ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – บทที่ 336 ยั่วยุให้ลุกเป็นไฟ

บทที่ 336 ยั่วยุให้ลุกเป็นไฟ

หลินอิ่งเหลือบมองจ้าวหลินเอ๋อร์ตามปกติ และพูดอย่างใจเย็นว่า “สิ่งที่ควรพูด ผมพูดกับคุณไปหมดแล้ว ผมไม่ต้องการให้คุณเข้ามาพัวพันกับผมอีก”

“คุณไม่อยากรู้เลยเหรอ ฉันตามหาคุณเจอได้ยังไง” จ้าวหลินเอ๋อร์พูดอย่างสนุกสนาน

จ้าวหลินเอ๋อร์ส่งคนมาติดตามการเคลื่อนไหวของถูซานในเมืองจงเทียนซิงเฉิงอยู่ทุกเมื่อ ในคราวนี้ถูซานไปช่วยเด็กนักเรียนหญิงหาความสัมพันธ์ทางด้านระบบบการศึกษาของตี้จิง และยังช่วยทำเรื่องการย้ายโรงเรียนเป็นการส่วนตัวอีกด้วย

สิ่งนี้ยังดึงดูดความสนใจของจ้าวหลินเอ๋อร์ ส่งคนไปตรวจสอบ และพบภูมิหลังทั้งหมดของลู่จิ้ง มาจากเมืองตุงไห่ ยืนยันว่าลู่จิ้งจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับฉีหยิ่นแน่นอน ต่อมาก็ส่งคนมาจับจ้องลู่จิ้งไว้ตลอดเวลา

เมื่อหลินอิ่งมาที่พับหงเหรินก่วนในคืนนี้ คนที่ติดตามลู่จิ้งก็ได้รายงานไปที่จ้าวหลินเอ๋อร์ทันที เธอก็รีบมาทันที และพบเจอหลินอิ่ง

“คุณหมายความว่าอย่างไร?” หลินอิ่งขมวดคิ้ว จ้องเขม็งจ้าวหลินเอ๋อร์และถามว่า

จ้าวหลินเอ๋อร์กล่าวอย่างเย็นชาว่า “ฉีหยิ่น หากคุณหลบเลี่ยงฉันอีกครั้ง ฉันจะไปหาผู้หญิงป่าเถื่อนที่คุณแต่งงานด้วยอยู่ข้างนอกโดยตรง ฉันจะคอยดูว่าคุณจะอธิบายได้อย่างไรเมื่อถึงเวลานั้น!”

“ฉันรู้แล้วว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร เป็นพี่สาวของแม่นางปากตลาดลู่จิ้งคนนี้ในวันนี้ ผู้หญิงคนที่ชื่อจางฉีโม่ใช่ไหม? ” จ้าวหลินเอ๋อร์พูดด้วยท่าทางที่ควบคุมทุกอย่างอยู่ในมือ” เท่าที่ฉันรู้ จางฉีโม่ยังคงมีชื่อเสียงเล็กน้อยอยู่ในเมืองชิงหยูนของเมืองตุงไห่ เป็นประธานบริษํทเครื่องประดับขนาดเล็กแห่งหนึ่ง”

“ส่วนคุณ ฉีหยิ่นที่มีนามแฝงอยู่ในเมืองตุงไห่คือหลินอิ่ง? คุณยังเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านอยู่ที่นั่นเป็นเวลาสองปีใช่หรือไม่? ” จ้าวหลินเอ๋อร์กล่าวอย่างสนุกสนาน “ฉันไม่รู้เลยจริงๆ ว่า คุณเล่นความลึกลับอะไรอยู่”

“ชีวิตของผม ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ” หลินอิ่งกล่าวอย่างใจเย็น

ด้วยพลังและความสามารถของจ้าวหลินเอ๋อร์ เมื่อรู้ว่าตัวเองคือฉีหยิ่น จึงไม่ยากเลย ที่จะค้นหาเรื่องราวในอดีตของเขาในเมืองตุงไห่

“จริงเหรอ? ฉันไม่รู้เลยจริงๆ ว่าคุณคิดอะไรอยู่ในสมอง แม้แต่แม่นางปากตลาดอย่างลู่จิ้งก็ทนได้งั้นเหรอ? ” จ้าวหลิเอ๋อร์พูดอย่างไม่เข้าใจ “คนที่เหมือนกับลู่จิ้ง พี่สาวของเธอจะดีแค่ไหนกัน”

เธอไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมฉีหยิ่นถึงสามารถอาศัยอยู่กับคนระดับต่ำเหล่านี้เป็นเวลาหลายปีได้

“ฉีหยิ่น คุณไม่รู้หรือว่ามีอยู่คำพูดหนึ่ง? มังกรไม่อยู่กับงู” จ้าวหลินเอ๋อร์กล่าวอย่างภาคภูมิใจ “เช่นเดียวกับลู่จิ้ง ญาติทางครอบครัวของจางฉีโม่ พวกเขาทั้งหมดเป็นคนระดับต่ำ และพวกเขาไม่มีคุณสมบัติที่จะนับญาติกับคุณเลย พวกเขาไม่คู่ควร คุณเข้าใจหรือไม่?”

“คุณฉีหยิ่น เป็นลูกชายที่โดดเด่นของตระกูลฉีแห่งตี้จิง และเป็นมังกรของตระกูลฉี! หรือว่าคุณไม่รู้สึกมีความภาคภูมิใจในตัวเองบ้างเหรอ?” จ้าวหลินเอ๋อร์กล่าวอย่างภาคภูมิใจ “มีเพียงฉันจ้าวหลินเอ๋อร์เท่านั้น ที่สามารถคู่ควรกับคุณได้”

“เรารู้จักกันมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และเราก็เกิดมาเพื่อเป็นคู่กันอยู่แล้ว” จ้าวหลินเอ๋อร์กล่าวอย่างตามที่ควรจะเป็น

ใช่ ในสายตาของจ้าวหลินเอ๋อร์ ไม่สำคัญหรอกว่าหลินอิ่งและจางฉีโม่จะแต่งงานกันหรือไม่ เพราะในหัวใจของเธอ เธอถึงเป็นภรรยาที่มีชื่อจริงของหลินอิ่ง

มีสัญญาการแต่งงานระหว่างคุณท่านยักษ์ใหญ่ของประเทศหลุงสองคนของตระกูลฉีและตระกูลจ้าว ซึ่งใหญ่กว่าท้องฟ้าอีกด้วย!

สำหรับพวกจางฉีโม่ พวกเขาเป็นแค่ผู้หญิงบ้านนอก และไม่สามารถอยู่บนเวทีระดับสูงได้

หลินอิ่งดูเหมือนปกติ และพฤติกรรมของจ้าวหลินเอ๋อร์ทำให้เขานึกถึงเพื่อนเก่าคนหนึ่ง คนที่อยู่ในเมืองตุงไห่หวางหงหลิง

หวางหงหลิงเป็นเช่นเดียวกับจ้าวหลินเอ๋อร์ ต่างก็เป็นลูกคุณหนูที่เกิดจากตระกูลที่ร่ำรวย ซึ่งนิสัยเสีย และครอบงำ

พวกเขาต่างก็มีความภูมิใจในตัวเอง

เพียงแต่ว่า มีความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างทั้งสองคน

หวางหงหลิงอย่างน้อยก็เป็นคนติดดินอยู่บ้าง รู้จักความสัมพันธ์ของมนุษย์ร้อนหนาวอยู่บ้าง เธอเพียงรู้สึกว่าเธอไม่ได้ต้อยไปกว่าจางฉีโม่เท่านั้น

และจ้าวหลินเอ๋อร์ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นพระเจ้าที่ไม่สามารถเข้ากับคนโลกทั่วไปได้ วางตำแหน่งตัวเองสูงเกินไปในใจของเธอ

ในสายตาของจ้าวหลินเอ๋อร์ ระดับของจางฉีโม่ และแม้แต่ผู้คนในเมืองตุงไห่ ล้วนมีตัวตนเหมือนมดตัวหนึ่ง ทั้งหมดอยู่ในระดับต่ำ และไม่สามารถเปรียบเทียบกับเธอได้เลย

ดังนั้น เธอจึงไม่เข้าใจเลยว่า เหตุใดตัวเองจึงเลือกที่จะอยู่กับจางฉีโม่

“ฉีหยิ่น คิดดูเอาเอง” จ้าวหลินเอ๋อร์พูดอย่างเย็นชา “ถ้าคุณปฏิเสธที่จะไปทำตามสัญญาแต่งงานที่ตระกูลจ้าว ฉันจะไปหาจางฉีโม่ ฉันจะบอกให้เธอรู้ แล้วเธอก็จะพบว่าเธอเป็นคนที่ไม่คู่ควรกับคุณ แล้วก็ปล่อยคุณไปอย่างมีสติ หรือว่า ฉันจะใช้พลังของตระกูลจ้าวจะดีกว่า!”

