บทที่ 354 บอสลึกลับ
อ้ายหลุนขับรถได้นิ่มมาก
ลี่โม่อวี่กับฉินอีหลินไม่รู้สึกถึงแรงกระเทือนเลย
เฟอร์รารีสีแดงพุ่งไปบนถนนทางตรงเร็วปานลมกรด แถวนี้เป็นทุ่งนาสุดลูกหูลูกตา
สิ่งที่ทำให้พวกเขาทั้งสามแปลกใจก็คือถนนในวันนี้ดูเงียบเป็นพิเศษ พวกเขามองไม่เห็นรถคันใดในสายตาเลย พวกเขาได้กลิ่นของความวิตกกังวล สีหน้าลี่โม่อวี่ที่นั่งเบาะหลังเริ่มตึงเครียด อ้ายหลุนก็กำพวงมาลัยแน่น
ศัตรูที่ไม่รู้จักคือศัตรูที่น่ากลัวที่สุด
ขณะเส้นประสาทของทุกคนตึงเครียด ทันใดนั้นฮัมเมอร์สีดำสองคันก็วิ่งออกมาจากทุ่งนาใกล้ๆ ฮัมเมอร์คำรามแล้วเบียดเข้าใกล้เฟอร์รารีแล้วพยายามจะขับหนีบทั้งซ้ายและขวา
เมื่อเฟอร์รารีอยู่ต่อหน้ารถคันยักษ์ทั้งสองก็มันเหมือนลูกแกะอ่อนแอรอเชือด
หน้าต่างรถที่มืดทำให้พวกเขามองไม่เห็นสถานการณ์ภายในฮัมเมอร์ ในขณะที่จู่ๆฮัมเมอร์ทั้งสองพุ่งเข้ามา อ้ายหลุนก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว แต่ในถนนแคบๆแบบนี้ทำให้การตอบสนองของเขาไร้ผล
เมื่อเห็นรถสีดำทั้งสองด้านบีบเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆ คนทั้งสามคนที่นั่งอยู่ในรถก็ดูสงบเป็นพิเศษ อ้ายหลุนจับพวงมาลัยแน่นมุมปากมีรอยยิ้มที่มองไม่เห็น เขาขับรถอย่างชำนาญมาก
ทันใดนั้นอ้ายหลุนก็เหยียบเบรกรถเฟอร์รารีสุดหรูกะทันหันราวกับมีกำแพงก็โผล่ขึ้นมาข้างหน้า รอยเบรกลากยาวไปไม่เกินสิบเมตร การเบรกในเวลาสั้นๆทำให้ท้องของทั้งสามคนในรถหมุนขึ้นหมุนลง
แต่เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นด้านหน้ารถ ทั้งสามก็โล่งใจ
ข้างหน้ากระจก รถฮัมเมอร์สองคันที่เดิมต้องการจะบีบเฟอร์รารีกระแทกเข้าหากันอย่างกะทันหันตามคาด
“ตูม!”
เนื่องจากตัวรถมีน้ำหนักมากจึงเกิดเสียงชนเสียงดังขึ้น
ฮัมเมอร์สีดำสองคันชนกันอย่างรุนแรงสูญเสียการควบคุมจึงหมุนเข้าข้างทางไป แม้ตัวรถจะมั่นคงแค่ไหนแค่ถ้าพลิกไปเช่นนี้ไม่นานรถก็แยกส่วน
เพราะทั้งสองข้างทางเต็มไปด้วยฝุ่นโคลนของทุ่งนา จึงทำให้ฝุ่นคลุ้งมาที่ตัวรถเฟอร์รารี ลี่โม่อวี่กับอ้ายหลุนเดินลงเงยหน้ามองดูฝุ่นที่กระจัดกระจายเผยให้เห็นเศษเหล็กของทั้งสองฝั่งอย่างไร้ความเห็นใจ
“ดูเหมือนว่าศัตรูจะแข็งแกร่งกว่าที่เราคิดไว้เยอะ” อ้ายหลุนพูด
ลี่โม่อวี่ได้ฟังก็พยักหน้า เขาสงสัยว่าศัตรูรู้ที่อยู่ระหว่างเดินทางของเขาได้อย่างไร หากมู่ชุนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ แล้วเขาจะมีความแข็งแกร่งเช่นนี้ในประเทศMได้อย่างไร ลี่โม่อวี่ไม่รู้จะทำอย่างไรไปชั่วขณะ
บรรยากาศของความอันตรายแผ่ปกคลุมทุ่งนาว่างเปล่าข้างล่าง บนถนนมีเพียงเฟอร์รารีสีแดงจอดอยู่เงียบๆ รอบๆตัวว่างเปล่าไร้คน ขณะที่ทั้งสองกำลังหันกลับไปขึ้นรถนั้นอันตรายก็มาถึงอีกครั้ง ที่ถนนก็ทอดยาวออกไปสุดขอบฟ้าอันไกลโพ้นมีเงาสีดำเรียงเป็นแถวไม่ใช่แค่ด้านหน้าแต่ด้านหลังก็เช่นกัน
“เร็วเข้า! ขึ้นรถ!” ลี่โม่อวี่รีบตะโกนบอกอ้ายหลุน เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ลี่โม่อวี่คิดได้เพียงว่าต้องหนีจากด้านข้างให้เร็วที่สุด
ทั้งสองขยับอย่างรวดเร็ว หลังจากขึ้นรถแล้ว อ้ายหลุนก็คาดเข็มขัดนิรภัยแล้วมองไปที่ศัตรูที่กำลังใกล้เข้ามาผ่านทางกระจกรถ อ้ายหลุนกัดริมฝีปากแล้วพูดกับลี่โม่อวี่ที่อยู่ด้านข้าง “ลงไป!” อ้ายหลุนพูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
พอลี่โม่อวี่ได้ยินเช่นนั้นก็มองอ้ายหลุนอย่างอึ้งๆจากนั้นก็มองอย่างเย็นชา “อีหลินลงจากรถเถอะ”
เขานึกว่าอ้ายหลุนจะทิ้งพวกเขา แต่ในเมื่อศัตรูมีมากขนาดนั้น การที่อ้ายหลุนทำแบบนี้ก็เข้าใจได้
ฉินอีหลินซึ่งนั่งอยู่ข้างหลังโดยตลอดมีสีหน้าซีดเผือดแล้วมองอ้ายหลุนอย่างผิดหวัง “ขี้ขลาด!” จากนั้นก็ลงรถตามลี่โม่อวี่ไป
พอปิดประตูรถทั้งสองคนก็ไม่ได้หันกลับไปมองร่างของคนที่ทำให้พวกเขารู้สึกผิดหวังอีกแล้ววิ่งตรงไปที่ทุ่งนาที่หนาแน่นด้านข้าง
ตอนนี้เป็นฤดูหนาว แม้ไม่มีพืชผลแต่ก็ยังมีฟางแห้งที่สามารถใช้ซ่อนพวกเขาได้
อ้ายหลุนที่นั่งรอให้ลี่โม่อวี่และฉินอีหลินลงรถไปอย่างไม่ใส่ใจ ตอนนี้แววตาเขาไม่ได้เย็นชาเหมือนเมื่อกี้แล้ว
เขาจ้องมองศัตรูที่อยู่ด้านหน้ารวมทั้งศัตรูในกระจกมองหลังแล้วมุมปากเขาก็เผยรอยยิ้มดูถูกออกมา
ลี่โม่อวี่ที่ไม่ได้ยินเสียงออกรถของเฟอร์รารีจึงขมวดคิ้วแล้วหันกลับไปมอง
เขากลับพบว่าเฟอร์รารีส่งเสียงร้องอย่างอึดอัดเมื่ออ้ายหลุนเหยียบคันเร่งราวกับสัตว์ร้ายที่พร้อมจะลุย
ทันใดนั้นลี่โม่อวี่ก็เข้าใจอะไรบางอย่าง ขณะที่เขาจะหันกลับไปหยุดรถคันสีแดงนั้น เฟอร์รารีกลับพุ่งออกไปราวกับธนูที่ออกจากเชือก เป้าหมายของเขาคือขบวนรถที่อยู่ข้างหน้า
ลี่โม่อวี่ไม่ได้มองต่อ เขาหันหน้ามาแล้วบอกฉินอีหลินทันทีว่า “ไป!” พอเธอได้ยินก็ละสายตาออก
ทั้งสองคนสาวเท่าเร่งก้าวเข้าไปในกองฟาง ขบวนรถด้านหน้าและด้านหลังที่สกัดกั้นพวกเขาไม่รู้ว่าพวกเขาลงมาก่อน ลี่โม่อวี่เดินนำเพื่อนำทางโดยมีฉินอีหลินตามไปติดๆ ทั้งสองคนเงียบไม่พูดอะไรราวกับตกอยู่ห้วงความคิดของเหตุการณ์ก่อนหน้านี้อยู่
ตอนนี้พวกเขาไม่รู้ว่าตัวเองควรจะไปที่ไหน ลี่โม่อวี่ก็ไม่กล้าไปสนามบิน
ศัตรูมีแนวโน้มที่จะซุ่มโจมตีอยู่ที่นั่น เขาคิดตลอดเวลาว่าศัตรูรู้ที่อยู่ของพวกเขาได้อย่างไร
ทันใดนั้นลี่โม่อวี่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ หลังจากตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนเขาก็ไม่พบอะไร แต่เพื่อความปลอดภัยเขาจึงปิดโทรศัพท์แล้วโยนมันทิ้งในทุ่งนา ฉินอีหลินก็ทำเช่นเดียวกัน
“โม่อวี่ เราควรทำอะไรต่อไปดี?”
ฉินอีหลินในเวลานี้ไม่ได้กังวลเหมือนตอนที่เพิ่งเกิดอุบัติเหตุ เธอเงียบและสงบมากขึ้น เพราะลมแรงทำให้เธอรู้สึกหนาวเพราะไม่ได้สวมเสื้อมาหนาพอ เธอจึงขดตัวเล็กน้อย
ลี่โม่อวี่มองฉินอีหลินด้วยความปวดใจ เขาจึงถอดเสื้อคลุมสีดำตัวเองออกแล้วคลุมร่างฉินอีหลินไว้
“ไม่ต้องห่วง จะต้องมีทางออก” ลี่โม่อวี่จับมือฉินอีหลินแล้วทั้งสองก็เดินตามกันในทุ่งนา
…
ขณะที่ทั้งสองคนปิดโทรศัพท์แล้วโยนทิ้งนั้น ณ ห้องในคฤหาสน์ตระกูลหลง มู่ชุนก้มหน้ารายงานสถานการณ์ให้คนตรงหน้าว่า “ท่านครับ สองคนนั้นหายไปแล้ว แต่เราจับหลานชายของGeoffreyได้ และตอนนี้ลูกน้องกำลังตรวจสอบพื้นที่ที่พวกเขาหายตัวไปทุกตารางนิ้วครับ”
“อืม ออกไปได้”
เจ้าของเสียงนั้นกำลังนั่งอยู่บนม้านั่ง แต่ฝั่งที่หันหน้าไปกลับเป็นหน้าต่าง เผยให้เห็นแค่แผ่นหลังที่ลึกลับ ใครก็คิดไม่ถึงว่าเบื้องหลังของมู่ชุนยังมีบอสที่ใหญ่กว่าซ่อนอยู่
พอมู่ชุนออกจากห้อง เหงื่อก็ผุดบนใบหน้าหม่นของเขา
เขาถอนหายใจเบาๆแล้วพูดในใจ : ผลแรงกดดันต่อหน้าท่านนั้นสูงมาก โชคดีที่ฉันไม่ใช่ศัตรูของท่าน
เขายิ้มอย่างปีติยินดี แต่กลับดูน่าสมเพชมากมู่ชุนเหลือบมองแผ่นหลังลึกลับเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นหมุนตัวที่เตี้ยของตนออกจากที่นี่