บทที่ 69 ได้รับอันตรายจากเหตุจลาจล
ไม่ให้ลี่โม่อวี่มีโอกาสได้พูด หลงอี้เซวียนเดินเข้ามาหา โอบประคองฉินอีหลินเดินไปยังประตู “คุณลี่ ในเมื่อคุณนายลี่มาแล้ว พวกเราคงไม่รบกวนแล้ว ลาก่อนครับ”
ลี่โม่อวี่ยังไม่ทันมีเหตุผลรั้งไว้ ทำได้เพียงมองหญิงสาวเดินจากไป
หลงอี้เซวียนประคองฉินอีหลินเดินไปยังลิฟท์ ระหว่างทางต่างฝ่ายต่างเงียบ แต่ก็อดไม่ได้เอ่ยถาม “พี่ เมื่อกี้ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ?”
ฉินอีหลินยิ้มอย่างอารมณ์ดี เห็นสีหน้าพ่ายแพ้ของมู่หลิงแล้วเธอมีความสุขมาก
เอียงคอเล็กน้อย ฉินอีหลินทำหน้าตาทะเล้นใส่หลงอี้เซวียน ค่อยเอ่ยออกมาอย่างเชื่องช้า
“สิ่งที่จะทำร้ายคนได้ดีที่สุดนั้นไม่ใช่อาวุธ แต่เป็นคนที่สนใจ”
“เฮ้อ”
หลงอี้เซวียนฟังจบก็อดไม่ได้ถอนหายใจพร้อมส่ายหัว นึกกลับไปถึงใบหน้าซีดขาวของมู่หลิง เขาจึงหัวเราะออกมาเบาๆ
พี่สาวของเขาแอบยืมมือลี่โม่อวี่ทำร้ายจิตใจของเธอ
แต่ว่า ถึงแม้วิธีแบบนี้จะไม่เลว แต่เขาก็ยังเป็นห่วง ว่าพี่สาวของเขาจะเล่นกับไฟ
ฉินอีหลินราวกับรู้ว่าเขากำลังคิดอะไร ตอนนั้นจึงหยักไหล่อย่างไม่สนใจ
ในตอนนั้นเอง ลิฟท์มาถึงแล้วพอดี
“เข้าไปเถอะ”
หลงอี้เซวียนรู้ว่าพี่สาวตัวเองรู้น้ำหนักในเรื่องนี้ จึงไม่ต่อล้อต่อเถียงอีก แตะแผ่นหลังผลักเธอเข้าไปในลิฟท์ หลังจากนั้นเขาเอ่ยถามทันที “มามี๊ให้พี่ไปเดินช็อปเป็นเพื่อน พี่มาโรงพยาบาลกะทันหันแบบนี้ มามี๊คงไม่โมโหแล้วใช่ไหม”
“เฮ้ย ฉันลืมไปเลย”
ฉินอีหลินตบหน้าผาก พูดออกมาอย่างลำบาก เธอจินตนาการถึงความโมโหของมามี๊ได้ดี
“รีบโทรหา…….ระวัง!”
พึ่งจะเดินออกประตูโรงพยาบาล เสียงปืนก็ดังสนั่นทั่วทุกสารทิศ
หลงอี้เซวียนรีบผลักพี่สาวของเขา ให้เธอเข้าไปหลบหลังรถคันหนึ่ง หลบห่ากระสุนที่พุ่งมาราวกับสายฝน
“เสี่ยวเซวียน!”
ฉินอีหลินที่กำลังพูดหยอกล้ออยู่กับน้องชาย ยังไม่ทันตั้งตัว เธอก็ถูกผลักออก น้องชายของเธอถูกกระสุนฝังเข้าที่แขนขวา หลบอยู่หลังเสาหินอย่างระมัดระวัง
เสียงปืนยังไม่หยุด รอบด้านมีเสียงกรีดร้องจากกลุ่มคนโชคร้ายเหล่านั้น และเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวด
เลือด…………
จมูกของฉินอีหลินได้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง เธอหลบอยู่ข้างในไม่กล้าออกไปข้างนอกสุ่มสี่สุ่มห้า ขณะเดียวกันก็มองไปยังน้องชายของตน
“พี่ หมอบลง!”
หลงอี้เซวียนเห็นรอยกระสุนฝังลึกอยู่ด้านหลังพี่สาวของเขา เขารู้สึกหวาดกลัวไปหมด ในเวลาเดียวกันก็รีบพุ่งเข้าไปหาพี่สาวโดยไม่คิดชีวิต
ปัง
ฉินอีหลินยังไม่ทันได้รับรู้ ร่างกายก็ถูกหลงอี้เซวียนกดทับลงมา
“เสี่ยวเซวียน?”
เธอสัมผัสคนด้านบนด้วยความตกใจ ไม่ทันระวังสัมผัสไปโดนความเปียกชื้นและกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งรุนแรง ริมฝีปากสั่นเทาเอ่ยออกมา “เสี่ยวเซวียน เธอจะทำให้พี่ตกใจนะ พูดอะไรหน่อยสิ”
“พี่ ผมไม่เป็นไร ฮึก…..โดนยิงที่แขนไม่ได้เป็นอะไรมาก วางใจได้”
หลงอี้เซวียนหันกลับไปก็เป็นปืน เสียดายที่คนนั้นเห็นตัวเองโผล่ออกมา ชั่วพริบตาก็ซ่อนตัว
ไม่มีใครสามารถมาทำร้ายพี่สาวเขาได้ เขากดหน้าอกตัวเองเอาไว้ แกล้งทำเป็นไม่เป็นอะไร
“งั้นก็ดี….”
ฉินอีหลินถอนหายใจ ต่อมาได้แต่หมอบอยู่บนพื้นฟังเสียงปืนดังสนั่น
แต่เสียงปืนนั้นดังอยู่ไม่นาน เสียงรถตำรวจก็ดังขึ้น กลุ่มคนพวกนั้นราวกับคุ้นเคยเส้นทางเป็นอย่างดี ชั่วพริบตาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
รอจนกระทั่งผู้ก่อจลาจลหนีหายไปหมด อันตรายหมดไป เหล่าหมอพยาบาลพากันกรูเข้ามาดูคนเจ็บ
“โอเคแล้ว เธอลุก…..เธอหลอกฉัน! เร็ว ลุกขึ้น พี่พาเธอไปตรวจ”
ฉินอีหลินลุกออกจากร่างของน้องชาย เธอเห็นเลือดตรงหน้าอกของน้องชายไหลไม่หยุด น้ำตาหยดโตร่วงเผลาะ ใบหน้าซีดขาว ไม่รอให้อีกฝ่ายได้พูด เธอรีบพยุงเขาเข้าไปในโรงพยาบาล
มองน้องชายถูกเข็นเข้าห้องผ่าตัด น้ำตาของเธอร่วงลงอย่างหยุดไม่อยู่ ต่อสายหาอานหน้า ฉินอีหลินราวกับเจอที่พึ่งเธอสะอื้นไห้ออกมา
“แม่คะ เสี่ยวเซวียนได้รับบาดเจ็บ พวกเราอยู่ที่โรงพยาบาลใจกลางเมือง พวกคุณรีบมา”
รอไม่นาน หลงเซี่ยวเทียนพยุงภรรยารีบร้อนเดินมาที่หน้าห้องผ่าตัด
“เกิดอะไรขึ้น เสี่ยวเซวียนบาดเจ็บตรงไหน?”
เมื่ออานหน้าตกใจมือไม้อ่อน หลงเซี่ยวเทียนจึงต้องนิ่งมีสติมากขึ้น ตบหลังหญิงสาวในอ้อมกอดอย่างปลอบประโลม เขาเอ่ยเสียงหนัก
“เมื่อครู่เสี่ยวเซวียนพาหนูมาตรวจร่างกาย แต่พอออกจากโรงพยาบาล พวกเราก็เจอกับการก่อจลาจล เสี่ยวเซวียนปกป้องหนูจนถูกยิงเข้าที่อก ตอนนี้ยังไม่ทราบสถานการณ์”
ฉินอีหลินทั้งเช็ดน้ำตา ทั้งเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง เพียงแต่แก้ไขเหตุผลที่ต้องมาโรงพยาบาลเล็กน้อย
เธอไม่อยากให้พ่อกับแม่เธอรู้ ลี่โม่อวี่เกิดอุบัติเหตุเพราะเธอ
“ใจเย็น เสี่ยวเซวียนจะไม่เป็นไร”
ตบหลังฉินอีหลินเบาๆ หลงเซี่ยวเทียนอดไม่ได้มองสบตากับภรรยาของตนอีกครั้ง
จลาจล…..
พวกเขาหวังว่านี่จะเป็นเพียงการก่อจลาจลธรรมดา
หลงเซี่ยวเทียนทั้งปลอบประโลมหญิงสาวทั้งสอง อีกทั้งยังเฝ้ารอคอยการทำการผ่าตัด
ไม่ใช่เขาไม่ร้อนใจ ไม่เป็นห่วง เพียงแต่เกิดเรื่องแบบนี้แล้ว เขาเป็นหัวหน้าครอบครัว จะขาดสติเพราะหวาดกลัวไม่ได้
ประตูห้องผ่าตัดถูกเปิดออก หลงเซี่ยวเทียนลุกขึ้นมาจากที่นั่ง น้ำเสียงแอบสั่นเทาเล็กน้อย สงบสติอารมณ์ เอ่ยถามเสียงทุ้ม “ คุณหมอ ลูกชายผมเป็นยังไงบ้างครับ?”
อานหน้าและฉินอีหลินจับมือกันแน่นด้วยความกังวล มองไปยังคุณหมอที่สีหน้าไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆอย่างเคร่งเครียด
“เราได้นำกระสุนที่ถูกฝังอยู่ในร่างกายคนไข้ออกแล้ว กระสุนไม่โดนจุดสำคัญ แต่เสียเลือดไปมาก จำเป็นต้องส่งไปที่ห้องพักฟื้น พวกคุณใครจะไปเดินเรื่องครับ?”
หมอคนนั้นเช็ดเหงื่อที่ผุดออกมา มองไปยังหญิงสาวสองคนที่นั่งร้องไห้ แล้วเอ่ยกับหลงเซี่ยวเทียน
มองไปยังใบหน้าที่สลบไสล หลงเซี่ยวเทียนจึงตามพยาบาลไปเดินเรื่อง อานหน้าและฉินอีหลินเดินตามหลังพยาบาลไปอีกทาง
เพียงแต่ทางเดินนั้นยิ่งเดินยิ่งคุ้น ในใจของฉินอีหลินมีลางสังหรณ์แปลกๆ
พอเปิดประตู ลี่โม่อวี่ก็มองคนที่อยู่ตรงประตู ตกใจเล็กน้อย ใบหน้าจะยิ้มก็ไม่ยิ้มมองฉินอีหลินที่ทำอะไรไม่ถูก
ที่จริงฉินอีหลินไม่คาดคิด ว่าหลงอี้เซวียนจะถูกย้ายมาห้องของลี่โม่อวี่
อานหน้าที่กำลังมองใบหน้าสลบไสลของลูกชายอยู่นั้น แต่เพียงเงยหน้า เธอก็พบว่าอีกคนนั้นเป็นผู้ชายที่เธอเกลียดถึงขั้นสุด
ใบหน้าเรียบตึง เธอยังคงเป็นคุณหญิงที่สง่างาม
“เขาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
จริงๆในตอนที่อานหน้าเงยหน้าขึ้นมา ในหัวของฉินอีหลินมีเพียงสองคำ……..ตายแล้ว