หลินอิ่งมองไปที่จ้าวหลินเอ๋อร์อย่างเย็นชา และพูดว่า “คุณกล้าแตะต้องเธอเหรอ?”

หัวใจของจ้าวหลินเอ๋อร์สั่น และรู้สึกถึงแรงกดดันอย่างมาก

เธอไม่กล้าที่จะแตะต้องจางฉีโม่จริงๆ เพราะถ้าฉีหยิ่นโกรธขึ้นมา ผลที่ตามมาจะใหญ่โตนัก

“ฉัน……….” น้ำเสียงของจ้าวหลินเอ๋อร์อ่อนลงเล็กน้อย และดวงตาของเธอเปียกชื้นกล่าวว่า “หรือว่าคุณไม่เห็นแก่ความรักในตอนนั้นแล้วหรือ? ฉันตามหาคุณมานานหลายปีแล้ว คุณก็ปฏิบัติต่อฉันแบบนี้เหรอ?”

“พูดตามตรง ถ้าคุณไม่ตามหาผม ผมคงลืมไปแล้วว่ามีคุณอยู่คนหนึ่ง” หลินอิ่งพูดอย่างช้าๆ “สัญญาแต่งงานในปีนั้น ผมหวังว่าตระกูลจ้าวของคุณจะถอนออกไปอย่างมีสติและเหมาะสม”

จ้าวหลินเอ๋อร์กแบะปาก ไม่พอใจมากนัก และกล่าวว่า “เป็นไปไม่ได้ นี่คุณกำลังทำให้อับอายขายหน้า ฉันจ้าวหลินเอ๋อร์ ไม่มีวันถูกเทียบลงไปกับหญิงสาวบ้านนอกที่มาจากเมืองตุงไห่คนหนึ่ง!”

เธอเป็นลูกสาวที่น่าภาคภูมิใจของตระกูลจ้าวในตี้จิง และมีสัญญาแต่งงานกับฉีหยิ่น หากถูกถอนออก เพราะหญิงสาวบ้านนอกเล็กๆ ในเมืองตุงไห่ มันเป็นความอัปยศที่ใหญ่เท่าฟ้าขนาดไหน? มันจะกลายเป็นตัวตลกไปตลอดชีวิตเลยทีเดียว!

“ฉีหยิ่น ในช่วงนี้คุณเผชิญหน้ากับตระกูลสวีแล้วใช่หรือไม่? ฉันยินดีที่จะช่วยคุณ………” จ้าวหลินเอ๋อร์พยายามจะแสดงอะไรบางอย่าง

“คุณหุบปากไปได้แล้ว” หลินอิ่งกล่าวอย่างสงบ ขัดจังหวะคำพูดของจ้าวหลินเอ๋อร์

เขาหันหลังและเดินเข้าไปในรถ ฮาเดสสตาร์ทรถในตำแหน่งคนขับรถ และวิ่งตรงไปยังถนนที่พลุกพล่าน

สีหน้าของจ้าวหลินเอ๋อร์มืดมนลง และดวงตาของเธอมีความหนาวเย็น

เธอไม่ได้คาดคิดเลยว่า เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้ง ทัศนคติของหลินอิ่งที่มีต่อเธอยังคงแข็งแกร่งเช่นนี้ และไม่ได้เห็นตัวเองที่เป็นคุณหนูของตระกูลจ้าวอยู่ในสายตาของเขาเลย

อย่างไรก็ตาม เธอเริ่มเชื่อมั่นในหัวใจมากขึ้นเรื่อยๆ ว่า ฉีหยิ่นคือคนที่เธอต้องการจะตามหา ชายผู้สามารถตกอยู่ในสายตาเฉียบแหลมของเธอได้

“กลับไปบ้านตระกูลจ้าวก่อน”

จ้าวหลินเอ๋อร์ออกคำสั่ง และบอดี้การ์ดหญิงที่อยู่ข้างๆ เธอเปิดประตูรถ และเธอก็ขึ้นรถและจากไป

หลังจากที่หลินอิ่งและทั้งสองคนต่างจากไป ลู่จิ้งก็เดินออกจากทางเข้าพับหงเหรินก่วนด้วยใบหน้าที่เสื่อมสภาพ จ้องไปที่ฉากนี้ ในดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

“หลินอิ่งไอ้ขยะคนนี้ หลังมาถึงตี้จิง ยังกล้าที่จะพัวพันกับผู้หญิงอื่นอยู่ข้างหลังพี่สาวของฉัน” ลู่จิ้งกล่าวด้วยสายตาที่ชั่วร้าย เกลียดหลินอิ่งมากจนถึงที่สุด

ในความเห็นของเธอ สิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนี้ เป็นความผิดของหลินอิ่งไอ้ขยะคนนี้ทั้งหมด!

อีกอย่าง เขามีคุณสมบัติอะไร สำหรับไอ้ขยะเช่นนี้? มีสิทธิ์อะไรถึงแกล้งทำเป็นยิ่งใหญ่อยู่ต่อหน้านักเรียนชั้นนำจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของตี้จิงอันทรงเกียรติ?

ก็เป็นแค่ผู้ชายไร้ค่าที่เกาะกินพี่สาวของตัวเองเท่านั้นเอง!

ยิ่งลู่จิ้งคิดเกี่ยวกับมันมากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งไม่พอใจมากขึ้นเท่านั้น เธอโทรศัพท์ไปหาจางฉีโม่หนึ่งสาย

“ลู่จิ้ง ฉันให้พี่เขยของคุณไปแล้ว และพี่เขยของคุณบอกว่า ทางคุณไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?” เสียงห่วงใยของจางฉีโม่ ดังมาจากทางโทรศัพท์

“หื้อ พี่สาว หลินอิ่งไม่ได้มาช่วยฉันเลย แถมยังร่วมมือกับคนนอกมารังแกฉันอีกด้วย!” ลู่จิ้งแสร้งทำเป็นสำลักเสียง และพูดด้วยน้ำเสียงร้องไห้ “เขายังคงสนิทกับผู้หญิงคนอื่น และเล่นไปทั่วอยู่ข้างนอก ไม่ได้เห็นพี่สาวอยู่ในสายตาเลย

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

Status: Ongoing

บทที่ 1 ชีวิตที่สงบสุขถูกทำลาย

“คุณชายฉี คุณจะปฏิเสธการเชื้อเชิญของ นายท่าน จริงๆหรอค่ะ?’

“ฉันไม่ได้มีแซ่ฉี สักหน่อย ฉันแซ่หลิน”

“แต่คุณก็มีสายเลือดของตระกูลฉี อยู่นะ”

“นับตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาขับไล่พวกเราสองแม่ลูกออกจากบ้านตระกูลฉี ฉันกับคนของตระกูลฉี ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”

ตอนบ่าย ณ เมืองชิงหยูนถนนเย็ยเจียง ในเมืองที่ชลมุ่นวุ่นวายมีรถยนต์เบนท์ลี่ย์ มูซานสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ ซึ่งรถยนต์สวยหรูโดดเด่นมากจนทำให้ผู้คนต่างพากันสนใจ

ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังจัดเก็บอุปกรณ์ย่างบนรถเข็นอยู่

โดยมีชายอาวุโสสวมชุดสูทสีดำคนหนึ่งกำลังก้มโค้งคำนับอยู่ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของ ซึ่งเหมือนกับเขากำลังขอร้องชายหนุ่มอยู่

“คุณชายครับ คุณเองก็รู้ว่า เรื่องในตอนนั้นนายท่านเองก็ถูกสถานการณ์บีบคั้นเหมือนกัน ถึงแม้จะปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อคุณแม่ของคุณ แต่ไม่เคยขับไล่คุณเลยนะครับ….”

