ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – บทที่ 649 ขวางแล้วฆ่าทิ้ง

บทที่ 649 ขวางแล้วฆ่าทิ้ง

นายพลงูนั้นรู้จักสำนักบี้ชุ่ย

สำนักบี้ชุ่ยนั้น เป็นกองกำลังระดับกลางในแวดวงลึกลับ ถือเป็นสำนักระดับสามที่สืบทอดกันมา ถือว่ายังพอมีชื่อเสียงอยู่บ้าง

กองกำลังระดับนี้ ถ้าเอามาเปรียบเทียบกับแก๊งมังกรที่ยิ่งใหญ่ละก็ มันก็ไม่ต่างอะไรกับมดปลวกเลย

แก๊งมังกรสำนักอู่เหมินสิบสอง แค่เลือกออกมาสักสำนัก ก็สามารถจัดการกับสำนักบี้ชุ่ยได้อย่างง่ายดายแล้ว

“แก๊งมังกรอย่างนั้นเหรอ?”

พอได้ยินอย่างนั้น รูม่านตาของกู่ชางไห่ก็หดเล็กลงทันที สีหน้าหวาดกลัว พร้อมกับทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ

เขาตกใจกับชื่อที่นายพลงูประกาศออกมา

ในแวดวงลึกลับของประเทศหลุงนั้น กองกำลังที่กล้าใช้มังกรแทนตัวเองก็มีแค่เจ้าเดียวเท่านั้น

แค่ไตร่ตรองจากคำว่าแก๊งมังกร ก็รู้แล้วว่า นี่คือตัวตนที่มีตำแหน่งสูงส่งแค่ไหน……

นี่ต้องเป็นดั่งผู้อยู่จุดสูงสุดในแวดวงลึกลับแล้ว ไม่มีใครกล้าแย่งชิงตำแหน่งด้วย

กู่ชางไห่รู้ดีว่าระดับของผู้อาวุโสหลินอิ่งนั้นสูงเกินเอื้อมแค่ไหน แข็งแกร่งแค่ไหน

แต่ไม่นึกเลยว่าผู้อาวุโสจะไปมีเรื่องกับศัตรูที่แข็งแกร่งอย่างแก๊งมังกรได้

“ทำไม? คนแซ่กู่ รู้จักกลัวแล้วใช่มั้ย?” นายพลงูยิ้มและพูดออกมาอย่างไม่ชอบใจ “แกรู้รึเปล่าว่าตัวเองได้ทำความผิดที่ร้ายแรงขนาดไหนมั้ย?”

“ฉันจะให้เวลาแกสามสิบวิ รีบปล่อยตัวประกันแล้วไสหัวออกจากภูเขาเจียงเยว่ไปซะ ทุกอย่างยังสามารถผ่อนปรนกันได้!”

กู่ชางไห่สีหน้าเคร่งขรึมอย่างถึงที่สุด เขาได้ไตร่ตรองไปอย่างรวดเร็ว

“จะให้ปล่อยตัวประกันนั้นไม่มีทาง” กู่ชางไห่พูดอย่างหนักแน่น “แกอย่าคิดว่าแค่เอาชื่อมาอ้างก็สามารถทำให้ฉันกลัวได้นะ”

“แก๊งมังกรนั้นสูงส่งแค่ไหน จะมาทำเรื่องต่ำทรามอย่างที่พวกแกกำลังทำอยู่ได้ยังไง?”

กับที่มาที่ไปของพวกนายพลงูนั้น กู่ชางไห่ก็รู้สงสัยอยู่ในใจเหมือนกัน

ดูจากชายนิรนามที่เป็นหัวหน้าคนนั้น เขารู้ว่าต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน แต่ก็ไม่เคยนึกถึงแก๊งมังกรมาก่อน

แต่ว่า ในแวดวงลึกลับนั้นแก๊งมังกรเป็นดั่งการมีอยู่ของระดับพระเจ้า สืบทอดกันมานับพันปี มีรากฐานยาวนับพันปี ชื่อเสียงเลื่องลือนับพันปี

แล้วจะไปทำเรื่องอย่างการลักพาตัวผู้หญิงได้ยังไงล่ะ?

ต้องเข้าใจว่า แก๊งมังกรนั้น เป็นสิ่งที่ยอดฝีมือในแวดวงลึกลับนับไม่ถ้วนเชิดชูบูชาเลย

“ฮึฮึฮึ……ดูท่าแกจะไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาสินะ” นายพลงูพูดด้วยสีหน้าที่เย็นชา “ทำไมมันถึงเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจล่ะ? นี่แกคิดเหรอว่าในโลกแห่งความเป็นจริงนั้นมันจะขาวสะอาดขนาดนั้นจริงๆ?”

“คนแซ่กู่ บอกให้เอาบุญก็ได้ ฉันคือหัวหน้าองครักษ์มังกรดำ นายพลงู” นายพลงูพูดออกมาอย่างไม่ชอบใจ “แกสามารถไปสืบที่แวดวงลึกลับดูได้ ว่ามีชื่อของฉันอยู่จริงมั้ย”

” เรื่องในคืนนี้ เป็นเรื่องที่มีผลกระทบมาก ถ้าแกเข้ามายุ่ง ก็ต้องได้รับโทษโดยการทำลายสำนักทิ้งซะ!”

คำพูดที่ข่มขู่แบบนี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะความไม่มั่นใจของนายพลงูว่าจะสามารถจัดการกับกู่ชางไห่ได้มั้ย

หลังสู้กับหลินอิ่ง ก็ถูกเล่นงานจนช้ำในอย่างหนัก กำลังรบในตอนนี้จึงถดถอยไปมาก

ถ้าอยู่ในสภาพสมบูรณ์ เขาคงลงมือสังหารไปนานแล้ว การจะสังหารกู่ชางไห่ที่เพิ่งเข้าสู่รายการแห่งดินชั้นล่างนั้น ก็เป็นเรื่องที่ไม่ได้ยากเย็นอะไร

ความคิดในใจของนายพลงูนั้นเหี้ยมโหดมาก เขาต้องการใช้คำพูดเหล่านี้เกลี้ยกล่อมกู่ชางไห่ ทางที่ดีให้กู่ชางไห่ยอมปล่อยตัวประกันแต่โดยดี

ตอนนี้ไม่มีทางเลือก จำใจต้องละเว้นชีวิตของกู่ชางไห่ไปก่อน

รอเสร็จเรื่องแล้ว ค่อยไปตามหาพวกสำนักบี้ชุ่ย ไม่ใช่จัดการกู่ชางไห่แค่คนเดียว แต่จะถอนรากถอนโคนทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องแล้วปิดข่าวไม่ให้ใครรู้เด็ดขาด

กู่ชางไห่ที่ต้องเจอกับการข่มขู่ของนายพลงู สายตาแน่วแน่ สีหน้านั้นแน่วแน่ยิ่งกว่า

สิ่งที่นายพลงูพูดนั้นไม่ผิด ผลกระทบจากเรื่องในคืนนี้มันร้ายแรงจริงๆ

การต่อสู้ที่เอาเป็นเอาตายระหว่างรายการแห่งฟ้าสองคน ถ้ารู้ไปถึงแวดวงลึกลับล่ะก็ มันต้องเป็นเรื่องเขย่าวงการอย่างแน่นอน

ยอดฝีมือระดับรายการแห่งฟ้านั้นลึกล้ำราวกับเก้ามังกรสวรรค์เทวะ ที่ไม่อาจเอื้อมถึง

ในโลกธรรมนั้น ไม่มีเรื่องอะไรที่มีค่ามากพอให้พวกเขาเข้ามาจัดการด้วยตนเองแล้ว แต่มันกลับทำให้บุคคลระดับนี้เคลื่อนไหวได้

ที่สำคัญคือ มันดันมาเกิดในสถานที่ที่ลับตาคนแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นการแก่งแย่งที่ข้องเกี่ยวกับผลประโยชน์มากมายขนาดไหน

“แกไม่มีความมั่นใจมากพอสินะ? ถึงอยากใช้คำพูดมาเกลี้ยกล่อมฉันแบบนี้?” กู่ชางไห่พูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม จ้องมองไปยังนายพลงูไม่ยอมละสายตา “ไม่ว่าพวกแกจะเป็นใคร แต่ในคืนนี้ ใครหน้าไหนก็ห้ามทำร้ายคุณนายหลินเด็ดขาด!”

“แกเป็นยอดฝีมือคนหนึ่งไม่ผิด แถมยังแข็งแกร่งว่าฉันด้วย” กู่ชางไห่พูดออกมาอย่างช้าๆ “แต่แกก็ยังถูกคุณหลินเล่นงานจนบาดเจ็บสาหัส เหลือกำลังแค่ครึ่งเดียว แล้วคิดว่ายังสามารถชิงตัวประกันจากมือฉันไปได้อีกอย่างนั้นเหรอ?” สองคนนี้ สวนคำพูดกันไปมา หวังที่จะบั่นทอนกำลังใจขออีกฝั่ง

นายพลงูนั้นอยากจะจบเรื่องโดยไม่ต้องสู้กัน จะเป็นการดีที่สุด

“ฮึฮึฮึ……นี่แกรู้ตัวด้วยเหรอว่าฉันนั้นแกร่งกว่าแก?” นายพลงูเริ่มทนไม่ไหวแล้ว จึงพูดออกไปอย่างไม่ชอบใจว่า “ต่อให้ฉันจะกำลังบาดเจ็บอยู่ แต่การจะจัดการกับแกก็ไม่ใช่เรื่องที่เหลือบ่ากว่าแรง”

“การที่ฉันเสนอทางรอดให้แก แกอย่าทำให้มันหมดค่าไปเอง”

“เสนอทางรอดให้ฉันอย่างนั้นเหรอ? ฮึฮึ” กู่ชางไห่ก็ขำออกมาอย่างไม่สบอารมณ์เหมือนกัน “แม้แต่คุณนายหลินพวกแกยังกล้าลักพาตัว ฉันว่าพวกแกต่างหากที่รนหาที่ตาย”

“รอคุณชายหลินจัดการกับหัวหน้าขอพวกแกก่อน พวกแกทุกคนก็รอดยากแล้ว!”

“จริงเหรอ? นี่แกคิดว่าคุณชายหลินของพวกแกจะเอาชนะนายท่านได้จริงๆ เหรอ? ช่างอ่อนหัดจริงๆ” นายพลงูเถียงคำไม่ตกฟาก “ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่หลินอิ่งต้านทานนายท่านได้อีกไม่นานเลย ต่อให้มันชนะนายท่านได้จริง แล้วคิดว่ามันจะเอาชนะแก๊งมังกรได้ทั้งแก๊งรึไง?”

“ยุทธภพในตอนนี้ จะมีใครสามารถต่อกรกับแก๊งมังกรได้อีก?”

“คนแซ่กู่ ทางที่ดีแกควรอ่านเกมให้ออก ว่าการอยู่ฝั่งเดียวกับหลินอิ่งนั้น มันพึ่งพาได้จริงๆ มั้ย!”

“แก๊งมังกรที่ยิ่งใหญ่ ใช่สิ่งที่ใครจะไปขวางได้มั้ย?”

คำพูดคำนี้ เต็มเปี่ยมไปด้วยแรงกดดันจากการข่มขู่

บอกตามตรง ถ้าอยู่ในสถานการณ์ปกติ หัวใจของกู่ชางไห่คงหวั่นไหวไปนานแล้ว

แต่ในสถานการณ์แบบนี้

เขาไม่มีทางส่งตัวคุณนายหลินออกไปแน่นอน

ระหว่างหินอิ่งกับคนพวกนี้ กู่ชางไห่ก็ยังเลือกที่จะตามติดหลินอิ่งอย่างแน่นอน

เพราะว่า ราศีที่ไร้เทียมทานไร้ผู้ทัดเทียมของหลินอิ่งได้ฝั่งลึกเข้าไปในหัวใจของเขาแล้ว ทำให้เกิดความเชื่อใจที่มั่นคงขึ้น เป็นความรู้สึกแบบว่ามีข้าอยู่ด้วยก็ไร้เทียบทาน

“ไม่ว่าพวกแกเป็นใคร ถ้าต้องการเอาตัวคุณนายหลินไป ก็ต้องข้ามศพของฉันไปก่อน แก เหมือนจะไม่มีความสามารถมากพอที่จะทำได้นะ”

กู่ชางไห่พูดออกมาด้วยความเย็นชา

“ฉันกลับอยากเตือนแกสักคำ อาศัยช่วงที่คุณหลินยังไม่เสร็จธุระรีบหนีไปซะดีกว่า”

“นี่แกอยากตายนักใช่มั้ย!”

นายพลงูโมโหขึ้นมาทันที เส้นเลือดบนหน้าผากผุดออกมาเป็นเส้นๆ

เขารู้ตัวแล้วว่า กู่ชางไห่ไม่มีทางถูกเกลี้ยกล่อมด้วยคำพูดแล้ว จำเป็นต้องใช้กำลังเท่านั้น

“จัดการ! จัดการกับไอ้แก่นี้ซะ แล้วบดกระดูกของมันให้ละเอียด!”

นายพลงูพูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้นก็พุ่งเข้าใส่กู่ชางไห่ด้วยจิตสังหารที่เปี่ยมล้น

หลังจากการคำรามของเขา พวกหัวกะทิองครักษ์มังกรดำสิบกว่าคนที่อยู่ข้างๆ ก็พุ่งเข้าใส่กู่ชางไห่ไปพร้อมๆ กัน

ชั่วพริบตาเดียว กู่ชางไห่ที่ถูกล้อมรอบด้วยการโจมตีจากคนนับสิบ ร่างกายของเขาก็สั่นไหว แล้วเกิดเสียงระเบิดที่ดังเหมือนเสียงฟ้าผ่าขึ้น มีคลื่นอากาศที่ไม่มีรูปร่างไหลเวียนอยู่รอบตัว สะเทือนจนเกิดเสียงระเบิดดังลั่น

เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็เตรียมตัวไว้นานแล้ว พร้อมที่จะโจมตีทุกเมื่อ

ตุบ! ตุบ! ตุบ!

ภายในทางเดินเล็กในป่า เสียงที่ชวนอึดอัดดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า การต่อสู้ระหว่างนายพลงูกับกู่ชางไห่ ทำให้เกิดเสียงลมกระชาก ต้นไม้ที่อยู่โดยรอบกระจุยกระจาย ปลิวว่อนไปทั่วทิศ

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

Status: Ongoing

บทที่ 1 ชีวิตที่สงบสุขถูกทำลาย

“คุณชายฉี คุณจะปฏิเสธการเชื้อเชิญของ นายท่าน จริงๆหรอค่ะ?’

“ฉันไม่ได้มีแซ่ฉี สักหน่อย ฉันแซ่หลิน”

“แต่คุณก็มีสายเลือดของตระกูลฉี อยู่นะ”

“นับตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาขับไล่พวกเราสองแม่ลูกออกจากบ้านตระกูลฉี ฉันกับคนของตระกูลฉี ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”

ตอนบ่าย ณ เมืองชิงหยูนถนนเย็ยเจียง ในเมืองที่ชลมุ่นวุ่นวายมีรถยนต์เบนท์ลี่ย์ มูซานสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ ซึ่งรถยนต์สวยหรูโดดเด่นมากจนทำให้ผู้คนต่างพากันสนใจ

ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังจัดเก็บอุปกรณ์ย่างบนรถเข็นอยู่

โดยมีชายอาวุโสสวมชุดสูทสีดำคนหนึ่งกำลังก้มโค้งคำนับอยู่ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของ ซึ่งเหมือนกับเขากำลังขอร้องชายหนุ่มอยู่

“คุณชายครับ คุณเองก็รู้ว่า เรื่องในตอนนั้นนายท่านเองก็ถูกสถานการณ์บีบคั้นเหมือนกัน ถึงแม้จะปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อคุณแม่ของคุณ แต่ไม่เคยขับไล่คุณเลยนะครับ….”

“เมื่อหนึ่งปีก่อน คุณท่านป่วยอาการหนักมาก นายท่านเลยให้พวกผมตามหาคุณมาหนึ่งปีเต็ม ใช้ทั้งอำนาจและเส้นสายตามหาคุณเกือบครึ่งประเทศหลุง จนตามหาคุณพบอย่างยากเย็น”

“หรือว่าคุณยอมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง ที่ไม่มีความสูงศักดิ์ แถมยอมถูกตราหน้าแต่ไม่ยอมกลับตระกูลฉี หรอครับ? แต่ตอนนี้คุณเป็นถึงสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลฉี นะ…..”

หลินอิ่ง ค่อยๆพูดว่า “เรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลฉี มายุ่ง และเรื่องของตระกูลฉี ฉันก็ไม่อยากได้ยินด้วย ฉันหวังว่าต่อไปคุณคงไม่มารบกวนชีวิตของผมอีก”

หลังจากเก็บของเรียบร้อย เขาก็หันหลังเดินจากถนนเย็ยเจียง ไป Quick Cash Loans

ชายอาวุโสจ้องมองร่างเงาที่เดินจากไปของหลินอิ่ง โดยไม่ได้เดินตามไป ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างถอนใจออกมา

“ตระกูลฉี หรอ เหอะ…”

เมื่อเดินออกจากถนนเย็ยเจียง หลินอิ่ง ก็หัวเราะประชดเบาๆ พร้อมเผยสายตาเหม่อลอยเล็กน้อย ราวกับกำลังนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่นานมาแล้ว

ตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นตระกูลที่มีความสูงศักดิ์และมีชื่อเสียงระดับต้นๆของประเทศหลุง เลย มีผู้คนจำนวนมากมายต้องการมีความสัมพันธ์กับตระกูลฉี แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถไต่เต้าจนสำเร็จได้

แต่สำหรับ หลินอิ่ง แล้ว ตระกูลฉี คือบาดแผลอันเจ็บปวดภายในใจที่ยากจะลบล้างได้!

หลินอิ่ง เกิดในตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นหลานชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณท่านตระกูลฉี เขาเกิดมาในตระกูลที่มีฐานะสูงส่งและสูงศักดิ์มาก แต่ตอนที่เขาอายุแปดขวบ พ่อของเขาที่มีชื่อว่า ฉีเหอถู ก็หลงรักกับผู้หญิงข้างนอก แถมยังแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกกับพี่น้องเครือญาติกันด้วย และเพื่อเอาชนะ เขาเลยหย่ากับ หลินซูชิง แม่ของเขา แล้วไปแต่งงานกับคนอีกตระกูลหนึ่งที่มีความสูงส่งระดับใน ตี้จิง ด้วย

ถึงแม้ว่า หลินซูชิ จะเกิดในครอบครัวที่ธรรมดา แต่เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก เธอไม่ยอมรับการชดเชยใดๆจากตระกูลฉี เลย ส่วน หลินอิ่ง เองก็ไม่ยอมจากแม่ด้วย เลยหนีไปจากเมือง ตี้จิง กับ หลินซูชิง แม่ของเขา โดยไม่สนใจอุปสรรคจากตระกูลฉี เลย และนับจากที่พวกเขาหายไปจากสายตาของคนตระกูลฉี แม่ลูกก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขมาหลายปี

และเขายังเปลี่ยนแซ่หลิน ตามแม่ของเขาด้วย

สิบปีเต็มแล้ว แต่เมื่อสามปีก่อนแม่ของเขาชีวิตไปเพราะโรคร้าย เดิมทีเขานึกว่าความทรงจำอันเจ็บปวดในชีวิตตอนนั้นคงไม่กลับมาหวนนึกถึงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าคนของตระกูลฉี ตามหาเขาพบแล้ว

หลังจากที่สูบบุหรี่ม้วนหนึ่งเสร็จตรงมุมถนน หลินอิ่ง ก็ไม่คิดมากแล้ว แต่โบกมือเรียกแท็กซี่คันหนึ่งไป รีสอร์ทหลินหลาง

วันนี้เป็นงานแต่งงานของคุณชายตระกูลซูน ตระกูลที่สูงส่งที่สุดในเมืองชิงหยูนกับลูกสาวของ จางหงจูน พี่ใหญ่ของตระกูลจาง งานแต่งงานถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ และได้เชื้อเชิญนักธุรกิจใหญ่ของเมืองชิงหยูนทุกคน รวมทั้งคนของตระกูลจาง ด้วย

ไม่เช่นนั้นด้วยตำแหน่งเพียงลูกเขยในตระกูลจาง คงไม่สามารถมา รีสอร์ทหลินหลาง ตลอดชีวิต

ยี่สิบนาทีต่อมา รถแท็กซี่ก็จอดนอก รีสอร์ทหลินหลาง

หน้าประตูคฤหาสน์ที่มีรถยนต์คันหรูหรา มีผู้หญิงหน้าตาสะสวย รูปร่างผอมเพรียว สวมชุดเดรสสีน้ำเงินคนหนึ่งกำลังจ้องมอง หลินอิ่ง ด้วยสายตาเป็นประกาย

สาวสวยคนนี้คือภรรยาของ หลินอิ่ง มีชื่อว่า จางฉีโม่

เมื่อสองปีก่อน ภายใต้การขอร้องของคุณท่านจางตี้งติ่ง ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ สุดท้าย หลินอิ่ง ก็แต่งงานเข้าตระกูลจาง

ในตอนนั้นเรื่องนี้สร้างความฮือฮาต่อตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองชิงหยูนมาก ทุกคนต่างพากันหัวเราะเยาะว่าคุณท่านจาง สมองเลอะเลือนแล้ว ที่เอาลูกสาวแต่งงานกับเด็กกำพร้าที่ไม่มีเงินและอำนาจ

อีกอย่าง จางฉีโม่ ก็เป็นทั้งผู้หญิงที่สวยที่สุด และยังเป็นคนตระกูลสูงส่งที่สุดของเมืองชิงหยูนด้วย ซึ่งในตอนนั้นมีคุณชายจากตระกูลสูงส่งหลายคนกำลังตามจีบเธออยู่

แต่คิดไม่ถึงว่าคุณท่านจะยกเธอแต่งงานให้กับ หลินอิ่ง ที่ไม่มีหัวนอนเปล่าเท้า!

ซึ่งเรื่องทุกอย่าง มีเพียง หลินอิ่ง กับ จางตี้งติ่ง ที่ทราบเหตุผลที่แท้จริง…..

เมื่อหนึ่งปีก่อน จางตี้งติ่ง ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งความลับที่สำคัญมีเพียง หลินอิ่ง คนเดียวที่ทราบ

ส่วนภรรยาของเขา จางฉีโม่ ไม่เคยยอมรับตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงแม้สุดท้ายยอมแต่งงาน แต่จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่เป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงเลย

นับตั้งแต่ จางตี้งติ่ง เสียชีวิต บริษัทเครื่องประดับจางซื่อก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น พ่อตาของ หลินอิ่ง ที่อยู่ในสงครามครั้งนี้ก็ถูกเตะออกจากสิทธิ์บริษัท และยังไม่ถูกแบ่งหุ้นส่วนบริษัทให้ด้วย สภาพทางสังคมเลยถดถอยลงมาก

ซึ่งพ่อตาและแม่ยายต่างพากันกล่าวโทษต่อ หลินอิ่ง ที่เป็นคนไม่มีอนาคต ไม่มีฐานะทางสังคมที่ดี ไม่มีความสามารถ เงิน และไม่เหมาะสมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง

หลินอิ่ง ได้รับการปฏิบัติต่อคนในตระกูลจาง อย่างเมินเฉย และกลายเป็นคนที่ทุกคนต่างพากันดูถูก

“หลินอิ่ง เดียวตอนเข้างานพูดน้อยๆหน่อยนะ” จางฉีโม่ เผยสีหน้าจริงจังพูดขึ้น “งานวันนี้สำคัญมาก ฉันนำของขวัญชิ้นใหญ่เพื่อข้อร้องกับ พี่หนิง ด้วย ตำแหน่งผู้บริหารโรงงานของพ่อจะสำเร็จหรือเปล่า คงต้องดูคุณลุงว่าจะช่วยเหลือหรือเปล่า”

“ฉันรู้แล้ว” หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย

เมื่อเข้าไป รีสอร์ทหลินหลาง ก็พบว่าภายในรีสอร์ท มีคฤหาสน์ที่ประดับตกแต่งด้วยสีสันแพรวพราว และยังมีสวนดอกไม้ สระน้ำขนาดเล็กด้วย ซึ่งนี้ล้วนเป็นอสังหาริมทรัพย์ของพี่ใหญ่ตระกูลจาง

นอกห้องโถงมีรถยนต์ยี่ห้อคันหรูจอดอยู่แถวหนึ่ง มีทั้งยี่ห้อ Maserati Porsche PORSCHE CAYENNE และยังมี Audi ด้วย

“โธ่ น้องฉี นั่งรถแท็กซี่มาหรอ? ทำไมไม่โทรศัพท์บอกพี่ล่ะ เดียวพี่จะได้ส่งคนขับรถไปรับ วันนี้ถือเป็นวันสำคัญมาก ทำแบบนี้หมายความว่าอะไร? หรือว่าอยากทำให้คนของตระกูลจาง ขายขี้หน้าหรอ?”

มีชายหนุ่มสวมแว่นตากันแดดคนหนึ่งกำลังลงมาจากรถยนต์ยี่ห้อ Porsche เขาถอดแว่นตากันแดดออก พร้อมกับจ้องมอง จางฉีโม่ กับ หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าขบขัน

จางฉีโม่ กัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ โดยไม่พูดอะไร

พ่อตาของ หลินอิ่ง ชื่อว่า จางซิ่วเฟิง นับว่าเป็นคนที่ตกอับมากที่สุดในบรรดาพี่น้องของตระกูลจาง เมื่อก่อนตอนที่ทำงานอยู่จางซื่อกรุ๊ป ก็ถูกบรรดาพี่น้องคอยกีดกั้น ต่อมาก็ถูกเตะออกจากบริษัท สุดท้ายก็ได้รับเพียงโรงงาน โรงงานแปรรูปเครื่องประดับขนาดเล็ก ที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ล้มละลาย แต่เขาก็ฝืนทำงานมาเกือบหนึ่งปี

ดังนั้นด้วยสภาพทางการเงินของบ้าน เลยแทบไม่สามารถซื้อรถยนต์คันหรูให้กับ จางฉีโม่ ได้เลย

“น้องฉี เป็นยังไงล่ะ ในตอนนั้นพี่ให้เธอหย่ากับไอ้ขยะนี้ และจะแนะนำน้องคนที่สามของตระกูลซูน ให้กับเธอ แต่เธอกลับปฏิเสธ หากเธอเชื่อฟังพี่ตั้งแต่แรก เธอคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้หรอก?” ผู้ชายสวมแว่นตากันแดดยิ่งพูดแดกดันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้าสะใจด้วย จนแทบไม่สนใจ หลินอิ่ง ที่อยู่ด้วยเลย “แน่นอนว่าตอนนี้ก็ยังไม่ส่ายหรอก หากเธออยากร่ำรวยมีเงินทองมาขอร้องพี่สิ เดียวพี่จะช่วยแนะนำผู้ชายคนใหม่ให้กับเธอเอง!”

การพูดสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าสามีของคนอื่น ถือเป็นการเสียมารยาทมาก!

“จางเถียนไห่ คุณพูดพอหรือยัง?” จางฉีโม่ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้ามืดครึ้มขึ้น

“โธ่โธ่โธ่ ฉันในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง เห็นเธอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกสงสารที่ต้องใช้ชีวิตกับไอ้ขยะนี้ อุตส่าห์มีน้ำใจอยากชี้ทางให้กับเธอ แต่เธอกลับไม่ฟัง งั้นก็สมน้ำหน้าเธอที่ต้องมีชีวิตยากจนแบบนี้ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ!” จางเถียนไห่ พูดด้วยน้ำเสียงสะใจขึ้น

พูดจบ จางเถียนไห่ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เลยหันหน้ามอง หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าหยอกล้อ

“หลินอิ่ง คนไร้ค่าอย่างนายทำไมถึงมีหน้ามาเข้าร่วมงานแต่งงานของ พี่หนิง ด้วย?” จางเถียนไห่ พูดประชดประชันขึ้น “อ๋อ จริงสิ ได้ยินมาว่าโรงงานของพ่อตานายขาดทุนแล้วหรอ ไม่เห็นมีเงินเดือนออกมาด้วย คงใกล้ล้มละลายแล้วสิ พวกเธอคงมาประจบสอพลอขอยืมเงินคุณลุงเพื่อช่วยเหลือให้พวกเธอผ่านอุปสรรคนี้แน่เลยใช่ไหม?”

หลินอิ่ง เอาแต่จ้องมอง จางเถียนไห่ โดยไม่พูดอะไร

จางซิ่วเฟิง พ่อของ จางฉีโม่ ในตอนนั้นถูกพ่อของ จางเถียนไห่ และน้องคนที่สาม จางหงจูน เตะออกจากจางซื่อกรุ๊ป

แถมการประสบอุปสรรคที่ยากลำบากครั้งนี้ของโรงงานก็เป็นฝีมือของ จางหงจูน ที่อยู่เบื้องหลังด้วย

จางฉีโม่ สูบลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อพยายามอดกลั้นความโกรธ จากนั้นก็พูดกับ หลินอิ่ง ว่า “อดทนไว้ ไม่ต้องไปสนใจเขา วันนี้พวกเรามาทำธุระสำคัญ”

หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองคนก็หันหลังเดินเข้าห้องโถงในคฤหาสน์

“เออ ฉันจะคอยดูว่าไอ้ขยะไร้ค่าอย่างแกจะสามารถอดทนได้นานเท่าไหร่” จางเถียนไห่ จ้องมองร่างเงาของ หลินอิ่ง แล้วยิ้มมุมปากประชดเล็กน้อย

ภายในห้องโถงมีพื้นกว้างมาก ซึ่งก่อสร้างตามแบบฉบับตะวันตก และประดับตกแต่งอย่างหรูหรา อีกทั้งยังปูพรมสีแดงชั้นหนึ่งด้วย

แขกผู้มีเกียรติของตระกูลจาง ต่างพากันเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว

จางฉีโม่ เดินถือกล่องของขวัญที่ประณีตไปเบื้องหน้าเจ้าสาว พร้อมยิ้มแย้มและพูดว่า “พี่หนิง ขอให้พี่มีความสุขกับการแต่งงานนะค่ะ และรักกันจนแก่เฒ่าด้วยนะค่ะ”

จางจี้หนิง เป็นคนมีหน้าตาสะสวย ผิวพรรณขาวนวลเนียน และดูสง่าสูงส่ง แต่หากเปรียบเทียบกับ จางฉีโม่ แล้ว ยังบกพร่องอยู่มาก

เธอเหลือบมอง จางฉีโม่ อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “เอาของขวัญของเธอไว้ตรงนั้นเถอะ”

“พี่หนิง เดียวฉันเดินเป็นเพื่อนพี่ให้นะค่ะ” จางฉีโม่ ยิ้มและพูดขึ้น

“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องมาทำดีกับฉันหรอก ฉันรู้ว่าเธอมีเป้าหมายอะไร เรื่องของพ่อเธอ เราไม่ช่วยหรอก” จางจี้หนิง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมเผยสีหน้าไร้อารมณ์ขึ้น

จางฉีโม่ เริ่มยิ้มอย่างแข็งทื่อ พร้อมเผยสีหน้าน้อยใจจนไม่สามารถกลบเกลื่อนได้ขึ้น

เธอกำหมัดไว้อย่างแน่น จนตัวสั่นเทาเล็กน้อย

ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับ หลินอิ่ง เธอได้รับความเมตตาและเอ็นดูจากคุณท่านมาก เธอเปรียบดั่งไข่มุกของตระกูลจาง เพราะมีแต่คนรักและเอ็นดูเธอ แม้กระทั่ง พี่จี้หนิง ก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้ทำไมถึงเมินเฉยขนาดนี้ด้วย…..

พี่จี้หนิง แต่งงานกับตระกูลที่สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองชิงหยูนนั้นคือลูกชายคนโตของตระกูลซูน ดังนั้นเลยจัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โต แถมยังมีคนของตระกูลจาง มาร่วมแสดงความยินดีถ้วนหน้าด้วย

ส่วนเธอ….

จางฉีโม่ นิ่งเงียบอยู่สักพัก และนึกถึงปัญหาที่ยากลำบากของพ่อตัวเองในตอนนี้ จากนั้นเธอห็ฝืนยิ้มขึ้นมา แล้วเดินตาม จางจี้หนิง จากไป…….

เมื่อ หลินอิ่ง ที่นั่งอยู่เห็นฉากนี้ก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads แทงบอลออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน