ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – บทที่ 475 พี่เขยฉันคือคุณชายอิ่งแห่งตี้จิง

บทที่ 475 พี่เขยฉันคือคุณชายอิ่งแห่งตี้จิง

ได้ยินแล้ว สีหน้าฉินฝู้กุ้ย ใบหน้าอันอวบอ้วนนั้น เหงื่อไหลไม่หยุด

เขาคิดไม่ถึง จะได้ยินประโยชน์นี้จากปากของท่านหลิน

หรือว่า จ้าวหลินเอ๋อร์ไม่ใช่ภรรยาของท่านหลิน? เป็นไปได้ยังไง?

เมื่อก่อนฉินฝู้กุ้ยรู้แค่ว่าหลินอิ่งฐานะร่ำรวย อำนาจล้นฟ้า แต่ไม่รู้ฐานะความเป็นมาที่แท้จริงของหลินอิ่ง

หลายวันก่อน ได้ยินจ้าวหลินเอ๋อร์พูดว่า หลินอิ่งเป็นคุณชายตระกูลมหาอำนาจแห่งตี้จิง เป็นสามีของจ้าวหลินเอ๋อร์

ชื่อเสียงของจ้าวหลินเอ๋อร์ โด่งดังแค่ไหนในตี้จิง

ฉินฝู้กุ้ยใช้ความสัมพันธ์ สืบข่าวที่ตี้จิง ก็ต้องตกใจกับคุณหนูแห่งตระกูลจ้าว เป็นตระกูลมหาอำนาจใหญ่ห้าตระกูลในตี้จิง หลานสาวสุดที่รักของนายท่านตระกูลจ้าว ดั่งไข่มุกในกำมือ

ชื่อเสียงต่างๆของจ้าวหลินเอ๋อร์ในตี้จิง ทำให้ฉินฝู้กุ้ยต้องตกใจ จึงเลือกที่จะพึ่งพาเธอ

“ท่านหลิน นี่มัน ผมสืบมาจากตี้จิง จ้าวหลินเอ๋อร์ก็พูดเองว่า ท่านเป็นสามีของเธอ” ฉินฝู้กุ้ยสีหน้าตื่นเต้น

“เขาพูดอะไร นายก็เชื่อหมด” หลินอิ่งมองฉินฝู้กุ้ยสีหน้าเย็นชา มือเคาะโต๊ะเบาๆ

ทันใดนั้น ฉินฝู้กุ้ยเหมือนดั่งถูกฟ้าผ่า อึ้งอยู่กับที่ แรงกดดันในใจเพิ่มขึ้น

ท่าทางที่ท่านหลินแสดงออกมา ดูเหมือนจะไม่ค่อยถูกกับจ้าวหลินเอ๋อร์

นี่มัน ทำไมถึงเป็นสถานการณ์แบบนี้

ฉินฝู้กุ้ยเห็นจ้าวหลินเอ๋อร์คลั่งไคล้ท่านหลินขนาดนั้น จ้าวหลินเอ๋อร์ซึ่งเป็นคุณหนูสูงส่งขนาดนั้น รักและคลั่งไคล้ท่านหลินและบอกว่าเป็นภรรยาของท่านหลิน ส่วนท่านหลินกลับไม่รู้สึกอะไรเลย?

ตอนแรกคิดว่า สามารถเข้าหาเพื่อประจบ ติดตามจ้าวหลินเอ๋อร์ทำงานอย่างดี ต่อหน้าท่านหลินจะได้มีหน้ามีตา

เท่าที่ดูจากตอนนี้แล้ว ประจบจนได้เรื่องแล้ว

“ท่าน ท่านหลิน ผม ผม……” ฉินฝู้กุ้ยอ้ำๆอึ้งๆ “ผมผิดไปแล้ว ผมเข้าใจผิดในความสัมพันธ์ระหว่างท่านหลินกับคุณหนูจ้าว”

“ผมขอโทษ ท่านหลิน ผมทำงานผิดพลาด”

พูดไปแล้ว ฉินฝู้กุ้ยก็รีบก้มหน้าขอโทษ สีหน้าเต็มไปด้วยความเคารพ สายตาหวาดกลัว

หลินอิ่งสีหน้าเรียบเฉย ยกน้ำชาขึ้นดื่ม

“เสิ่นซานกับเจียงฉี ถูกจ้าวหลินเอ๋อร์จับตัวไปเหรอ?” หลินอิ่งพูดอย่างเรียบเฉย “จ้าวหลินเอ๋อร์ ให้นายทำเรื่องอะไรอีก?”