“เมื่อหนึ่งปีก่อน คุณท่านป่วยอาการหนักมาก นายท่านเลยให้พวกผมตามหาคุณมาหนึ่งปีเต็ม ใช้ทั้งอำนาจและเส้นสายตามหาคุณเกือบครึ่งประเทศหลุง จนตามหาคุณพบอย่างยากเย็น”

“หรือว่าคุณยอมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง ที่ไม่มีความสูงศักดิ์ แถมยอมถูกตราหน้าแต่ไม่ยอมกลับตระกูลฉี หรอครับ? แต่ตอนนี้คุณเป็นถึงสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลฉี นะ…..”

หลินอิ่ง ค่อยๆพูดว่า “เรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลฉี มายุ่ง และเรื่องของตระกูลฉี ฉันก็ไม่อยากได้ยินด้วย ฉันหวังว่าต่อไปคุณคงไม่มารบกวนชีวิตของผมอีก”

หลังจากเก็บของเรียบร้อย เขาก็หันหลังเดินจากถนนเย็ยเจียง ไป Quick Cash Loans

ชายอาวุโสจ้องมองร่างเงาที่เดินจากไปของหลินอิ่ง โดยไม่ได้เดินตามไป ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างถอนใจออกมา

“ตระกูลฉี หรอ เหอะ…”

เมื่อเดินออกจากถนนเย็ยเจียง หลินอิ่ง ก็หัวเราะประชดเบาๆ พร้อมเผยสายตาเหม่อลอยเล็กน้อย ราวกับกำลังนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่นานมาแล้ว

ตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นตระกูลที่มีความสูงศักดิ์และมีชื่อเสียงระดับต้นๆของประเทศหลุง เลย มีผู้คนจำนวนมากมายต้องการมีความสัมพันธ์กับตระกูลฉี แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถไต่เต้าจนสำเร็จได้

แต่สำหรับ หลินอิ่ง แล้ว ตระกูลฉี คือบาดแผลอันเจ็บปวดภายในใจที่ยากจะลบล้างได้!

หลินอิ่ง เกิดในตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นหลานชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณท่านตระกูลฉี เขาเกิดมาในตระกูลที่มีฐานะสูงส่งและสูงศักดิ์มาก แต่ตอนที่เขาอายุแปดขวบ พ่อของเขาที่มีชื่อว่า ฉีเหอถู ก็หลงรักกับผู้หญิงข้างนอก แถมยังแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกกับพี่น้องเครือญาติกันด้วย และเพื่อเอาชนะ เขาเลยหย่ากับ หลินซูชิง แม่ของเขา แล้วไปแต่งงานกับคนอีกตระกูลหนึ่งที่มีความสูงส่งระดับใน ตี้จิง ด้วย

ถึงแม้ว่า หลินซูชิ จะเกิดในครอบครัวที่ธรรมดา แต่เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก เธอไม่ยอมรับการชดเชยใดๆจากตระกูลฉี เลย ส่วน หลินอิ่ง เองก็ไม่ยอมจากแม่ด้วย เลยหนีไปจากเมือง ตี้จิง กับ หลินซูชิง แม่ของเขา โดยไม่สนใจอุปสรรคจากตระกูลฉี เลย และนับจากที่พวกเขาหายไปจากสายตาของคนตระกูลฉี แม่ลูกก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขมาหลายปี

และเขายังเปลี่ยนแซ่หลิน ตามแม่ของเขาด้วย

สิบปีเต็มแล้ว แต่เมื่อสามปีก่อนแม่ของเขาชีวิตไปเพราะโรคร้าย เดิมทีเขานึกว่าความทรงจำอันเจ็บปวดในชีวิตตอนนั้นคงไม่กลับมาหวนนึกถึงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าคนของตระกูลฉี ตามหาเขาพบแล้ว

หลังจากที่สูบบุหรี่ม้วนหนึ่งเสร็จตรงมุมถนน หลินอิ่ง ก็ไม่คิดมากแล้ว แต่โบกมือเรียกแท็กซี่คันหนึ่งไป รีสอร์ทหลินหลาง

วันนี้เป็นงานแต่งงานของคุณชายตระกูลซูน ตระกูลที่สูงส่งที่สุดในเมืองชิงหยูนกับลูกสาวของ จางหงจูน พี่ใหญ่ของตระกูลจาง งานแต่งงานถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ และได้เชื้อเชิญนักธุรกิจใหญ่ของเมืองชิงหยูนทุกคน รวมทั้งคนของตระกูลจาง ด้วย

ไม่เช่นนั้นด้วยตำแหน่งเพียงลูกเขยในตระกูลจาง คงไม่สามารถมา รีสอร์ทหลินหลาง ตลอดชีวิต

ยี่สิบนาทีต่อมา รถแท็กซี่ก็จอดนอก รีสอร์ทหลินหลาง

หน้าประตูคฤหาสน์ที่มีรถยนต์คันหรูหรา มีผู้หญิงหน้าตาสะสวย รูปร่างผอมเพรียว สวมชุดเดรสสีน้ำเงินคนหนึ่งกำลังจ้องมอง หลินอิ่ง ด้วยสายตาเป็นประกาย

สาวสวยคนนี้คือภรรยาของ หลินอิ่ง มีชื่อว่า จางฉีโม่

เมื่อสองปีก่อน ภายใต้การขอร้องของคุณท่านจางตี้งติ่ง ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ สุดท้าย หลินอิ่ง ก็แต่งงานเข้าตระกูลจาง

ในตอนนั้นเรื่องนี้สร้างความฮือฮาต่อตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองชิงหยูนมาก ทุกคนต่างพากันหัวเราะเยาะว่าคุณท่านจาง สมองเลอะเลือนแล้ว ที่เอาลูกสาวแต่งงานกับเด็กกำพร้าที่ไม่มีเงินและอำนาจ

อีกอย่าง จางฉีโม่ ก็เป็นทั้งผู้หญิงที่สวยที่สุด และยังเป็นคนตระกูลสูงส่งที่สุดของเมืองชิงหยูนด้วย ซึ่งในตอนนั้นมีคุณชายจากตระกูลสูงส่งหลายคนกำลังตามจีบเธออยู่

แต่คิดไม่ถึงว่าคุณท่านจะยกเธอแต่งงานให้กับ หลินอิ่ง ที่ไม่มีหัวนอนเปล่าเท้า!

ซึ่งเรื่องทุกอย่าง มีเพียง หลินอิ่ง กับ จางตี้งติ่ง ที่ทราบเหตุผลที่แท้จริง…..

เมื่อหนึ่งปีก่อน จางตี้งติ่ง ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งความลับที่สำคัญมีเพียง หลินอิ่ง คนเดียวที่ทราบ

ส่วนภรรยาของเขา จางฉีโม่ ไม่เคยยอมรับตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงแม้สุดท้ายยอมแต่งงาน แต่จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่เป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงเลย

นับตั้งแต่ จางตี้งติ่ง เสียชีวิต บริษัทเครื่องประดับจางซื่อก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น พ่อตาของ หลินอิ่ง ที่อยู่ในสงครามครั้งนี้ก็ถูกเตะออกจากสิทธิ์บริษัท และยังไม่ถูกแบ่งหุ้นส่วนบริษัทให้ด้วย สภาพทางสังคมเลยถดถอยลงมาก

ซึ่งพ่อตาและแม่ยายต่างพากันกล่าวโทษต่อ หลินอิ่ง ที่เป็นคนไม่มีอนาคต ไม่มีฐานะทางสังคมที่ดี ไม่มีความสามารถ เงิน และไม่เหมาะสมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง

หลินอิ่ง ได้รับการปฏิบัติต่อคนในตระกูลจาง อย่างเมินเฉย และกลายเป็นคนที่ทุกคนต่างพากันดูถูก

“หลินอิ่ง เดียวตอนเข้างานพูดน้อยๆหน่อยนะ” จางฉีโม่ เผยสีหน้าจริงจังพูดขึ้น “งานวันนี้สำคัญมาก ฉันนำของขวัญชิ้นใหญ่เพื่อข้อร้องกับ พี่หนิง ด้วย ตำแหน่งผู้บริหารโรงงานของพ่อจะสำเร็จหรือเปล่า คงต้องดูคุณลุงว่าจะช่วยเหลือหรือเปล่า”

“ฉันรู้แล้ว” หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย

เมื่อเข้าไป รีสอร์ทหลินหลาง ก็พบว่าภายในรีสอร์ท มีคฤหาสน์ที่ประดับตกแต่งด้วยสีสันแพรวพราว และยังมีสวนดอกไม้ สระน้ำขนาดเล็กด้วย ซึ่งนี้ล้วนเป็นอสังหาริมทรัพย์ของพี่ใหญ่ตระกูลจาง

นอกห้องโถงมีรถยนต์ยี่ห้อคันหรูจอดอยู่แถวหนึ่ง มีทั้งยี่ห้อ Maserati Porsche PORSCHE CAYENNE และยังมี Audi ด้วย

“โธ่ น้องฉี นั่งรถแท็กซี่มาหรอ? ทำไมไม่โทรศัพท์บอกพี่ล่ะ เดียวพี่จะได้ส่งคนขับรถไปรับ วันนี้ถือเป็นวันสำคัญมาก ทำแบบนี้หมายความว่าอะไร? หรือว่าอยากทำให้คนของตระกูลจาง ขายขี้หน้าหรอ?”

มีชายหนุ่มสวมแว่นตากันแดดคนหนึ่งกำลังลงมาจากรถยนต์ยี่ห้อ Porsche เขาถอดแว่นตากันแดดออก พร้อมกับจ้องมอง จางฉีโม่ กับ หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าขบขัน

จางฉีโม่ กัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ โดยไม่พูดอะไร

พ่อตาของ หลินอิ่ง ชื่อว่า จางซิ่วเฟิง นับว่าเป็นคนที่ตกอับมากที่สุดในบรรดาพี่น้องของตระกูลจาง เมื่อก่อนตอนที่ทำงานอยู่จางซื่อกรุ๊ป ก็ถูกบรรดาพี่น้องคอยกีดกั้น ต่อมาก็ถูกเตะออกจากบริษัท สุดท้ายก็ได้รับเพียงโรงงาน โรงงานแปรรูปเครื่องประดับขนาดเล็ก ที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ล้มละลาย แต่เขาก็ฝืนทำงานมาเกือบหนึ่งปี

ดังนั้นด้วยสภาพทางการเงินของบ้าน เลยแทบไม่สามารถซื้อรถยนต์คันหรูให้กับ จางฉีโม่ ได้เลย

“น้องฉี เป็นยังไงล่ะ ในตอนนั้นพี่ให้เธอหย่ากับไอ้ขยะนี้ และจะแนะนำน้องคนที่สามของตระกูลซูน ให้กับเธอ แต่เธอกลับปฏิเสธ หากเธอเชื่อฟังพี่ตั้งแต่แรก เธอคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้หรอก?” ผู้ชายสวมแว่นตากันแดดยิ่งพูดแดกดันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้าสะใจด้วย จนแทบไม่สนใจ หลินอิ่ง ที่อยู่ด้วยเลย “แน่นอนว่าตอนนี้ก็ยังไม่ส่ายหรอก หากเธออยากร่ำรวยมีเงินทองมาขอร้องพี่สิ เดียวพี่จะช่วยแนะนำผู้ชายคนใหม่ให้กับเธอเอง!”

การพูดสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าสามีของคนอื่น ถือเป็นการเสียมารยาทมาก!

“จางเถียนไห่ คุณพูดพอหรือยัง?” จางฉีโม่ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้ามืดครึ้มขึ้น

“โธ่โธ่โธ่ ฉันในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง เห็นเธอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกสงสารที่ต้องใช้ชีวิตกับไอ้ขยะนี้ อุตส่าห์มีน้ำใจอยากชี้ทางให้กับเธอ แต่เธอกลับไม่ฟัง งั้นก็สมน้ำหน้าเธอที่ต้องมีชีวิตยากจนแบบนี้ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ!” จางเถียนไห่ พูดด้วยน้ำเสียงสะใจขึ้น

พูดจบ จางเถียนไห่ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เลยหันหน้ามอง หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าหยอกล้อ

“หลินอิ่ง คนไร้ค่าอย่างนายทำไมถึงมีหน้ามาเข้าร่วมงานแต่งงานของ พี่หนิง ด้วย?” จางเถียนไห่ พูดประชดประชันขึ้น “อ๋อ จริงสิ ได้ยินมาว่าโรงงานของพ่อตานายขาดทุนแล้วหรอ ไม่เห็นมีเงินเดือนออกมาด้วย คงใกล้ล้มละลายแล้วสิ พวกเธอคงมาประจบสอพลอขอยืมเงินคุณลุงเพื่อช่วยเหลือให้พวกเธอผ่านอุปสรรคนี้แน่เลยใช่ไหม?”

หลินอิ่ง เอาแต่จ้องมอง จางเถียนไห่ โดยไม่พูดอะไร

จางซิ่วเฟิง พ่อของ จางฉีโม่ ในตอนนั้นถูกพ่อของ จางเถียนไห่ และน้องคนที่สาม จางหงจูน เตะออกจากจางซื่อกรุ๊ป

แถมการประสบอุปสรรคที่ยากลำบากครั้งนี้ของโรงงานก็เป็นฝีมือของ จางหงจูน ที่อยู่เบื้องหลังด้วย

จางฉีโม่ สูบลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อพยายามอดกลั้นความโกรธ จากนั้นก็พูดกับ หลินอิ่ง ว่า “อดทนไว้ ไม่ต้องไปสนใจเขา วันนี้พวกเรามาทำธุระสำคัญ”

หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองคนก็หันหลังเดินเข้าห้องโถงในคฤหาสน์

“เออ ฉันจะคอยดูว่าไอ้ขยะไร้ค่าอย่างแกจะสามารถอดทนได้นานเท่าไหร่” จางเถียนไห่ จ้องมองร่างเงาของ หลินอิ่ง แล้วยิ้มมุมปากประชดเล็กน้อย

ภายในห้องโถงมีพื้นกว้างมาก ซึ่งก่อสร้างตามแบบฉบับตะวันตก และประดับตกแต่งอย่างหรูหรา อีกทั้งยังปูพรมสีแดงชั้นหนึ่งด้วย

แขกผู้มีเกียรติของตระกูลจาง ต่างพากันเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว

จางฉีโม่ เดินถือกล่องของขวัญที่ประณีตไปเบื้องหน้าเจ้าสาว พร้อมยิ้มแย้มและพูดว่า “พี่หนิง ขอให้พี่มีความสุขกับการแต่งงานนะค่ะ และรักกันจนแก่เฒ่าด้วยนะค่ะ”

จางจี้หนิง เป็นคนมีหน้าตาสะสวย ผิวพรรณขาวนวลเนียน และดูสง่าสูงส่ง แต่หากเปรียบเทียบกับ จางฉีโม่ แล้ว ยังบกพร่องอยู่มาก

เธอเหลือบมอง จางฉีโม่ อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “เอาของขวัญของเธอไว้ตรงนั้นเถอะ”

“พี่หนิง เดียวฉันเดินเป็นเพื่อนพี่ให้นะค่ะ” จางฉีโม่ ยิ้มและพูดขึ้น

“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องมาทำดีกับฉันหรอก ฉันรู้ว่าเธอมีเป้าหมายอะไร เรื่องของพ่อเธอ เราไม่ช่วยหรอก” จางจี้หนิง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมเผยสีหน้าไร้อารมณ์ขึ้น

จางฉีโม่ เริ่มยิ้มอย่างแข็งทื่อ พร้อมเผยสีหน้าน้อยใจจนไม่สามารถกลบเกลื่อนได้ขึ้น

เธอกำหมัดไว้อย่างแน่น จนตัวสั่นเทาเล็กน้อย

ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับ หลินอิ่ง เธอได้รับความเมตตาและเอ็นดูจากคุณท่านมาก เธอเปรียบดั่งไข่มุกของตระกูลจาง เพราะมีแต่คนรักและเอ็นดูเธอ แม้กระทั่ง พี่จี้หนิง ก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้ทำไมถึงเมินเฉยขนาดนี้ด้วย…..

พี่จี้หนิง แต่งงานกับตระกูลที่สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองชิงหยูนนั้นคือลูกชายคนโตของตระกูลซูน ดังนั้นเลยจัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โต แถมยังมีคนของตระกูลจาง มาร่วมแสดงความยินดีถ้วนหน้าด้วย

ส่วนเธอ….

จางฉีโม่ นิ่งเงียบอยู่สักพัก และนึกถึงปัญหาที่ยากลำบากของพ่อตัวเองในตอนนี้ จากนั้นเธอห็ฝืนยิ้มขึ้นมา แล้วเดินตาม จางจี้หนิง จากไป…….

เมื่อ หลินอิ่ง ที่นั่งอยู่เห็นฉากนี้ก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads แทงบอลออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน