บทที่ 413 เรื่องน่าตลกที่สุดของเมืองตี้ตู
ภายใต้จิตใจที่มั่นคงของลี่โม่อวี่ การรวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียวของคนและปืนนั้นเกิดขึ้นอีกครั้ง เป้าหมายอยู่ห่างจากเขาในระยะประมาณไม่ถึง 1500เมตร เทียบกับระยะการยิงของ MK60แล้ว ระยะใกล้แค่นี้ไม่นับประสาอะไร
ลมหายใจเข้าสู่สภาวะปกติ ใจนิ่งดั่งน้ำ ปล่อยวางความวุ่นวาย นี่คือลี่โม่อวี่ในตอนนี้
“ฟิ้ว” เสียงดังขึ้น เทียบกับเสียงที่ดังแบบเมื่อก่อน วันนี้ถูกติดตั้งท่อเก็บเสียง เบากระทั่งน้อยคนนักที่จะได้ยินมัน
เสียงกระจกด้านหลังออฟโรดคันกลางแตกกระจาย ลี่โม่อวี่ส่องผ่านกล้องดูสถานการณ์อีกรอบ จากนั้นไม่ลังเลรีบเก็บของเข้ากระเป๋า อาศัยเส้นทางที่จัดเตรียมไว้แล้วในการกลับออกไป
ทว่าบนถนนตอนนี้กำลังชุลมุน เหล่าหวงคนขับรถได้ยินเสียงกระจกแตกกระจายก่อน จากนั้นเขารีบเบรกรถ แล้วหันกลับไปมองด้านหลัง แต่สิ่งที่เขาเห็นกลับเป็นภาพผู้นำตระกูลหลี่นอนหงายอยู่ หน้าผากมีหลุมขนาดเท่าไข่ไก่อยู่ ดวงตาเบิกโพลง
รถสองคันหน้าหลังมีชายชุดดำร่างใหญ่วิ่งลงมา แต่เมื่อเห็นภาพนั้นแล้ว พวกเขามองหน้ากันไร้ซึ่งคำพูด ท่านผู้นำตายแล้ว ไปจับมือปืนตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว และพวกเขาเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากระสุนมาจากทิศทางไหน
รถบนถนนก็หยุดลงเพราะเกิดเหตุในครั้งนี้ ผู้คนเริ่มหวาดกลัว
หากรู้ว่าที่นี่คือตี้ตู มีคนกล้าลอบสังหารกันที่นี่ นี่เป็นเรื่องละเอียดอ่อนนี่เป็นการดูถูกเขตทหารเลยก็ว่าได้ และเรื่องนี้ผู้นำทหารต่างก็สนับสนุนอยู่เบื้องหลังมาตั้งแต่ต้นจนจบ
เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายที่ไม่จำเป็น โดยมีเหล่าหวงเป็นคนตัดสินใจ รถทั้งสามคันกลับไปยังบ้านตระกูลหลี่ เมื่อกลับไปแล้วประตูบ้านตระกูลหลี่ก็ถูกปิดสนิท ผู้คนต่างก็ไม่รู้ว่าด้านในนั้นเกิดอะไรขึ้น
และเรื่องการลอบสังหารในครั้งนี้ กลับไม่มีสื่อไหนรายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย
คนที่เข้าใจต่างก็รู้ว่านี่เป็นสงครามของระดับสูง จึงไม่มีใครสืบสาวต่อ และฝั่งตำรวจก็เรียนรู้จากทหาร ยังไงซะเรื่องนี้ไม่นานคนก็ปล่อยผ่านไปแล้ว
และตัวการของเรื่องนี้ได้หนีไปตั้งนานแล้ว ตอนนี้ลี่โม่อวี่กำลังอุ้มหลงจิ่นเซวียน มีอีกข้างจูงมือฉินอีหลิน โผล่อยู่ที่บ้านตระกูลซือ
ซือเซี่ยจัดงานเลี้ยงฉลอง เขาบอกว่ากำลังฉลองให้การตายของหลี่ยี่เฟิง ตอนนั้นเองลี่โม่อวี่ทำเพียงยิ้ม นี่เป็นความลับระหว่างพวกเขา
งานเลี้ยงถูกจัดยิ่งใหญ่ ผู้นำคนสำคัญของเมืองตี้ตูต่างก็มาโผล่กันที่นี่ เมื่อลี่โม่อวี่จูงมือฉินอีหลินและอุ้มหลงจิ่นเซวียนออกมา สายตาของทุกคนก็มารวมที่เขาอย่างไม่ต้องสงสัย
แม้ใบหน้าของฉินอีหลินจะไม่มีอารมณ์ใดๆ แต่สิ่งที่ได้มาโดยกำเนิดของเธอก็ต้องทำให้หญิงสาวเหล่านั้นต้องตะลึง และหลงจิ่นเซวียนที่แต่งตัวเป็นเจ้าหญิงก็น่ารักเป็นพิเศษ
“แม่บุญธรรมอุ้ม” หลงจิ่นเซวียนมองไปที่ซือเอ๋อและยื่นสองแขนเล็กไปหา ตั้งแต่ฉินอีหลินเป็นแบบนี้ ก็ไม่เคยอุ้มเธอเลยสักครั้ง
“ได้…แม่บุญธรรมจะอุ้มหนู” ซือเอ๋ออุ้มเด็กน้อยขึ้นมาใบหน้าเต็มไปด้วยความเอ็นดู จากนั้นคุยกับเด็กน้อย
ซือเซี่ยและลี่โม่อวี่มองหน้ากันยิ้มๆ จากนั้นทั้งหมดก็เดินแยกมานั่งด้วยกันที่เงียบๆ
“ยาต้านไวรัสของอีหลินใกล้วิจัยสำเร็จแล้วเหรอ” ซือเซี่ยถาม
“อืม ใช้เวลาอีกไม่กี่วัน อีหลินและหมิงเจ๋อก็จะกลับมาเป็นปกติแล้ว” ลี่โม่อวี่เผยความดีใจออกมา
ซือเอ๋อที่อยู่ด้านข้างได้ยินดังนั้นก็ดีใจขึ้นมา ตอนนั้นเองร่างคุ้นเคยก็เดินมาทางนี้ คนนั้นคือชิงเสวียนนั่นเอง
ชิงเสวียนมองเห็นไอดอลของเขามาแต่ไกล เรื่องการลอบสังหารกลางถนนนั้นเขาเป็นคนจัดการ ตอนที่เขาเห็นสภาพของหลี่ยี่เฟิงแล้ว ความนับถือต่อลี่โม่อวี่ยิ่งสูงขึ้นไปจนสุด
“เอ่อ…ผมขออะไรคุณอย่างหนึ่งได้ไหมครับ” ชิงเสวียนเอ่ยถามติดๆขัดๆ
“ว่ามาสิ แค่ผมทำได้” ลี่โม่อวี่เต็มใจ เพราะเขารู้ตั้งแต่วันที่ได้เจอชิงเสวียนแล้วว่าคนที่ส่งข่าวให้เขานั้นก็คือเขา แต่ก็ไม่ได้ย้ำถึงมัน
“คุณรับผมเป็นลูกศิษย์ได้ไหมครับ” ชิงเสวียนเผยดวงตาจริงใจออกมา
“พรวด” ซือเซี่ยกำลังดื่มชา หลังจากได้ยินแล้วเขาก็พ่นมันออกมา จากนั้นรีบเช็ดปาก พูดกับชิงเสวียน “ผมว่าคุณก็เป็นหัวหน้าใหญ่แล้วนะ คุณมาขอเขาเป็นอาจารย์เหรอ” ซือเซี่ยมีสีหน้ายากที่จะเชื่อ
ชิงเสวียนเกาหัวท่าทางเขินอาย แต่เมื่อนึกถึงฝีมือการยิงปืนของลี่โม่อวี่แล้ว คนที่หลงรักในการยิงปืนแบบเขาอดไม่ได้ที่จะอิจฉา
ลี่โม่อวี่ท่าทางไม่ใส่ใจ บอกกับชิงเสวียน “เป็นลูกศิษย์ผมก็ได้ แต่คุณเป็นได้แค่ศิษย์รองนะ เพราะก่อนหน้านี้ผมก็รับลูกศิษย์มาแล้วหนึ่งคน เป็นศิษย์พี่ของคุณ”
ศิษย์พี่ที่ลี่โม่อวี่กล่าวถึงคือลูกชายของหยางเฟิง เมื่อชิงเสวียนได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าดีใจ จากนั้นรินเหล้าให้ลี่โม่อวี่ ไม่เอะใจเลยสักนิดว่าศิษย์พี่ของตัวเองเป็นใคร
ซือเซี่ยเห็นท่าทางลำพองใจของลี่โม่อวี่ แสดงสี่หน้าไม่มั่นใจ แต่ก็ไม่พูดอะไร ยังไงซะความสามารถของอีกฝ่ายก็ประจักษ์ให้เห็นชัดอยู่แล้ว
ชิงเสวียนเองก็เข้าร่วมวงสนทนาด้วย ชายหนุ่มทั้งสามนั่งอยู่ด้วยกัน ฉินอีหลินก็นั่งเงียบอยู่ข้างลี่โม่อวี่ ซือเอ๋อไม่รู้ว่าอุ้มหลงจิ่นเซวียนไปไหนแล้ว
ตอนนั้นเอง ก็มีอีกคนที่มุ่งหน้ามาทางนี้ มองร่างที่คุ้นตา เธอก็คือหลี่จื๋อนั่นเอง
ตั้งแต่ลี่จิ่งถูกจับกุม หลี่ถิงก็เกลี้ยกล่อมลูกสาวให้ยอมแพ้เถอะ ไม่ต้องช่วยเขาแล้วแต่หลี่จื๋อก็ยังไม่ยอมแพ้ ยังคงสืบข่าวของลี่โม่อวี่
มือเธอถือแก้วไวน์เอาไว้ เดินมาหยุดอยู่ข้างๆกลุ่มของลี่โม่อวี่ ทว่าลี่โม่อวี่กลับไม่ใส่ใจเธอ กระทั่งซือเซี่ยและชิงเสวียนเองก็ไม่ชายตามองเธอสักนิด นี่ทำให้คนที่มั่นใจในรูปร่างของตัวเองกระอักกระอ่วนขึ้นมา จากนั้นกลายเป็นความอิจฉา
เธอมองเห็นลี่โม่อวี่กุมมือของฉินอีหลินเอาไว้แน่น ทั้งสองสิบนิ้วประสาน และฉินอีหลินก็ไม่สนในกับการปรากฏตัวของเธอ
หลี่จื๋อโมโหขึ้นมา สาดแก้วไวน์ในมือใส่ร่างฉินอีหลินเต็ม เห็นว่าฉินอีหลินยังคงไม่สนใจ หลี่จื๋อจึงเย้ยหยัน “ยัยโง่” พูดจบก็หมุนตัวเตรียมเดินหนีไป
ในขณะที่หมุนตัวกลับ ก็ต้องเจอกับสายตาน่ากลัวของลี่โม่อวี่ หลี่จื๋อตัวสั่นอย่างห้ามไม่ได้ พึ่งเข้าใจว่าตัวเองใจร้อนเกินไป
แต่ไม่รอให้เธอได้ตอบโต้ พลันรู้สึกเจ็บเข้าที่ท้องน้อย ลอยขึ้นมา
หมัดกระแทกเข้าที่ท้องน้อยของเธอ เธอโดนต่อยจนปลิวไปเกือบห้าเมตรได้ เมื่อล้มกระแทกพื้นก็สลบไม่ตื่นขึ้นมา ซือเซี่ยมองดูเหตุการณ์ ชีวิตมีสิบก็คงหายไปแล้วแปดถึงเก้าชีวิต
ลี่โม่อวี่เช็ดคราบไวน์บนตัวฉินอีหลิน ไม่หันกลับไปมองหลี่จื๋อที่นอนอยู่บนพื้นแม้แต่น้อย
ซือเซี่ยเห็นแบบนั้นก็อดจะหัวเราะไม่ได้ เบาโบกมือ คนที่ยืนอยู่ด้านข้างรีบวิ่งเข้ามา พาหลี่จื๋อส่งโรงพยาบาล
คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ยังไงซะคนที่เข้าร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ล้วนเป็นเหล่าผู้มีอำนาจท่านผู้ใหญ่ ไม่มีใครสนใจเรื่องวุ่นวาย
ชั่วขณะ หลี่จื๋อก็กลายเป็นเรื่องที่น่าตลกที่สุดในเมืองตี้ตู