มั่นใจแล้วว่าจ้าวหลินเอ๋อร์เป็นคนทำเรื่องพวกนี้

หลินอิ่งเข้าใจเรื่องราวความเป็นมาทั้งหมดแล้ว

มิน่าลู่หย่าฮุ่ยทั้งสองคนถึงพูดเรื่องสาวฝรั่งผมทองเมืองก่างไม่หยุด น่าจะพูดถึงโครเมียร์ แอนนา

ยังบอกว่าเก็บหลักฐานรูปถ่ายไว้

ในเมืองก่าง ก็คือจ้าวเฉิงเฉียนที่คอยติดตามเขาอยู่ข้างหลัง

ตอนนั้นเขาก็ไม่ได้ใส่ใจพฤติกรรมของจ้าวเฉิงเฉียนเลย แต่คิดไม่ถึง เขาจะทำเรื่องไร้สาระแบบนี้ ยังแอบถ่ายรูป

คาดว่า จ้าวเฉิงเฉียนคงถ่ายรูปแล้วส่งให้จ้าวหลินเอ๋อร์ จ้าวหลินเอ๋อร์ก็เอารูปถ่ายไปสร้างเรื่อง

คราวนี้ ต่อหน้าลู่หย่าฮุ่ยกับจางซิ่วเฟิงสองคนนี้ ตัวเขาเองคงพูดยังไงก็พูดไม่ชัดเจนแล้ว

“เอ่อ ท่านหลิน ประธานเจียงกับท่านสาม ผมก็ไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่ไหน ได้ยินคุณหนูจ้าวบอกว่า ถูกเธอเชิญไปท่องเที่ยวดื่มชา……” ฉินฝู้กุ้ยพูดอย่างระมัดระวัง “ส่วนคุณหนูจ้าวบอกให้ผมทำตามคำสั่งของเธอ จัดการเรื่องเกี่ยวกับเก็บกิจการคืน”

หลินอิ่งหัวเราะเย็นชา มองหน้าฉินฝู้กุ้ยอย่างสนใจ

“เจียงฉีกับเสิ่นซานยังไม่กล้าช่วยจ้าวหลินเอ๋อร์ทำงาน นายจะคิดไม่ถึงเลยว่าเพราะอะไร?”

ฉินฝู้กุ้ยแค่ฟัง หน้ายังฝืนยิ้ม พูดอย่างตื่นเต้น “ท่านหลิน ผมโง่เขลาเอง ไม่รู้จริงๆ คุณหนูจ้าวใช้นามของท่าน ผมก็ไม่กล้าขัดใจ”

ฉินฝู้กุ้ยคิดไม่ถึงจริงๆ ทัศนคติที่หลินอิ่งมีต่อจ้าวหลินเอ๋อร์จะเป็นแบบนี้

ตอนแรกคิดว่าท่านหลินไม่อยากยุ่งเกี่ยวเรื่องระหว่างคุณนายหลินกับคุณหนูจ้าว เพราะฉะนั้นถึงไม่ได้ออกมาจัดการ

เพราะฉะนั้น ฉินฝู้กุ้ย ก็ต้องยืนอยู่ฝั่งจ้าวหลินเอ๋อร์อย่างไม่ต้องคิด

เพราะว่า เท่าที่ฉินฝู้กุ้ยดูแล้ว คุณนายหลินจางฉีโม่หน้าตาสวยงาม แต่ว่า จ้าวหลินเอ๋อร์ก็สวยไม่แพ้กัน อีกอย่างเบื้องหลังอำนาจล้นฟ้า

บวกกับคุณหนูจ้าวกับท่านหลินมีสัญญาหมั้นหมาย หลายปีนี้มาท่านหลินก็ไม่ได้รับความต้อนรับที่ดีในตระกูลจาง

ตามหลักแล้ว ท่านหลินควรจะเลือกจ้าวหลินเอ๋อร์ถึงจะถูก

“จ้าวหลินเอ๋อร์มาเมืองชิงหยูนตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำเรื่องอะไรไปบ้าง เล่ามาให้ฉันฟังให้หมด” หลินอิ่งพูดเสียงเรียบ

ฉินฝู้กุ้ยสีหน้าเคร่งเครียด แววตาตื่นเต้น พูดว่า “คุณหนูจ้าวมาเมืองชิงหยูนมาครึ่งเดือน หลังจากมาถึงเมืองชิงหยูนแล้ว คุณหนูจ้าวก็ใช้ความอำนาจ ให้ทางการและสมาคมเครื่องประดับออกหน้า ไปให้ความกดดันกับบริษัทเครื่องประดับฉีซื่อ”

“นอกจากนี้แล้ว คุณหนูจ้าวยังใช้เงินทุนมหาศาล ทำให้บริษัทเครื่องประดับฉีซื่อเผชิญกับการล้มละลายในระยะเวลาสั้นๆ” ฉินฝู้กุ้ยพูดอย่างเชื่องช้า “เธอมาหาผม บอกว่าตัวเองเป็นภรรยาตัวจริงของท่านหลิน บอกผมให้ความร่วมมือกับเธอ”

“ท่านหลิน ยกโทษให้ผมด้วย ผมก็ทำอะไรไม่ได้ อำนาจของคุณหนูจ้าวใหญ่โตเกินไป เธอบอกให้ทำอะไร ผมก็แค่ทำตาม พยักหน้าเซ็นชื่อ เรื่องอื่นๆ ผมก็ไม่กล้าถาม” ฉินฝู้กุ้ยพูดอย่างหวาดกลัว

แววตาหลินอิ่งยิ่งอยู่ยิ่งคมเข้ม

ไม่รู้ว่าจ้าวหลินเอ๋อร์จะก่อเรื่องกันอะไร

“ฉินฝู้กุ้ย ติดต่อจ้าวหลินเอ๋อตอนนี้ บอกว่าว่า ฉันกลับมาแล้ว” หลินอิ่งพูด “ให้เขาวางมือเดี๋ยวนี้ มาพบฉันด้วยตัวเอง”

“ครับ ท่านหลิน” ฉินฝู้กุ้ย สีหน้าจริงจัง “ผมจะรีบไปแจ้งคุณหนูจ้าวเดี๋ยวนี้”

พูดไป ฉินฝู้กุ้ยก็ก้มหน้า เคารพหลินอิ่ง ลุกขึ้นเดินไปที่ประตู หยิบมือถือออกมาโทรออก

หลินอิ่งนั่งดื่มชาอย่างใจเย็น

ในสมองเขา มีความคิดมากมาย

หากให้จ้าวหลินอิ่งก่อความวุ่นวายแบบนี้ต่อไป ก็ไม่ใช่เรื่อง

อีกอย่าง ฉีโม่ ดูเหมือนตั้งแต่กลับมาจากตี้จิงแล้ว ก็ดูเหมือนมีเรื่องหนักใจ

เห็นได้ชัดว่า ฉีโม่ไม่ยอมเจอหน้าเขา ความคิดก็มีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง

หลินอิ่งไม่สนใจจ้าวหลินเอ๋อร์กับผู้ใหญ่ลู่หย่าฮุ่ยสองคนจะคิดยังไง เขาสนใจแค่ว่า ควรจะพูดเรื่องทั้งหมดนี้ยังไงกับฉีโม่

“ท่านหลิน เบอร์ของคุณหนูจ้าวโทรไม่ติด” ฉินฝู้กุ้ยเดินเข้ามา พูดด้วยสีหน้าที่เคารพ “คุณหนูจ้าวอยู่ในเมืองชิงหยูนไปไหนมาไหนค่อนข้างลึกลับ ผมก็หาเธอไม่เจอ”

“ท่านหลินกลับมาจากข้างนอกอย่างรีบร้อนแบบนี้ ให้ผมจัดงานเลี้ยงต้อนรับดีกว่า” ฉินฝู้กุ้ยพูดอย่างเคารพ

หลินอิ่งกำลังจะพูด

ทันใดนั้น ก็มีชายหนุ่มชุดสูทคนหนึ่งเดินเข้ามาจากข้างนอก

ชายหนุ่มแต่งกายอย่างเป็นทางการ ใส่แว่นท่าทางเหมือนสุดยอดนักธุรกิจ

“ฉินฝู้กุ้ย คุณทำงานยังไง? ทางคุณหนูบอกให้คุณจัดการเรื่องส่งมอบธุรกิจ ให้เซ็นชื่อในนามของไห่หยางกรุ๊ป ให้ส่งมอบหุ้นส่วนของบริษัทเครื่องประดับฉีซื่อมา ทำไมคุณยังจัดการไม่เรียบร้อย?”

เข้ามาปุ๊บ ชายหนุ่มก็ตะโกนพูดกับฉินฝู้กุ้ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

ฉินฝู้กุ้ยสีหน้าตะลึง อธิบายอยู่ข้างกายหลินอิ่ง “ท่านหลิน คนนี้ชื่อจ้าวซาน เป็นหนุ่มเจ้าสำราญที่ตามคุณหนูจ้าวมาจากตี้จิง ได้ยินว่าเป็นลูกหลานของตระกูลจ้าว น้องชายลูกพี่ลูกน้องของคุณหนูจ้าว”

“ก่อนหน้านี้ ล้วนเป็นจ้าวซานที่ออกหน้าทำงานแทนคุณหนูจ้าว”

หลินอิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปด้วยสายตาเรียบเฉย

“ที่นี่ เป็นสิทธิ์ของนายที่จะออกคำสั่งแล้วเหรอ?”

จ้าวหลินเอ๋อร์ช่างกล้ามากนัก เรียกใช้ลูกน้องตัวเอง ยังปรับเปลี่ยนทรัพย์สินบริษัทของเขาในเมืองตุงไห่ได้ตามใจชอบ

แม้แต่น้องชายของเธอ ยังวิ่งเข้ามาตะโกนเรียกใช้ฉินฝู้กุ้ยต่อหน้าเขา?

จ้าวหลินเอ๋อร์คิดว่าตัวเองเป็นคุณนายหลินไปแล้ว?

จ้าวซานมองหลินอิ่งด้วยสีหน้าโมโห พูดอย่างอวดดี “แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร ยังกล้ามาพูดกับฉันอีก? รู้ว่าเบื้องหลังของฉันเป็นใครไหม? คุณชายอิ่งตี้จิงเป็นพี่เขยฉัน”

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

Status: Ongoing

บทที่ 1 ชีวิตที่สงบสุขถูกทำลาย

“คุณชายฉี คุณจะปฏิเสธการเชื้อเชิญของ นายท่าน จริงๆหรอค่ะ?’

“ฉันไม่ได้มีแซ่ฉี สักหน่อย ฉันแซ่หลิน”

“แต่คุณก็มีสายเลือดของตระกูลฉี อยู่นะ”

“นับตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาขับไล่พวกเราสองแม่ลูกออกจากบ้านตระกูลฉี ฉันกับคนของตระกูลฉี ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”

ตอนบ่าย ณ เมืองชิงหยูนถนนเย็ยเจียง ในเมืองที่ชลมุ่นวุ่นวายมีรถยนต์เบนท์ลี่ย์ มูซานสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ ซึ่งรถยนต์สวยหรูโดดเด่นมากจนทำให้ผู้คนต่างพากันสนใจ

ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังจัดเก็บอุปกรณ์ย่างบนรถเข็นอยู่

โดยมีชายอาวุโสสวมชุดสูทสีดำคนหนึ่งกำลังก้มโค้งคำนับอยู่ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของ ซึ่งเหมือนกับเขากำลังขอร้องชายหนุ่มอยู่

“คุณชายครับ คุณเองก็รู้ว่า เรื่องในตอนนั้นนายท่านเองก็ถูกสถานการณ์บีบคั้นเหมือนกัน ถึงแม้จะปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อคุณแม่ของคุณ แต่ไม่เคยขับไล่คุณเลยนะครับ….”

“เมื่อหนึ่งปีก่อน คุณท่านป่วยอาการหนักมาก นายท่านเลยให้พวกผมตามหาคุณมาหนึ่งปีเต็ม ใช้ทั้งอำนาจและเส้นสายตามหาคุณเกือบครึ่งประเทศหลุง จนตามหาคุณพบอย่างยากเย็น”

“หรือว่าคุณยอมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง ที่ไม่มีความสูงศักดิ์ แถมยอมถูกตราหน้าแต่ไม่ยอมกลับตระกูลฉี หรอครับ? แต่ตอนนี้คุณเป็นถึงสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลฉี นะ…..”

หลินอิ่ง ค่อยๆพูดว่า “เรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลฉี มายุ่ง และเรื่องของตระกูลฉี ฉันก็ไม่อยากได้ยินด้วย ฉันหวังว่าต่อไปคุณคงไม่มารบกวนชีวิตของผมอีก”

หลังจากเก็บของเรียบร้อย เขาก็หันหลังเดินจากถนนเย็ยเจียง ไป Quick Cash Loans

ชายอาวุโสจ้องมองร่างเงาที่เดินจากไปของหลินอิ่ง โดยไม่ได้เดินตามไป ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างถอนใจออกมา

“ตระกูลฉี หรอ เหอะ…”

เมื่อเดินออกจากถนนเย็ยเจียง หลินอิ่ง ก็หัวเราะประชดเบาๆ พร้อมเผยสายตาเหม่อลอยเล็กน้อย ราวกับกำลังนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่นานมาแล้ว

ตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นตระกูลที่มีความสูงศักดิ์และมีชื่อเสียงระดับต้นๆของประเทศหลุง เลย มีผู้คนจำนวนมากมายต้องการมีความสัมพันธ์กับตระกูลฉี แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถไต่เต้าจนสำเร็จได้

แต่สำหรับ หลินอิ่ง แล้ว ตระกูลฉี คือบาดแผลอันเจ็บปวดภายในใจที่ยากจะลบล้างได้!

หลินอิ่ง เกิดในตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นหลานชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณท่านตระกูลฉี เขาเกิดมาในตระกูลที่มีฐานะสูงส่งและสูงศักดิ์มาก แต่ตอนที่เขาอายุแปดขวบ พ่อของเขาที่มีชื่อว่า ฉีเหอถู ก็หลงรักกับผู้หญิงข้างนอก แถมยังแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกกับพี่น้องเครือญาติกันด้วย และเพื่อเอาชนะ เขาเลยหย่ากับ หลินซูชิง แม่ของเขา แล้วไปแต่งงานกับคนอีกตระกูลหนึ่งที่มีความสูงส่งระดับใน ตี้จิง ด้วย

ถึงแม้ว่า หลินซูชิ จะเกิดในครอบครัวที่ธรรมดา แต่เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก เธอไม่ยอมรับการชดเชยใดๆจากตระกูลฉี เลย ส่วน หลินอิ่ง เองก็ไม่ยอมจากแม่ด้วย เลยหนีไปจากเมือง ตี้จิง กับ หลินซูชิง แม่ของเขา โดยไม่สนใจอุปสรรคจากตระกูลฉี เลย และนับจากที่พวกเขาหายไปจากสายตาของคนตระกูลฉี แม่ลูกก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขมาหลายปี

และเขายังเปลี่ยนแซ่หลิน ตามแม่ของเขาด้วย

สิบปีเต็มแล้ว แต่เมื่อสามปีก่อนแม่ของเขาชีวิตไปเพราะโรคร้าย เดิมทีเขานึกว่าความทรงจำอันเจ็บปวดในชีวิตตอนนั้นคงไม่กลับมาหวนนึกถึงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าคนของตระกูลฉี ตามหาเขาพบแล้ว

หลังจากที่สูบบุหรี่ม้วนหนึ่งเสร็จตรงมุมถนน หลินอิ่ง ก็ไม่คิดมากแล้ว แต่โบกมือเรียกแท็กซี่คันหนึ่งไป รีสอร์ทหลินหลาง

วันนี้เป็นงานแต่งงานของคุณชายตระกูลซูน ตระกูลที่สูงส่งที่สุดในเมืองชิงหยูนกับลูกสาวของ จางหงจูน พี่ใหญ่ของตระกูลจาง งานแต่งงานถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ และได้เชื้อเชิญนักธุรกิจใหญ่ของเมืองชิงหยูนทุกคน รวมทั้งคนของตระกูลจาง ด้วย

ไม่เช่นนั้นด้วยตำแหน่งเพียงลูกเขยในตระกูลจาง คงไม่สามารถมา รีสอร์ทหลินหลาง ตลอดชีวิต

ยี่สิบนาทีต่อมา รถแท็กซี่ก็จอดนอก รีสอร์ทหลินหลาง

หน้าประตูคฤหาสน์ที่มีรถยนต์คันหรูหรา มีผู้หญิงหน้าตาสะสวย รูปร่างผอมเพรียว สวมชุดเดรสสีน้ำเงินคนหนึ่งกำลังจ้องมอง หลินอิ่ง ด้วยสายตาเป็นประกาย

สาวสวยคนนี้คือภรรยาของ หลินอิ่ง มีชื่อว่า จางฉีโม่

เมื่อสองปีก่อน ภายใต้การขอร้องของคุณท่านจางตี้งติ่ง ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ สุดท้าย หลินอิ่ง ก็แต่งงานเข้าตระกูลจาง

ในตอนนั้นเรื่องนี้สร้างความฮือฮาต่อตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองชิงหยูนมาก ทุกคนต่างพากันหัวเราะเยาะว่าคุณท่านจาง สมองเลอะเลือนแล้ว ที่เอาลูกสาวแต่งงานกับเด็กกำพร้าที่ไม่มีเงินและอำนาจ

อีกอย่าง จางฉีโม่ ก็เป็นทั้งผู้หญิงที่สวยที่สุด และยังเป็นคนตระกูลสูงส่งที่สุดของเมืองชิงหยูนด้วย ซึ่งในตอนนั้นมีคุณชายจากตระกูลสูงส่งหลายคนกำลังตามจีบเธออยู่

แต่คิดไม่ถึงว่าคุณท่านจะยกเธอแต่งงานให้กับ หลินอิ่ง ที่ไม่มีหัวนอนเปล่าเท้า!

ซึ่งเรื่องทุกอย่าง มีเพียง หลินอิ่ง กับ จางตี้งติ่ง ที่ทราบเหตุผลที่แท้จริง…..

เมื่อหนึ่งปีก่อน จางตี้งติ่ง ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งความลับที่สำคัญมีเพียง หลินอิ่ง คนเดียวที่ทราบ

ส่วนภรรยาของเขา จางฉีโม่ ไม่เคยยอมรับตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงแม้สุดท้ายยอมแต่งงาน แต่จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่เป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงเลย

นับตั้งแต่ จางตี้งติ่ง เสียชีวิต บริษัทเครื่องประดับจางซื่อก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น พ่อตาของ หลินอิ่ง ที่อยู่ในสงครามครั้งนี้ก็ถูกเตะออกจากสิทธิ์บริษัท และยังไม่ถูกแบ่งหุ้นส่วนบริษัทให้ด้วย สภาพทางสังคมเลยถดถอยลงมาก

ซึ่งพ่อตาและแม่ยายต่างพากันกล่าวโทษต่อ หลินอิ่ง ที่เป็นคนไม่มีอนาคต ไม่มีฐานะทางสังคมที่ดี ไม่มีความสามารถ เงิน และไม่เหมาะสมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง

หลินอิ่ง ได้รับการปฏิบัติต่อคนในตระกูลจาง อย่างเมินเฉย และกลายเป็นคนที่ทุกคนต่างพากันดูถูก

“หลินอิ่ง เดียวตอนเข้างานพูดน้อยๆหน่อยนะ” จางฉีโม่ เผยสีหน้าจริงจังพูดขึ้น “งานวันนี้สำคัญมาก ฉันนำของขวัญชิ้นใหญ่เพื่อข้อร้องกับ พี่หนิง ด้วย ตำแหน่งผู้บริหารโรงงานของพ่อจะสำเร็จหรือเปล่า คงต้องดูคุณลุงว่าจะช่วยเหลือหรือเปล่า”

“ฉันรู้แล้ว” หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย

เมื่อเข้าไป รีสอร์ทหลินหลาง ก็พบว่าภายในรีสอร์ท มีคฤหาสน์ที่ประดับตกแต่งด้วยสีสันแพรวพราว และยังมีสวนดอกไม้ สระน้ำขนาดเล็กด้วย ซึ่งนี้ล้วนเป็นอสังหาริมทรัพย์ของพี่ใหญ่ตระกูลจาง

นอกห้องโถงมีรถยนต์ยี่ห้อคันหรูจอดอยู่แถวหนึ่ง มีทั้งยี่ห้อ Maserati Porsche PORSCHE CAYENNE และยังมี Audi ด้วย

“โธ่ น้องฉี นั่งรถแท็กซี่มาหรอ? ทำไมไม่โทรศัพท์บอกพี่ล่ะ เดียวพี่จะได้ส่งคนขับรถไปรับ วันนี้ถือเป็นวันสำคัญมาก ทำแบบนี้หมายความว่าอะไร? หรือว่าอยากทำให้คนของตระกูลจาง ขายขี้หน้าหรอ?”

มีชายหนุ่มสวมแว่นตากันแดดคนหนึ่งกำลังลงมาจากรถยนต์ยี่ห้อ Porsche เขาถอดแว่นตากันแดดออก พร้อมกับจ้องมอง จางฉีโม่ กับ หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าขบขัน

จางฉีโม่ กัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ โดยไม่พูดอะไร

พ่อตาของ หลินอิ่ง ชื่อว่า จางซิ่วเฟิง นับว่าเป็นคนที่ตกอับมากที่สุดในบรรดาพี่น้องของตระกูลจาง เมื่อก่อนตอนที่ทำงานอยู่จางซื่อกรุ๊ป ก็ถูกบรรดาพี่น้องคอยกีดกั้น ต่อมาก็ถูกเตะออกจากบริษัท สุดท้ายก็ได้รับเพียงโรงงาน โรงงานแปรรูปเครื่องประดับขนาดเล็ก ที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ล้มละลาย แต่เขาก็ฝืนทำงานมาเกือบหนึ่งปี

ดังนั้นด้วยสภาพทางการเงินของบ้าน เลยแทบไม่สามารถซื้อรถยนต์คันหรูให้กับ จางฉีโม่ ได้เลย

“น้องฉี เป็นยังไงล่ะ ในตอนนั้นพี่ให้เธอหย่ากับไอ้ขยะนี้ และจะแนะนำน้องคนที่สามของตระกูลซูน ให้กับเธอ แต่เธอกลับปฏิเสธ หากเธอเชื่อฟังพี่ตั้งแต่แรก เธอคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้หรอก?” ผู้ชายสวมแว่นตากันแดดยิ่งพูดแดกดันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้าสะใจด้วย จนแทบไม่สนใจ หลินอิ่ง ที่อยู่ด้วยเลย “แน่นอนว่าตอนนี้ก็ยังไม่ส่ายหรอก หากเธออยากร่ำรวยมีเงินทองมาขอร้องพี่สิ เดียวพี่จะช่วยแนะนำผู้ชายคนใหม่ให้กับเธอเอง!”

การพูดสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าสามีของคนอื่น ถือเป็นการเสียมารยาทมาก!

“จางเถียนไห่ คุณพูดพอหรือยัง?” จางฉีโม่ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้ามืดครึ้มขึ้น

“โธ่โธ่โธ่ ฉันในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง เห็นเธอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกสงสารที่ต้องใช้ชีวิตกับไอ้ขยะนี้ อุตส่าห์มีน้ำใจอยากชี้ทางให้กับเธอ แต่เธอกลับไม่ฟัง งั้นก็สมน้ำหน้าเธอที่ต้องมีชีวิตยากจนแบบนี้ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ!” จางเถียนไห่ พูดด้วยน้ำเสียงสะใจขึ้น

พูดจบ จางเถียนไห่ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เลยหันหน้ามอง หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าหยอกล้อ

“หลินอิ่ง คนไร้ค่าอย่างนายทำไมถึงมีหน้ามาเข้าร่วมงานแต่งงานของ พี่หนิง ด้วย?” จางเถียนไห่ พูดประชดประชันขึ้น “อ๋อ จริงสิ ได้ยินมาว่าโรงงานของพ่อตานายขาดทุนแล้วหรอ ไม่เห็นมีเงินเดือนออกมาด้วย คงใกล้ล้มละลายแล้วสิ พวกเธอคงมาประจบสอพลอขอยืมเงินคุณลุงเพื่อช่วยเหลือให้พวกเธอผ่านอุปสรรคนี้แน่เลยใช่ไหม?”

หลินอิ่ง เอาแต่จ้องมอง จางเถียนไห่ โดยไม่พูดอะไร

จางซิ่วเฟิง พ่อของ จางฉีโม่ ในตอนนั้นถูกพ่อของ จางเถียนไห่ และน้องคนที่สาม จางหงจูน เตะออกจากจางซื่อกรุ๊ป

แถมการประสบอุปสรรคที่ยากลำบากครั้งนี้ของโรงงานก็เป็นฝีมือของ จางหงจูน ที่อยู่เบื้องหลังด้วย

จางฉีโม่ สูบลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อพยายามอดกลั้นความโกรธ จากนั้นก็พูดกับ หลินอิ่ง ว่า “อดทนไว้ ไม่ต้องไปสนใจเขา วันนี้พวกเรามาทำธุระสำคัญ”

หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองคนก็หันหลังเดินเข้าห้องโถงในคฤหาสน์

“เออ ฉันจะคอยดูว่าไอ้ขยะไร้ค่าอย่างแกจะสามารถอดทนได้นานเท่าไหร่” จางเถียนไห่ จ้องมองร่างเงาของ หลินอิ่ง แล้วยิ้มมุมปากประชดเล็กน้อย

ภายในห้องโถงมีพื้นกว้างมาก ซึ่งก่อสร้างตามแบบฉบับตะวันตก และประดับตกแต่งอย่างหรูหรา อีกทั้งยังปูพรมสีแดงชั้นหนึ่งด้วย

แขกผู้มีเกียรติของตระกูลจาง ต่างพากันเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว

จางฉีโม่ เดินถือกล่องของขวัญที่ประณีตไปเบื้องหน้าเจ้าสาว พร้อมยิ้มแย้มและพูดว่า “พี่หนิง ขอให้พี่มีความสุขกับการแต่งงานนะค่ะ และรักกันจนแก่เฒ่าด้วยนะค่ะ”

จางจี้หนิง เป็นคนมีหน้าตาสะสวย ผิวพรรณขาวนวลเนียน และดูสง่าสูงส่ง แต่หากเปรียบเทียบกับ จางฉีโม่ แล้ว ยังบกพร่องอยู่มาก

เธอเหลือบมอง จางฉีโม่ อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “เอาของขวัญของเธอไว้ตรงนั้นเถอะ”

“พี่หนิง เดียวฉันเดินเป็นเพื่อนพี่ให้นะค่ะ” จางฉีโม่ ยิ้มและพูดขึ้น

“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องมาทำดีกับฉันหรอก ฉันรู้ว่าเธอมีเป้าหมายอะไร เรื่องของพ่อเธอ เราไม่ช่วยหรอก” จางจี้หนิง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมเผยสีหน้าไร้อารมณ์ขึ้น

จางฉีโม่ เริ่มยิ้มอย่างแข็งทื่อ พร้อมเผยสีหน้าน้อยใจจนไม่สามารถกลบเกลื่อนได้ขึ้น

เธอกำหมัดไว้อย่างแน่น จนตัวสั่นเทาเล็กน้อย

ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับ หลินอิ่ง เธอได้รับความเมตตาและเอ็นดูจากคุณท่านมาก เธอเปรียบดั่งไข่มุกของตระกูลจาง เพราะมีแต่คนรักและเอ็นดูเธอ แม้กระทั่ง พี่จี้หนิง ก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้ทำไมถึงเมินเฉยขนาดนี้ด้วย…..

พี่จี้หนิง แต่งงานกับตระกูลที่สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองชิงหยูนนั้นคือลูกชายคนโตของตระกูลซูน ดังนั้นเลยจัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โต แถมยังมีคนของตระกูลจาง มาร่วมแสดงความยินดีถ้วนหน้าด้วย

ส่วนเธอ….

จางฉีโม่ นิ่งเงียบอยู่สักพัก และนึกถึงปัญหาที่ยากลำบากของพ่อตัวเองในตอนนี้ จากนั้นเธอห็ฝืนยิ้มขึ้นมา แล้วเดินตาม จางจี้หนิง จากไป…….

เมื่อ หลินอิ่ง ที่นั่งอยู่เห็นฉากนี้ก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads แทงบอลออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน