ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – บทที่ 419 ยอดฝีมือรายการแห่งคนหรงหยัง

บทที่ 419 ยอดฝีมือรายการแห่งคนหรงหยัง

ในเวลาเดียวกัน

บนดาดฟ้าของอาคารสุ่ยจิน ชายหนุ่มในชุดจีนโบราณสีแดงคนหนึ่ง นั่งอยู่บนเก้าอี้ ข้างกายมีชายชุดดำสีหน้าโหดเหี้ยมยืนอยู่นับสิบ

ชายหนุ่มชุดจีน บุคลิกสง่า สีหน้าหล่อเหลา ดวงตาคมเฉียบเย็นชา แปร่งประกายรังสีที่ไม่ธรรมดา

เขา ก็คือหัวหน้าแก๊งหยางเหมินเมืองก่าง หรงหยัง

“เรียนหัวหน้าแก๊งหรง คุณชายอิ่งจากตี้จิงท่านนั้น ไม่ฟังคำเตือน จอมพลสิบสามลงมือแล้ว”

ชายชุดดำคนหนึ่งตีลังกาเข้ามา หยุดอยู่ข้างหน้าหรงหยัง ก้มหน้ารายงานอย่างเคารพ

หรงหยังหรี่ตาลง รับน้ำชามาจากผู้ติดตาม ค่อยๆจีบน้ำชา

“หลินอิ่งคนนี้ยโสอวดดี พวกเราหยางเหมินออกหน้าก็กดดันเขาไม่ได้ ก็อยู่ในคาดการณ์ของฉัน” หรงหยังพูดช้าๆ “ไม่อย่างนั้น ฉันก็ไม่ต้องมาด้วยตัวเอง”

“หัวหน้าฉลาด” ลูกน้องพูดอย่างเคารพ

“แต่ว่า หัวหน้า ผมมีเรื่องหนึ่งไม่เข้าใจ” ชายชุดดำคนหนึ่งถาม “ในเมื่อหัวหน้ารู้ว่าคุณชายอิ่งแห่งตี้จิงท่านนี้ไม่ยอมง่ายๆ ทำไมถึงยังตอบตกลงจี้ฉงซานมาหาหลินอิ่งให้เขาถอนตัว?”

“ไอ้แก่จี้ฉงซานนั่น ก็เห็นอยู่ว่าไม่หวังดี”

หรงหยังส่ายหน้าหัวเราะ พูดว่า “ทำไมฉันจะไม่รู้ ไอ้แก่จี้ฉงซานก็แค่อยากยืมมือฆ่าคน? เรื่องราวเกิดขึ้นเพราะจี้ฉงซานหาเรื่องเอง จี้ฉงซานใช้ทุกวิถีทางเพื่อล่อหลินอิ่งมาเมืองก่าง เป็นไปได้ยังไงว่าจะบอกให้เขาถอนตัว? เขาก็แค่อยากยืมมือฉัน เพื่อจะทดสอบเบื้องลึกของหลินอิ่ง”

“ก่อนหน้านี้ผมติดหนี้บุญคุณจี้ฉงซาน ครั้งนี้ ก็ถือว่าคืนหนี้บุญคุณเขา อีกอย่าง ฉันมีการร่วมมือการจี้ฉงซานในธุรกิจ ถ้าให้หลินอิ่งสร้างความวุ่นวายในเมืองก่าง ไม่เพียงแค่ธุรกิจเสียหาย ชื่อเสียงแก๊งหยางเหมินก็ต้องเสื่อมเสีย” หรงหยังพูดช้าๆ “อีกอย่าง ฉันก็มีความสนใจในตัวคุณชายอิ่งแห่งตี้จิงท่านนี้ บนตัวคนคนนี้ อาจจะซ่อนความลับใหญ่โตไว้ก็ได้ ไม่อย่างนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับความสนใจจากผู้ใหญ่ท่านนั้นที่อยู่เบื้องหลังจี้ฉงซาน”

“ถ้าหากจอมพลสิบสามแห่งแก๊งหยางเหมินสามารถจับตัวหลินอิ่งได้ นั่นก็หมายความว่าหลินอิ่งเป็นคุณชายตระกูลฉีที่ฝีมือไม่ธรรมดา ฉันก็จะส่งหลินอิ่งหลับตี้จิง ทั้งฉีหยิ่นและจี้ฉงซานก็ไม่ได้สร้างความขุ่นเคืองให้ใคร ยังได้คืนบุญคุณคนด้วย”

