ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – บทที่ 87 ตบหน้าแบบอนุกรม

บทที่ 87 ตบหน้าแบบอนุกรม

บทที่ 87 ตบหน้าแบบอนุกรม

“ห๊ะ? คุณหนูใหญ่ นี่มันไม่ดีมั้ง นี่อยู่ในบ้านครอบครัวฉันตระกูลจางนะ” ใบหน้าของจางหงอี้ซีด แต่ไม่คาดคิดว่าหวางหงหลิงจะโกรธมากขนาดนี้ จนจะตบหน้าตัวเองต่อหน้าสาธารณะ

ถึงแม้ว่าเธอจะแต่งงานเข้าตระกูลหวาง แต่เธอก็ไม่ได้รู้จักกับหวางหงหลิงเป็นอย่างดีเลย และก็เคยพูดคุยกันแค่ไม่กี่คำ และก็เคยได้ยินเรื่องอารมณ์ร้อนของหวางหงหลิงด้วย สมาชิกทุกคนในครอบครัวของตระกูลหวาง ไม่มีใครกล้ารุกรานหวางหงหลิงเลย!

“คุณฟังไม่เข้าใจเหรอ? บอกให้คุณยืดใบหน้าออกมา” หวางหงหลิงพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา และก้าวร้าว

สีหน้าของจางหงอี้น่าเกลียด และเขาวิงวอนว่า “คุณหนูใหญ่ ไม่ว่าจะพูดยังไง ก็ยังเป็นคุณป้าของคุณนะ ถ้าคุณทำเช่นนี้ ถ้าคุณท่านรู้เรื่องแล้วจะโกรธเอานะ ฉันทำผิดแบบไม่ได้ตั้งใจจริงๆ รอให้ฉันกลับไปที่บ้านตระกูลหวางแล้วฉันจะไปขอโทษถึงบ้านคุณเลย”

“คุณยกคุณท่านออกมากดดันฉันงั้นเหรอ?” ใบหน้าของหวางหงหลิงแสดงสีหน้าที่ดูถูกเหยียดหยาม “คุณเองสฐานะอะไรอยู่ในตระกูลหวาง ในใจของคุณยังไม่รู้อีกเหรอ? คุณมีโอกาศได้คุยกับคุณท่านเหรอ? คุณแต่งงานเข้าตระกูลหวางมานานหลายปีแล้ว พวกคุณสองคนกับหวางโจงนอกเหนือจากพึ่งคนแก่และพยายามหาเงินในตระกูลหวางแล้ว ยังมีส่วนช่วยเหลือตระกูลหวางหรือไม่?”

“คุณกับหวางโจงเป็นความอัปยศของตระกูลหวางเลยทีเดียวรู้ไหม? หวางโจงอายุตั้งสี่สิบกว่าปีแล้ว ก็ยังพึ่งคนแก่และขอเงินค่าครองชีพกับคุณท่าน เข้าหาหวางกั๋วคางเพื่อหารายได้พิเศษ แล้วก็ใช้ชื่อเสียงของตระกูลหวางออกไปเล่นชู้กับผู้หญิงอยู่ข้างนอก ยังเลี้ยงดูลูกนอกสมรสอีกด้วย แล้วคุณล่ะ มีชู้อยู่ข้างนอกกี่คนแล้ว แอบคบชู้แล้วถูกคนอื่นเขาจับได้? คุณท่านไล่คุณออกจากบ้านเพราะเรื่องที่คบชู้กี่ครั้งแล้ว? คุณยังมีหน้ามาพูดถึงคุณท่านกับฉันอีกเหรอ!”

หวางหงหลิงชี้ไปที่ใบหน้าของจางหงอี้และดุด่าด้วยความโกรธ

จางหงอี้ก้มหน้าลงต่ำมาก สีหน้าแดงระเรื่ออย่างมาก และไม่กล้าพูดอะไรต่อเลย

หวางหงหลิงด่าเรื่องอื้อฉาวของเธอกับหวางโจงออกมาทั้งหมดแบบเปิดเผย และอยู่ต่อหน้าคนในครอบครัวแม่ของเธออีกด้วย เธอขายหน้าไปหมด และตอนนี้เธอแทบจะรอไม่ไหวที่จะหาที่มุดหัวเข้าไปเลย

ในความเป็นจริงสิ่งที่หวางหงหลิงพูดนั้นเป็นความจริงทั้งหมด เธอดูเหมือนจะอยู่ในแวดวงของตระกูลชนชั้นสูง ใช้ชื่อเสียงของตระกูลหวางอยู่อย่างมีหน้ามีตา และเหมือนสุนัข ต่อหน้าตระกูลจางเธอยิ่งฟุ่มเฟือยมาก และมีหน้ามีตาพอสมควร ในความเป็นจริงแล้ว ตอนอยู่ในตระกูลหวาง แม้แต่รุ่นเล็กก็ยังดูถูกเธอและหวางโจงเลย…….

ในขณะนี้ แม้แต่จางหงจูนและจางหงซวนก็มองจางหงอี้ ด้วยสายตาที่รังเกียจ จางหงอี้แสดงและโอ้อวดมาโดยตลอด บอกว่าตัวเองมีตำแหน่งและอำนาจที่ยิ่งใหญ่อยู่ในตระกูลหวาง แต่สุดท้ายก็ถูกเปิดเผยมาเป็นแบบนี้

“อย่าท้าทายความอดทนของฉัน ฉันจะให้โอกาสแก่คุณครั้งสุดท้าย” หวางหงหลิงจ้องไปที่จางหงอี้อย่างเย็นชา “ยื่นใบหน้าออกมา!”

สีหน้าของจางหงอี้กลายเป็นสีเทาเข้ม และรู้สึกลำบากใจอย่างมาก เธอไม่กล้าขัดใจหวางหงหลิง ด้วยสฐานะของหวางหงหลิงที่อยู่ในตระกูลหวาง ยังเป็นหลานสาวคนโปรดของคุณท่านอีกด้วย แค่ทำเรื่องกลอุบายเพียงเล็กน้อย ก็สามารถทำให้เธอถูกไล่ออกจากประตูของตระกูลหวางได้

ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ถ้าคุณท่านจากไปแล้ว ผู้สนับสนุนเพียงคนเดียวสำหรับเธอและหวังโจงก็มีเพียงแค่หวางกั๋วคาง แต่ถึงเป็นอย่างนั้นหวางกั๋วคางก็ไม่สามารถรุกรานหวางหงหลิงและหวางเฉิงเฉียนได้เพราะพวกเขา

“ฉันขอโทษ! คุณหนูใหญ่ ฉันผิดไปแล้ว! เรื่องนี้คุณอย่าใส่ใจไปเลย และอย่าถือโทษโกรธฉันเลย” จางหงอี้พูดด้วยรอยยิ้ม

ขณะที่พูดอยู่ เธอก็ยื่นหน้าออกไป

พัฟ!

หวางหงหลิงตบเธออย่างรุนแรงโดยไม่ลังเล เสียงตบนั้นดังมาก

ทันใดนั้น ก็มีรอยนิ้วมือห้านิ้วสีแดงสด ติดอยู่บนใบหน้าของจางหงอี้!

น้ำตาของจางหงอี้แทบจะไหลออกมา ปกคลุมใบหน้าที่ร้อนผ่าวด้วยมือ

“เอามือออก และเหยียดหน้าเข้ามาอีก!” เห็นได้ชัดว่าความโกรธแค้นของหวางหงหลิงยังไม่หาย

“อ๊ะ?” ใบหน้าของจางหงอี้ขมขื่นอย่างมาก “คุณหนูใหญ่ ได้โปรดยกโทษให้ฉันด้วยเถอะ”

“หือ?”

หวางหงหลิงจ้องมองอย่างเย็นชา แม้ว่าจางหงอี้จะไม่เต็มใจอย่างมาก แต่เธอก็เอามือออก และยื่นหน้าออกไปอย่างเชื่อฟัง

พัฟ!

พัฟๆ!

พัฟๆ!

หวางหงหลิงปล่อยไฟที่ค้างอยู่ออกมา และตบไปหลายสิบทีติดต่อกัน ใบหน้าของจางหงอี้บวมไปครึ่งหนึ่ง น้ำตาและน้ำมูกก็ไหลออกมา

“หื้อ!” หวางหงหลิงตะคอกอย่างเย็นชา ราวกับว่าตบจนพอใจแล้ว “จางหงอี้ ฉันขอบอกคุณไว้นะ ถ้าฉันได้ยินข่าวลือแบบนี้จากปากใครอีก ฉันก็จะฆ่าคุณ!”

วันนี้เธอโกรธมากจนไม่มีที่ให้ลง และกลายเป็นถังดินปืน เดิมทีอยากจะมาหาหลินอิ่งอย่างดีๆ และรอให้หลินอิ่งถูกไล่ออกจากตระกูลจาง ตัวเองก็จะมอบตำแหน่งท่านประธานของบริษัทหมิงหยินแห่งหนึ่งให้กับเขาทันที ซึ่งจะทำให้เขารู้สึกประทับใจกับตัวเองบ้าง

ทันทีที่มาถึงก็ถูกแม่ยายของหลินอิ่งด่าว่าตัวเองอย่างรังเกียจ แล้วก็ได้ยินข่าวลือจากจางหงอี้ และถังดินปืนก็ถูกจุดไฟโดยตรง และคนก็กำลังจะระเบิดด้วยความโกรธ

แต่ในความเป็นจริง สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ทำให้หวางหงหลิงระเบิดอารมณ์นั้น เหตุผลหลักก็คือหลินอิ่งเฉยเมยกับเธอ ไม่ชื่นชมความรักของเธอเลย และยังแสดงท่าทางที่เขาชอบจางฉีโม่มากอยู่ต่อหน้าเธอด้วย!

“คุณหนูใหญ่ ฉันจะไม่พูดไปทั่วอีกแล้ว ได้โปรดคุณอย่าเอาเรื่องฉันอีกเลย” จางหงอี้พูดอย่างขมขื่น เพราะกลัวว่ากลับไปที่ตระกูลหวางแล้วจะถูกหวางหงหลิงแกล้งจนออกจากบ้านที่ร่ำรวยอย่างตระกูลหวางไป แล้วทุกอย่างก็จะจบลง!

หวางหงหลิงยิ้มเยาะ และพูดอย่างเย็นชา “จางหงอี้ คุณต้องชี้แจงเรื่องนี้ให้ชัดเจนตอนนี้ และขอโทษฉันและหลินอิ่ง ยอมรับว่านั่นเป็นสิ่งที่คุณสร้างขึ้นมาเอง!”

“นอกจากนี้ ยังมีจางหงจูนและจางหงซวน ได้ยินมาว่าคุณสองคน พูดว่าหลินอิ่งไปเกลือกกลั้วกับผู้หญิงอยู่ข้างนอก และแพร่กระจายสิ่งนี้ไปทุกที่ นี่คุณกำลังดูถูกฉันอยู่! พวกคุณสองคนก็ต้องให้คำอธิบายกับฉันในวันนี้ ขอโทษและยอมรับผิดพร้อมกับจางหงอี้!”

จางหงซวนและจางหงจูนมองหน้ากัน และทั้งคู่ก็เปลี่ยนเป็นใบหน้าที่ขมขื่น การแสดงออกของพวกเขาน่าเกลียดมาก

พวกเขาสองคนใช้เรื่องที่หลินอิ่งยุ่งกับผู้หญิงอยู่ข้างนอกโดยตลอด แพร่กระจายข่าวไปทั่ว ทำให้หลินอิ่งเสียชื่อเสียง เพื่อเป็นข้ออ้างในการไล่หลินอิ่งออกไป แต่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า ผู้หญิงที่หลินอิ่งไอ้ขยะนั่นยุ่งเกี่ยวด้วย จะเป็นคุณหนูคนโตของตระกูลหวางหวางหงหลิง

นี่มันเป็นเด็กเลี้ยงชัดๆ ถูกเขาเลี้ยงดูเก่งจริงๆ แม่งเอ้ย หวางหงหลิงทำเพื่อไอ้ขยะนั่น สนับสนุนเขาขนาดนี้ ยังออกมารับหน้าเพื่อช่วยเขา!

จางหงซวนและจางหงจูนรู้สึกขุ่นเคืองในใจ แผนการทั้งหมดสำหรับวันนี้พังลง การไล่หลินอิ่งออกไปล้มเหลวยังไม่เท่าไหร่ และพวกเขายังต้องขอโทษหลินอิ่งต่อหน้าอีกด้วย!

หวางหงหลิงคนนี้สฐานะสูงกว่าตำแหน่งหวางจือเหวินอยู่ในตระกูลหวาง และยังโกรธเป็นพิเศษ ทั้งสองคนจะกล้าท้าทายเธอต่อหน้าได้อย่างไร

จางหงอี้มองไปที่หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าลำบากใจ เขาก้มหัวลงและพูดว่า “คุณหนูใหญ่ ฉันขอโทษ หลินอิ่ง ฉันขอโทษ ฉันยอมรับว่าฉันปากพล่อยเอง คือฉันที่พูดไปมั่วๆไปทั่วเอง ฉันปากพล่อย สมควรโดนตบ”

“คุณหนูใหญ่หวาง ทั้งหมดนี้เป็นความเข้าใจผิดกัน ขอโทษจริงๆ หลินอิ่ง ขอโทษจริงๆ ความผิดของผมเอง ที่เข้าใจคุณผิดไป นี่เป็นความผิดพลาดในการเชื่อคำพูดของป้าคนที่สองฉีโม่!” จางหงซวนกล่าวอย่างเคร่งเครียด และเห็นสถานการณ์ ที่ไม่ดี ก็เรียนรู้ที่จะก้มศีรษะทันที

“เรื่องเข้าใจผิด มันเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิดเท่านั้น คุณหนูหวาง ขอโทษอย่างยิ่ง หลินอิ่ง นี่คือเรื่องจริง เฮ้ ลุงใหญ่เข้าใจคุณผิดไป” จางหงจูนพูดอย่างรวดเร็ว “ผมมีความผิด ไม่ได้ตรวจสอบสิ่งเหล่านี้ให้ชัดเจน ก็ปล่อยให้จางหงอี้สร้างข่าวลือไปทั่วอยู่ที่นี่!”

ทั้งสองคนก็ร่วมมือกันและโยนความผิดไปให้จางหงอี้ อย่างไร้ร่องรอย ก็สมกับเป็นคนที่อยู่ในตลาดการค้ามานาน หน้าหนาพอสมควร

หลินอิ่งยิ้มจางๆ และกล่าวว่า “ผมเคยบอกแล้ว ให้คุณสองคนระวังให้มากขึ้นในอนาคต”

คำพูดนี้ทำให้จางหงจูนและจางหงซวนแทบจะใส่อารมณ์ออกมาทันที ระงับไฟที่อยู่ในใจไว้ และหลินอิ่งไอ้ขยะนั่นก็ได้คืบเอาศอกจริงๆ กลั่นแกล้งคนโดยมีคนเท้าเอวให้

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

Status: Ongoing

บทที่ 1 ชีวิตที่สงบสุขถูกทำลาย

“คุณชายฉี คุณจะปฏิเสธการเชื้อเชิญของ นายท่าน จริงๆหรอค่ะ?’

“ฉันไม่ได้มีแซ่ฉี สักหน่อย ฉันแซ่หลิน”

“แต่คุณก็มีสายเลือดของตระกูลฉี อยู่นะ”

“นับตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาขับไล่พวกเราสองแม่ลูกออกจากบ้านตระกูลฉี ฉันกับคนของตระกูลฉี ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”

ตอนบ่าย ณ เมืองชิงหยูนถนนเย็ยเจียง ในเมืองที่ชลมุ่นวุ่นวายมีรถยนต์เบนท์ลี่ย์ มูซานสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ ซึ่งรถยนต์สวยหรูโดดเด่นมากจนทำให้ผู้คนต่างพากันสนใจ

ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังจัดเก็บอุปกรณ์ย่างบนรถเข็นอยู่

โดยมีชายอาวุโสสวมชุดสูทสีดำคนหนึ่งกำลังก้มโค้งคำนับอยู่ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของ ซึ่งเหมือนกับเขากำลังขอร้องชายหนุ่มอยู่

“คุณชายครับ คุณเองก็รู้ว่า เรื่องในตอนนั้นนายท่านเองก็ถูกสถานการณ์บีบคั้นเหมือนกัน ถึงแม้จะปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อคุณแม่ของคุณ แต่ไม่เคยขับไล่คุณเลยนะครับ….”

“เมื่อหนึ่งปีก่อน คุณท่านป่วยอาการหนักมาก นายท่านเลยให้พวกผมตามหาคุณมาหนึ่งปีเต็ม ใช้ทั้งอำนาจและเส้นสายตามหาคุณเกือบครึ่งประเทศหลุง จนตามหาคุณพบอย่างยากเย็น”

“หรือว่าคุณยอมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง ที่ไม่มีความสูงศักดิ์ แถมยอมถูกตราหน้าแต่ไม่ยอมกลับตระกูลฉี หรอครับ? แต่ตอนนี้คุณเป็นถึงสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลฉี นะ…..”

หลินอิ่ง ค่อยๆพูดว่า “เรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลฉี มายุ่ง และเรื่องของตระกูลฉี ฉันก็ไม่อยากได้ยินด้วย ฉันหวังว่าต่อไปคุณคงไม่มารบกวนชีวิตของผมอีก”

หลังจากเก็บของเรียบร้อย เขาก็หันหลังเดินจากถนนเย็ยเจียง ไป Quick Cash Loans

ชายอาวุโสจ้องมองร่างเงาที่เดินจากไปของหลินอิ่ง โดยไม่ได้เดินตามไป ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างถอนใจออกมา

“ตระกูลฉี หรอ เหอะ…”

เมื่อเดินออกจากถนนเย็ยเจียง หลินอิ่ง ก็หัวเราะประชดเบาๆ พร้อมเผยสายตาเหม่อลอยเล็กน้อย ราวกับกำลังนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่นานมาแล้ว

ตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นตระกูลที่มีความสูงศักดิ์และมีชื่อเสียงระดับต้นๆของประเทศหลุง เลย มีผู้คนจำนวนมากมายต้องการมีความสัมพันธ์กับตระกูลฉี แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถไต่เต้าจนสำเร็จได้

แต่สำหรับ หลินอิ่ง แล้ว ตระกูลฉี คือบาดแผลอันเจ็บปวดภายในใจที่ยากจะลบล้างได้!

หลินอิ่ง เกิดในตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นหลานชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณท่านตระกูลฉี เขาเกิดมาในตระกูลที่มีฐานะสูงส่งและสูงศักดิ์มาก แต่ตอนที่เขาอายุแปดขวบ พ่อของเขาที่มีชื่อว่า ฉีเหอถู ก็หลงรักกับผู้หญิงข้างนอก แถมยังแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกกับพี่น้องเครือญาติกันด้วย และเพื่อเอาชนะ เขาเลยหย่ากับ หลินซูชิง แม่ของเขา แล้วไปแต่งงานกับคนอีกตระกูลหนึ่งที่มีความสูงส่งระดับใน ตี้จิง ด้วย

ถึงแม้ว่า หลินซูชิ จะเกิดในครอบครัวที่ธรรมดา แต่เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก เธอไม่ยอมรับการชดเชยใดๆจากตระกูลฉี เลย ส่วน หลินอิ่ง เองก็ไม่ยอมจากแม่ด้วย เลยหนีไปจากเมือง ตี้จิง กับ หลินซูชิง แม่ของเขา โดยไม่สนใจอุปสรรคจากตระกูลฉี เลย และนับจากที่พวกเขาหายไปจากสายตาของคนตระกูลฉี แม่ลูกก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขมาหลายปี

และเขายังเปลี่ยนแซ่หลิน ตามแม่ของเขาด้วย

สิบปีเต็มแล้ว แต่เมื่อสามปีก่อนแม่ของเขาชีวิตไปเพราะโรคร้าย เดิมทีเขานึกว่าความทรงจำอันเจ็บปวดในชีวิตตอนนั้นคงไม่กลับมาหวนนึกถึงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าคนของตระกูลฉี ตามหาเขาพบแล้ว

หลังจากที่สูบบุหรี่ม้วนหนึ่งเสร็จตรงมุมถนน หลินอิ่ง ก็ไม่คิดมากแล้ว แต่โบกมือเรียกแท็กซี่คันหนึ่งไป รีสอร์ทหลินหลาง

วันนี้เป็นงานแต่งงานของคุณชายตระกูลซูน ตระกูลที่สูงส่งที่สุดในเมืองชิงหยูนกับลูกสาวของ จางหงจูน พี่ใหญ่ของตระกูลจาง งานแต่งงานถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ และได้เชื้อเชิญนักธุรกิจใหญ่ของเมืองชิงหยูนทุกคน รวมทั้งคนของตระกูลจาง ด้วย

ไม่เช่นนั้นด้วยตำแหน่งเพียงลูกเขยในตระกูลจาง คงไม่สามารถมา รีสอร์ทหลินหลาง ตลอดชีวิต

ยี่สิบนาทีต่อมา รถแท็กซี่ก็จอดนอก รีสอร์ทหลินหลาง

หน้าประตูคฤหาสน์ที่มีรถยนต์คันหรูหรา มีผู้หญิงหน้าตาสะสวย รูปร่างผอมเพรียว สวมชุดเดรสสีน้ำเงินคนหนึ่งกำลังจ้องมอง หลินอิ่ง ด้วยสายตาเป็นประกาย

สาวสวยคนนี้คือภรรยาของ หลินอิ่ง มีชื่อว่า จางฉีโม่

เมื่อสองปีก่อน ภายใต้การขอร้องของคุณท่านจางตี้งติ่ง ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ สุดท้าย หลินอิ่ง ก็แต่งงานเข้าตระกูลจาง

ในตอนนั้นเรื่องนี้สร้างความฮือฮาต่อตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองชิงหยูนมาก ทุกคนต่างพากันหัวเราะเยาะว่าคุณท่านจาง สมองเลอะเลือนแล้ว ที่เอาลูกสาวแต่งงานกับเด็กกำพร้าที่ไม่มีเงินและอำนาจ

อีกอย่าง จางฉีโม่ ก็เป็นทั้งผู้หญิงที่สวยที่สุด และยังเป็นคนตระกูลสูงส่งที่สุดของเมืองชิงหยูนด้วย ซึ่งในตอนนั้นมีคุณชายจากตระกูลสูงส่งหลายคนกำลังตามจีบเธออยู่

แต่คิดไม่ถึงว่าคุณท่านจะยกเธอแต่งงานให้กับ หลินอิ่ง ที่ไม่มีหัวนอนเปล่าเท้า!

ซึ่งเรื่องทุกอย่าง มีเพียง หลินอิ่ง กับ จางตี้งติ่ง ที่ทราบเหตุผลที่แท้จริง…..

เมื่อหนึ่งปีก่อน จางตี้งติ่ง ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งความลับที่สำคัญมีเพียง หลินอิ่ง คนเดียวที่ทราบ

ส่วนภรรยาของเขา จางฉีโม่ ไม่เคยยอมรับตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงแม้สุดท้ายยอมแต่งงาน แต่จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่เป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงเลย

นับตั้งแต่ จางตี้งติ่ง เสียชีวิต บริษัทเครื่องประดับจางซื่อก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น พ่อตาของ หลินอิ่ง ที่อยู่ในสงครามครั้งนี้ก็ถูกเตะออกจากสิทธิ์บริษัท และยังไม่ถูกแบ่งหุ้นส่วนบริษัทให้ด้วย สภาพทางสังคมเลยถดถอยลงมาก

ซึ่งพ่อตาและแม่ยายต่างพากันกล่าวโทษต่อ หลินอิ่ง ที่เป็นคนไม่มีอนาคต ไม่มีฐานะทางสังคมที่ดี ไม่มีความสามารถ เงิน และไม่เหมาะสมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง

หลินอิ่ง ได้รับการปฏิบัติต่อคนในตระกูลจาง อย่างเมินเฉย และกลายเป็นคนที่ทุกคนต่างพากันดูถูก

“หลินอิ่ง เดียวตอนเข้างานพูดน้อยๆหน่อยนะ” จางฉีโม่ เผยสีหน้าจริงจังพูดขึ้น “งานวันนี้สำคัญมาก ฉันนำของขวัญชิ้นใหญ่เพื่อข้อร้องกับ พี่หนิง ด้วย ตำแหน่งผู้บริหารโรงงานของพ่อจะสำเร็จหรือเปล่า คงต้องดูคุณลุงว่าจะช่วยเหลือหรือเปล่า”

“ฉันรู้แล้ว” หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย

เมื่อเข้าไป รีสอร์ทหลินหลาง ก็พบว่าภายในรีสอร์ท มีคฤหาสน์ที่ประดับตกแต่งด้วยสีสันแพรวพราว และยังมีสวนดอกไม้ สระน้ำขนาดเล็กด้วย ซึ่งนี้ล้วนเป็นอสังหาริมทรัพย์ของพี่ใหญ่ตระกูลจาง

นอกห้องโถงมีรถยนต์ยี่ห้อคันหรูจอดอยู่แถวหนึ่ง มีทั้งยี่ห้อ Maserati Porsche PORSCHE CAYENNE และยังมี Audi ด้วย

“โธ่ น้องฉี นั่งรถแท็กซี่มาหรอ? ทำไมไม่โทรศัพท์บอกพี่ล่ะ เดียวพี่จะได้ส่งคนขับรถไปรับ วันนี้ถือเป็นวันสำคัญมาก ทำแบบนี้หมายความว่าอะไร? หรือว่าอยากทำให้คนของตระกูลจาง ขายขี้หน้าหรอ?”

มีชายหนุ่มสวมแว่นตากันแดดคนหนึ่งกำลังลงมาจากรถยนต์ยี่ห้อ Porsche เขาถอดแว่นตากันแดดออก พร้อมกับจ้องมอง จางฉีโม่ กับ หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าขบขัน

จางฉีโม่ กัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ โดยไม่พูดอะไร

พ่อตาของ หลินอิ่ง ชื่อว่า จางซิ่วเฟิง นับว่าเป็นคนที่ตกอับมากที่สุดในบรรดาพี่น้องของตระกูลจาง เมื่อก่อนตอนที่ทำงานอยู่จางซื่อกรุ๊ป ก็ถูกบรรดาพี่น้องคอยกีดกั้น ต่อมาก็ถูกเตะออกจากบริษัท สุดท้ายก็ได้รับเพียงโรงงาน โรงงานแปรรูปเครื่องประดับขนาดเล็ก ที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ล้มละลาย แต่เขาก็ฝืนทำงานมาเกือบหนึ่งปี

ดังนั้นด้วยสภาพทางการเงินของบ้าน เลยแทบไม่สามารถซื้อรถยนต์คันหรูให้กับ จางฉีโม่ ได้เลย

“น้องฉี เป็นยังไงล่ะ ในตอนนั้นพี่ให้เธอหย่ากับไอ้ขยะนี้ และจะแนะนำน้องคนที่สามของตระกูลซูน ให้กับเธอ แต่เธอกลับปฏิเสธ หากเธอเชื่อฟังพี่ตั้งแต่แรก เธอคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้หรอก?” ผู้ชายสวมแว่นตากันแดดยิ่งพูดแดกดันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้าสะใจด้วย จนแทบไม่สนใจ หลินอิ่ง ที่อยู่ด้วยเลย “แน่นอนว่าตอนนี้ก็ยังไม่ส่ายหรอก หากเธออยากร่ำรวยมีเงินทองมาขอร้องพี่สิ เดียวพี่จะช่วยแนะนำผู้ชายคนใหม่ให้กับเธอเอง!”

การพูดสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าสามีของคนอื่น ถือเป็นการเสียมารยาทมาก!

“จางเถียนไห่ คุณพูดพอหรือยัง?” จางฉีโม่ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้ามืดครึ้มขึ้น

“โธ่โธ่โธ่ ฉันในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง เห็นเธอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกสงสารที่ต้องใช้ชีวิตกับไอ้ขยะนี้ อุตส่าห์มีน้ำใจอยากชี้ทางให้กับเธอ แต่เธอกลับไม่ฟัง งั้นก็สมน้ำหน้าเธอที่ต้องมีชีวิตยากจนแบบนี้ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ!” จางเถียนไห่ พูดด้วยน้ำเสียงสะใจขึ้น

พูดจบ จางเถียนไห่ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เลยหันหน้ามอง หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าหยอกล้อ

“หลินอิ่ง คนไร้ค่าอย่างนายทำไมถึงมีหน้ามาเข้าร่วมงานแต่งงานของ พี่หนิง ด้วย?” จางเถียนไห่ พูดประชดประชันขึ้น “อ๋อ จริงสิ ได้ยินมาว่าโรงงานของพ่อตานายขาดทุนแล้วหรอ ไม่เห็นมีเงินเดือนออกมาด้วย คงใกล้ล้มละลายแล้วสิ พวกเธอคงมาประจบสอพลอขอยืมเงินคุณลุงเพื่อช่วยเหลือให้พวกเธอผ่านอุปสรรคนี้แน่เลยใช่ไหม?”

หลินอิ่ง เอาแต่จ้องมอง จางเถียนไห่ โดยไม่พูดอะไร

จางซิ่วเฟิง พ่อของ จางฉีโม่ ในตอนนั้นถูกพ่อของ จางเถียนไห่ และน้องคนที่สาม จางหงจูน เตะออกจากจางซื่อกรุ๊ป

แถมการประสบอุปสรรคที่ยากลำบากครั้งนี้ของโรงงานก็เป็นฝีมือของ จางหงจูน ที่อยู่เบื้องหลังด้วย

จางฉีโม่ สูบลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อพยายามอดกลั้นความโกรธ จากนั้นก็พูดกับ หลินอิ่ง ว่า “อดทนไว้ ไม่ต้องไปสนใจเขา วันนี้พวกเรามาทำธุระสำคัญ”

หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองคนก็หันหลังเดินเข้าห้องโถงในคฤหาสน์

“เออ ฉันจะคอยดูว่าไอ้ขยะไร้ค่าอย่างแกจะสามารถอดทนได้นานเท่าไหร่” จางเถียนไห่ จ้องมองร่างเงาของ หลินอิ่ง แล้วยิ้มมุมปากประชดเล็กน้อย

ภายในห้องโถงมีพื้นกว้างมาก ซึ่งก่อสร้างตามแบบฉบับตะวันตก และประดับตกแต่งอย่างหรูหรา อีกทั้งยังปูพรมสีแดงชั้นหนึ่งด้วย

แขกผู้มีเกียรติของตระกูลจาง ต่างพากันเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว

จางฉีโม่ เดินถือกล่องของขวัญที่ประณีตไปเบื้องหน้าเจ้าสาว พร้อมยิ้มแย้มและพูดว่า “พี่หนิง ขอให้พี่มีความสุขกับการแต่งงานนะค่ะ และรักกันจนแก่เฒ่าด้วยนะค่ะ”

จางจี้หนิง เป็นคนมีหน้าตาสะสวย ผิวพรรณขาวนวลเนียน และดูสง่าสูงส่ง แต่หากเปรียบเทียบกับ จางฉีโม่ แล้ว ยังบกพร่องอยู่มาก

เธอเหลือบมอง จางฉีโม่ อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “เอาของขวัญของเธอไว้ตรงนั้นเถอะ”

“พี่หนิง เดียวฉันเดินเป็นเพื่อนพี่ให้นะค่ะ” จางฉีโม่ ยิ้มและพูดขึ้น

“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องมาทำดีกับฉันหรอก ฉันรู้ว่าเธอมีเป้าหมายอะไร เรื่องของพ่อเธอ เราไม่ช่วยหรอก” จางจี้หนิง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมเผยสีหน้าไร้อารมณ์ขึ้น

จางฉีโม่ เริ่มยิ้มอย่างแข็งทื่อ พร้อมเผยสีหน้าน้อยใจจนไม่สามารถกลบเกลื่อนได้ขึ้น

เธอกำหมัดไว้อย่างแน่น จนตัวสั่นเทาเล็กน้อย

ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับ หลินอิ่ง เธอได้รับความเมตตาและเอ็นดูจากคุณท่านมาก เธอเปรียบดั่งไข่มุกของตระกูลจาง เพราะมีแต่คนรักและเอ็นดูเธอ แม้กระทั่ง พี่จี้หนิง ก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้ทำไมถึงเมินเฉยขนาดนี้ด้วย…..

พี่จี้หนิง แต่งงานกับตระกูลที่สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองชิงหยูนนั้นคือลูกชายคนโตของตระกูลซูน ดังนั้นเลยจัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โต แถมยังมีคนของตระกูลจาง มาร่วมแสดงความยินดีถ้วนหน้าด้วย

ส่วนเธอ….

จางฉีโม่ นิ่งเงียบอยู่สักพัก และนึกถึงปัญหาที่ยากลำบากของพ่อตัวเองในตอนนี้ จากนั้นเธอห็ฝืนยิ้มขึ้นมา แล้วเดินตาม จางจี้หนิง จากไป…….

เมื่อ หลินอิ่ง ที่นั่งอยู่เห็นฉากนี้ก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads แทงบอลออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน