บทที่ 136 เป้าหมายสูงสุดของการทดลอง
ฉินอีหลินมองไปรอบๆ เงียบสงบไม่มีใคร เมื่อสักครู่ที่เธอลงจากรถ ก็มองไม่เห็นใครเดินเข้ามา ทันใดนั้นเองผู้อำนวยการลี่ก็โผล่ออกมา สงสัยคงจะหลบลี่โม่อวี่
พอคิดว่าลี่อานโก๋อยากคุยกับตัวเองเป็นการส่วนตัว ฉินอีหลินรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา เอ่ยถามอย่างนอบน้อม “ผู้อำนวยการลี่ คุณมาหาฉันมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ”
ผู้อำนวยการลี่ พยักหน้า พลางเอ่ยถาม “คุณฉินพอมีเวลามั้ยครับ”
ชายตรงหน้าไม่โกรธ ท่าทางน่าเกรงขาม เดินมาหยุดอยู่ตรงนั้น ด้วยความเงียบสงบ บวกกับฉินอีหลินรู้ว่าผู้อำนวยการลี่เป็นพ่อของลี่โม่อวี่ แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้พบกัน แต่ฉินอีหลินก็ยังคงกังวลอยู่บ้าง
ใบหน้าของเธอเผยความลำบากใจออกมา บอก “ผู้อำนวยการลี่ คุณมีธุระอะไรก็พูดมาตอนนี้เถอะค่ะ”
เรื่องของลี่โม่อวี่และพ่อของเขา ฉินอีหลินไม่อยากเข้าไปยุ่งด้วย ตอนนี้มาเจอกัน เกรงว่าคงจะไม่เหมาะ
ผู้อำนวยการลี่ไม่ได้ตอบคำถาม ใบหน้าจริงจังไม่มีรอยยิ้มแม้เพียงเล็กน้อย เขายืนตัวตรง การแต่งการเป็นระเบียบสะอาดสะอ้าน มีรังสีแผ่ออกมา
ลี่อานโก๋ดวงตาราบเรียบมองฉินอีหลินพลางถาม “หรือว่าคุณหลินไม่รู้หรอว่าทำไมลูกสาวของตัวเองถึงถูกจับตัวไป”
สิ้นคำพูดนั้น ฉินอีหลินรีบเงยหน้าขึ้น จ้องมองดวงตาเรียบนิ่งของลี่อานโก๋ ใจเธอสั่นระรัว แต่พยายามรักษาความสงบเอาไว้ เอ่ยถาม “หรือว่าผู้อำนวยการลี่รู้สถานการณ์เบื้องลึก”
ลี่อานโก๋ไม่ได้ปฏิเสธ แต่ตั้งใจพูดประโยคหนึ่งออกมา “ยืนอยู่ในตำแหน่งของผม มีบางเรื่องที่ไม่อยากรู้แต่มันก็เป็นไปไม่ได้”
ฉินอีหลินชะงัก ยืนนิ่งคิดอยู่ตรงนั้น ทบทวนถึงความน่าเชื่อถือของคนตรงหน้า เห็นได้ชัด ลี่อานโก๋ไม่มีเหตุผลที่ต้องโกหกเธอ รู้สึกลังเลชั่วครู่ ฉินอีหลินจึงพยักหน้า
ราวกับลี่อานโก๋ไม่คาดคิดอยู่แล้วว่าฉินอีหลินจะปฏิเสธ เพียงสะบัดมือ รถที่จอดอยู่ก่อนแล้วก็ขับออกมา เขานำขึ้นไปก่อน
ฉินอีหลินมองไปรอบๆ ยังไม่วางใจอย่างเห็นได้ชัด แต่ตอนนี้เธอปฏิเสธไม่ได้แล้ว ได้แต่ตามขึ้นรถไป
ลี่อานโก๋มองออกถึงความกังวลของฉินอีหลิน นั่งอยู่ตรงหน้าพร้อมบอก “คุณฉินวางใจ อยู่ตรงหน้าไม่ไกลนี่เอง”
ฉินอีหลินพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรอีก แล้วคิดทบทวนถึงเหตุผลของการลักพาตัวตนเอง แล้วก็แปลกใจลี่อานโก๋รู้เบื้องหลังได้ยังไง
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง รถก็หยุดลงที่หน้าร้านน้ำชาแห่งหนึ่ง ร้านชาไม่ใหญ่ ทว่าเงียบสงบ
ชายคนนั้นเดินไปพลางเอ่ย “ที่นี่เป็นร้านเพื่อนของผม เหมาะที่จะคุยธุระ คุณวางใจได้”
ฉินอีหลินยังคงไม่เอ่ยอะไรออกมา ทำเพียงพยักหน้าเบาๆ
มาถึงห้องวีไอพี เมื่อนั่งลงแล้วฉินอีหลินค่อยเอ่ยปาก “ผู้อำนวยการลี่ คุณจะบอกฉันได้ไหมคะ ว่าเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่”
ผู้อำนวยการลี่ไม่รีบร้อน มองสำรวจฉินอีหลินก่อนเล็กน้อย ไม่รีบไม่ร้อน ตลอดทางไม่ได้ถามอะไรเลยสักนิด เป็นคนอารมณ์มั่นคงทีเดียว ผู้อำนวยการลี่พยักหน้าเล็กน้อย พึงพอใจฉินอีหลิน
แม้ฉินอีหลินจะร้อนใจ แต่ท่าทางของอีกฝ่าย บวกกับการที่เขาเป็นพ่อของลี่โม่อวี่ ฉินอีหลินยังคงใจเย็น รอให้ลี่อานโก๋เอ่ยปากออกมาเอง
ไม่นาน ผู้อำนวยการลี่มองฉินอีหลินแล้วเอ่ยออกมาช้าๆ “คุณฉิน เชื่อว่าตัวคุณเองก็เข้าใจเป็นอย่างดี เป้าหมายของพวกเขาก็คือคุณ ถูกไหม”
แววตาของฉินอีหลินไม่มีอาการตกใจใดๆ พยักหน้าให้ ดวงตามองไม่ยังชายตรงหน้า บอกใบ้ให้เขาพูดต่อ
ลี่อานโก๋พยักหน้า มือขวายกน้ำชาขึ้นดื่ม ค่อยบอกอย่างจริงจัง “ตอนนี้คุณคงจะรู้จักแก๊ง K แล้ว”
เห็นว่าฉินอีหลินพยักหน้าอีกครั้ง ผู้อำนวยการลี่ค่อยพูดต่อ “ตอนนั้นแก๊ง K ได้ทำการทดลอง มีชื่อว่า H1 แต่ต่อมาเพราะเหตุผลมากมาย ทุกคนที่ได้รับการฉีดH1ต่างก็ไม่อยู่แล้ว เดิมคิดว่าเรื่องนี้มันจบไปแล้ว แต่เมื่อหลายปีหลังจากนั้น พวกเขาก็ค้นพบอย่างน่าตกใจ ตัวทดลองในตอนนั้นยังคงมีชีวิตอยู่”
พูดมาถึงตรงนี้ ผู้อำนวยการลี่มองใบหน้าไร้ความรู้สึกของฉินอีหลินเล็กน้อย
ฉินอีหลินไม่รู้ว่าทำไมลี่อานโก๋ต้องพูดถึงเรื่องการทดลอง H1กับเธอ หรือว่ามันจะเกี่ยวข้องกับเธอ
เมื่อเธอลองลำดับเหตุการณ์ตามที่ผู้อำนวยการลี่บอก แม้กระทั่งเธอก็ต้องตะลึงงัน จากนั้นจ้องลี่อานโก๋ด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ
ลี่อานโก๋มองท่าทีของเธอก็รู้แล้วว่าเธอเข้าใจแล้ว ดังนั้นจึงพยักหน้าอย่างไม่ปิดบัง แล้วพูดต่อ “ใช่แล้ว คุณคือตัวทดลองหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ของ H1 ตอนนี้คุณคงจะรู้เหตุผลแล้วว่าทำไมแก๊ง K ถึงไม่ยอมปล่อยคุณใช่ไหม”
ฉินอีหลินเม้มปากแน่นไม่ตอบ เธอไม่คาดคิดว่าเบื้องหลังของการจับตัวเธอจะมีเหตุผลที่น่ากลัวขนาดนี้ บางครั้งเธอก็เคยคาดเดาว่าทำไมแก๊ง K ถึงต้องลงมือกับเธอ บวกกับคำพูดของชิวหันเยียน ทำให้เธอรู้จักกับร่างกายตัวเองมากขึ้น
แต่ทั้งหมดนี้ ลี่อานโก๋รู้ได้ยังไงกัน
หากเธอเป็นตัวทดลองเพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ ตามหลักการแก๊ง K ควรจะเก็บเป็นความลับเอาไว้สิถึงจะถูก
ลี่อานโก๋เห็นท่าทางสงสัยของเธอ แอบตกใจกับความฉลาดของฉินอีหลิน แต่เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว ผู้อำนวยการลี่ก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังต่อไป ดังนั้นเขาจึงเอ่ยต่อ “ไม่เพียงแต่แก๊ง K ที่ต้องการตัวคุณ รวมทั้งประเทศเราด้วย ต่างก็ต้องการเลือดของคุณ ผมพูดแบบนี้ คุณเข้าใจไหม”
ฉินอีหลินพยักหน้า แม้จะรู้เหตุผลของการลักพาตัวเอง แต่เธอก็ยังไม่เข้าใจ เธอถามอย่างสงสัย “ผู้อำนวยการลี่ งั้นคุณน่าจะรู้ว่าเป้าหมายสูงสุดการทดลอง NI คืออะไรไหมคะ”
ผู้อำนวยการลี่พยักหน้า เขายังมีข้อมูลของN1 เข้าใจเกี่ยวกับพวกนี้ดี แต่ตอนแรกเขาไม่คิดว่า ตัวทดลองที่เหลืออยู่ของ N1 จะเป็นผู้หญิงที่ลูกชายของเขารัก ตอนนี้คนที่ถูกจับตัวไปยังเป็นหลานสาวของเขาอีก
“การทดลองของ H1 คือการเปลี่ยนเซลล์ของคน ทำให้ร่างกายของคนนั้นแข็งแกร่งยิ่งขึ้น แก๊งK คิดจะใช้ H1กับทหาร พัฒนากำลังกองทัพของประเทศ”
พูดมาถึงตรงนี้ ใบหน้าของผู้อำนวยการลี่เข้มขึ้น ใบหน้าที่จริงจังสามารถบอกถึงความเลวร้ายของเรื่องราวได้”
ฉินอีหลินชะงักอีกครั้ง หากN1สามารถเปลี่ยนแปลงเซลล์ของคนได้จริง เพิ่มความแข็งแกร่งให้กองทัพ งั้นสำหรับประเทศก็จะเป็นงานวิจัยที่ขาดไม่ได้ มิน่าพวกเขาถึงไม่ยอมวางมือ คิดจะลักพาตัวเธออยู่ตลอด”
คำบอกเล่าของลี่อานโก๋ทำให้เธอเริ่มเข้าใจสถานการณ์ เนื่องจากประเทศยังคงต้องการ ลี่อานโก๋รู้ก็ไม่แปลกอะไร แต่ตอนนี้เขามาหาด้วยตัวเอง ทำให้ฉินอีหลินมีลางสังหรณ์ไม่ค่อยดี
ฉินอีหลินยังคงรักษารอยยิ้มอย่างมีมารยาท เธอค่อยๆจัดการกับอารมณ์ ถามอย่างสงสัย “ผู้อำนวยการลี่ ตลอดยี่สิบกว่าปีมานี้ไม่เคยมาหาลี่โม่อวี่ ตอนนี้โผล่มา คงไม่ใช่เพราะฉันใช่ไหมคะ”