“ถ้าหากจอมพลสิบสามแก๊งหยางเหมินสู้หลินอิ่งไม่ได้ นั่นก็หมายความว่า ในตัวคนคนนี้ยังมีอะไรที่ลึกลับจนเกินจะคาดเดาได้ ซ่อนเรื่องที่ดีล้นฟ้า”

พูดถึงตรงนี้ หรงหยังมุมปากยิ้มขึ้น

“ถ้าอย่างนั้นฉันก็ลงไปประลองฝีมือกับหลินอิ่งเอง บางทีอาจจะได้อะไรบางอย่างมาก็ได้”

“หัวหน้าวางแผนได้แยบยลจริงๆ” ผู้ติดตามคนหนึ่งพูดจาประจบ

“สถานการณ์อยู่ในการควบคุมของฉัน” สีหน้าหรงหยังยิ้มอย่างมั่นใจ “มังกรตัวหนึ่งที่มาจากตี้จิง ข้ามแม่น้ำมาถึงเมืองก่าง ต่อหน้าฉันก็เป็นแค่คนธรรมดาที่จะจัดการยังไงก็ได้”

หรงหยังคิดว่าตัวเองคาดการณ์แม่นยำดั่งเทพ คาดเดาเรื่องราวการสู้รบระหว่างหลินอิ่งกับจี้ฉงซานได้อย่างแม่นยำ แล้วก็พาคนของแก๊งหยางเหมินเข้าถ้ำจับปลา แสดงบทบาทเป็นคนจับปลา นั่งรอผลประโยชน์ก็พอ

“เหอะเหอะ หัวหน้าแก๊งหยางเหมินทั้งคน ยอดฝีมือติดอันดับ กลับต้องทุ่มเทกำลังคิดแผนการเพื่อจะมาทดสอบคุณชายของตระกูลฉี? ไม่กลัวเสียชื่อเสียงแก๊งหยางเหมิน?”

เวลานี้เอง เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้น

ตรงทางเดิน เป็นชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดสูทสีขาว ข้างหลังมีชายสูงอายุชุดสูทคนหนึ่ง และชายหนุ่มชุดสีเทาสีหน้าเรียบเฉยคนหนึ่ง

ชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลา แววตาเฉียบคมดุจดาบที่แหลมคม แปร่งประกายความมีอำนาจ

“นี่ นายน้อยจ้าว คุณมาได้ยังยังไง?” หรงหยังสีหน้าลังเล หรี่ตามองชายหนุ่มชุดสูท

คนที่มา ก็คือจ้าวเฉิงเฉียนที่เพิ่งลงจากเครื่องบินไม่นาน บินมาเมืองก่างจากเมืองชิงหยูนภายในข้ามคืน

“เฮ้อ” จ้างเฉิงเฉียนทำเสียงเย็นชา มองหรงหยังอย่างเย็นชา “ยังรู้ว่าฉันเป็นนายน้อย? หรงหยัง ฉันขอถามหน่อย ฉันส่งหัวหน้าหม่าแจ้งเรื่องกับนาย ทำไมนายไม่มาคฤหาสน์?”

หรงหยังสีหน้าเคร่งเครียด พูดว่า “นายน้อยจ้าว ผมตอบหัวหน้าหม่าไปแล้ว คืนนี้มีธุระ พรุ่งนี้ค่อยไปหาเจ้าสำนักที่คฤหาสน์”

“ออ?” จ้าวเฉิงเฉียนหัวเราะเย็นชา แววตาเย็นเฉียบ “ถ้าอย่างนั้น นายเห็นฉันแล้วไม่กราบไม่ไหว้? นั่นเพราะอะไร?”

จ้าวเฉิงเฉียนแสดงอำนาจอันแข็งแกร่ง กดดันจนหรงหยังเหงื่อท่วมหัว

ข่มขู่อย่างโจ่งแจ้ง

หรงหยังความไม่พอใจในสายตาแสดงออกมาอย่างไม่ปิดบัง

“นายน้อยจ้าว ท่านล้ำเส้นแล้ว แก๊งหยางเหมิน ไม่ได้มีท่านเป็นนายน้อยเพียงคนเดียว ผมก็เป็นหัวหน้าแก๊งสาขาเมืองก่าง มีอำนาจดูแลเรื่องราวทั้งหมดของแก๊งหยางเหมินเมืองก่าง” หรงหยังพูดเสียงเรียบ “อีกอย่าง เจ้าสำนักหยางมีคำสั่ง เจ้าสำนักทั้งหลายก่อนได้รับอนุญาต ห้ามก้าวก่ายเรื่องในสำนัก”

“นายน้อยจ้าว ท่านยังไม่ได้ครองอำนาจ ก็อย่าโทษผมที่ไม่ได้กราบไหว้”

หรงหยังตอบอย่างแข็งแกร่ง ใบหน้ายิ้มอย่างเย็นชา

นายน้อยแก๊งหยางเหมินมีทั้งหมดสามคน ก็เหมือนดั่งองค์ชายแย่งชิงตำแหน่ง ต่างก็แย่งชิงกันอย่างได้ตำแหน่งเจ้าสำนัก

ส่วนเขาหรงหยัง เป็นหัวหน้าที่ควบคุมอำนาจของสำนักหนึ่ง คนที่สนับสนุนนั้นไม่ใช่จ้าวเฉิงเฉียน และยังมีความสัมพันธ์ในการเป็นคู่ต่อสู้

ในใจหรงหยังก็ไม่เข้าใจ จ้าวเฉิงเฉียนทำไมถึงมาเมืองก่างกะทันหัน ยังมาหาถึงอาคารสุ่ยจิน หรือว่า เขาจะมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของหลินอิ่ง?

สถานการณ์ในเมืองก่างนี้ยิ่งอยู่ยิ่งวุ่นวายแล้ว

“ถามได้ดี” จ้าวเฉิงเฉียนหัวเราะเย็น สายตายังเหล่มองหรงหยัง “ในเมื่อนายก็รู้ระเบียบที่เจ้าสำนักหยางตั้งขึ้น ถ้าอย่างนั้น ฉันจะบอกให้ว่าฉันมาเมืองก่างทำไม”

“ฉันชนะในสัญญาสืบทอดอำนาจจากนายน้อยทั้งสามแล้ว วันนี้ ฉันจ้าวเฉิงเฉียน คือนายน้อยของแก๊งหยางเหมินคนเดียวเท่านั้น” จ้าวเฉิงเฉียนพูดอย่างมั่นใจ “เจ้าสำนักหยางมีคำสั่ง นอกจากท่าน เรื่องทั้งหมดในแก๊งหยางเหมิน ก็ฟังคำสั่งของฉันคนเดียว”

“อะไรนะ” หรงหยังสีหน้าตะลึง ในใจมีความรู้สึกบางอย่างไม่ดีเกิดขึ้น

“ถ้าอย่างนั้น นายน้อยซูน……” หรงหยังเหงื่อท่วมหน้าผาก ถามด้วยสีหน้าลังเล

“แน่นอนว่าตายแล้ว” จ้าวเฉิงเฉียนพูดด้วยเสียงหัวเราะเย็นชา “เขาฝีมือสู้คนอื่นไม่ได้ ตายในมือของฉัน”

“หรงหยัง นายยังคิดถึงแต่เจ้านายเก่าเหรอ? สถานการณ์อะไร นายยังแยกแยะไม่ออกหรือ?” จ้าวเฉิงเฉียนพูดอย่างเย็นชา

จ้าวเฉิงเฉียนกลับประเทศหลุงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ มาเมืองก่าง ก็ไม่ได้มาเพื่อหลินอิ่งโดยเฉพาะ

แล้วก็ถือโอกาส มารับช่วงสาขาแก๊งหยางเหมินเมืองก่าง ชำระล้างสำนัก

“หรงหยัง มอบอำนาจทั้งหมดของนายในเมืองก่างมา รอคำสั่งของฉันอยู่ที่บ้าน” จ้าวเฉิงเฉียนพูด

“ไม่ นายน้อยจ้าว เรื่องนี้เรื่องใหญ่ ผมต้องรายงานเจ้าสำนักหยาง……” สีหน้าหรงหยังลังเล ในใจรู้สึกกดดันอย่างรุนแรง

การปรากฏตัวของจ้าวเฉิงเฉียน เหมือนดั่งสายฟ้าแลบ ทำให้สมองเขาว่างเปล่า

“ช่างเถอะ เรื่องของสำนักที่เมืองก่าง ค่อยๆชำระ แต่ว่า หรงหยัง คืนนี้ ปฏิบัติการทุกอย่างที่นายทำกับหลินอิ่ง ต้องฟังคำสั่งฉัน” จ้าวเฉิงเฉียนพูดเสียงเย็นชา

“นี่……” หรงหยังสีหน้าไม่ค่อยเต็มใจ แววตากะพริบ กำลังคิดอะไรบางอย่าง

“ดูแล้ว เหมือนนายยังสงสัยกับคำพูดของฉันอยู่” จ้าวเฉิงเฉียนพูดช้าๆ

“เผยหวูหมิง นายมาบอกหรงหยัง ควรเคารพนายน้อยยังไง” จ้าวเฉิงเฉียนพูดอย่างเชื่องช้า “หรงหยัง ระดับฝีมือของนาย เหมือนว่าจะต่ำกว่าเผยหวูหมิงหนึ่งระดับ ใช่ไหม?”

พูดไป ชายหนุ่มเสื้อสีเทาข้างกายจ้าวเฉิงเฉียนเดินออกมา ภายใต้แสงจันทร์สาดส่อง เผยใบหน้าอันหนักแน่น

“เผยหวูหมิง? นี่……” หรงหยังสีหน้าเปลี่ยน หลังจากมองชายหนุ่มเสื้อสีเทาแล้ว ก็ก้มหัว

“หรงหยัง เคารพนายน้อย” หรงหยังลุกขึ้น ก้มหน้าพูดอย่างเคารพ

จ้าวเฉิงเฉียนสีหน้าได้ใจ นั่งลงบนที่นั่งของหรงหยัง จับแหวนหยกของเขาเบาๆ

“ดีมาก หรงหยัง นายบอกฉันมา คืนนี้ นายวางแผนจัดการยังไงกับหลินอิ่งคืนนี้?”

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

Status: Ongoing

บทที่ 1 ชีวิตที่สงบสุขถูกทำลาย

“คุณชายฉี คุณจะปฏิเสธการเชื้อเชิญของ นายท่าน จริงๆหรอค่ะ?’

“ฉันไม่ได้มีแซ่ฉี สักหน่อย ฉันแซ่หลิน”

“แต่คุณก็มีสายเลือดของตระกูลฉี อยู่นะ”

“นับตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาขับไล่พวกเราสองแม่ลูกออกจากบ้านตระกูลฉี ฉันกับคนของตระกูลฉี ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”

ตอนบ่าย ณ เมืองชิงหยูนถนนเย็ยเจียง ในเมืองที่ชลมุ่นวุ่นวายมีรถยนต์เบนท์ลี่ย์ มูซานสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ ซึ่งรถยนต์สวยหรูโดดเด่นมากจนทำให้ผู้คนต่างพากันสนใจ

ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังจัดเก็บอุปกรณ์ย่างบนรถเข็นอยู่

โดยมีชายอาวุโสสวมชุดสูทสีดำคนหนึ่งกำลังก้มโค้งคำนับอยู่ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของ ซึ่งเหมือนกับเขากำลังขอร้องชายหนุ่มอยู่

“คุณชายครับ คุณเองก็รู้ว่า เรื่องในตอนนั้นนายท่านเองก็ถูกสถานการณ์บีบคั้นเหมือนกัน ถึงแม้จะปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อคุณแม่ของคุณ แต่ไม่เคยขับไล่คุณเลยนะครับ….”

“เมื่อหนึ่งปีก่อน คุณท่านป่วยอาการหนักมาก นายท่านเลยให้พวกผมตามหาคุณมาหนึ่งปีเต็ม ใช้ทั้งอำนาจและเส้นสายตามหาคุณเกือบครึ่งประเทศหลุง จนตามหาคุณพบอย่างยากเย็น”

“หรือว่าคุณยอมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง ที่ไม่มีความสูงศักดิ์ แถมยอมถูกตราหน้าแต่ไม่ยอมกลับตระกูลฉี หรอครับ? แต่ตอนนี้คุณเป็นถึงสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลฉี นะ…..”

หลินอิ่ง ค่อยๆพูดว่า “เรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลฉี มายุ่ง และเรื่องของตระกูลฉี ฉันก็ไม่อยากได้ยินด้วย ฉันหวังว่าต่อไปคุณคงไม่มารบกวนชีวิตของผมอีก”

หลังจากเก็บของเรียบร้อย เขาก็หันหลังเดินจากถนนเย็ยเจียง ไป Quick Cash Loans

ชายอาวุโสจ้องมองร่างเงาที่เดินจากไปของหลินอิ่ง โดยไม่ได้เดินตามไป ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างถอนใจออกมา

“ตระกูลฉี หรอ เหอะ…”

เมื่อเดินออกจากถนนเย็ยเจียง หลินอิ่ง ก็หัวเราะประชดเบาๆ พร้อมเผยสายตาเหม่อลอยเล็กน้อย ราวกับกำลังนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่นานมาแล้ว

ตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นตระกูลที่มีความสูงศักดิ์และมีชื่อเสียงระดับต้นๆของประเทศหลุง เลย มีผู้คนจำนวนมากมายต้องการมีความสัมพันธ์กับตระกูลฉี แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถไต่เต้าจนสำเร็จได้

แต่สำหรับ หลินอิ่ง แล้ว ตระกูลฉี คือบาดแผลอันเจ็บปวดภายในใจที่ยากจะลบล้างได้!

หลินอิ่ง เกิดในตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นหลานชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณท่านตระกูลฉี เขาเกิดมาในตระกูลที่มีฐานะสูงส่งและสูงศักดิ์มาก แต่ตอนที่เขาอายุแปดขวบ พ่อของเขาที่มีชื่อว่า ฉีเหอถู ก็หลงรักกับผู้หญิงข้างนอก แถมยังแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกกับพี่น้องเครือญาติกันด้วย และเพื่อเอาชนะ เขาเลยหย่ากับ หลินซูชิง แม่ของเขา แล้วไปแต่งงานกับคนอีกตระกูลหนึ่งที่มีความสูงส่งระดับใน ตี้จิง ด้วย

ถึงแม้ว่า หลินซูชิ จะเกิดในครอบครัวที่ธรรมดา แต่เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก เธอไม่ยอมรับการชดเชยใดๆจากตระกูลฉี เลย ส่วน หลินอิ่ง เองก็ไม่ยอมจากแม่ด้วย เลยหนีไปจากเมือง ตี้จิง กับ หลินซูชิง แม่ของเขา โดยไม่สนใจอุปสรรคจากตระกูลฉี เลย และนับจากที่พวกเขาหายไปจากสายตาของคนตระกูลฉี แม่ลูกก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขมาหลายปี

และเขายังเปลี่ยนแซ่หลิน ตามแม่ของเขาด้วย

สิบปีเต็มแล้ว แต่เมื่อสามปีก่อนแม่ของเขาชีวิตไปเพราะโรคร้าย เดิมทีเขานึกว่าความทรงจำอันเจ็บปวดในชีวิตตอนนั้นคงไม่กลับมาหวนนึกถึงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าคนของตระกูลฉี ตามหาเขาพบแล้ว

หลังจากที่สูบบุหรี่ม้วนหนึ่งเสร็จตรงมุมถนน หลินอิ่ง ก็ไม่คิดมากแล้ว แต่โบกมือเรียกแท็กซี่คันหนึ่งไป รีสอร์ทหลินหลาง

วันนี้เป็นงานแต่งงานของคุณชายตระกูลซูน ตระกูลที่สูงส่งที่สุดในเมืองชิงหยูนกับลูกสาวของ จางหงจูน พี่ใหญ่ของตระกูลจาง งานแต่งงานถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ และได้เชื้อเชิญนักธุรกิจใหญ่ของเมืองชิงหยูนทุกคน รวมทั้งคนของตระกูลจาง ด้วย

ไม่เช่นนั้นด้วยตำแหน่งเพียงลูกเขยในตระกูลจาง คงไม่สามารถมา รีสอร์ทหลินหลาง ตลอดชีวิต

ยี่สิบนาทีต่อมา รถแท็กซี่ก็จอดนอก รีสอร์ทหลินหลาง

หน้าประตูคฤหาสน์ที่มีรถยนต์คันหรูหรา มีผู้หญิงหน้าตาสะสวย รูปร่างผอมเพรียว สวมชุดเดรสสีน้ำเงินคนหนึ่งกำลังจ้องมอง หลินอิ่ง ด้วยสายตาเป็นประกาย

สาวสวยคนนี้คือภรรยาของ หลินอิ่ง มีชื่อว่า จางฉีโม่

เมื่อสองปีก่อน ภายใต้การขอร้องของคุณท่านจางตี้งติ่ง ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ สุดท้าย หลินอิ่ง ก็แต่งงานเข้าตระกูลจาง

ในตอนนั้นเรื่องนี้สร้างความฮือฮาต่อตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองชิงหยูนมาก ทุกคนต่างพากันหัวเราะเยาะว่าคุณท่านจาง สมองเลอะเลือนแล้ว ที่เอาลูกสาวแต่งงานกับเด็กกำพร้าที่ไม่มีเงินและอำนาจ

อีกอย่าง จางฉีโม่ ก็เป็นทั้งผู้หญิงที่สวยที่สุด และยังเป็นคนตระกูลสูงส่งที่สุดของเมืองชิงหยูนด้วย ซึ่งในตอนนั้นมีคุณชายจากตระกูลสูงส่งหลายคนกำลังตามจีบเธออยู่

แต่คิดไม่ถึงว่าคุณท่านจะยกเธอแต่งงานให้กับ หลินอิ่ง ที่ไม่มีหัวนอนเปล่าเท้า!

ซึ่งเรื่องทุกอย่าง มีเพียง หลินอิ่ง กับ จางตี้งติ่ง ที่ทราบเหตุผลที่แท้จริง…..

เมื่อหนึ่งปีก่อน จางตี้งติ่ง ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งความลับที่สำคัญมีเพียง หลินอิ่ง คนเดียวที่ทราบ

ส่วนภรรยาของเขา จางฉีโม่ ไม่เคยยอมรับตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงแม้สุดท้ายยอมแต่งงาน แต่จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่เป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงเลย

นับตั้งแต่ จางตี้งติ่ง เสียชีวิต บริษัทเครื่องประดับจางซื่อก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น พ่อตาของ หลินอิ่ง ที่อยู่ในสงครามครั้งนี้ก็ถูกเตะออกจากสิทธิ์บริษัท และยังไม่ถูกแบ่งหุ้นส่วนบริษัทให้ด้วย สภาพทางสังคมเลยถดถอยลงมาก

ซึ่งพ่อตาและแม่ยายต่างพากันกล่าวโทษต่อ หลินอิ่ง ที่เป็นคนไม่มีอนาคต ไม่มีฐานะทางสังคมที่ดี ไม่มีความสามารถ เงิน และไม่เหมาะสมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง

หลินอิ่ง ได้รับการปฏิบัติต่อคนในตระกูลจาง อย่างเมินเฉย และกลายเป็นคนที่ทุกคนต่างพากันดูถูก

“หลินอิ่ง เดียวตอนเข้างานพูดน้อยๆหน่อยนะ” จางฉีโม่ เผยสีหน้าจริงจังพูดขึ้น “งานวันนี้สำคัญมาก ฉันนำของขวัญชิ้นใหญ่เพื่อข้อร้องกับ พี่หนิง ด้วย ตำแหน่งผู้บริหารโรงงานของพ่อจะสำเร็จหรือเปล่า คงต้องดูคุณลุงว่าจะช่วยเหลือหรือเปล่า”

“ฉันรู้แล้ว” หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย

เมื่อเข้าไป รีสอร์ทหลินหลาง ก็พบว่าภายในรีสอร์ท มีคฤหาสน์ที่ประดับตกแต่งด้วยสีสันแพรวพราว และยังมีสวนดอกไม้ สระน้ำขนาดเล็กด้วย ซึ่งนี้ล้วนเป็นอสังหาริมทรัพย์ของพี่ใหญ่ตระกูลจาง

นอกห้องโถงมีรถยนต์ยี่ห้อคันหรูจอดอยู่แถวหนึ่ง มีทั้งยี่ห้อ Maserati Porsche PORSCHE CAYENNE และยังมี Audi ด้วย

“โธ่ น้องฉี นั่งรถแท็กซี่มาหรอ? ทำไมไม่โทรศัพท์บอกพี่ล่ะ เดียวพี่จะได้ส่งคนขับรถไปรับ วันนี้ถือเป็นวันสำคัญมาก ทำแบบนี้หมายความว่าอะไร? หรือว่าอยากทำให้คนของตระกูลจาง ขายขี้หน้าหรอ?”

มีชายหนุ่มสวมแว่นตากันแดดคนหนึ่งกำลังลงมาจากรถยนต์ยี่ห้อ Porsche เขาถอดแว่นตากันแดดออก พร้อมกับจ้องมอง จางฉีโม่ กับ หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าขบขัน

จางฉีโม่ กัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ โดยไม่พูดอะไร

พ่อตาของ หลินอิ่ง ชื่อว่า จางซิ่วเฟิง นับว่าเป็นคนที่ตกอับมากที่สุดในบรรดาพี่น้องของตระกูลจาง เมื่อก่อนตอนที่ทำงานอยู่จางซื่อกรุ๊ป ก็ถูกบรรดาพี่น้องคอยกีดกั้น ต่อมาก็ถูกเตะออกจากบริษัท สุดท้ายก็ได้รับเพียงโรงงาน โรงงานแปรรูปเครื่องประดับขนาดเล็ก ที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ล้มละลาย แต่เขาก็ฝืนทำงานมาเกือบหนึ่งปี

ดังนั้นด้วยสภาพทางการเงินของบ้าน เลยแทบไม่สามารถซื้อรถยนต์คันหรูให้กับ จางฉีโม่ ได้เลย

“น้องฉี เป็นยังไงล่ะ ในตอนนั้นพี่ให้เธอหย่ากับไอ้ขยะนี้ และจะแนะนำน้องคนที่สามของตระกูลซูน ให้กับเธอ แต่เธอกลับปฏิเสธ หากเธอเชื่อฟังพี่ตั้งแต่แรก เธอคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้หรอก?” ผู้ชายสวมแว่นตากันแดดยิ่งพูดแดกดันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้าสะใจด้วย จนแทบไม่สนใจ หลินอิ่ง ที่อยู่ด้วยเลย “แน่นอนว่าตอนนี้ก็ยังไม่ส่ายหรอก หากเธออยากร่ำรวยมีเงินทองมาขอร้องพี่สิ เดียวพี่จะช่วยแนะนำผู้ชายคนใหม่ให้กับเธอเอง!”

การพูดสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าสามีของคนอื่น ถือเป็นการเสียมารยาทมาก!

“จางเถียนไห่ คุณพูดพอหรือยัง?” จางฉีโม่ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้ามืดครึ้มขึ้น

“โธ่โธ่โธ่ ฉันในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง เห็นเธอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกสงสารที่ต้องใช้ชีวิตกับไอ้ขยะนี้ อุตส่าห์มีน้ำใจอยากชี้ทางให้กับเธอ แต่เธอกลับไม่ฟัง งั้นก็สมน้ำหน้าเธอที่ต้องมีชีวิตยากจนแบบนี้ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ!” จางเถียนไห่ พูดด้วยน้ำเสียงสะใจขึ้น

พูดจบ จางเถียนไห่ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เลยหันหน้ามอง หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าหยอกล้อ

“หลินอิ่ง คนไร้ค่าอย่างนายทำไมถึงมีหน้ามาเข้าร่วมงานแต่งงานของ พี่หนิง ด้วย?” จางเถียนไห่ พูดประชดประชันขึ้น “อ๋อ จริงสิ ได้ยินมาว่าโรงงานของพ่อตานายขาดทุนแล้วหรอ ไม่เห็นมีเงินเดือนออกมาด้วย คงใกล้ล้มละลายแล้วสิ พวกเธอคงมาประจบสอพลอขอยืมเงินคุณลุงเพื่อช่วยเหลือให้พวกเธอผ่านอุปสรรคนี้แน่เลยใช่ไหม?”

หลินอิ่ง เอาแต่จ้องมอง จางเถียนไห่ โดยไม่พูดอะไร

จางซิ่วเฟิง พ่อของ จางฉีโม่ ในตอนนั้นถูกพ่อของ จางเถียนไห่ และน้องคนที่สาม จางหงจูน เตะออกจากจางซื่อกรุ๊ป

แถมการประสบอุปสรรคที่ยากลำบากครั้งนี้ของโรงงานก็เป็นฝีมือของ จางหงจูน ที่อยู่เบื้องหลังด้วย

จางฉีโม่ สูบลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อพยายามอดกลั้นความโกรธ จากนั้นก็พูดกับ หลินอิ่ง ว่า “อดทนไว้ ไม่ต้องไปสนใจเขา วันนี้พวกเรามาทำธุระสำคัญ”

หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองคนก็หันหลังเดินเข้าห้องโถงในคฤหาสน์

“เออ ฉันจะคอยดูว่าไอ้ขยะไร้ค่าอย่างแกจะสามารถอดทนได้นานเท่าไหร่” จางเถียนไห่ จ้องมองร่างเงาของ หลินอิ่ง แล้วยิ้มมุมปากประชดเล็กน้อย

ภายในห้องโถงมีพื้นกว้างมาก ซึ่งก่อสร้างตามแบบฉบับตะวันตก และประดับตกแต่งอย่างหรูหรา อีกทั้งยังปูพรมสีแดงชั้นหนึ่งด้วย

แขกผู้มีเกียรติของตระกูลจาง ต่างพากันเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว

จางฉีโม่ เดินถือกล่องของขวัญที่ประณีตไปเบื้องหน้าเจ้าสาว พร้อมยิ้มแย้มและพูดว่า “พี่หนิง ขอให้พี่มีความสุขกับการแต่งงานนะค่ะ และรักกันจนแก่เฒ่าด้วยนะค่ะ”

จางจี้หนิง เป็นคนมีหน้าตาสะสวย ผิวพรรณขาวนวลเนียน และดูสง่าสูงส่ง แต่หากเปรียบเทียบกับ จางฉีโม่ แล้ว ยังบกพร่องอยู่มาก

เธอเหลือบมอง จางฉีโม่ อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “เอาของขวัญของเธอไว้ตรงนั้นเถอะ”

“พี่หนิง เดียวฉันเดินเป็นเพื่อนพี่ให้นะค่ะ” จางฉีโม่ ยิ้มและพูดขึ้น

“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องมาทำดีกับฉันหรอก ฉันรู้ว่าเธอมีเป้าหมายอะไร เรื่องของพ่อเธอ เราไม่ช่วยหรอก” จางจี้หนิง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมเผยสีหน้าไร้อารมณ์ขึ้น

จางฉีโม่ เริ่มยิ้มอย่างแข็งทื่อ พร้อมเผยสีหน้าน้อยใจจนไม่สามารถกลบเกลื่อนได้ขึ้น

เธอกำหมัดไว้อย่างแน่น จนตัวสั่นเทาเล็กน้อย

ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับ หลินอิ่ง เธอได้รับความเมตตาและเอ็นดูจากคุณท่านมาก เธอเปรียบดั่งไข่มุกของตระกูลจาง เพราะมีแต่คนรักและเอ็นดูเธอ แม้กระทั่ง พี่จี้หนิง ก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้ทำไมถึงเมินเฉยขนาดนี้ด้วย…..

พี่จี้หนิง แต่งงานกับตระกูลที่สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองชิงหยูนนั้นคือลูกชายคนโตของตระกูลซูน ดังนั้นเลยจัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โต แถมยังมีคนของตระกูลจาง มาร่วมแสดงความยินดีถ้วนหน้าด้วย

ส่วนเธอ….

จางฉีโม่ นิ่งเงียบอยู่สักพัก และนึกถึงปัญหาที่ยากลำบากของพ่อตัวเองในตอนนี้ จากนั้นเธอห็ฝืนยิ้มขึ้นมา แล้วเดินตาม จางจี้หนิง จากไป…….

เมื่อ หลินอิ่ง ที่นั่งอยู่เห็นฉากนี้ก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก…

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads แทงบอลออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน