ห้าปีต่อมา
ประเทศจีน เมืองเจียงเฉิง
สนามบินที่ใหญ่กว้าง มีคนเดินผ่านไปผ่านมา มีเสียงประกาศแทรกมาด้วย ทุกทิศทุกทางก็เป็นผู้คนที่กำลังจะมุ่งไปที่จุดหมายของตัวเอง
ในสนามบิน มีผู้หญิงร่างบางคนหนึ่งเดินเข้ามา ในมือก็ถือกระเป๋าเดินทางไว้ ดูเหมือนว่าเพิ่งลงมาจากเครื่องบินอย่างนั้น
บนใบหน้าเธอมีแว่นดำที่ปิดบังใบหน้าไว้ครึ่งใบ แต่ว่า ก็ไม่สามารถลดหลั่งความสวยงามของเธอได้เลย แต่กลับทำให้ดูดีขึ้นไปอีก บนตัวเธอใส่เสื้อคลุมสีครีมธรรมดาตัวหนึ่ง ไม่ได้มีเครื่องประดับอะไรเยอะ แต่ก็ให้ความรู้สึกสบายตา แล้วมีความรู้สึกที่มั่นใจเผยออกมาจากข้างในตัวด้วย
คนที่เดินผ่านไปไม่น้อยก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองเธอ เผชิญหน้ากับสายตาของคนพวกนี้ ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้หลบสายตาเลย แต่บนใบหน้ากลับมีรอยยิ้มที่ดูดี แล้วทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ในฤดูใบไม้ผลิ
แต่ว่า พอเดินออกไปข้างนอก มองสำรวจสนามบินที่ใหญ่โตนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นก็ค่อยๆหายไป สีหน้าก็ดูกังวลมากไปกว่าเดิม
ทั้งๆที่เธอมาเมืองเจียงเฉิงครั้งแรก แต่ไม่รู้ว่าทำไมกับทุกสถานที่ที่นี่ เธอกลับรู้สึกคุ้นชินอย่างบอกไม่ถูก จนกระทั่งไม่ต้องถามทางเลยด้วยซ้ำ ก็สามารถตามหาที่ที่เธออยากจะไปได้
“คุณหนูโม่ ทำไมคุณเดินออกมาคนเดียวครับ คนของพวกเราตามหาคุณไปทั่ว”
ในขณะที่โม่โยวกำลังคิด ก็มีเสียงเอ่ยแทรกขึ้นมา
“คุณมาที่นี่ครั้งแรกจริงหรอครับ? สนามบินเมืองเจียงเฉิงเป็นสนามบินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ปกติถ้าคนมาครั้งแรกก็ต้องพึ่งพาแผนที่ไม่ใช่หรอครับ”
โม่โยวส่ายหน้า เธอก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่ว่ารู้สึกถึงความคุ้นชินนั้นจริงๆ
ห้าปีที่แล้ว เธอเกิดอุบัติเหตุจนเธอสูญเสียความทรงจำทั้งหมด เธอถูกช่วยขึ้นมาจากแม่น้ำ สถานการณ์ตอนนั้นของเธอ มีชีวิตรอดมาได้ก็ถือว่ามหัศจรรย์มากแล้ว
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอุบัติเหตุครั้งนั้นหรือเปล่า เธอสูญเสียความจำ บนตัวก็ไม่มีบัตรประชาชนแล้วไม่มีเบาะแสอะไรเลยด้วย
ทีแรกคิดว่าชีวิตอาจจะต้องดำเนินต่อไปอย่างสิ้นหวังแบบนี้ แต่ไม่รู้ว่าสวรรค์กำลังชดเชยให้กับความไม่โชคดีของเธอหรือเปล่า โม่ฉีจื้อที่ช่วยเธอไม่ได้รังเกียจเธอ แต่ให้เงินก้อนไปฟื้นฟูศัลยกรรมใบหน้าให้เธอ
จากนั้น เพื่อที่เธอจะได้กลับไปในสังคมใหม่ ท่านก็ให้หลานท่านดูแลเธอ
ได้รับการปกป้องที่อ่อนโยนจากโม่เทียนยวี๋ เธอค่อยๆหาความมั่นใจกลับมาได้ แล้วเริ่มใช้ชีวิตเหมือนคนปกติ
ไม่นานมานี้ โม่เทียนยวี๋ก็ขอเธอแต่งงาน
ข่าวนี้ ส่วนหนึ่งโม่โยวก็รู้สึกตื้นตันใจ อีกส่วนเธอก็ปฏิเสธไม่ได้
กับผู้มีบุญคุณที่ให้ชีวิตใหม่กับตัวเอง เขาทำแบบนี้ก็ถือว่ามีความเมตตามากแล้ว อีกอย่าง หลานของท่านโม่เทียนยวี๋ก็ดูแลตัวเองอย่างดี ดูเหมือนว่าเธอไม่มีเหตุผลอะไรต้องปฏิเสธเลย
แต่ว่า ไม่รู้ว่าทำไม ตอนที่ตอบตกลง ในใจก็ตอบโต้เล็กน้อย เหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังห้ามเธออย่างนั้น
แต่ว่า ผ่านการคิดพิจารณามาหลายวัน สุดท้ายโม่โยวก็ตอบตกลง
เธอไม่อยากให้ผู้ชายที่เธอให้เกียรติเหมือนคุณพ่อต้องผิดหวัง
นึกถึงผู้ชายที่ช่วยชีวิตเธอขึ้นมาจากนรก แล้วบอกกับเธอว่า อีกหน่อยพวกเขาก็จะเป็นครอบครัวเดียวกันจริงๆ
โม่โยวนึกถึงความใส่ใจดูแลที่โม่เทียนยวี๋มีให้ตัวเอง ก็ปลอบใจตัวเอง ชีวิตที่สงบเรียบง่ายแบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน
ตอนนี้เธอมาที่เมืองเจียงเฉิงก็เพื่อจะมาเตรียมงานแต่งของทั้งสองคน
เมืองเจียงเฉิงเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงแล้วพัฒนามากที่สุด ทั้งยังเป็นที่ที่โม่เทียนยวี๋เติบโตมาด้วย เพราะฉะนั้น โม่เทียนยวี๋บอกว่าจะจัดงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่อลังการที่สุดที่นี่ให้เธอ
โม่โยวก็ไม่ได้สนใจพิธีการอะไรมาก แต่ว่าสามีในอนาคตให้ความสำคัญกับตัวเองขนาดนี้ เธอก็รู้สึกซึ้งใจมาก
“คุณหนูโม่ครับ ไปบริษัทก่อนหรือว่าส่งคุณกลับไปพักผ่อนก่อนดีครับ?”
พนักงานที่มารับ ก็แสดงท่าทางอย่างมีมารยาทต่อโม่โยว
ผู้หญิงคนนี้ ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นแค่พนักงานธรรมดา แต่ว่าก็เป็นคนที่โม่ฉีจื้อให้ความสำคัญมากที่สุด เธอก็ต้องมีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดา คนทั่วไปก็ไม่กล้าขัดใจเธอแน่นอน
“ฉันอยากไปเดินเที่ยวเล่นเอง ไม่รบกวนพวกคุณดีกว่า”
กับเมืองเจียงเฉิง โม่โยวรู้สึกคุ้นชินอย่างบอกไม่ถูก เธอรู้สึกว่าที่นี่เหมือนเป็นที่ที่เธอเคยใช้ชีวิต ไม่งั้นเธอก็จะไม่มีความรู้สึกแบบนี้
เพราะฉะนั้น เธออยากจะไปเดินเล่นคนเดียว อาจจะตามหาความทรงจำอะไรบางอย่างที่เธอสูญเสียกลับมาก็ได้
“ได้ครับ งั้นคุณระวังตัวด้วยนะครับ มีอะไรก็ติดต่อพวกผมได้ตลอด”
เมื่อเห็นว่าโม่โยวยืนยันแบบนั้น พวกเขาก็ไม่ได้ห้ามอะไรอีก ให้กุญแจรถกับเธอเสร็จ ก็ไปจากที่นี่
โม่โยวมองเห็นพวกเขาเดินจากไป ก็ไปตามหารถที่ลานจอดรถ เห็นรถเธอก็ยิ้ม จากนั้นค่อยขึ้นไปบนรถ เปิดแผนที่มองสำรวจสถานที่ในเมืองนี้
ชุดเจ้าสาวที่สั่งตัดเพื่องานแต่งโดยเฉพาะ เธออยากจะไปลองดูสักหน่อย
หยุดความคิดที่ว่าอยากจะไปที่ต่างๆไม่ได้ โม่โยวก็สตาร์ทรถ
ผ่านไปไม่นาน รถของโม่โยวก็แล่นไปถึงจุดหมาย พอเปิดประตูรถลงไป ก็มีคนรออยู่แล้ว เธอพยักหน้ากับพนักงานหญิงที่ยืนต้อนรับอยู่ จากนั้นก็ยื่นกุญแจรถในมือไปให้
ผ่านไปไม่นาน ก็มีคนนำทางเธอเดินเข้าไป “นี่เป็นชุดที่คุณสั่งตัดไว้ค่ะ”
โม่โยวพยักหน้า ถึงแม้เธอจะสูญเสียความจำไป แต่ว่าโม่ฉีจื้อก็ไม่ได้รังเกียจเธอ หลังจากนั้นเธออยากจะหางาน ท่านก็ช่วยหางานเกี่ยวกับด้านออกแบบให้เธอ
ทีแรก โม่โยวแค่อยากจะหางานมาเลี้ยงตัวเอง แต่ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะมีความสามารถด้านนี้
ตอนนี้ งานออกแบบของเธอก็เป็นที่ยอมรับไม่น้อย ก็สมแล้วกับความพยายามของเธอ
ขณะที่กำลังเหม่อ ทันใดนั้น โทรศัพท์เธอก็ดัง พอเปิดดูก็เป็นคุณแม่ของโม่เทียนยวี๋โทรมา
คุณแม่ของโม่เทียนยวี๋ไม่ได้ไปทำธุรกิจกับลูกชายที่ต่างเมือง แต่กลับอยู่พักผ่อนในเมืองนี้ ครั้งนี้จะมาจัดงานแต่งที่เมืองเจียงเฉิง ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะท่านเหมือนกัน
แต่ว่า ท่านไม่ค่อยชอบตัวเองมากนัก เพราะฉะนั้น เธอก็รู้สึกเกร็งตลอด ทีแรกเธออยากจะไปเยี่ยมหลังจากที่มาดูชุดแต่งงานเสร็จ แต่ว่า ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ง่ายเหมือนที่คิดไว้
โม่โยวไม่กล้าให้ท่านรอนาน ก็รีบกดรับทันที “คุณน้า? โทรมามีอะไรหรือเปล่าคะ?”
“ตอนนี้เธออยู่ไหน?” เสียงของผู้หญิงตรงข้าวเยือกเย็นมาก แต่ว่าโม่โยวก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก
กับตัวเอง พานจื้อหลานก็แสดงท่าทางแบบนี้ตลอด
“ตอนนี้หนูกำลังดูชุดแต่งงานอยู่ค่ะ” โม่โยวเอ่ยตอบอย่างระมัดระวัง กลัวว่าจะทำให้ท่านอารมณ์เสีย
“ชุดแต่งงาน? งั้นดีเลย เธอไม่ต้องเสียแรงหรอก ฉันไม่ตกลงให้พวกเธอแต่งงานกัน เธอรีบออกจากที่นั่นแล้วมาเจอฉัน”
โม่โยวเบิกตากว้าง ไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง “คุณน้าคะ คุณน้ากำลังโกรธอะไรหรือเปล่าคะ? หนู……วันแต่งงานของพวกหนูกำหนดไว้แล้วนะคะ……”
“เธอฟังคำพูดของฉันไม่รู้เรื่องหรอ? มาตอนนี้ ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยกับเธอ” พานจื้อหลานเอ่ยพูดอย่างเยือกเย็น ในมือก็จับใบผลตรวจบางอย่างไว้แน่น