ผู้อำนวยการเวิน คุณต้องเป็นพยานให้เรานะ คนของแผนกAทำเกินไปแล้วจริงๆ
เวินหนิงขมวดคิ้ว แผนกA ?
หลังจากได้สอบถามแล้ว เธอก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
แผนกออกแบบของบริษัทตระกูลลู่มีทั้งหมดสี่แผนก ทั้งสี่แผนกนี้จะดูแลรับผิดชอบสินค้าเสื้อผ้าทั้งหมดของบริษัทฯ รวมไปถึงร้านเสื้อที่อยู่ภายใต้การดูแลของสำนักงานใหญ่บริษัทตระกูลลู่และเสื้อสั่งออกแบบสำหรับงานกิจกรรมต่างๆของดาราคนดังด้วย
ทั้งสี่แผนกนี้ยังถูกแบ่งการรับผิดชอบออกเป็นสองแบบคือ กลุ่มที่ดูแลสินค้าระดับไฮเอนด์ และกลุ่มที่ดูแลสินค้าระดับล่าง สำหรับแผนกABนั้นจัดเป็นกลุ่มที่ดูแลสินค้าระดับไฮเอนด์ และด้วยโปรเจคงานที่ต้องรับผิดชอบ ทำให้ทั้งสองแผนกต้องติดต่อประสานงานกันเป็นประจำ
จากที่ได้ฟังดีไซน์เนอร์ในแผนกออกแบบรายงาน ทำให้รู้ว่าดีไซเนอร์ในแผนกAค่อยข้างจะดูถูกดีไซเนอร์อีกสามแผนก รวมแผนกBด้วย
นอกจากโปรเจคงานของแผนกBแล้ว แผนกAก็ไม่เคยสนใจหรือไปยุ่งกับโปรเจคงานของอีกสองแผนกเลย แต่กับแผนกBไม่เหมือนกัน งานในมือส่วนใหญ่ของแผนกB จะถูกแผนกAแย่งไปตลอด
ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ข้างบนมีมอบงานโปรเจคสินค้าใหม่เพื่อจัดแสดงในงานที่จะจัดขึ้นเดือนหน้านี้ และด้วยว่าแผนกAมีโปรเจคในมือหลายงานแล้ว งานนี้เลยตกมาอยู่ในมือของแผนกB
แต่ไม่คิดว่าสุดท้ายก็โดนคนในแผนกAแย่งงานไปอีก
การแข่งขันภายในบริษัทตระกูลลู่นั้นค่อนข้างจะดุเดือด ซึ่งเป็นเรื่องปกติในองค์กรอยู่แล้ว ขอแค่ไม่มีผลกระทมกับงาน โดยปกติแล้วผู้บริหารระดับบนก็จะไม่เข้ามายุ่ง
“ในเมื่องานนี้ได้มอบหมายให้แผนกBแล้ว ทางแผนกAใช้เหตุผลอะไรมาเอาไปได้ล่ะ?” เวินหนิงถาม
พอเจอคำถามนี้เข้า คนในแผนกBก็ต่างมองหน้ากันไปมา โดยไม่มีใครสามารถตอบได้
เธอขมวดคิ้ว คำถามนี้ตอบยากมากเลยเหรอ?
พอถามดีๆถึงได้รู้ว่า ที่แท้ไม่ต้องมีเหตุผลอะไรก็เอาไปได้ ด้วยว่าแผนกออกแบบทั้งหมดของบริษัทฯ แผนกAถือว่าเป็นเหมือนผู้นำฝูง ส่วนอีกสามแผนกเป็นแค่ผู้ตาม
กรณีที่ผู้นำจะเอางานของผู้ตามไปนั้นมันดูเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลอะไรรองรับก็ได้ และนานวันเข้าทั้งสามแผนกก็เคยชินกันไปเสียแล้ว จนไม่เคยมีใครคัดค้าน
เวินหนิงมองคนกลุ่มนี้เหมือนเข้าใจอะไรบางอย่าง เธอหลุบตาลงโดยไม่พูดอะไร ก่อนจะถอนหายใจทีหนึ่ง
ในเมื่อแต่ก่อนแผนกAทำแบบนี้ก็ไม่เห็นมีใครว่าอะไร แต่ครั้งนี้กลับจะไม่ยอมขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าทุกคนอยากให้เธอออกหน้าแทน
แล้วที่ว่าทำไมทุกคนถึงคิดว่าเรื่องที่ผู้อำนวยการคนก่อนทำไม่ได้ แต่เธอจะทำได้นั้นก็คงเพราะพวกเขาเห็นว่าเวินหนิงมีลู่จิ้นยวนเป็นแบ็คให้เธอยู่นั้นเอง
พูดจริงนะ การวางแผนแบบนี้ เธอไม่ชอบเอวซะเลย
แต่ในเมื่อเธอเป็นผู้อำนวยการแผนกBแล้ว จะปล่อยให้งานในแผนกถูกแย่งไปแบบนี้โดยไม่ทำอะไรเลย ก็ดูจะไม่ดีเท่าไหร่
ขณะที่เวินหนิงกำลังหนักใจอยู่นั้น ก็มีแขกไม่ได้รับเชิญคนหนึ่งเดินเข้ามาในแผนกB
“อุ้ย อยู่กันเยอะเลย นี่กำลังประชุมกันอยู่เหรอ?” น้ำเสียงสดใสของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น
เธอมองไปเห็นผู้หญิงที่หน้าตาสะสวยมีเสน่ห์ กอดอกเดินเข้ามา ด้านหลังยังมีดีไซเนอร์ตามมาด้วยอีกสองคน
เวินหนิงพอเดาออกว่าเธอคือใคร ก่อนจะทักขึ้นก่อน: “สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าคุณคือ?”
“ฉันคือผู้อำนวยการแผนกAชื่อหูยวี่ ก่อนหน้านี้ฉันไปร่วมงานบูธดีไซน์ที่ต่างประเทศ พอกลับมาก็ได้ข่าวว่าแผนกBเปลี่ยนผู้อำนวยการคนใหม่แล้ว เลยชวนกันมาทักทาย”
เวินหนิงยิ้มบางเบา: “สวัสดีค่ะ ผู้อำนวยการหู ฉันคือเวินหนิง เป็นผู้อำนวยการคนใหม่ของแผนกBค่ะ”
แผนกAไม่เหมือนอีกสามแผนก ตรงที่อีกสามแผนกนั้นผู้อำนวยการแผนกว่ายังไงก็ว่าตาม แต่แผนกAไม่เหมือนกัน
ถึงแม้ว่าหูยวี่จะเป็นผู้อำนวยการ แต่ดีไซเนอร์ในแผนกAที่มากไปด้วยความสามารถนั้น แต่ละคนเย่อหยิ่งเอาการ
เรื่องใหญ่ๆภายในแผนกต้องอาศัยการโหวตก่อนถึงจะสรุปกันได้ ถ้าเธอจะอาศัยอำนาจในตำแหน่งทำอะไรสักอย่าง ก็คงจะค่อนข้างเป็นไปได้ยาก
ดูแล้วตำแหน่งผู้อำนวยการที่หูยวี่นั่งอยู่นั้น จริงๆแล้วก็แค่เรียกแล้วฟังดูดีเท่านั้นเอง
แต่เธอก็พยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ตำแหน่งนี้มา เพราะว่าการได้เป็นผู้อำนวยการแผนกAนั้น สามารถเข้าห้องทำงานท่านประธานได้กรณีที่มีรายงานการประชุมสำคัญ หรือมีเอกสารสำคัญที่ท่านประธานต้องเซ็นอนุมัติ
หูยวี่อยากได้โอกาสนี้เพื่อจะได้เข้าใกล้ลู่จิ้นยวนมากขึ้น นี่คือเป้าหมายหลักของเธอ
แต่พอเธอกลับมาก็ได้ข่าวว่าแผนกBได้ผู้อำนวยการคนใหม่ที่สวยดั่งดอกไม้งาม ที่สำคัญยังเป็นคนที่ลู่จิ้นยวนหามาด้วย
ท่านประธานลู่ให้ความสำคัญกับเธอมาก ก่อนหน้านี้ยังไล่ผู้บริหารระดับบนออกไปหลายคนก็เพราะเธอ เรื่องราวทั้งหมดเข้าหูของหูยวี่แล้วเป็นเหมือนมีดแหลมทิ่มแทงจนเธอแทบจะทนไม่ได้
หูยวี่สามารถขึ้นมาเป็นผู้อำนวยการแผนกAได้ ย่อมเป็นเพราะความสามารถที่เธอมี กลุ่มคนที่อายุพอๆกับเธอนั้น เธอถือว่ามีคุณสมบัติที่ครบถ้วนที่สุด
จากหลายปีที่เธอเฝ้าสังเกตและทำความเข้าใจลู่จิ้นยวนมานั้น เธอเชื่อว่าเรื่องเล่าลือทั้งหมดนี้คงจะมีการใส่สีตีใข่เพิ่ม ความจริงไม่น่าจะเป็นแบบนั้น แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกไม่ชอบเวินหนิงน้อยลงซะนิด
เธอดูแล้ว ต่อให้เรื่องส่วนใหญ่เป็นแค่เรื่องซุบซิบ แต่ผู้หญิงที่ชื่อเวินหนิงคนนี้กับลู่จิ้นยวนต้องมีอะไรเกี่ยวพันธ์กันแน่ ตรงนี้แหละที่ทำให้เธอยอมไม่ได้
“ผู้อำนวยการเวิน ได้ข่าวว่าในมือคุณมีโปรเจคงานเกี่ยวกับชุดฟอร์มโรงเรียน พอดีฉันไปดูงานต่างประเทศรอบนี้ได้มีโอกาสแวะกลับไปดูโรงเรียนตัวเอง เลยได้ไอเดียดีๆกลับมาหลายอย่าง เพราะฉะนั้นโปรเจคนี้คุณมอบให้แผนกAทำจะดีกว่านะคะ”
โปรเจคชุดฟอร์โรงเรียน ก็คือออกแบบชุดนักเรียน
โปรเจคในมือเวินหนิงนี้ มีทั้งหมดสองโรงเรียน โรงเรียนเอกชนที่หนึ่ง และโรงเรียนรัฐบาลที่หนึ่ง
แต่ทั้งสองโรงเรียนนี้ถือเป็นโรงเรียนชื่อดังที่คนรวยเข้ามาเรียนกัน ที่สำคัญชุดต้องทันสมัยและสวยงาม สวมใส่แล้วดูดีกว่าชุดทั่วไป เพราะชุดฟอร์มโรงเรียนก็ถือว่าเป็นหน้าเป็นตาของทางโรงเรียนด้วย
เวินหนิงยังไม่เคยลองออกแบบชุดฟอร์มโรงเรียนสักที ตอนได้รับมอบหมายงานนี้เธอรู้สึกตื่นเต้นมาก หลายวันมานี้เธอยังคิดออกแบบไม่หยุด โดยไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคนมาแย่งงานนี้กับเธอ
คนอื่นๆในแผนกBต่างมีสีหน้าแปลกใจ ผู้อำนวยการแผนกAมาขอโปรเจคด้วยตัวเองแบบนี้ ใครก็ดูออกว่าจงใจมาวางระเบิด
เวินหนิงเองก็รู้สึกได้ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าทำไมหูยวี่ถึงจงใจทำแบบนี้
เธอยังคงยิ้มเล็กน้อย: “พอดีเลย ความจริงถึงผู้อำนวยการหูไม่มาหาฉัน ฉันก็กะจะไปหาผู้อำนวยการหูที่แผนกAอยู่แล้ว ”
“ฉันได้ข่าวมาว่าเมื่อเช้าคนของแผนกAมาเอาเอกสารโปรเจคของแผนกBไป ไม่ทราบว่าผู้อำนวยการหูพอจะอธิบายหน่อยได้มั้ยว่าแผนกAมีเหตุผลอะไรถึงมาเอาไปคะ?”
หูยวี่: “………”
เธอนิ่งอึ้งไปชั่วขณะก่อนจะรู้สึกโมโหขึ้นมา ไม่คิดว่าเวินหนิงจะกล้าถามหาเหตุผลกับเธอแบบนี้ สำหรับแผนกAแล้ว ขอแค่สนใจจะเอางานโปรเจคไหนก็ได้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
อยู่ๆก็ต้องการให้อธิบายเหตุผลขึ้นมา มันเลยดูแปลกใหม่สำหรับเธอ