ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – บทที่ 657 ตระกูลหลินออกโรง

บทที่ 657 ตระกูลหลินออกโรง

“หลินอิ่ง?”

หลังจากได้ยินชื่อนี้ ท่านมังกรเขียวก็ขมวดคิ้ว

“หลินอิ่งคนไหน?”

ทูตซือคงหรี่ตาลงเล็กน้อยและถามว่า “ท่านมังกรเขียว บุคคลที่มีชื่อเสียงในตี้จิงอย่างหลินอิ่งยังไม่สามารถเข้าตาคุณได้อีกหรือ?”

“หลินอิ่งแห่งตี้จิง?” ท่านมังกรเขียวคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงได้มีปฏิกิริยาตอบสนอง

“เด็กหนุ่มคนนี้มีความเกี่ยวข้องกับจ้าวเฉิงเฉียน?” ท่านมังกรเขียวกล่าวช้า ๆ “ผมคิดว่า เขาอาจจะไม่น่าสงสัยเท่าจ้าวเฉิงเฉียน”

“ท่านมังกรเขียว เครือข่ายข่าวกรองของคุณในตี้จิงดูเหมือนจะไม่เก่งพอ” ทูตซือคงกล่าวอย่างเคร่งขรึม

“ในโครงการเมืองเทคโนโลยีเทียนหลงของตี้จิง เป็นโครงการที่หลินอิ่งและจ้าวเฉิงเฉียนร่วมมือกัน และพวกเขาครองอุตสาหกรรมขนาดใหญ่นี้ และทั้งสองก็ร่วมมือกันทำลายตระกูลสวี หลินอิ่งเป็นผู้นำส่วนจ้าวเฉิงเฉียนเป็นผู้ตาม”

“คนที่สามารถทำให้นายน้อยของแก๊งหยางเหมินยินดีที่จะเป็นผู้ช่วยได้นั้น จุดนี้ก็สามารถมองออกว่า ความสามารถของหลินอิ่งไม่ธรรมดา”

ท่านมังกรเขียวกล่าวว่า “หลินอิ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับแวดวงลึกลับ เพียงแต่เป็นผู้นำในโลกธรรมดาเท่านั้น ทำไมท่านทูตถึงได้สงสัยเขา?”

ทูตซือคงกล่าวว่า “หลินอิ่งได้ทำการปรับโครงสร้างตระกูลฉี กำจัดตระกูลสวี และทำลายตระกูลจี้ของเมืองก่าง”

“เห็นได้ชัดว่าเบื้องหลังของทุกเรื่องมียอดฝีมือจากแวดวงลึกลับเข้ามาแทรกแซง คุณไม่ต้องสงสัยเลยว่าฐานะภูมิหลังของเขาในแวดวงลึกลับนั้นแข็งแกร่งเพียงใด?”

“นอกจากนี้ หลินอิ่งยังเคยไปที่เมืองก่าง บางทีอาจเป็นตอนนั้นที่ทำให้ท่านมังกรดำในเมืองก่างรู้ฐานะภูมิหลังของเขา”

ทูตซือคงกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

เห็นได้ชัดว่า ในความสงสัยของเขาต่อคุณชายอิ่งแห่งตี้จิง มีแนวโน้มที่จะเป็นทายาทของอดีตประมุขที่อาจารย์กู้ต้าให้ท่านมังกรดำสืบหาด้วยความยากลำบาก

ท่านมังกรเขียว จิบชาและกล่าวว่า “เรื่องที่หลินอิ่งทำนั้น ผมได้ตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว”

“เหตุผลที่เด็กหนุ่มคนนี้สามารถกำจัดตระกูลจี้ที่เมืองก่างได้ ก็เพราะการแทรกแซงของตระกูลฉู่แห่งเตียนหนาน”

“สามารถทำลายตระกูลสวีได้ก็เพราะเขาร่วมมือกับจ้าวเฉิงเฉียน และกลุ่มตระกูลชั้นสูงแห่งตี้จิง ทำให้เขาได้ครอบครองตำแหน่งหัวหน้า”

“จุดสำคัญที่สุดคือ หลินอิ่งเกิดในตระกูลฉีแห่งตี้จิง มียอดฝีมือหวงชิงซานผู้ลึกลับแห่งตระกูลฉีทำงานให้เขา และเขายังใช้ความสัมพันธ์เรื่องฐานะภูมิหลังของตระกูลฉีในกองทหารด้วยอีก”

ท่านมังกรเขียวรู้เรื่องของหลินอิ่งได้อย่างชัดเจน เห็นได้ชัดว่าเขาได้ตรวจสอบการเคลื่อนไหวของคุณชายอิ่งแห่งตี้จิงนานแล้ว

“อ้อ ท่านมังกรเขียว รู้รายละเอียดมากขนาดนี้เชียวหรือ? ดูเหมือนว่าคุณได้ตรวจสอบ?” ทูตซือคงถาม

“แน่นอน ในสิบเอ็ดเมืองแห่งเจียงเป่ย บวกกับตี้จิง ผมจำชายหนุ่มที่มีพรสวรรค์โดดเด่นทั้งหมดได้อย่างแม่นยำ และเคยตรวจสอบการเคลื่อนไหวของพวกเขาทั้งหมดแล้ว” ท่านมังกรเขียวกล่าวอย่างจริงจัง

ทูตซือคงกล่าวว่า “ดูแล้ว ผมประเมินความมุ่งมั่นตั้งใจของท่านมังกรเขียวต่ำเกินไป”

“ท่านทูต คุณพูดมาตามตรงเถอะ ใครคือคนที่คุณสงสัยที่สุด? คือหลินอิ่งใช่ไหม?” ท่านมังกรเขียวถามช้า ๆ

“ถูกต้อง คนที่ผมสงสัยมากที่สุดคือหลินอิ่งแห่งตี้จิง” ทูตซือคงกล่าวด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม “ผมได้ตรวจสอบเด็กหนุ่มคนนี้อย่างละเอียดแล้ว เมื่อหลายปีก่อน เขาเป็นลูกเขยแต่งเข้าของตระกูลเล็ก ๆในมณฑลตุงไห่ และกลับมาที่ตี้จิงอย่างกะทันหัน และมีพลังอำนาจมากมายเช่นนี้”

“เขาอยู่เฉย ๆในมณฑลตงไห่มาหลายปีแล้ว จากนั้นก็กลับมาโดดเด่นที่ตี้จิง ซึ่งสอดคล้องกับระยะวัฏจักรของเคล็ดลับของแก๊งมังกร และกลับสู่สภาวะปกติ” ทูตซือคงกล่าวด้วยสีหน้าที่จริงจัง

“เป็นเพราะเรื่องที่หลินอิ่งทำตอนที่เป็นลูกเขยแต่งเข้าในมณฑลตุงไห่ ทำให้ผมไม่สงสัยเขา” ท่านมังกรเขียวกล่าวช้า ๆ “เขาไม่ได้อยู่เฉย ๆ แต่เพราะเดิมนั้นเขาเป็นแค่คนธรรมดา แต่โชคดีที่ตระกูลฉีไม่มีผู้ทายาทสืบทอด เขาจึงรับได้รับทรัพยากรทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นการเมืองและธุรกิจจากคุณท่านตระกูลฉี จึงทำให้เขายิ่งใหญ่ขึ้นมา”

ทูตซือคงขมวดคิ้วและถามว่า “ฐานะภูมิหลังของตระกูลฉีไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนหลินอิ่งให้ทำสิ่งสำคัญมากมายเช่นนี้ได้ใช่ไหม? แล้วที่เขากำจัดตระกูลจี้ในเมืองก่าง และใช้กองกำลังลึกลับทำลายตระกูลสวี จะอธิบายอย่างไร?”

“ฮ่า” ท่านมังกรเขียวยิ้มเบา ๆ และถามด้วยความสงสัยว่า “ท่านทูต คุณไม่เคยพูดถึงรายชื่อของคนหนุ่มที่มีความสามารถมากมายจากตระกูลลึกลับ ทำไมคุณถึงสนใจหลินอิ่งซึ่งพื้นเพมาจากครอบครัวธรรมดาล่ะ?”

“เพราะหลินอิ่งเป็นคนที่โดดเด่น และพฤติกรรมของเขานั้นน่าสงสัยเป็นอย่างยิ่ง” ทูตซือคงกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ไม่ ๆ ๆ” ท่านมังกรเขียวส่ายศีรษะ

“หลินอิ่งไม่ได้เป็นคนโดดเด่น เพียงแต่เขาโชคดีเท่านั้น ถ้าคุณรู้ฐานะภูมิหลังของเขา คุณจะไม่ประเมินเขาสูงเกินไป”

“ตอนแรก ผมก็คิดเช่นเดียวกับคุณ ผมได้สังเกตเห็นว่าจู่ ๆ ก็มีคนคนปรากฏตัวขึ้นในตี้จิง ดังนั้นผมจึงได้ตรวจสอบทุกอย่างเกี่ยวกับเขาอย่างลับ ๆ”

“อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ล่าสุดในตี้จิง ได้ขจัดความสงสัยของผมที่มีต่อหลินอิ่งออกไปอย่างสิ้นเชิง”

“อ้อ เรื่องอะไร?” ทูตซือคงถามด้วยความสงสัย

“การที่คนตระกูลหลินแห่งลังยาได้มาที่ตี้จิง…” ท่านมังกรเขียวกล่าวช้า ๆ

“แม่ของหลินอิ่ง เป็นคนของตระกูลหลินแห่งลังยา เพราะเธอหนีออกจากบ้าน ทำให้เป็นเรื่องตลกในแวดวงลึกลับ”

“อะไรนะ หลินอิ่งเป็นคนของตระกูลหลินแห่งลังยา?” ทูตซือคงถามด้วยความประหลาดใจ

“ถูกต้อง ที่ตระกูลหลินแห่งลังยามาที่ตี้จิงคราวนี้ เพื่อมารับช่วงต่อธุรกิจทุกอย่างที่หลินอิ่งได้สร้างไว้ในตี้จิง” ท่านมังกรเขียวยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาและกล่าวอย่างช้า ๆ “นี่แสดงให้เห็นว่าการกระทำของหลินอิ่งทั้งหมดในตี้จิงนั้นเป็นคำสั่งสอนของตระกูลหลินแห่งลังยาเท่านั้น เขาเป็นแค่หมากรุกตัวสำคัญของตระกูลหลินเท่านั้น”

“นี่…” ทูตซือคงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย และเหลือบมองท่านมังกรเขียวแวบหนึ่ง

“ผมยังไม่ได้รับข่าวกรองที่เกี่ยวข้องของเรื่องนี้ ท่านมังกรเขียว ลูกน้องของคุณทำให้ผมรู้สึกประหลาดใจ” ทูตซือคงกล่าวขณะครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

“ถ้าหลินอิ่งเป็นคนของตระกูลหลินแห่งลังยา งั้นทุกเคลื่อนไหวของเขานั้นมันก็ไม่น่าแปลกใจ”

“บางที ผมควรเปลี่ยนทิศทางการสืบสวนของตนเองแล้ว”

“ในทางกลับกัน ท่านมังกรเขียว ในฐานะที่คุณดูแลรับผิดชอบตี้จิง คุณควรระวังคนของตระกูลหลินแห่งลังยาด้วย”

ท่านมังกรเขียวหัวเราะเบา ๆ และกล่าวว่า “คนของตระกูลหลินแห่งลังยามาที่ตี้จิง ถ้าพวกเขาอยู่อย่างสงบในอาณาเขตของตนเองก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าพวกเขาต้องการเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องอื่น ผมจะทำให้พวกเขาตายไร้ดินกลบหน้า”

“ท่านทูต วางใจเถอะ ตี้จิงมีผมดูแลปกครองอยู่ แก๊งมังกรจะครอบครองความยิ่งใหญ่อยู่ที่นี่ตลอดไป”

“คนธรรมดาพวกนั้น ไม่สามารถส่งผลกระทบต่อสถานการณ์โดยรวมได้”

“ท่านมังกรเขียว นี่เป็นเรื่องภายในของคุณ ผมจะไม่พูดมาก เพียงแต่อาจารย์กู้ต้าให้ผมมาที่ตี้จิงเพื่อช่วยเหลือคุณ จุดประสงค์หลักคือเพื่อติดตามการหายตัวไปของท่านมังกรดำและทายาทของอดีตประมุข”

“แม้ว่าหลินอิ่งจะไม่ค่อยน่าสงสัย แต่คุณต้องกลับไปตรวจสอบการเคลื่อนไหวล่าสุดของเขาอีกครั้ง”

ท่านมังกรเขียวกล่าวว่า “ไม่มีปัญหา ไม่ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไร ผมจะตรวจสอบรายชื่อทั้งหมดในรายการนี้อีกครั้ง”

ทูตซือคงพยักหน้าและกล่าวว่า “ถ้าไม่รวมหลินอิ่ง คนที่ผมสงสัยมากที่สุดคือเผยชิงอีจากตระกูลเผยแห่งจี้โจว”

“ไม่รู้ว่า ท่านมังกรเขียวได้ตรวจสอบเด็กหนุ่มคนนี้แล้วหรือยัง?”

“เด็กหนุ่มเผยชิงอี…” ท่านมังกรเขียวกล่าวช้า ๆ

ในห้องลับใต้หลังคา ท่านมังกรเขียวกล่าวและทูตซือคงยังคงการสนทนาลับ

คลื่นพายุที่น่าสะพรึงกลัวกำลังก่อตัวเกิดขึ้นอย่างเงียบ ๆ

ขณะเดียวกัน.

ณ.ตี้จิง เขตจงเทียน อาคารอาคารดวงดาว

ในห้องประชุม ผู้ชายหลายคนนอนอยู่บนพื้นพร้อมกับส่งเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวด

ถังฮุยซึ่งเป็นคนที่ดูแลธุรกิจของหลินอิ่งในตี้จิง ถูกทำร้ายจนหมดสติ และยอดฝีมือหรงหยังก็ถูกทำร้ายจนร่างกายเต็มไปด้วยเลือด และนอนหายใจหอบอยู่บนพื้น

ชายหนุ่มในเสื้อโบราณปักลาย นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทางที่หยิ่งผยอง

“หลินอิ่งอยู่ที่ไหน ทำไมไม่ออกมาพบผม? ผมจะยึดธุรกิจของเขาทั้งหมดในตี้จิงทั้งหมด”

“เมื่อไม่กี่วันก่อน เจ้านายของคุณหยิ่งผยองมากไม่ใช่หรือ? คนของตระกูลหลินแห่งลังยานั้นบอกว่าสู้ก็คือสู้ แล้วทำไมตอนนี้ถึงได้หลบซ่อนตัวล่ะ?”

ชายหนุ่มที่มีคิ้วดาวมองไปที่หรงหยังด้วยสายตาที่เยือกเย็น และถามอย่างเย็นชา

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

Status: Ongoing

บทที่ 1 ชีวิตที่สงบสุขถูกทำลาย

“คุณชายฉี คุณจะปฏิเสธการเชื้อเชิญของ นายท่าน จริงๆหรอค่ะ?’

“ฉันไม่ได้มีแซ่ฉี สักหน่อย ฉันแซ่หลิน”

“แต่คุณก็มีสายเลือดของตระกูลฉี อยู่นะ”

“นับตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาขับไล่พวกเราสองแม่ลูกออกจากบ้านตระกูลฉี ฉันกับคนของตระกูลฉี ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”

ตอนบ่าย ณ เมืองชิงหยูนถนนเย็ยเจียง ในเมืองที่ชลมุ่นวุ่นวายมีรถยนต์เบนท์ลี่ย์ มูซานสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ ซึ่งรถยนต์สวยหรูโดดเด่นมากจนทำให้ผู้คนต่างพากันสนใจ

ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังจัดเก็บอุปกรณ์ย่างบนรถเข็นอยู่

โดยมีชายอาวุโสสวมชุดสูทสีดำคนหนึ่งกำลังก้มโค้งคำนับอยู่ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของ ซึ่งเหมือนกับเขากำลังขอร้องชายหนุ่มอยู่

“คุณชายครับ คุณเองก็รู้ว่า เรื่องในตอนนั้นนายท่านเองก็ถูกสถานการณ์บีบคั้นเหมือนกัน ถึงแม้จะปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อคุณแม่ของคุณ แต่ไม่เคยขับไล่คุณเลยนะครับ….”

“เมื่อหนึ่งปีก่อน คุณท่านป่วยอาการหนักมาก นายท่านเลยให้พวกผมตามหาคุณมาหนึ่งปีเต็ม ใช้ทั้งอำนาจและเส้นสายตามหาคุณเกือบครึ่งประเทศหลุง จนตามหาคุณพบอย่างยากเย็น”

“หรือว่าคุณยอมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง ที่ไม่มีความสูงศักดิ์ แถมยอมถูกตราหน้าแต่ไม่ยอมกลับตระกูลฉี หรอครับ? แต่ตอนนี้คุณเป็นถึงสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลฉี นะ…..”

หลินอิ่ง ค่อยๆพูดว่า “เรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลฉี มายุ่ง และเรื่องของตระกูลฉี ฉันก็ไม่อยากได้ยินด้วย ฉันหวังว่าต่อไปคุณคงไม่มารบกวนชีวิตของผมอีก”

หลังจากเก็บของเรียบร้อย เขาก็หันหลังเดินจากถนนเย็ยเจียง ไป Quick Cash Loans

ชายอาวุโสจ้องมองร่างเงาที่เดินจากไปของหลินอิ่ง โดยไม่ได้เดินตามไป ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างถอนใจออกมา

“ตระกูลฉี หรอ เหอะ…”

เมื่อเดินออกจากถนนเย็ยเจียง หลินอิ่ง ก็หัวเราะประชดเบาๆ พร้อมเผยสายตาเหม่อลอยเล็กน้อย ราวกับกำลังนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่นานมาแล้ว

ตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นตระกูลที่มีความสูงศักดิ์และมีชื่อเสียงระดับต้นๆของประเทศหลุง เลย มีผู้คนจำนวนมากมายต้องการมีความสัมพันธ์กับตระกูลฉี แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถไต่เต้าจนสำเร็จได้

แต่สำหรับ หลินอิ่ง แล้ว ตระกูลฉี คือบาดแผลอันเจ็บปวดภายในใจที่ยากจะลบล้างได้!

หลินอิ่ง เกิดในตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นหลานชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณท่านตระกูลฉี เขาเกิดมาในตระกูลที่มีฐานะสูงส่งและสูงศักดิ์มาก แต่ตอนที่เขาอายุแปดขวบ พ่อของเขาที่มีชื่อว่า ฉีเหอถู ก็หลงรักกับผู้หญิงข้างนอก แถมยังแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกกับพี่น้องเครือญาติกันด้วย และเพื่อเอาชนะ เขาเลยหย่ากับ หลินซูชิง แม่ของเขา แล้วไปแต่งงานกับคนอีกตระกูลหนึ่งที่มีความสูงส่งระดับใน ตี้จิง ด้วย

ถึงแม้ว่า หลินซูชิ จะเกิดในครอบครัวที่ธรรมดา แต่เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก เธอไม่ยอมรับการชดเชยใดๆจากตระกูลฉี เลย ส่วน หลินอิ่ง เองก็ไม่ยอมจากแม่ด้วย เลยหนีไปจากเมือง ตี้จิง กับ หลินซูชิง แม่ของเขา โดยไม่สนใจอุปสรรคจากตระกูลฉี เลย และนับจากที่พวกเขาหายไปจากสายตาของคนตระกูลฉี แม่ลูกก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขมาหลายปี

และเขายังเปลี่ยนแซ่หลิน ตามแม่ของเขาด้วย

สิบปีเต็มแล้ว แต่เมื่อสามปีก่อนแม่ของเขาชีวิตไปเพราะโรคร้าย เดิมทีเขานึกว่าความทรงจำอันเจ็บปวดในชีวิตตอนนั้นคงไม่กลับมาหวนนึกถึงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าคนของตระกูลฉี ตามหาเขาพบแล้ว

หลังจากที่สูบบุหรี่ม้วนหนึ่งเสร็จตรงมุมถนน หลินอิ่ง ก็ไม่คิดมากแล้ว แต่โบกมือเรียกแท็กซี่คันหนึ่งไป รีสอร์ทหลินหลาง

วันนี้เป็นงานแต่งงานของคุณชายตระกูลซูน ตระกูลที่สูงส่งที่สุดในเมืองชิงหยูนกับลูกสาวของ จางหงจูน พี่ใหญ่ของตระกูลจาง งานแต่งงานถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ และได้เชื้อเชิญนักธุรกิจใหญ่ของเมืองชิงหยูนทุกคน รวมทั้งคนของตระกูลจาง ด้วย

ไม่เช่นนั้นด้วยตำแหน่งเพียงลูกเขยในตระกูลจาง คงไม่สามารถมา รีสอร์ทหลินหลาง ตลอดชีวิต

ยี่สิบนาทีต่อมา รถแท็กซี่ก็จอดนอก รีสอร์ทหลินหลาง

หน้าประตูคฤหาสน์ที่มีรถยนต์คันหรูหรา มีผู้หญิงหน้าตาสะสวย รูปร่างผอมเพรียว สวมชุดเดรสสีน้ำเงินคนหนึ่งกำลังจ้องมอง หลินอิ่ง ด้วยสายตาเป็นประกาย

สาวสวยคนนี้คือภรรยาของ หลินอิ่ง มีชื่อว่า จางฉีโม่

เมื่อสองปีก่อน ภายใต้การขอร้องของคุณท่านจางตี้งติ่ง ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ สุดท้าย หลินอิ่ง ก็แต่งงานเข้าตระกูลจาง

ในตอนนั้นเรื่องนี้สร้างความฮือฮาต่อตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองชิงหยูนมาก ทุกคนต่างพากันหัวเราะเยาะว่าคุณท่านจาง สมองเลอะเลือนแล้ว ที่เอาลูกสาวแต่งงานกับเด็กกำพร้าที่ไม่มีเงินและอำนาจ

อีกอย่าง จางฉีโม่ ก็เป็นทั้งผู้หญิงที่สวยที่สุด และยังเป็นคนตระกูลสูงส่งที่สุดของเมืองชิงหยูนด้วย ซึ่งในตอนนั้นมีคุณชายจากตระกูลสูงส่งหลายคนกำลังตามจีบเธออยู่

แต่คิดไม่ถึงว่าคุณท่านจะยกเธอแต่งงานให้กับ หลินอิ่ง ที่ไม่มีหัวนอนเปล่าเท้า!

ซึ่งเรื่องทุกอย่าง มีเพียง หลินอิ่ง กับ จางตี้งติ่ง ที่ทราบเหตุผลที่แท้จริง…..

เมื่อหนึ่งปีก่อน จางตี้งติ่ง ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งความลับที่สำคัญมีเพียง หลินอิ่ง คนเดียวที่ทราบ

ส่วนภรรยาของเขา จางฉีโม่ ไม่เคยยอมรับตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงแม้สุดท้ายยอมแต่งงาน แต่จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่เป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงเลย

นับตั้งแต่ จางตี้งติ่ง เสียชีวิต บริษัทเครื่องประดับจางซื่อก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น พ่อตาของ หลินอิ่ง ที่อยู่ในสงครามครั้งนี้ก็ถูกเตะออกจากสิทธิ์บริษัท และยังไม่ถูกแบ่งหุ้นส่วนบริษัทให้ด้วย สภาพทางสังคมเลยถดถอยลงมาก

ซึ่งพ่อตาและแม่ยายต่างพากันกล่าวโทษต่อ หลินอิ่ง ที่เป็นคนไม่มีอนาคต ไม่มีฐานะทางสังคมที่ดี ไม่มีความสามารถ เงิน และไม่เหมาะสมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง

หลินอิ่ง ได้รับการปฏิบัติต่อคนในตระกูลจาง อย่างเมินเฉย และกลายเป็นคนที่ทุกคนต่างพากันดูถูก

“หลินอิ่ง เดียวตอนเข้างานพูดน้อยๆหน่อยนะ” จางฉีโม่ เผยสีหน้าจริงจังพูดขึ้น “งานวันนี้สำคัญมาก ฉันนำของขวัญชิ้นใหญ่เพื่อข้อร้องกับ พี่หนิง ด้วย ตำแหน่งผู้บริหารโรงงานของพ่อจะสำเร็จหรือเปล่า คงต้องดูคุณลุงว่าจะช่วยเหลือหรือเปล่า”

“ฉันรู้แล้ว” หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย

เมื่อเข้าไป รีสอร์ทหลินหลาง ก็พบว่าภายในรีสอร์ท มีคฤหาสน์ที่ประดับตกแต่งด้วยสีสันแพรวพราว และยังมีสวนดอกไม้ สระน้ำขนาดเล็กด้วย ซึ่งนี้ล้วนเป็นอสังหาริมทรัพย์ของพี่ใหญ่ตระกูลจาง

นอกห้องโถงมีรถยนต์ยี่ห้อคันหรูจอดอยู่แถวหนึ่ง มีทั้งยี่ห้อ Maserati Porsche PORSCHE CAYENNE และยังมี Audi ด้วย

“โธ่ น้องฉี นั่งรถแท็กซี่มาหรอ? ทำไมไม่โทรศัพท์บอกพี่ล่ะ เดียวพี่จะได้ส่งคนขับรถไปรับ วันนี้ถือเป็นวันสำคัญมาก ทำแบบนี้หมายความว่าอะไร? หรือว่าอยากทำให้คนของตระกูลจาง ขายขี้หน้าหรอ?”

มีชายหนุ่มสวมแว่นตากันแดดคนหนึ่งกำลังลงมาจากรถยนต์ยี่ห้อ Porsche เขาถอดแว่นตากันแดดออก พร้อมกับจ้องมอง จางฉีโม่ กับ หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าขบขัน

จางฉีโม่ กัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ โดยไม่พูดอะไร

พ่อตาของ หลินอิ่ง ชื่อว่า จางซิ่วเฟิง นับว่าเป็นคนที่ตกอับมากที่สุดในบรรดาพี่น้องของตระกูลจาง เมื่อก่อนตอนที่ทำงานอยู่จางซื่อกรุ๊ป ก็ถูกบรรดาพี่น้องคอยกีดกั้น ต่อมาก็ถูกเตะออกจากบริษัท สุดท้ายก็ได้รับเพียงโรงงาน โรงงานแปรรูปเครื่องประดับขนาดเล็ก ที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ล้มละลาย แต่เขาก็ฝืนทำงานมาเกือบหนึ่งปี

ดังนั้นด้วยสภาพทางการเงินของบ้าน เลยแทบไม่สามารถซื้อรถยนต์คันหรูให้กับ จางฉีโม่ ได้เลย

“น้องฉี เป็นยังไงล่ะ ในตอนนั้นพี่ให้เธอหย่ากับไอ้ขยะนี้ และจะแนะนำน้องคนที่สามของตระกูลซูน ให้กับเธอ แต่เธอกลับปฏิเสธ หากเธอเชื่อฟังพี่ตั้งแต่แรก เธอคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้หรอก?” ผู้ชายสวมแว่นตากันแดดยิ่งพูดแดกดันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้าสะใจด้วย จนแทบไม่สนใจ หลินอิ่ง ที่อยู่ด้วยเลย “แน่นอนว่าตอนนี้ก็ยังไม่ส่ายหรอก หากเธออยากร่ำรวยมีเงินทองมาขอร้องพี่สิ เดียวพี่จะช่วยแนะนำผู้ชายคนใหม่ให้กับเธอเอง!”

การพูดสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าสามีของคนอื่น ถือเป็นการเสียมารยาทมาก!

“จางเถียนไห่ คุณพูดพอหรือยัง?” จางฉีโม่ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้ามืดครึ้มขึ้น

“โธ่โธ่โธ่ ฉันในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง เห็นเธอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกสงสารที่ต้องใช้ชีวิตกับไอ้ขยะนี้ อุตส่าห์มีน้ำใจอยากชี้ทางให้กับเธอ แต่เธอกลับไม่ฟัง งั้นก็สมน้ำหน้าเธอที่ต้องมีชีวิตยากจนแบบนี้ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ!” จางเถียนไห่ พูดด้วยน้ำเสียงสะใจขึ้น

พูดจบ จางเถียนไห่ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เลยหันหน้ามอง หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าหยอกล้อ

“หลินอิ่ง คนไร้ค่าอย่างนายทำไมถึงมีหน้ามาเข้าร่วมงานแต่งงานของ พี่หนิง ด้วย?” จางเถียนไห่ พูดประชดประชันขึ้น “อ๋อ จริงสิ ได้ยินมาว่าโรงงานของพ่อตานายขาดทุนแล้วหรอ ไม่เห็นมีเงินเดือนออกมาด้วย คงใกล้ล้มละลายแล้วสิ พวกเธอคงมาประจบสอพลอขอยืมเงินคุณลุงเพื่อช่วยเหลือให้พวกเธอผ่านอุปสรรคนี้แน่เลยใช่ไหม?”

หลินอิ่ง เอาแต่จ้องมอง จางเถียนไห่ โดยไม่พูดอะไร

จางซิ่วเฟิง พ่อของ จางฉีโม่ ในตอนนั้นถูกพ่อของ จางเถียนไห่ และน้องคนที่สาม จางหงจูน เตะออกจากจางซื่อกรุ๊ป

แถมการประสบอุปสรรคที่ยากลำบากครั้งนี้ของโรงงานก็เป็นฝีมือของ จางหงจูน ที่อยู่เบื้องหลังด้วย

จางฉีโม่ สูบลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อพยายามอดกลั้นความโกรธ จากนั้นก็พูดกับ หลินอิ่ง ว่า “อดทนไว้ ไม่ต้องไปสนใจเขา วันนี้พวกเรามาทำธุระสำคัญ”

หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองคนก็หันหลังเดินเข้าห้องโถงในคฤหาสน์

“เออ ฉันจะคอยดูว่าไอ้ขยะไร้ค่าอย่างแกจะสามารถอดทนได้นานเท่าไหร่” จางเถียนไห่ จ้องมองร่างเงาของ หลินอิ่ง แล้วยิ้มมุมปากประชดเล็กน้อย

ภายในห้องโถงมีพื้นกว้างมาก ซึ่งก่อสร้างตามแบบฉบับตะวันตก และประดับตกแต่งอย่างหรูหรา อีกทั้งยังปูพรมสีแดงชั้นหนึ่งด้วย

แขกผู้มีเกียรติของตระกูลจาง ต่างพากันเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว

จางฉีโม่ เดินถือกล่องของขวัญที่ประณีตไปเบื้องหน้าเจ้าสาว พร้อมยิ้มแย้มและพูดว่า “พี่หนิง ขอให้พี่มีความสุขกับการแต่งงานนะค่ะ และรักกันจนแก่เฒ่าด้วยนะค่ะ”

จางจี้หนิง เป็นคนมีหน้าตาสะสวย ผิวพรรณขาวนวลเนียน และดูสง่าสูงส่ง แต่หากเปรียบเทียบกับ จางฉีโม่ แล้ว ยังบกพร่องอยู่มาก

เธอเหลือบมอง จางฉีโม่ อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “เอาของขวัญของเธอไว้ตรงนั้นเถอะ”

“พี่หนิง เดียวฉันเดินเป็นเพื่อนพี่ให้นะค่ะ” จางฉีโม่ ยิ้มและพูดขึ้น

“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องมาทำดีกับฉันหรอก ฉันรู้ว่าเธอมีเป้าหมายอะไร เรื่องของพ่อเธอ เราไม่ช่วยหรอก” จางจี้หนิง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมเผยสีหน้าไร้อารมณ์ขึ้น

จางฉีโม่ เริ่มยิ้มอย่างแข็งทื่อ พร้อมเผยสีหน้าน้อยใจจนไม่สามารถกลบเกลื่อนได้ขึ้น

เธอกำหมัดไว้อย่างแน่น จนตัวสั่นเทาเล็กน้อย

ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับ หลินอิ่ง เธอได้รับความเมตตาและเอ็นดูจากคุณท่านมาก เธอเปรียบดั่งไข่มุกของตระกูลจาง เพราะมีแต่คนรักและเอ็นดูเธอ แม้กระทั่ง พี่จี้หนิง ก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้ทำไมถึงเมินเฉยขนาดนี้ด้วย…..

พี่จี้หนิง แต่งงานกับตระกูลที่สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองชิงหยูนนั้นคือลูกชายคนโตของตระกูลซูน ดังนั้นเลยจัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โต แถมยังมีคนของตระกูลจาง มาร่วมแสดงความยินดีถ้วนหน้าด้วย

ส่วนเธอ….

จางฉีโม่ นิ่งเงียบอยู่สักพัก และนึกถึงปัญหาที่ยากลำบากของพ่อตัวเองในตอนนี้ จากนั้นเธอห็ฝืนยิ้มขึ้นมา แล้วเดินตาม จางจี้หนิง จากไป…….

เมื่อ หลินอิ่ง ที่นั่งอยู่เห็นฉากนี้ก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads แทงบอลออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน