของหลินอิ่ง โดยไม่ได้เดินตามไป ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างถอนใจออกมา

“ตระกูลฉี หรอ เหอะ…”

เมื่อเดินออกจากถนนเย็ยเจียง หลินอิ่ง ก็หัวเราะประชดเบาๆ พร้อมเผยสายตาเหม่อลอยเล็กน้อย ราวกับกำลังนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่นานมาแล้ว

ตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นตระกูลที่มีความสูงศักดิ์และมีชื่อเสียงระดับต้นๆของประเทศหลุง เลย มีผู้คนจำนวนมากมายต้องการมีความสัมพันธ์กับตระกูลฉี แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถไต่เต้าจนสำเร็จได้

แต่สำหรับ หลินอิ่ง แล้ว ตระกูลฉี คือบาดแผลอันเจ็บปวดภายในใจที่ยากจะลบล้างได้!

หลินอิ่ง เกิดในตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นหลานชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณท่านตระกูลฉี เขาเกิดมาในตระกูลที่มีฐานะสูงส่งและสูงศักดิ์มาก แต่ตอนที่เขาอายุแปดขวบ พ่อของเขาที่มีชื่อว่า ฉีเหอถู ก็หลงรักกับผู้หญิงข้างนอก แถมยังแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกกับพี่น้องเครือญาติกันด้วย และเพื่อเอาชนะ เขาเลยหย่ากับ หลินซูชิง แม่ของเขา แล้วไปแต่งงานกับคนอีกตระกูลหนึ่งที่มีความสูงส่งระดับใน ตี้จิง ด้วย

ถึงแม้ว่า หลินซูชิ จะเกิดในครอบครัวที่ธรรมดา แต่เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก เธอไม่ยอมรับการชดเชยใดๆจากตระกูลฉี เลย ส่วน หลินอิ่ง เองก็ไม่ยอมจากแม่ด้วย เลยหนีไปจากเมือง ตี้จิง กับ หลินซูชิง แม่ของเขา โดยไม่สนใจอุปสรรคจากตระกูลฉี เลย และนับจากที่พวกเขาหายไปจากสายตาของคนตระกูลฉี แม่ลูกก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขมาหลายปี

และเขายังเปลี่ยนแซ่หลิน ตามแม่ของเขาด้วย

สิบปีเต็มแล้ว แต่เมื่อสามปีก่อนแม่ของเขาชีวิตไปเพราะโรคร้าย เดิมทีเขานึกว่าความทรงจำอันเจ็บปวดในชีวิตตอนนั้นคงไม่กลับมาหวนนึกถึงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าคนของตระกูลฉี ตามหาเขาพบแล้ว

หลังจากที่สูบบุหรี่ม้วนหนึ่งเสร็จตรงมุมถนน หลินอิ่ง ก็ไม่คิดมากแล้ว แต่โบกมือเรียกแท็กซี่คันหนึ่งไป รีสอร์ทหลินหลาง

วันนี้เป็นงานแต่งงานของคุณชายตระกูลซูน ตระกูลที่สูงส่งที่สุดในเมืองชิงหยูนกับลูกสาวของ จางหงจูน พี่ใหญ่ของตระกูลจาง งานแต่งงานถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ และได้เชื้อเชิญนักธุรกิจใหญ่ของเมืองชิงหยูนทุกคน รวมทั้งคนของตระกูลจาง ด้วย

ไม่เช่นนั้นด้วยตำแหน่งเพียงลูกเขยในตระกูลจาง คงไม่สามารถมา รีสอร์ทหลินหลาง ตลอดชีวิต

ยี่สิบนาทีต่อมา รถแท็กซี่ก็จอดนอก รีสอร์ทหลินหลาง

หน้าประตูคฤหาสน์ที่มีรถยนต์คันหรูหรา มีผู้หญิงหน้าตาสะสวย รูปร่างผอมเพรียว สวมชุดเดรสสีน้ำเงินคนหนึ่งกำลังจ้องมอง หลินอิ่ง ด้วยสายตาเป็นประกาย

สาวสวยคนนี้คือภรรยาของ หลินอิ่ง มีชื่อว่า จางฉีโม่

เมื่อสองปีก่อน ภายใต้การขอร้องของคุณท่านจางตี้งติ่ง ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ สุดท้าย หลินอิ่ง ก็แต่งงานเข้าตระกูลจาง

ในตอนนั้นเรื่องนี้สร้างความฮือฮาต่อตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองชิงหยูนมาก ทุกคนต่างพากันหัวเราะเยาะว่าคุณท่านจาง สมองเลอะเลือนแล้ว ที่เอาลูกสาวแต่งงานกับเด็กกำพร้าที่ไม่มีเงินและอำนาจ

อีกอย่าง จางฉีโม่ ก็เป็นทั้งผู้หญิงที่สวยที่สุด และยังเป็นคนตระกูลสูงส่งที่สุดของเมืองชิงหยูนด้วย ซึ่งในตอนนั้นมีคุณชายจากตระกูลสูงส่งหลายคนกำลังตามจีบเธออยู่

แต่คิดไม่ถึงว่าคุณท่านจะยกเธอแต่งงานให้กับ หลินอิ่ง ที่ไม่มีหัวนอนเปล่าเท้า!

ซึ่งเรื่องทุกอย่าง มีเพียง หลินอิ่ง กับ จางตี้งติ่ง ที่ทราบเหตุผลที่แท้จริง…..

เมื่อหนึ่งปีก่อน จางตี้งติ่ง ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งความลับที่สำคัญมีเพียง หลินอิ่ง คนเดียวที่ทราบ

ส่วนภรรยาของเขา จางฉีโม่ ไม่เคยยอมรับตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงแม้สุดท้ายยอมแต่งงาน แต่จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่เป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงเลย

นับตั้งแต่ จางตี้งติ่ง เสียชีวิต บริษัทเครื่องประดับจางซื่อก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น พ่อตาของ หลินอิ่ง ที่อยู่ในสงครามครั้งนี้ก็ถูกเตะออกจากสิทธิ์บริษัท และยังไม่ถูกแบ่งหุ้นส่วนบริษัทให้ด้วย สภาพทางสังคมเลยถดถอยลงมาก

ซึ่งพ่อตาและแม่ยายต่างพากันกล่าวโทษต่อ หลินอิ่ง ที่เป็นคนไม่มีอนาคต ไม่มีฐานะทางสังคมที่ดี ไม่มีความสามารถ เงิน และไม่เหมาะสมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง

หลินอิ่ง ได้รับการปฏิบัติต่อคนในตระกูลจาง อย่างเมินเฉย และกลายเป็นคนที่ทุกคนต่างพากันดูถูก

“หลินอิ่ง เดียวตอนเข้างานพูดน้อยๆหน่อยนะ” จางฉีโม่ เผยสีหน้าจริงจังพูดขึ้น “งานวันนี้สำคัญมาก ฉันนำของขวัญชิ้นใหญ่เพื่อข้อร้องกับ พี่หนิง ด้วย ตำแหน่งผู้บริหารโรงงานของพ่อจะสำเร็จหรือเปล่า คงต้องดูคุณลุงว่าจะช่วยเหลือหรือเปล่า”

“ฉันรู้แล้ว” หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย

เมื่อเข้าไป รีสอร์ทหลินหลาง ก็พบว่าภายในรีสอร์ท มีคฤหาสน์ที่ประดับตกแต่งด้วยสีสันแพรวพราว และยังมีสวนดอกไม้ สระน้ำขนาดเล็กด้วย ซึ่งนี้ล้วนเป็นอสังหาริมทรัพย์ของพี่ใหญ่ตระกูลจาง

นอกห้องโถงมีรถยนต์ยี่ห้อคันหรูจอดอยู่แถวหนึ่ง มีทั้งยี่ห้อ Maserati Porsche PORSCHE CAYENNE และยังมี Audi ด้วย

“โธ่ น้องฉี นั่งรถแท็กซี่มาหรอ? ทำไมไม่โทรศัพท์บอกพี่ล่ะ เดียวพี่จะได้ส่งคนขับรถไปรับ วันนี้ถือเป็นวันสำคัญมาก ทำแบบนี้หมายความว่าอะไร? หรือว่าอยากทำให้คนของตระกูลจาง ขายขี้หน้าหรอ?”

มีชายหนุ่มสวมแว่นตากันแดดคนหนึ่งกำลังลงมาจากรถยนต์ยี่ห้อ Porsche เขาถอดแว่นตากันแดดออก พร้อมกับจ้องมอง จางฉีโม่ กับ หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าขบขัน

จางฉีโม่ กัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ โดยไม่พูดอะไร

พ่อตาของ หลินอิ่ง ชื่อว่า จางซิ่วเฟิง นับว่าเป็นคนที่ตกอับมากที่สุดในบรรดาพี่น้องของตระกูลจาง เมื่อก่อนตอนที่ทำงานอยู่จางซื่อกรุ๊ป ก็ถูกบรรดาพี่น้องคอยกีดกั้น ต่อมาก็ถูกเตะออกจากบริษัท สุดท้ายก็ได้รับเพียงโรงงาน โรงงานแปรรูปเครื่องประดับขนาดเล็ก ที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ล้มละลาย แต่เขาก็ฝืนทำงานมาเกือบหนึ่งปี

ดังนั้นด้วยสภาพทางการเงินของบ้าน เลยแทบไม่สามารถซื้อรถยนต์คันหรูให้กับ จางฉีโม่ ได้เลย

“น้องฉี เป็นยังไงล่ะ ในตอนนั้นพี่ให้เธอหย่ากับไอ้ขยะนี้ และจะแนะนำน้องคนที่สามของตระกูลซูน ให้กับเธอ แต่เธอกลับปฏิเสธ หากเธอเชื่อฟังพี่ตั้งแต่แรก เธอคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้หรอก?” ผู้ชายสวมแว่นตากันแดดยิ่งพูดแดกดันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้าสะใจด้วย จนแทบไม่สนใจ หลินอิ่ง ที่อยู่ด้วยเลย “แน่นอนว่าตอนนี้ก็ยังไม่ส่ายหรอก หากเธออยากร่ำรวยมีเงินทองมาขอร้องพี่สิ เดียวพี่จะช่วยแนะนำผู้ชายคนใหม่ให้กับเธอเอง!”

การพูดสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าสามีของคนอื่น ถือเป็นการเสียมารยาทมาก!

“จางเถียนไห่ คุณพูดพอหรือยัง?” จางฉีโม่ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้ามืดครึ้มขึ้น

“โธ่โธ่โธ่ ฉันในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง เห็นเธอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกสงสารที่ต้องใช้ชีวิตกับไอ้ขยะนี้ อุตส่าห์มีน้ำใจอยากชี้ทางให้กับเธอ แต่เธอกลับไม่ฟัง งั้นก็สมน้ำหน้าเธอที่ต้องมีชีวิตยากจนแบบนี้ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ!” จางเถียนไห่ พูดด้วยน้ำเสียงสะใจขึ้น

พูดจบ จางเถียนไห่ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เลยหันหน้ามอง หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าหยอกล้อ

“หลินอิ่ง คนไร้ค่าอย่างนายทำไมถึงมีหน้ามาเข้าร่วมงานแต่งงานของ พี่หนิง ด้วย?” จางเถียนไห่ พูดประชดประชันขึ้น “อ๋อ จริงสิ ได้ยินมาว่าโรงงานของพ่อตานายขาดทุนแล้วหรอ ไม่เห็นมีเงินเดือนออกมาด้วย คงใกล้ล้มละลายแล้วสิ พวกเธอคงมาประจบสอพลอขอยืมเงินคุณลุงเพื่อช่วยเหลือให้พวกเธอผ่านอุปสรรคนี้แน่เลยใช่ไหม?”

หลินอิ่ง เอาแต่จ้องมอง จางเถียนไห่ โดยไม่พูดอะไร

จางซิ่วเฟิง พ่อของ จางฉีโม่ ในตอนนั้นถูกพ่อของ จางเถียนไห่ และน้องคนที่สาม จางหงจูน เตะออกจากจางซื่อกรุ๊ป

แถมการประสบอุปสรรคที่ยากลำบากครั้งนี้ของโรงงานก็เป็นฝีมือของ จางหงจูน ที่อยู่เบื้องหลังด้วย

จางฉีโม่ สูบลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อพยายามอดกลั้นความโกรธ จากนั้นก็พูดกับ หลินอิ่ง ว่า “อดทนไว้ ไม่ต้องไปสนใจเขา วันนี้พวกเรามาทำธุระสำคัญ”

หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองคนก็หันหลังเดินเข้าห้องโถงในคฤหาสน์

“เออ ฉันจะคอยดูว่าไอ้ขยะไร้ค่าอย่างแกจะสามารถอดทนได้นานเท่าไหร่” จางเถียนไห่ จ้องมองร่างเงาของ หลินอิ่ง แล้วยิ้มมุมปากประชดเล็กน้อย

ภายในห้องโถงมีพื้นกว้างมาก ซึ่งก่อสร้างตามแบบฉบับตะวันตก และประดับตกแต่งอย่างหรูหรา อีกทั้งยังปูพรมสีแดงชั้นหนึ่งด้วย

แขกผู้มีเกียรติของตระกูลจาง ต่างพากันเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว

จางฉีโม่ เดินถือกล่องของขวัญที่ประณีตไปเบื้องหน้าเจ้าสาว พร้อมยิ้มแย้มและพูดว่า “พี่หนิง ขอให้พี่มีความสุขกับการแต่งงานนะค่ะ และรักกันจนแก่เฒ่าด้วยนะค่ะ”

จางจี้หนิง เป็นคนมีหน้าตาสะสวย ผิวพรรณขาวนวลเนียน และดูสง่าสูงส่ง แต่หากเปรียบเทียบกับ จางฉีโม่ แล้ว ยังบกพร่องอยู่มาก

เธอเหลือบมอง จางฉีโม่ อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “เอาของขวัญของเธอไว้ตรงนั้นเถอะ”

“พี่หนิง เดียวฉันเดินเป็นเพื่อนพี่ให้นะค่ะ” จางฉีโม่ ยิ้มและพูดขึ้น

“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องมาทำดีกับฉันหรอก ฉันรู้ว่าเธอมีเป้าหมายอะไร เรื่องของพ่อเธอ เราไม่ช่วยหรอก” จางจี้หนิง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมเผยสีหน้าไร้อารมณ์ขึ้น

จางฉีโม่ เริ่มยิ้มอย่างแข็งทื่อ พร้อมเผยสีหน้าน้อยใจจนไม่สามารถกลบเกลื่อนได้ขึ้น

เธอกำหมัดไว้อย่างแน่น จนตัวสั่นเทาเล็กน้อย

ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับ หลินอิ่ง เธอได้รับความเมตตาและเอ็นดูจากคุณท่านมาก เธอเปรียบดั่งไข่มุกของตระกูลจาง เพราะมีแต่คนรักและเอ็นดูเธอ แม้กระทั่ง พี่จี้หนิง ก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้ทำไมถึงเมินเฉยขนาดนี้ด้วย…..

พี่จี้หนิง แต่งงานกับตระกูลที่สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองชิงหยูนนั้นคือลูกชายคนโตของตระกูลซูน ดังนั้นเลยจัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โต แถมยังมีคนของตระกูลจาง มาร่วมแสดงความยินดีถ้วนหน้าด้วย

ส่วนเธอ….

จางฉีโม่ นิ่งเงียบอยู่สักพัก และนึกถึงปัญหาที่ยากลำบากของพ่อตัวเองในตอนนี้ จากนั้นเธอห็ฝืนยิ้มขึ้นมา แล้วเดินตาม จางจี้หนิง จากไป…….

เมื่อ หลินอิ่ง ที่นั่งอยู่เห็นฉากนี้ก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads แทงบอลออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน